แฟนบอลชาวไทยจะได้ชมฟุตบอลระดับทวีปเอเชีย เมื่อประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกลูกหนังเอเชียน คัพ รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบสุดท้าย ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคมนี้ แทนที่ของ บาห์เรน ที่ถอนตัวไป
ทีมชุดนี้ถือเป็นผู้เล่นสายเลือดและความหวังใหม่ เพื่อต่อยอดก้าวขึ้นไปเป็นกำลังหลักของทีม “ช้างศึก” ในอนาคต
แล้วทีมชุดนี้มีโอกาสคว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี สมัยที่ 3 หรือไม่ ไปติดตามกับ BallThaiStand
ที่มาของฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย U17
การจัดศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เริ่มจัดการแข่งขันเมื่อปี ค.ศ.1985 ที่กาตาร์ โดยเริ่มต้นจะจัดการแข่งขันแบบปีต่อปี จากนั้นปี ค.ศ.1986 ได้เปลี่ยนมาจัดทุก 2 ปีแทน อย่างไรก็ตามในปี ค.ศ.2008 ได้มีการเปลี่ยนชื่อกลับไปใช้รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี
ต่อมาสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ “AFC” ได้ปรับเปลี่ยนการแข่งขันจากอายุไม่เกิน 16 ปี กลับไปเป็นอายุไม่เกิน 17 ปี อีกครั้ง ล่าสุดปี 2021 ทาง AFC ได้เปลี่ยนชื่อและอัตลักษณ์การแข่งขันลูกหนังทุกรายการมาใช้คำว่า เอเชียน คัพ แทนที่ แชมเปียนส์ชิพ
ในอดีตประเทศไทย เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมาแล้ว 3 ครั้ง ในปี ค.ศ.1988, 1996 และ 2014
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่ AFC เลือกประเทศไทย เป็นสังเวียนแข้งให้เจ้าหนูฝีเท้าฉกาจของทวีปเอเชียได้ปล่อยของเต็มที่ เพื่อลุ้นตั๋ว 4 ใบไปลุยฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ต่อไป
ผลงานทีมไทยไม่ธรรมดาเคยคว้าแชมป์มาแล้ว
ส่วนผลงานที่ดีที่สุดของทีมชาติไทย คือการคว้าแชมป์ เมื่อปี ค.ศ. 1998 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ หลังเอาชนะเจ้าภาพ กาตาร์ ด้วยการยิงลูกจุดโทษสกอร์รวม 4-3 หลังเสมอในเวลา 120 นาที 1-1 พร้อมคว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่นิวซีแลนด์ ปี ค.ศ. 1999 ถือเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันหลังจากเคยไปโม่แข้ง ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1997 ที่ดินแดนมัมมี ประเทศอียิปต์
นั่นคือ 2 ครั้งสุดท้ายที่ทีมชาติไทยในระดับเยาวชนได้โอกาสไปโชว์ฝีเท้าบนเวทีระดับโลก แต่อย่างน้อยความล้มเหลวในระดับโลก ช่วยเสริมกระดูกให้นักเตะฝีเท้าแก่กล้า สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักและเป็นตำนานนักเตะทีมชาติไทยจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ตอนนั้นยังใช้ชื่อ โกสินทร์
รวมไปถึง สุธี สุขสมกิจ, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และ ธีรเทพ วิโนทัย ที่ติดทีมชาติไทย เป็นครั้งแรกด้วยวัยเพียง 14 ปี ครั้งนี้ถือเป็นหนที่สามที่นักเตะเยาวชนทีมชาติไทย ลุ้นคัมแบ็คสู่เวทีโลก หลังจากที่ไม่ได้ไปมา 20 ปี
พิภพ อ่อนโม้ อดีตดาวยิงตำนานไทยลีก ผู้กุมชะตา ช้างศึก
หลายคนอาจไม่ทราบว่า “เจ้าชายกบ” พิภพ อ่อนโม้ คือหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติไทย รุ่นอายุไมเกิน 17 ปี ชุดคว้าแชมป์เอเชีย ที่กาตาร์ เมื่อปี ค.ศ.1998
ผลงานในอดีตดาวยิงทีมชาติไทย และ ชลบุรี ไม่มีใครสงสัยในเรื่องฝีเท้า นี่คือนักเตะไทยคนแรกที่ยิงประตูครบ 100 ประตูในไทยลีก
ตลอดเส้นทางการค้าแข้งแทบไม่มีข่าวเสียหาย เป็นนักเตะที่ฝีเท้าดี วินัยนอกสนาม การดูแลตัวเองถือว่ายอดเยี่ยม สามารถเป็นต้นแบบนักเตะรุ่นหลังได้เดินรอยตาม หลังแขวนสตั๊ด โค้ชพิภพ เดินหน้าอบรมโค้ช ปัจจุบันมีดีกรีเป็นโค้ชระดับ เอไลเซนส์
โค้ชพิภพ ได้รับโอกาสจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เข้าคุมทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ต่อจาก ซัลบาดอร์ บาเรโล การ์เซีย กุนซือหนุ่มจาก เอคโคโน ที่ถูกเลื่อนไปคุมทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019
ผลงานทีมชาติไทย U17 ก่อนผ่านเข้ารอบสุดท้าย ถือว่าทุกลักทุเลพอสมควร เพราะจบรอบคัดเลือกด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม F หลังโดน เวียดนาม อัดไป 3-0 ทำให้ทัพ ดาวทอง คว้าแชมป์กลุ่ม
แต่ ไทย มีคะแนนและประตูได้เสียดีพอที่ติดเป็น 1ใน 6 ทีมอันดับ 2 ที่ผลงานดีที่สุด ผ่านเข้ารอบสุดท้ายสำเร็จ
หลังจบทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว โค้ชพิภพ ได้เห็นจุดอ่อนของทีม จากนั้นได้เก็บตัวฝึกซ้อมกันมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากสมาคมฯ ยังมีผลิตภัณฑ์ของ ช้าง คอยให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อหวังให้ ไทย โชว์ฟอร์มดีและคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลกให้ได้
“การที่เราเข้ารอบแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดี การแข่งขันครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่าเราพลาดตรงไหน เราก็ต้องนำมาปรับปรุง”
“ส่วนข้อดีก็รักษาเอาไว้ หลังจากนี้เราก็ต้องพัฒนาต่อ เพราะในระดับเอเชียมันไม่ง่ายเลย" โค้ชพิภพ เผย
ดาวเด่นที่น่าจับตามอง
ทีมชาติไทย ไม่เคยขาดกองหน้าฝีเท้าดี โดยเฉพาะระดับเยาวชน รุ่นพี่หลายๆ คน สามารถแจ้งเกิดในระดับเยาวชน ก่อนไต่เต้าก้าวไปเป็นตัวหลักของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น สุธี สุขสมกิจ, ธีรเทพ วิโนทัย หรือล่าสุดคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา
ทีมชุดนี้มี “ต้น” ต้นตะวัน ปุนทะมุณี กองหน้าตัวเก่ง ซึ่งเป็นผลผลิตจาก ชลบุรี อคาเดมี ส่งเข้าประกวด
ต้นตะวัน เป็นกองหน้าที่เข้าฮอร์สจบสกอร์ได้ดี สามารถเก็บบอลและเล่นร่วมกับเพื่อนได้เยี่ยม ฟอร์มการเล่นถือว่าร้อนแรง ยิงไป 3 ประตูในรอบคัดเลือก
กลายเป็นดาวซัลโวและหนึ่งในความหวังในการทำประตู เพื่อล่าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ของทีม ช้างศึก U17
โอกาสไปเล่นรอบสุดท้าย
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย เอเชียน คัพ รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบสุดท้ายครั้งนี้จะเอา 4 ทีม เป็นตัวแทนทวีปเอเชีย เข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ซึ่งจะมีการหาเจ้าภาพจัดการแข่งขันภายหลัง เนื่องจาก เปรู โดน ฟีฟ่า ถอนสิทธิ์จากการเป็นเจ้าภาพเนื่องจากไม่สามารถปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ ฟีฟ่า กำหนดได้
เส้นทางการผ่านไปเล่นฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี สมัยที่ 3 ของทีมชาติไทย U17 ถือว่าเปิดกว้างมาก เพราะในรอบแบ่งกลุ่มอยู่ในสายไม่แกร่งนัก ร่วมกับ เยเมน, มาเลเซีย และ สปป.ลาว เมื่อวัดกันตามดีกรีและผลงานในอดีตถือว่า ไทย ดูดีกว่าไม่น้อย โดยเฉพาะ 2 เพื่อนบ้านในย่านอาเซียน
แต่ด่านหินของ ไทย คงหนีไม่พ้นในรอบน็อคเอาท์ ที่มีโอกาสไขว้ไปเจอทีมในกลุ่ม B ซึ่งมีทีมแกร่งของทวีปเอเชีย อย่าง เกาหลีใต้ เจ้าของแชมป์เอเชีย 2 สมัย รวมถึง อิหร่าน และ กาตาร์
อย่างไรก็ตาม โค้ชพิภพ พยายามกระตุ้นให้ลูกทีมไม่ประมาท โดยเฉพาะในรอบแรกที่เจอคู่ต่อสู้ไม่แกร่งมากก็ตาม
“เราจับสลากได้อยู่กลุ่มนี้ก็ถือเป็นกลุ่มที่มีความสามารถ ทุกทีมต่างเป็นทีมที่ดีทั้งนั้น ทั้งมาเลเซีย และ สปป.ลาว ก็เป็นทีมที่ดี เราจะประมาทไม่ได้ และต้องทำเต็มที่"
"แต่ละทีมเข้ามาในรอบนี้ต่างก็มีความสามารถ ตั้งแต่ผมเล่นฟุตบอล มันมีความกดดันเข้ามาตั้งแต่สมัยเป็นผู้เล่น”
“ตอนนี้เป็นโค้ชก็มีภาระรับผิดชอบหนักขึ้น ก็จะทำให้ได้และทำให้ดีที่สุด" โค้ชพิภพ กล่าวปิดท้ายด้วยความมุ่งมั่น
หากจะฝันถึงการไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย นี่คือบันไดขั้นแรกให้เดินก่อนขึ้นไปถึงจุดหมาย อย่างน้อยการเล่นในบ้าน ไทย คงได้เปรียบคู่แข่งเรื่องสภาพแวดล้อม เสียงเชียร์ที่เชียร์ไม่เลิกจากผู้เล่นหมายเลข 12
แฟนบอลไทยคอเดียวกัน มาร่วมลุ้นและเชียร์ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ลุ้นคว้าตั๋วไปเล่นฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เป็นสมัยที่ 3 ให้ได้
ฝันให้ไกล ต้องไปให้ถึง…
อ้างอิง
https://m.facebook.com/FootballAssociationOfThailand/photos/a.1657418857856582/2699554103643047/?type=3