Feature

ทาจิริ : “The Japanese Buzzsaw” ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้นักมวยปล้ำแดนซามูไรรุ่นหลัง | Main Stand

หากใครเป็นแฟนตัวยงของศึกมวยปล้ำค่ายดังจากสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น ECW รวมไปถึง WWE ในรอยต่อระหว่างช่วงยุค Y2K ไปจนถึงช่วงยุคก่อนที่ hi5 จะบูมในประเทศไทย หลายคนคงรู้จักและได้ยินชื่อของ “โยชิฮิโร่ ทาจิริ” หรือ “ทาจิริ” นักมวยปล้ำสายเลือดญี่ปุ่นที่เตรียมจะมาปล้ำที่ประเทศไทยในช่วงกลางปี 2023 นี้

 

ท่ามกลางนักมวยปล้ำฝีมือดีจากภูมิภาคอเมริกาเหนือที่อยู่ในระดับแถวหน้าของวงการ ทาจิริเองก็ยกระดับตัวเองจนเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ได้พื้นที่เฉิดฉายอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกับการสังกัดค่ายดัง WWE ที่เขาเคยมีทั้งบทชวนขบขัน ไปจนถึงการก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ระดับพิกัดน้ำหนักของตัวเองอย่าง Cruiserweight มาแล้ว

Main Stand ขอชวนแฟน ๆ มาติดตามเรื่องราวของทาจิริ กับภาพตัวแทนคนญี่ปุ่นบนสังเวียนสี่เหลี่ยมร่วมกับค่ายดังอเมริกัน สู่การเป็นไอคอนนักมวยปล้ำที่คอยสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังโดยเฉพาะในแดนอาทิตย์อุทัย มานักต่อนัก

 

“The Japanese Buzzsaw”

โยชิฮิโร่ ทาจิริ (田尻 義博) เกิดและเติบโตขึ้นมาที่เมืองทามานะ จังหวัดคุมาโมโตะ ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้จากกีฬาคิกบ็อกซิ่ง (Kickboxing) 

อย่างไรก็ดี ในระหว่างฝึกฝนต่อยอดเพื่อเป็นนักกีฬาคิกบ็อกซิ่ง ทาจิริกลับมีอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในศาสตร์การต่อสู้ นั่นคือการติดตามกีฬามวยปล้ำในประเทศเม็กซิโกที่มีชื่อว่า “ลูชาลิเบร (Lucha Libre) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการปล้ำของนักมวยปล้ำสวมหน้ากาก” ซึ่งในเวลานั้นศิลปะการปล้ำสไตล์เม็กซิกันได้ส่งอิทธิพลมายังแวดวงมวยปล้ำแดนซามูไรด้วย 

ทั้งยังมีนักมวยปล้ำญี่ปุ่นบางคนที่ไปโลดแล่นเล่นอาชีพที่ดินแดนจังโก้ เช่น อัลติโมะ ดราก้อน นักมวยปล้ำชาวญี่ปุ่นที่มีคาแร็กเตอร์สวมหน้ากากขณะลงปล้ำจนเป็นภาพจำของคอมวยปล้ำ เป็นต้น

ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางมวยปล้ำที่ทาจิริพร้อมจะต่อยอด และเขาก็ผ่านการทดสอบการเป็นนักมวยปล้ำสมัครเล่นที่ยิมของเฮย์โงะ ‘แอนิมอล’ ยามางุจิ อีกหนึ่งโคตรตำนานมวยปล้ำของประเทศ ก่อนจะมารู้ตัวจริง ๆ จัง ๆ ว่าจะเดินในเส้นทางนี้ และจากนั้นก็เฝ้าซ้อมและออกกำลังอย่างหนักจนพัฒนาตัวเองและได้เล่นอาชีพครั้งแรกในปี 1994 กับค่าย International Wrestling Association of Japan (IWA) 

จากนั้นสองปี โยชิฮิโร่ ทาจิริ ก็ตัดสินใจออกหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วยการลัดฟ้าบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาขึ้นปล้ำที่ประเทศเม็กซิโกอยู่กับค่าย Consejo Mundial de Lucha Libre (CMLL) พร้อมพกสไตล์การปล้ำสามสไตล์ คือลิชาลิเบร คิกบ็อกซิ่ง และการปล้ำตามแบบฉบับญี่ปุ่น 

“ผมอยากไปเม็กซิโกเพราะ ‘อาซาอิ’ อัลติโมะ ดราก้อน ผมอยากเป็นเหมือน อัลติโมะ ดราก้อน ผมเลยอยากไปเม็กซิโก แล้ว วิคเตอร์ ควิญนอเนซ ประธานค่าย IWA ของญี่ปุ่นมีคอนเน็กชั่นกับที่เม็กซิโกด้วย นั่นเป็นที่มาของมันครับ” ทาจิริ ให้สัมภาษณ์ 

ดูเหมือนว่ากราฟมวยปล้ำของ โยชิฮิโร่ ทาจิริ จะพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตอย่างแท้จริงช่วงปลายปี 1998 เมื่อ พอล เฮย์แมน เจ้าของค่าย Extreme Championship Wrestling หรือที่รู้จักในนาม “ECW” ไปเห็นลีลาการปล้ำของทาจิริ 

เฮย์แมนชวนให้ทาจิริมาลองปล้ำใน ECW และเพียงการลงเดบิวต์แมตช์แรก (กับ อันติฟาซ เดล นอร์เต) ผลการปล้ำจบลงด้วยชัยชนะของชายจากเกาะคิวชู ท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟน ๆ ที่เข้ามาดูอย่างล้นหลาม จนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ พอล เฮย์แมน ยื่นสัญญาให้ดาวเด่นจากแดนปลาดิบรายนี้มาอยู่ในสังกัด

ที่ ECW ถึงแม้ว่าทาจิริจะไม่ได้อยู่ในระดับ “ตัวชูโรง” ของค่าย ทว่าเขาก็ไม่ใช่นักมวยปล้ำโนเนมแต่อย่างใด นอกจากนี้ในช่วงที่อยู่ร่วมชายคา ECW ทาจิริค่อย ๆ ทำให้แฟน ๆ ได้เห็นความสามารถจนเกิดภาพคุ้นชินถึงความสุดยอดในฐานะนักมวยปล้ำจากญี่ปุ่นต่อจากสองรุ่นเดอะอย่าง เดอะ เกรท คาบูกิ และ เดอะ เกรท มูตะ ที่เคยโด่งดังที่นั่นก่อนหน้าทาจิริ 

โดยเฉพาะสไตล์การปล้ำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้ง การเตะด้วยแข้ง (Roundhouse Kick), ลอยตัวตีลังกาโจมตีจากทางอากาศ (Moonsault), จับคู่แแข่งล็อกด้วยท่าแมงมุมมรณะ (Tarantula) รวมทั้งท่าไม้ตายเตะก้านคอ (Buzzsaw Kick) ไปจนถึงภาพที่คอมวยปล้ำจดจำแบบไม่ลืมมาจนทุกวันนี้อย่าง การพ่นสารเขียว (Green Mist) 

ทั้งหมดล้วนแต่เกิดขึ้นผ่านการฝึกฝนและลงมือทำ โดยเฉพาะกับการได้รับคาแร็กเตอร์เป็นตัวละครลึกลับ เดาใจยากว่าจะมาไม้ไหน และดูน่ากลัวไม่แพ้ใคร จนแฟนมวยปล้ำไม่ได้พูดถึงซูเปอร์สตาร์แดนปลาดิบรายนี้เพียงแค่ชื่อ-นามสกุลอย่างเดียวต่อไป แต่ยังจดจำเขาในฉายา “The Japanese Buzzsaw” จากการโจมตีคู่แข่งที่รวดเร็วและอันตราย 

แชมป์ ECW World Television Championship 1 สมัย และแชมป์ ECW World Tag Team Championship อีก 1 สมัย นี่คือเกียรติประวัติการปล้ำผ่านการมีแชมป์ติดมือของทาจิริร่วมกับ ECW ต่อหน้าผู้ชมในสังเวียน รวมถึงจอโทรทัศน์นับล้านทั่วมุมโลก 

และด้วยเหตุผลจากเรื่องนอกสังเวียนมวยปล้ำ ท้ายสุด ECW ถึงคราวล่มสลายจากปัญหาทางการเงิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสไตล์การปล้ำของค่ายที่ดูมีความดิบเถื่อนมากกว่าค่ายอื่น ๆ ทำให้การจับมือหาสถานีถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมทางบ้านเป็นเรื่องยาก ก่อนที่ค่ายจะปิดตัวลงในปี 2001 

กาลต่อมา วินซ์ แม็คแมน เข้าซื้อกิจการต่อ พร้อมดึงนักมวยปล้ำแววดีหลาย ๆ คนไปเซ็นสัญญาเป็นนักมวยปล้ำรายใหม่ของ “World Wrestling Federation/Entertainment (WWF/WWE)” โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของ “The Japanese Buzzsaw” ทาจิริ อยู่ด้วย

 

ชีวิตที่ WWE กับการถูกประเมินค่าต่ำเกินไป

ทาจิริเซ็นสัญญาอยู่กับ WWE หรือ WWF (เดิม) ในเดือนพฤษภาคม 2001 โดยในช่วงแรกเขาแทบจะไม่มีบทบาทในฐานะนักมวยปล้ำบนสังเวียน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นลูกสมุนของ วิลเลี่ยม รีเกิล พร้อมกับรับคาแร็กเตอร์เป็นตัวตลกคอยสร้างสีสันข้างเวทีเสียมากกว่า

“ผมเริ่มจากการเป็นลูกสมุนของ วิลเลี่ยม รีเกิล น่าจะสองเดือนเลยมั้ง ที่ไม่มีแมตช์แข่งเลย เล่นแต่บทตลก ผมก็กังวลมาก ๆ นะ ผมจะขึ้นปล้ำที่นี่ไม่ได้เหรอ” ทาจิริ ว่าต่อ

“จนวันหนึ่งขณะที่มีการอัดเทประหว่างผมกับรีเกิล จู่ ๆ วินซ์ก็เข้ามาบอกว่า ‘โอเค สัปดาห์ถัดไปให้ทาจิริขึ้นปล้ำศึก Smackdown เลยนะ’ วินซ์บอกกับทีมเขียนบท แล้วทีมเขียนบทก็ตอบโอเค สัปดาห์ต่อมาผมเริ่มมีแมตช์ปล้ำเยอะขึ้น เริ่มจากแมตช์กับ ฮาร์ดคอ ฮอลลี่ จากนั้นก็เริ่มมีในทุก ๆ สัปดาห์”

เมื่อได้รับบทบาทพิสูจน์ตัวเองกับค่ายมวยปล้ำที่ได้รับการยกย่องเป็นเบอร์ท็อปของโลก ทาจิริก็เริ่มมีแมตช์การปล้ำมากขึ้น และในช่วงที่ไม่ได้รับบทบาทเป็นมือขวาของรีเกิลแล้ว ทาจิริก็เริ่มได้รับบทบาททั้งหลักและรองร่วมกับซูเปอร์สตาร์คนอื่น ๆ ที่สลับสับเปลี่ยนเวียนเข้ามาตลอดช่วงเวลาราว ๆ 4 ปีครึ่งถึง 5 ปีที่ WWE

บทบาทบนสังเวียนเด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ WWE ควบรวมเข็มขัดแชมป์รุ่น Cruiserweight มายังฝั่ง Smackdown ซึ่งทาจิริสังกัดอยู่ กลายเป็นว่าเขาผ่านช่วงเวลาทั้งการเป็นผู้ท้าชิงไปจนถึงเป็นเจ้าของเข็มขัดเองรวม ๆ แล้วถึง 3 สมัย เกิดขึ้นในระหว่างปี 2001 ถึง 2003 ตามลำดับ เรียกได้ว่าเป็นนักมวยปล้ำระดับแถวหน้าคนหนึ่งในรุ่นนี้

หนึ่งเส้นทางสู่แชมป์คือการล้ม เรย์ มิสเตริโอ ด้วยท่าอันตรายอย่างสารเขียวเพื่อใช้บดบังการมองเห็นของคู่ต่อสู้ ก่อนจะปิดแมตช์ด้วยการพ่นสารแดง ซึ่งว่ากันว่าเป็นพิษที่รุนแรงกว่าสีเขียว ใช้เพื่อทำให้คู่ต่อสู้รู้สึกแสบร้อนบริเวณดวงตา ก่อนจะกดนับสามนักมวยปล้ำแดนเม็กซิกัน 

กับเรื่องเข็มขัดแชมป์ ทาจิริยังคงได้รับอีกบทบาทสำคัญกับการเป็นแชมป์ WWE Tag Team Championship ร่วมกับ เอ็ดดี้ เกร์เรโร่ ที่ต้องหาตัวแทน ชาโว เกร์เรโร่ ซึ่งเกิดบาดเจ็บก่อนชิงแชมป์ และหวยมาออกที่นักมวยปล้ำจากแดนปลาดิบ เช่นเดียวกับการได้แชมป์ World Tag Team Championship ร่วมกับอดีตลูกพี่ที่แปรเปลี่ยนเป็นคู่หูแท็กทีมอย่าง วิลเลี่ยม รีเกิล 

หรือแม้แต่การใส่สตอรี่ควบคู่ไปกับการปล้ำก็พอมีให้เห็นอยู่ประปราย ที่โดดเด่นที่สุดหนีไม่พ้นบทอยู่ร่วมกับซูเปอร์สตาร์นักมวยปล้ำสาวอย่าง ทอร์รีย์ วิลสัน จนสร้างความประทับใจแฟน ๆ อยู่พักใหญ่ กลายเป็นบทน่าจดจำครั้งหนึ่งของนักมวยปล้ำญี่ปุ่น เพราะก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีบทในลักษณะดังกล่าวให้เล่นเลย 

แม้จะมีแชมป์ติดมือหลายรายการ หากยังไม่นับเมเจอร์ใหญ่ดังที่กล่าวไปก่อนหน้า ทาจิริยังเคยเป็นแชมป์ WCW United States Championship หนึ่งสมัย และเคยได้โอกาสท้าชิงแชมป์ WWE Hardcore Championship ด้วย 

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีแฟนมวยปล้ำหลายคนมองว่านักมวยปล้ำฉายา “The Japanese Buzzsaw” ถูกเขียนบทให้เป็นนักมวยปล้ำประเภท “Underrated” หรือถูกประเมินค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

มีปัจจัยที่สอดรับกับกระแสตรงนี้ อาทิ ในยุคที่ WWE มีทาจิริในสังกัด เขาคือนักมวยปล้ำสัญชาติญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีท่าพ่นสารพิษซึ่งตกทอดมาจากเหล่านักมวยปล้ำเลือดบูชิโดรุ่นก่อนหน้า มีท่าเตะอันทรงพลัง และมีคาแร็กเตอร์นักสู้ตามแบบฉบับญี่ปุ่น ทำให้เขาเสมือนเป็นตัวแทนของคนเอเชีย 

นี่เป็นสตอรี่ที่แตกต่างไปจากนักมวยปล้ำคนอื่น ๆ แต่กลับได้รับการพูดถึงน้อยกว่าที่ควร

ธันวาคม ปี 2005 ทาจิริโบกมือลา WWE เป็นหนแรก โดยให้เหตุผลว่าอยากกลับไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวที่ญี่ปุ่น หลังออกมาผจญภัยในดินแดนอเมริกาเหนือเกือบทศวรรษ และเป็นการจากกันด้วยดีของทั้งสองฝ่าย 

 

แรงบันดาลใจสู่นักมวยปล้ำรุ่นหลัง

หลังออกจาก WWE ทาจิริตระเวนปล้ำตามค่ายชื่อดังที่ญี่ปุ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Hustle, All Japan Pro Wrestling (AJPW), New Japan Pro-Wrestling (NJPW), Smash, Wrestling New Classic, Wrestle-1 ฯลฯ

สำหรับในช่วงปีปัจจุบัน (ต้นปี 2023) จอมเก๋าวัยแตะหลัก 50 มีดีกรีเป็นแชมป์ของสมาคมมวยปล้ำ Kyushu Pro Wrestling ในภูมิภาคบ้านเกิด พร้อมกับการถูกรับเชิญให้ไปปล้ำตามค่ายน้อยใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ

และเพราะการอำลา WWE ของทาจิริไม่ได้เป็นการอำลากันแบบไปแล้วไปลับ หลาย ๆ ครั้งเขาก็ถูกรับเชิญให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าแฟน ๆ อยู่บ้าง 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2016 ที่ทาจิริหวนกลับมาปล้ำที่ WWE โดยในเวลานั้นทางค่ายได้จัดศึก Cruiserweight Classic Tournament หรือทัวร์นาเมนต์ที่ดึงเอานักมวยปล้ำน้ำหนักรุ่นครุยเซอร์เวตมาเผชิญหน้ากัน 

ถึงแม้จะไปไม่ถึงฝั่งฝันจากการตกรอบสองด้วยน้ำมือของ กรัน เมตาลิก นักมวยปล้ำรุ่นน้องชาวเม็กซิกัน ทว่าช่วงเดือนธันวาคมปีนั้น ทาจิริและทาง WWE ตกลงเซ็นสัญญาร่วมกันเป็นคำรบสอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายการพิเศษของค่ายอย่าง “205 Live” หรือการปล้ำรุ่นครุยเซอร์เวต 

ทาจิริได้ขึ้นปล้ำในรายการนี้ ทว่ามันเกิดขึ้นเพียงแมตช์เดียวเท่านั้น สาเหตุเพราะเขาดันไปโชคร้ายบาดเจ็บที่หัวเข่ารับปีใหม่ 2017 ทำให้ WWE รวมถึงตัวเขาเองเห็นพ้องร่วมกันเรื่องการยุติสัญญา เพื่อไม่ให้ทาจิริบาดเจ็บมากไปกว่านี้หากฝืนขึ้นปล้ำต่อ

ทาจิริกลับมาเป็นนักมวยปล้ำที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง และเช่นเคย ไม่ว่าจะได้ลงเล่นค่ายใดในประเทศเขาก็ถือเป็นไอคอนนักมวยปล้ำที่เหล่าคนรุ่นหลังเลือกยึดถือเป็นแบบอย่าง สิ่งสำคัญที่ถูกถ่ายทอดผ่านการปล้ำและการฝึกซ้อมในแต่ละครั้งคือประสบการณ์ที่ซูเปอร์สตาร์ผู้นี้เคยจารึกไว้ทั้งที่เม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา

ถึงตอนนี้ทาจิริเคยเทรนนักมวยปล้ำรุ่นหลังหลาย ๆ คนจนได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ WWE เช่น จิโร่ คุโรชิโอะ (樋口 壮士朗) ผู้ซึ่งเคยได้รับคัดเลือกเข้าสู่โรงเรียนฝึกมวยปล้ำอาชีพอย่างเป็นทางการของ WWE (WWE Performance Center)

รวมไปถึง ยูจิโร่ คูชิดะ (櫛田 雄二郎) ผู้ที่ได้เดบิวต์ใน NXT หรือค่ายมวยปล้ำที่เน้นทักษะมวยปล้ำที่เป็นพื้นที่มวยปล้ำทางเลือกใหม่ในเครือ WWE 

นี่ก็เป็นธงในใจของทาจิริเช่นเดียวกันไม่ต่างจากเป้าหมายแรกของเขาที่ตั้งใจจะกลับมาอยู่กับครอบครัวที่ญี่ปุ่น ดังวาจาที่เขาได้กล่าวเอาไว้ตอนหนึ่งของงานแถลงข่าวมวยปล้ำค่าย Kyushu Pro Wrestling เมื่อเดือนมกราคม 2023

“ในวัยของผม (52 ปี) ผมยังอยากเป็นแชมป์และอยากมีแมตช์ปล้ำที่ดุเดือดเช่นเคย แต่มากไปกว่านั้นผมต้องการพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ไปด้วย” 

“ในบรรดานักเรียนหลายคนของผม มีบางคนที่ได้ไป WWE ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงคนอื่น ๆ ก็กลายเป็นนักมวยปล้ำหญิงชั้นนำของโลก” 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.wwe.com/superstars/tajiri 
https://www.postwrestling.com/2023/01/19/tajiri-i-dont-think-i-have-much-time-left-in-my-wrestling-career/ 
https://bleacherreport.com/articles/2321871-full-career-retrospective-and-greatest-moments-for-tajiri 
https://youtu.be/j46OQcIPHsg 
https://www.thesportster.com/wwe-tajiri-career-why-he-left-explained/ 
https://www.thesportster.com/wwe-look-back-at-underrated-career-of-tajiri/ 
https://en.wikipedia.org/wiki/Yoshihiro_Tajiri 
https://www.sportskeeda.com/wwe/wwe-legend-tajiri-the-popularity-of-pro-wrestling-has-declined-in-japan-exclusive 
https://www.thefamouspeople.com/profiles/yoshihiro-tajiri-48064.php 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น