Feature

โจนาธาร เข็มดี วัยรุ่นทรงแบด หัวใจยกให้ช้างศึก | Ball Thai Stand

ในยุคที่ฟุตบอลทีมชาติไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการถ่ายเลือดใหม่หนึ่งในนักเตะที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเสาเอกในอนาคตเชื่อว่าต้องมีชื่อของ โจนาธาร เข็มดี กองหลังลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก ติดโผอยู่ แน่นอน 


ภาพดาวเตะทรงอย่างแบดโชว์ความดุดันไม่เกรงใจใครพร้อมบวกกับคู่แข่งในฟุตบอลอุ่นเครื่อง โดฮา คัพ ที่กาตาร์ ยังติดตาแฟนบอลไทยไม่หาย 

แล้วตัวตนที่แท้จริงของ โจนาธาร เข็มดี เป็นแบบไหน ติดตามกับ BallThaiStand 

 


แข้งโนเนมแจ้งเกิดกับทีมชาติไทย U23


โจนาธาร เข็มดี มีคุณพ่อเป็นชาวเดนมาร์ก และคุณแม่เป็นชาวไทย เขาเกิดที่ประเทศไทย และไปเติบโตที่เดนมาร์ก 

โดย โจนาธาร เป็นกองหลังตามแบบฉบับของนักเตะยุโรป คือ มีรูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายแข็งแกร่ง เข้าปะทะแย่งบอลดุดัน เล่นลูกกลางอากาศได้ดี 

นอกจากนี้ยังเล่นบอลด้วยเท้าดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของกองหลังยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมที่จะก้าวไปเป็นกองหลังชั้นเลิศ ทำให้ โอบี โอเดนเซ สโมสรในเดนมาร์กซูเปอร์ลีก หรือ ลีกสูงสุด คว้า โจนาธาร ไปร่วมทีมเยาวชนตั้งแต่ปี 2017 จากนั้นเขาพยายามพัฒนาฝีเท้าตัวเองจนถูกดันขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ เมื่อปี 2021

แต่เวทีที่ทำให้แฟนบอลไทยรู้จักเขาคงหนีไม่พ้นการมาเล่นให้ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย U23 รอบคัดเลือก ที่มองโกเลีย 

จากนักเตะที่ไม่มีใครสนใจ เขากลายเป็น “เดอะแบก” ในแนวรับของทีมทั้ง 3 นัด ช่วยพาทีมตีตั๋วเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายที่อุซเบกิสถาน ได้แบบฟ้าลิขิต 

ด้วยฟอร์มการเล่นอันแข็งแกร่งแบบนี้แน่นอนว่าโดนใจ มาโน โพลกิง เฮดโค้ชทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เป็นอย่างมากจนถูกเรียกไปติดทัพ ช้างศึก ลุยศึกชิงแชมป์อาเซียน 2020 ที่สิงคโปร์



เรียกได้ว่านี่คือช่วงน้ำขึ้นของชีวิตจริงๆ


แต่สุดท้าย โจนาธาร ต้องถอนตัวออกจากทีมพร้อมลงภาพเดินทางกลับ เดนมาร์ก แบบกะทันหัน เนื่องจากมีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร จนพลาดเดบิวต์ให้ทัพ ช้างศึก

“ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน เจอกันใหม่ปีหน้า” นี่เป็นข้อความที่ โจนาธาร โพสต์ภาพพาสปอร์ตลงในสตอรีอินสตาแกรมส่วนตัว ขณะกำลังเดินทางกลับดินแดนโคนม
 


ซีเกมส์ เปลี่ยนทรงจากแบดไปเป็นทรงอย่างทรุด 


แม้จะพลาดเดบิวต์กับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ แต่เมื่อ โจนาธาร เข็มดี กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขาถูกเรียกตัวไปลุยซีเกมส์ ครั้งที่ 31 บนแผ่นดินเวียดนามทันที

ด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย U23 รอบคัดเลือก ที่มองโกเลีย ทำให้เขาถูกคาดหวังว่าจะเป็นคีย์แมนสำคัญทวงเหรียญทองกลับประเทศไทยอีกครั้ง

แต่ทุกอย่างตรงกันข้าม เมื่อเขาไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงไว้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการขาดเกม ไม่ได้ลงสนามให้กับ โอบี โอเดนเซ นั่นเอง
 
จากนักเตะทรงอย่างแบด กลายเป็นนักเตะทรงอย่างทรุด เมื่อ โจนาธาร กลายเป็นบ่อน้ำมันในแผงหลังของทีม โดยเฉพาะนัดเปิดหัวรอบแบ่งกลุ่ม ที่ ไทย แพ้ มาเลเซีย 1-2 

เกมนั้น ไทย ได้เปรียบด้วยการขึ้นนำ 1-0 แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในนาทีที่ 41 เมื่อ โจนาธาร โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จากจังหวะไปดึงแนวรุก เสือเหลือง ที่กำลังจะหลุดเดี่ยว ซึ่งเขาเป็นตัวสุดท้าย นั่นทำให้เขากลายเป็นแพะรับบาปจากความปราชัยทันที 

แน่นอนว่าเขารู้ตัวเองว่าเป็นต้นเหตุของความพ่ายแพ้ และเสียใจที่ตัดสินใจพลาดจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ 

แน่นอนว่ามันเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตการค้าแข้งของตัวเขาเลยทีเดียว หลังเกม โจนาธาร โพสต์ข้อความขอโทษแฟนบอลไทยว่า 

“มันเป็นความผิดของผมเองที่โดนใบแดงในเกมที่แล้ว แต่ทุกคนมีการทำผิดพลาด และไม่ใช่ความผิดพลาดครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผม”

“ถ้าคุณไม่ทำผิด คุณจะไม่มีวันที่จะพัฒนาและเรียนรู้จากสิ่งนั้น” 

สุดท้าย ทีมชาติไทย และ โจนาธาร ต้องอกหักทำได้เพียงแค่ได้สวมบทพระรอง เมื่อแพ้ให้ เวียดนาม 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศ 

จากนั้น โจนาธาร กลับมาเล่นให้กับทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในศึกชิงแชมป์เอเชีย U23 รอบสุดท้าย ที่อุซเบกิสถาน

แต่การเตรียมทีมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทำให้ ไทย U23 ตกรอบแรกไปตามคาด ส่วนฟอร์มของ โจนาธาร ยังไม่สามารถกลับสู่ร่างทองได้ 



ชีวิตค้าแข้งในต่างแดนไม่รุ่งขอมุ่งบอลไทย


ชีพจรลูกหนังของ โจนาธาร เจอจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อไม่ได้โอกาสลงสนามมากพอให้กับ โอบี โอเดนเซ นั่นทำให้เขาถูกปล่อยตัวให้ เนียสท์เว็ด โบลด์คลับ ทีมในลีกรองของเดนมาร์ก ยืมตัวไปเล่นเมื่อฤดูกาล 2022 เขาได้โอกาสลงสนามไป 14 เกมรวมทุกรายการ สามารถทำได้ 1 แอสซิสต์ 

แต่สุดท้ายมีข่าวช็อคเมื่อเขาได้แยกทางกับ เนียสท์เว็ด โบลด์คลับ รวมไปถึง โอบี โอเดนเซ ต้นสังกัดที่แท้จริงในเวลาต่อมา

หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดนักเตะที่มีอนาคตสดใสถึงถูกยกเลิกสัญญารวดเดียว 2 สโมสร บางคนพุ่งเป้าไปที่นิสัยอันดุดันของ โจนาธาร อาจเป็นจุดแตกหักของเขากับต้นสังกัด 

แต่ โจนาธาร ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับทั้ง 2 สโมสร แต่สาเหตุที่เขาสวมคอนเวิร์สกับทีม เพราะต้องการลงสนามมากขึ้นเท่านั้น 

“ผมต้องการลงสนามมากขึ้น เพื่อพัฒนาฝีเท้าให้ก้าวไปข้างหน้านั่นคือเหตุผลสำคัญ” โจนาธาร กล่าว 



ย้ายซบ ราชบุรี แบบเซอร์ไพรส์ ท่ามกลางกระแสหิวเงิน 


เมื่อกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดทำให้หลายสโมสรต่างยื่นข้อเสนอให้กับ โจนาธาร พิจารณา 

โดยเฉพาะสโมสรจากไทยลีกไม่พลาดที่จะโน้มน้าวใจกองหลังอนาคตไกลรายนี้ไปร่วมทีมในเลก 2 ฤดูกาล 2022/23 

เมื่อกลายเป็นนักเตะเนื้อหอมในตลาดซื้อขายนักเตะทำให้มีข่าวลือตามมาว่าเขาเรียกค่าเหนื่อยแสนแพง เพื่อแลกกับน้ำหมึกในการจรดปากกาเซ็นสัญญา

แต่ โจนาธาร ไม่ได้สนใจกับข่าวลือที่ออกมาเพราะเขาต้องการพิสูจน์ตัวเองและหาโอกาสลงสนามให้ได้มากที่สุด เพื่อพัฒนาฝีเท้าของตัวเอง ทำให้เขาพยายามพิจารณาข้อเสนอต่างๆ อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าทีมที่เลือกจะตอบโจทย์ ไม่ใช่แค่ขายฝันเท่านั้น 

แน่นอนว่าการย้ายกลับมาเล่นในไทยลีก มีหลายคนไม่เห็นด้วย เพราะการได้เล่นในต่างประเทศมาตรฐานต่างๆ ค่อนข้างสูงกว่าไทย หนึ่งในนั้นคือ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เฮดโค้ชที่เคยร่วมงานกันในฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ที่มองโกเลีย 

โจนาธาร เผยว่า “ผมเคารพโค้ชโย่งเหมือนพ่อเขาไม่ต้องการให้ผมย้ายกลับมาเล่นที่ไทย เพราะต้องการให้เล่นในต่างประเทศ อยากให้ผมได้ประสบการณ์ที่ดีในต่างประเทศ”

“แต่เมื่อย้ายมาแล้วเขาก็ให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาแก่ผม ผมดีใจที่มีเขา หากมีปัญหาอะไรผมสามารถโทรหาเขาได้ตลอดเขาดีกับผมมาก”



สุดท้ายกลายเป็น ราชบุรี ที่ได้ตัวปราการหลังรายนี้ไปร่วมทีม 


“มีข้อเสนอจากทีมในยุโรป สแกนดิเนเวีย และไทยเข้ามา มันเป็นการตัดสินใจที่ยาก พอผมได้คุยกับ ราชบุรี พวกเขาต้องการตัวผม 100 % ผมคิดว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของผม”

“ผมดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่ ผมมีความสุขและโค้ชดูแลผมดีมาก”

“ข่าวว่าผมขอค่าจ้างเกือนละ 500,000 บาทต่อเดือนไม่จริง คุณสามารถไปถามประธาน ราชบุรี ได้เลย ถ้าผมต้องการค่าเหนื่อยแพงๆ มีทีมจาก มาเลเซีย ยื่นข้อเสนอมาให้ผมสูงกว่าที่ไทยอีก”

“แต่การที่ผมเลือกมาเล่นไทยลีกเพื่อท้าทายตัวเอง ผมอยากรู้เหมือนกันว่าไทยลีกจะหินแค่ไหน”

 


ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กหัวรุนแรง 


เมื่อได้ลงสนามให้กับ ราชบุรี ในเลก 2 ถือว่า โจนาธาร ปรับตัวกับฟุตบอลไทยได้เร็ว และทำผลงานส่วนตัวได้ดีทีเดียว 

แต่การที่เขามีคาแรกเตอร์ที่ดุดัน โดยเฉพาะในฟุตบอลอุ่นเครื่องโดฮา คัพ ที่กาตาร์ มีหลายจังหวะที่เขาเถียงผู้ตัดสิน เข้าบวกกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ทำให้ดูก้าวร้าวในสายตาคนไทย จนถูกตราหน้าว่าเป็นนักเตะหัวรุนแรง 

แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเล่นเต็มที่ทุกจังหวะ เขาไม่ต้องการให้ทีมพ่ายแพ้ นั่นคือสไตล์ที่เขาทำมันมาตลอดตั้งแต่เล่นฟุตบอลอาชีพ
 
“ผมจริงจังในสนาม ผมต้องการเป็นผู้ชนะ การตะโกนหรือบุคลิคที่แสดงออกในสนามผมว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ เพราะในยุโรปมักจะพูด ด่า กระตุ้นกันเสียงดังแบบนี้เสมอ”

ขณะที่ อิสสระ ศรีทะโร เฮดโค้ชทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี พยายามสะกิด โจนาธาร ให้มีความสุขุมมากยิ่งขึ้น แต่ไม่เคยให้ลดแพสชั่นที่ดุดัน

“หากนักเตะเล่นในกติกาผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสะกัด การเข้าปะทะ การกดดันผู้ตัดสินหรือคู่ต่อสู้เป็นเรื่องปกติในฟุตบอล”

“ผมไม่ต้องการให้เขาลดแพสชั่นความกระหาย ความมุ่งมั่น และควาามดุดัน เพราะผมต้องการนักเตะสไตล์แบบนี้”

“แต่เราพยายามบอกในสิ่งที่เขาไม่จำเป็นต้องทำ ซึ่งเขาเข้าใจดี ด้วยวัยที่กำลังเติบโต เขาต้องได้รับประสบการณ์ ที่สำคัญเลยเขาต้องควบคุมตัวเองให้ได้ เมื่อใดที่เขาสมาธิหลุดและเล่นนอกเกมมันจะส่งผลเสียต่อเขาและเพื่อนร่วมทีมทันที”



อนาคตไม่ปิดประตูกลับไปเล่นในต่างประเทศ

 

ปัจจุบันในเตะไทยเองได้รับการยอมรับในลีกเอเชียมากขึ้น มีนักเตะทีมชาติไทย ก้าวไปเล่นในเจลีก ญี่ปุ่น หลายคน โจนาธาร เข็มดี เชื่อว่าฟุตบอลไทยลีกคุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าในยุโรป หากเขาทำผลงานได้ดี โอกาสที่จะย้ายไปเล่นในเจลีก เคลีก หรือกลับไปเล่นในยุโรปเปิดกว้างสำหรับเขาเสมอ 

“ตอนนี้ผมอายุ 20 ปี อยู่ในช่วงพัฒนา ผมไม่อยากรีบร้อนในการมองไปยังการค้าแข้งในต่างประเทศ ผมต้องการลงสนามอย่างสม่ำเสมอ ผมเชื่อว่าที่นี่พัฒนาศักยภาพของผมได้”

“ผมมองไปทีละสเต็ป เป้าหมายของผมไม่ได้ต้องการมาแขวนสตั๊ดที่ไทยอยู่แล้ว ผมมองว่าถ้าทำผลงานดีโอกาสไปเล่นในลีกที่ใหญ่กว่าหรือกลับไปเล่นในยุโรปอีกครั้งในอนาคตก็ยังเป็นไปได้”

“ความแตกต่างของฟุตบอลไทยกับยุโรป ผมคิดว่าไม่ต่างกันมาก ในยุโรปจะเน้นเรื่องแท็คติกมาก”

“แต่ที่นี่จะมีความกระหายชัยชนะมากกว่า คุณจะต้องทำพยายามให้มากกว่าเดิมเพื่อชนะในแต่ละเกม”



เป้าหมายสูงสุดคือการลงเล่นให้ทีมชาติไทย ชุดใหญ่


ตอนนี้เขามีความมุ่งมั่นลงสนามช่วย ราชบุรี ซึ่งเขาได้ชิมลางลงสัมผัสเกมในศึกเวทีรีโว ไทยลีก ไปแล้ว 8 นัด นั่นแสดงให้เห็น ชาบี โมโร กุนซือเลือดกระทิงดุของ ราชันมังกร เชื่อมั่นในฝีเท้าของแข้งรายนี้เป็นอย่างดี 

ในยามเล่นให้กับทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี  เขามีความภูมิใจเสมอ เขาแสดงออกด้วยการพยายามร้องเพลงชาติไทย 

หรือตอนยิงประตูพาทีมไล่ตีเสมอ ซาอุดิอาระเบีย สุดมัน 2-2 ในโดฮา คัพ เขาก็โพสต์ข้อความพร้อมรูปในอินสตาแกรมว่า หน้าตาผมไม่ใช่คนไทย แต่หัวใจผมไทย 100% 

“ผมต้องการลงเล่นให้กับทีมชาติไทยนั่นคือเป้าหมายของทีม ผมคิดว่าตัวเองดีพอที่จะเล่นให้ทีมชาติไทย ชุดใหญ่” 

“แต่สุดท้ายก็อยู่ที่โค้ช แต่ผมเชื่อในศักยภาพของตัวเอง ผมต้องพัฒนาตัวเองและมีโอกาสลงสนามกว่านี้ด้วย สักวันหนึ่งโอกาสคงเป็นของผม” โจนาธาร กล่าวอย่างมีความหวัง 

แม้ภาพของ โจนาธาร เข็มดี จะดุดันไม่เกรงใจใคร แต่ถ้ามองในแง่บวกนั่นคือแพสชั่นแห่งผู้ชนะ
ปัจจุบันกองหลังไทย มีแต่นักเตะประเภทเชิงสูง คลาสสิก 

หากได้นักเตะทรงแบดอย่าง โจนาธาร เข็มดี ไปเสริม อาจเป็นจิ๊กซอว์ที่ลงตัวให้แนวรับ ช้างศึก แกร่งพร้อมสู่กับทีมยักษ์ใหญ่ในเอเชียต่อไป

Author

ศุภฤกษ์ สีทองเขียว

หนุ่มแดนหมอแคน ผู้คลั่งไคล้ในฟุตบอล