เดวิด เบ็คแฮม คือหนึ่งในนักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถเตะฟรีคิกได้ดีที่สุดในโลก แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงนักเตะธรรมดาคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในแถบชานกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ชายผู้นี้ได้สร้างความทรงจำมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวในสนามที่ผู้คนไม่มีวันลืม
ด้วยทักษะการปั่นฟรีคิกอันน่าทึ่งที่เบ็คแฮมทำได้อย่างยอดเยี่ยมราวกับจับวาง เขาแสดงให้ผู้คนได้เห็นมานับครั้งไม่ถ้วน
แต่กว่าที่เบ็คแฮมจะยิงฟรีคิกได้ดีขนาดนี้นั้น เขาต้องซ้อมอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วยสมัยเด็ก เขาฝึกซ้อมปั่นฟรีคิกเป็นประจำกับคุณพ่อ แม้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เตะในบริเวณบ้าน แต่เขาก็ยังแอบมาเล่นในห้องนอนของน้องสาว ด้วยการเตะ "ตุ๊กตาหมี" เป็นการทดแทน
และนี่คือที่มาของ เดวิด เบ็คแฮม กับตำนานฟรีคิกที่โลกไม่มีวันลืม ติดตามกับ Main Stand ได้ที่นี่
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง
6 ตุลาคม 2001 ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือกโซนยุโรป นัดสุดท้าย ทีมชาติอังกฤษ เปิดบ้านพบ กรีซ เกมนี้ทีมสิงโตคำรามขอแค่ผลเสมอก็จะเข้ารอบสุดท้ายที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นทันที
โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ สังเวียนแข่งในเกมนั้นเนืองแน่นไปด้วยคนดูกว่า 7 หมื่นคน สเวน-โกรัน อีริคส์สัน (Sven-Göran Eriksson) เฮดโค้ชทีมชาติอังกฤษ ขนผู้เล่นชั้นนำของอังกฤษมาอย่างล้นทีม เช่น สตีเว่น เจอร์ราร์ด, พอล สโคลส์ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และนำทัพโดย เดวิด เบ็คแฮม
สิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกมจาก ดิ๊ก โยล (Dick Jol) ผู้ตัดสินชาวเนเธอร์แลนด์ ตลอดช่วง 20 นาทีแรก ทีมชาติอังกฤษเป็นฝ่ายโหมเกมบุกเข้าใส่ทีมชาติกรีซอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ไม่อาจเบิกสกอร์แรกได้เสียที
ในทางกลับกัน ทีมชาติกรีซใช้กลยุทธ์เกมรับได้อย่างเหนียวแน่น พวกเขาปิดผู้เล่นอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, หรือแม้แต่ พอล สโคลส์ ได้อย่างอยู่หมัด
นาทีที่ 36 กลยุทธ์รับแล้วรอโต้กลับของกรีซก็เริ่มเป็นผล เมื่อผู้เล่นปีกขวาของกรีซพาบอลไต่ริมเส้นเข้าไปยังกรอบเขตโทษของอังกฤษ แล้วตะบันเท้าซัดเต็มแรงไปติดผู้เล่นกองหลังของอังกฤษ จากนั้นบอลกระเด็นมาเข้าทางของ อันเจลอส ชาริเตอัส (Angelos Charisteas) ได้ซัดเต็มข้อจนลูกบอลพุ่งทะลุมือของ ไนเจล มาร์ติน (Nigel Martyn) นายด่านทีมชาติอังกฤษ เข้าไปซุกอยู่ที่ก้นตาข่ายอย่างสวยงาม
ช่วงต้นเกมของครึ่งหลัง อังกฤษยังไม่มีท่าทีว่าจะได้ประตูตีไข่แตกเสียที อีริคส์สันจึงต้องทำอะไรสักอย่าง เขาเปลี่ยน เท็ดดี้ เชอริงแฮม (Teddy Sheringham) แทนที่ของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ในนาทีที่ 67 ซึ่งเป็นจังหวะที่อังกฤษได้ฟรีคิกจากนอกกรอบเขตโทษ
เดวิด เบ็คแฮม ปั่นฟรีคิกลูกนั้นเข้าไปที่หัวของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม โหม่งตามตีเสมอ 1-1 ได้ในนาทีที่ 68 หรือเพียง 15 วินาที ที่เชอริงแฮมลงสนามเท่านั้น
แต่อังกฤษก็ดีใจได้ไม่นาน ทีมชาติกรีซขึ้นนำ 2-1 ได้อีกครั้งจาก เดมิส นิโคไลดิส (Demis Nikolaidis) ในนาทีที่ 69
ทีมชาติอังกฤษพยายามโหมบุกเข้าใส่อย่างหนักยิ่งขึ้น เพราะถ้าแพ้ในเกมนี้พวกเขาจะต้องไปเตะรอบเพลย์ออฟกับ ยูเครน แต่ก็ทำได้เพียงหวิดประตูซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้น
วินาทีนั้นแฟนบอลอังกฤษต่างมีสีหน้าผิดหวัง เพราะเมื่อจ้องมองมาที่สนาม พวกเขาเห็นนักเตะระดับโลกวิ่งไปวิ่งมาบนสนามแต่กลับทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น จนเริ่มมีแฟนบอลบางกลุ่มเดินออกนอกสนามด้วยความไม่พอใจ
เกมดำเนินมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ผู้เล่นทุกคนต่างโหมบุกเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต จนกระทั่งอังกฤษได้ฟรีคิกสำคัญในนาทีที่ 90+3 และบุคคลที่รับหน้าที่สังหารฟรีคิกลูกนี้คือ เดวิด เบ็คแฮม
สายตานับหมื่น ๆ คู่ล้วนมองมาที่เขาคนเดียว แฟนบอลกรีซต่างภาวนาให้เขายิงไม่เข้า ส่วนแฟนบอลอังกฤษก็ทำได้เพียงขอพรจากพระเจ้าให้ช่วยพวกเขา
เบ็คแฮมรู้ดีว่าฟรีคิกลูกนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน หากยิงไม่เข้าก็อาจเป็นจังหวะสุดท้ายของเกมที่พวกเขาจะพลาดตั๋วสำคัญไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายก็เป็นได้ และเขาจะกลายเป็นแพะรับบาป "อีกครั้ง"
ความคาดหวังและความกดดันถาโถมเข้ามาที่เบ็คแฮมเพียงคนเดียว แต่คล้ายว่าปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง เบ็คแฮมทำได้ เขาปั่นฟรีคิกเข้าไปอย่างสวยงาม ส่งให้ทีมชาติอังกฤษทะลุเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2002 ทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข
และการแข่งขันในวันนั้นก็กลายเป็นเกมที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอีกเกมหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยเบ็คแฮมให้สัมภาษณ์ว่า
"มันช่างเป็นช่วงเวลาที่พิเศษ การได้เป็นตัวแทนทีมชาติ ได้เป็นกัปตันทีมชาติของผม และการทำประตูที่มีความหมายต่อประเทศของเรา ทุกอย่างที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สำหรับผมมันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปกว่านี้อีกแล้ว"
เคล็ดลับจากการเตะตุ๊กตาหมี
เดวิด เบ็คแฮม คือหนึ่งในนักเตะที่ปั่นฟรีคิกได้ดีที่สุดในโลกของยุค 1990s ต่อ 2000s หลายครั้งลูกเตะของเขามักช่วยให้ทีมมีผลงานที่น่าพอใจ แม้ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขาจะฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่เขาได้ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับว่าอยู่ที่การฝึกซ้อมในสมัยเด็ก
"พ่อมักฝึกให้ผมยิงฟรีคิกอยู่บ่อย ๆ เมื่อกลับจากทำงาน พ่อจะทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าประตูแล้วให้ผมยิงฟรีคิก เราทำแบบนั้นเป็นประจำจนผู้คนคิดว่าเราบ้า"
เดวิด เอ็ดเวิร์ด อลัน "เท็ด" เบ็คแฮม (David Edward Alan "Ted" Beckham) คือพ่อผู้คอยสนับสนุนให้เบ็คแฮมฝึกฟุตบอลเป็นประจำจนเป็นนิสัย เขารู้ดีว่าบุตรชายชื่นชอบฟุตบอลมากขนาดไหน แม้ว่าโดยส่วนตัวเท็ดจะไม่ได้มีทักษะด้านฟุตบอลมากนัก แต่เขาจะเฝ้าหาคลิปวิดีโอของนักเตะระดับโลกมาให้บุตรชายได้ศึกษาอยู่เป็นประจำ
พวกเขามักจะฝึกซ้อมฟุตบอลทุกที่เท่าที่ทำได้ ไม่ว่าจะบริเวณสวนหน้าบ้าน สวนสาธารณะ หรือแม้แต่ในบริเวณบ้าน เท็ด เบ็คแฮม จึงเปรียบได้กับครูคนแรกที่สอนให้เดวิดรู้จักการเล่นฟุตบอล
แต่เดวิดชื่นชอบการปั่นฟรีคิกเป็นพิเศษ ซึ่งเขาจะทำมันอย่างบ้าคลั่ง และในสมัยเด็กเขาเคยใช้ห้องนอนของน้องสาวเพื่อฝึกเตะฟรีคิกด้วย
"ตอนเด็ก ๆ ผมไม่ค่อยได้รับอนุญาตให้เล่นฟุตบอลในบ้านมากนัก ดังนั้นผมจึงฝึกโดยการเตะตุ๊กตาหมี (Care Bears) ในห้องนอนของน้องสาว … แม่ของผมคิดว่ามันตลก แต่เพื่อให้พวกเขาได้เห็น ผมจึงแสดงให้เห็นว่าผมรักฟุตบอลมากแค่ไหน" เดวิด เบ็คแฮม กล่าว
ตำนานฟรีคิกโลกไม่ลืม
การฝึกซ้อมทุกวันจนเป็นนิสัยทำให้เบ็คแฮมก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะชุดประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน จากการเป็นสมาชิก "Class of '92" ที่สามารถคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ปี 1992 ได้สำเร็จ
เบ็คแฮมทำประตูจากการยิงฟรีคิกได้ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 1996 ในเกมพรีเมียร์ลีกกับ เซาธ์แฮมป์ตัน และลูกสุดท้ายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2003 ในเกมพรีเมียร์ลีกกับ เอฟเวอร์ตัน รวมทั้งหมด 18 ลูก คือจำนวนที่เขายิงฟรีคิกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตลอดจำนวน 265 นัดที่ลงเล่นให้กับทีม
เบ็คแฮมคือหนึ่งในนักเตะแห่งความทรงจำของชาวปีศาจแดง โดยเฉพาะฤดูกาล 1996–97 ที่เขายิงไกลจากเส้นแบ่งครึ่งสนามระยะ 57 หลา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1996 ใส่ วิมเบิลดัน จนมีส่วนให้ทีมชนะ 2-0 ตั้งแต่นัดแรกที่เปิดสนามพรีเมียร์ลีก ก่อนจะกลายเป็นตำนาน "หมายเลข 7" ในเวลาต่อมา
แน่นอนว่าการเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเวทีแรกสำหรับการแสดงความสามารถอันน่าทึ่งให้โลกเห็น และก็อย่างที่รู้กันว่าหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นนักเตะระดับตำนานของทั้ง เรอัล มาดริด, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เอซี มิลาน รวมถึง แอลเอ แกแล็กซี่
เช่นเดียวกับการรับใช้ทีมชาติอังกฤษยาวนานถึง 115 นัด มีสถิติเป็นรองเพียง ปีเตอร์ ชิลตัน (Peter Shilton) และ เวย์น รูนี่ย์ (Wayne Rooney) เท่านั้น
กระนั้นสิ่งที่ผู้คนจดจำเกี่ยวกับ เดวิด เบ็คแฮม ได้ดีที่สุดก็คือทักษะการปั่นฟรีคิกที่ยอดเยี่ยม จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้ปั่นฟรีคิกได้ดีที่สุดในโลก
เขายิงประตูจากฟรีคิกได้มากถึง 65 ลูก (ทุกรายการรวมกัน) โดยมีสถิติเป็นรองเพียง โรนัลดินโญ่ (66 ลูก), วิคเตอร์ เลโกรทากลี (66 ลูก), เปเล่ (70 ลูก), จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ (77 ลูก) ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาจากจำนวนการยิงฟรีคิกที่เบ็คแฮมทำได้ เราอาจสงสัยว่าประตูไหนสำคัญที่สุด แน่นอนว่าทุกประตูล้วนสำคัญ แต่ประตูที่ถูกพูดถึงมากที่สุดกลับเป็นเกมในวันที่ 6 ตุลาคม 2001 นัดที่ ทีมชาติอังกฤษ พบกับ ทีมชาติกรีซ ซึ่งได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
โดยในเกมนั้นเบ็คแฮมออกมายอมรับว่า
"มันเหมือนเป็นเกมไถ่บาปให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมพบอาร์เจนตินาในฟุตบอลโลกปี 1998 (นัดนั้นเบ็คแฮมถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม) ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าแฟน ๆ อังกฤษเกลียดผม ประตูนั้นปลดล็อกทุกอย่าง ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ ในอาชีพนักฟุตบอลของผม"
อย่างไรก็ดี แม้ว่า เดวิด เบ็คแฮม จะแขวนสตั๊ดไปนานแล้ว แต่ตลอดหลายปีที่เขาเล่นอยู่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขา ไม่ใช่เพียงการปั่นฟรีคิกหรือทักษะอันยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่หมายถึงชีวิตทั้งชีวิตของนักฟุตบอลคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากคนธรรมดาสู่นักเตะซูเปอร์สตาร์ที่โลกไม่มีวันลืม
เดวิด เบ็คแฮม สอนให้เรารู้ว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้หากเรามีความพยายามมากพอ
แหล่งอ้างอิง
https://www.chrisoleary.com/projects/soccer/essays/freekickmechanics_davidbeckham.html
https://www.90min.com/posts/how-many-premier-league-free-kicks-did-david-beckham-score
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-2478823/The-secret-Beckhams-free-kick-success-Kicking-Care-Bears-sisters-room.html
https://www.republicworld.com/sports-news/football-news/david-beckhams-iconic-goal-vs-greece-to-send-england-to-2002-world-cup-completes-20-years.html