Feature

DNA ฉลามชล : อดุล หละโสะ อดีตนักเตะผู้ภักดีกับภารกิจปลุก ชลบุรี คืนชีพ | Ball Thai Stand

กุนซือที่มี DNA มีความผูกพันกับสโมสรกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวงการฟุตบอลไทย 


ล่าสุด ชลบุรี เพิ่งแต่งตั้ง อดุล หละโสะ อดีตกองกลางชุดแชมป์ไทยลีก กลับมาเป็นกุนซือชั่วคราวแทนที่ สะสม พบประเสริฐ ที่อำลาเก้าอี้กุนซือยักษ์หลับแห่งลุ่มน้ำเค็ม เพื่อรับผิดชอบผลงานที่ย่ำแย่ไม่ชนะในเกมลีก 8 นัดติดต่อกัน พร้อมขยับบทบาทขึ้นเป็นที่ปรึกษาทีม

การเลือกกุนซือ DNA เข้ามาคุมทีมครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจของ ชลบุรี แล้วโอกาสที่ อดุล จะคุมทีมระยะยาวมีมากน้อยแค่ไหน ติดตามกับ BallThaiStand 


จากยุคปั้นดาวรุ่งของ “โค้ชเตี้ย” ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง


วัฒนธรรมสโมสร ชลบุรี ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะการให้โอกาสเฮดโค้ชทำงานอย่างเต็มที่ มีอิสระ ไม่มีการแทรกแซงจากบอร์ดบริหาร

นั่นทำให้ผู้ถูกเลือกมานั่งเก้าอี้กุนซือสามารถโชว์ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคำสั่งจากเบื้องบนให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ 

แต่สิ่งหนึ่งที่สโมสรยึดมั่นมาตลอดและกุนซือต้องทำคือ เปิดโอกาสให้นักเตะจากอคาเดมี ได้มีเวทีแสดงผลงานในสนามบ้าง เพื่อต่อยอดสู่การก้าวไปเป็นตัวหลักของทีมในอนาคต   

การได้ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2019 ถือว่าลงตัว เพราะ โค้ชเตี้ย มักสวมบทป๋าดัน ให้โอกาสดาวรุ่งลงสนามแจ้งเกิดโดยไม่ต้องไปถึงที่ว่าการอำเภอมาแล้วหลายราย

การให้โอกาสนักเตะไร้ประสบการณ์ลงเล่น แน่นอนว่าต้องมีความเสี่ยง แต่ โค้ชเตี้ย ไม่แยแส และพร้อมกางแขนปกป้องนักเตะเสมอ ทำให้ได้ใจนักเตะเต็มๆ 

ชลบุรี ในยุค โค้ชเตี้ย มีดาวรุ่งอย่าง ฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์, ทรงชัย ทองฉ่ำ และ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ตบเท้าขึ้นมาแกนหลักของทีม

ส่วนนักเตะที่เล่นกองหลังมาตลอดอย่าง กฤษดา กาแมน ก็ถูก โค้ชเตี้ย ตัดต่อพันธุกรรมจนเป็น กองกลาง ตอนนี้ดาวเตะเครางามถูกยกย่องว่าเป็นกองกลางตัวรับระดับแนวหน้าของเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว 

การทำงานที่ตรงไปตรงมา แน่วแน่ และชัดเจนของ โค้ชเตี้ย ได้รับคำชมจาก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคสโมสรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการกล้าใช้นักเตะสายพันธุ์ฉลามชลให้ก้าวขึ้นมาเป็นกระดูกสันหลังของทีม

แต่เมื่อถึงจุดอิ่มตัว โค้ชเตี้ย ไม่สามารถปลุก ฉลามชล ให้กลับมาดุดันได้อีกครั้ง พาทีมไร้ชัยชนะ 8 เกม และแพ้ไป 7 เกมทำให้ทางสโมสรและ โค้ชเตี้ย ต้องสวมคอนเวิร์สกันตามวิถีฟุตบอล
 

ยอดนักเตะผู้ภักดี กับภารกิจปลุก ชลบุรี คืนชีพ


หากจะพูดถึงนักเตะระดับตำนาน และประสบความสำเร็จกับ ชลบุรี เป็นนักเตะผู้ภักดี เต็มไปด้วยระเบียบวินัย ความเป็นมืออาชีพและมี DNA สโมสรอย่างเต็มเปี่ยม ชื่อของ อดุล หละโสะ คงเป็นชื่อแรกๆ ที่แฟนบอลนึกถึง

อดุล ถือเป็นนักเตะลูกหม้อของทีมอยู่กับสโมสรตั้งแต่วัยทีน เป็นคีย์แมนพาทีมเถลิงแชมป์ไทยลีก เมื่อปี 2007 แม้เขาจะไม่ได้แขวนสตั๊ดกับทีม แต่เลือดของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปจากสีน้ำเงิน 

การเลือก อดุล เข้ามาทำหน้าที่เฮดโค้ชชั่วคราว พร้อมดัน “โค้ชแบงค์” ณัฐวุฒิ วิจิตรเวชการ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ชลบุรี อคาเดมี รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ขึ้นมาเป็นมือขวา เพื่อขัดตาทัพจนจบซีซั่น

ตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะนักเตะแกนหลักของทีมล้วนเคยผ่านมือ โค้ชแบงค์​ และทำให้ช่องว่างระหว่างวัยของกุนซืออย่าง อดุล และนักเตะวัยรุ่นไม่ห่างจนเกินไป 


เป้าหมายเรียกความมั่นใจและกู้ศรัทธา 


การมาของ อดุล เขาประกาศชัดเจนเลยว่าภารกิจแรกคือ การเรียกศรัทธาแฟนบอล และการสร้างบรรยากาศในการฝึกซ้อมให้นักฟุตบอลทุกคนให้มีความกระหายที่จะชนะ 

นั่นคือสิ่งที่กำลังลดลงไปภายใต้การคุมทีมของ โค้ชเตี้ย จนทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมสาละวันเตี้ยลง 

จากนี้ 4 เกมที่เหลือของ ชลบุรี จะเป็นเกมรีโวไทยลีก ทั้งหมด เริ่มจาก ออกไปเยือน ลำปาง กลับมาเล่นในบ้าน เจอ นครราชสีมา ซึ่งทั้ง 2 เกมถือว่าเป็นงานไม่หนักมาก เมื่อวัดคุณภาพผู้เล่นแบบปอนด์ต่อปอนด์

จากนั้นเจอ 2 โปรแกรมสุดโหด เมื่อจะต้องออกไปเยือน การท่าเรือ และปิดท้ายด้วยการบุกเยือน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 

อดุล เคยผ่านประสบการณ์คุมทีม พิษณุโลก มาในช่วงเวลาสั้นๆ นี่จึงเป็นบททดสอบสำคัญของเขาเลยทีเดียว 

“ชลบุรี มีความสามารถมากพอที่จะทำได้ดีกว่านี้ในทุกการแข่งขันที่เหลือ” อดุล กล่าว



อนาคตของ ชลบุรี และ อดุล


ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของ ชลบุรี อย่างแท้จริง เพราะจากเดิมที่เคยขับเคี่ยวแชมป์ตอนต้นฤดูกาล ตอนนี้การจะคว้าอย่างน้อยอันดับ 3 ถือว่ายากมาก เพราะ เมืองทอง ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ ฟอร์มแรงจริงๆ ดังนั้นทีมต้องเพิ่มแรงกระหาย เพื่อจบอันดับในตารางคะแนนสูงที่สุด

นอกจากนี้นักเตะเองต้องโชว์สปิริต แสดงความกระหาย โชว์คาแรกเตอร์ความดุดัน สมกับยี่ห้อ ฉลามชล ให้ได้ เพื่อตอบแทนแฟนบอลที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอดทั้งฤดูกาล

ส่วนสัญญาระยะยาวระหว่าง ชลบุรี กับ อดุล คงเร็วเกินไป เพราะต้องชิมลางในการคุมทีม 4 นัดสุดท้ายของฤดูกาล

เหนือสิ่งอื่นใด ชลบุรี เองคงต้องขบคิดพิจารณาตัวกุนซือใหม่อย่างถี่ถ้วน เพราะตอนนี้ทีมร้างความสำเร็จมานาน 

เป้าหมายในปีหน้าคงถึงเวลาที่ ชลบุรี ต้องวางต้องคิดถึงการควัาแชมป์อย่างจริงจังและทำให้สำเร็จให้ได้ จากนี้อนาคตของ ชลบุรี จะไปทางไหน น่าสนใจจริงๆ 

Author

ศุภฤกษ์ สีทองเขียว

หนุ่มแดนหมอแคน ผู้คลั่งไคล้ในฟุตบอล