Feature

กองหน้าปืนฝืด : โจทย์ที่ฟุตบอลไทยยังแก้ไม่ได้ เพราะอะไร ? | Ball Thai Stand

หลังเกมอุ่นเครื่อง “ฟีฟ่าเดย์” ของทีมชาติไทย มีประเด็นให้แฟนบอลพูดถึงนอกจากผลการแข่งขันและแท็คติคการเล่น นั่นก็คือเรื่องปัญหาการจบสกอร์ของ “กองหน้า”​ ทั้งทีมชุดใหญ่ และ ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ยังไม่เฉียบคม 

 

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปัญหาที่สะสมมานานแล้ว ยิ่งในวันที่ ธีรศิลป์ แดงดา หัวหอกเบอร์ 1 กำลังจะปลดระวาง ทำให้หัวหอกรุ่นน้องต้องแบกรับความกดดันในการยิงประตูให้เฉียบคมเทียบเท่าหรือดีกว่า “เทพมุ้ย”

แล้วปัญหากองหน้าจบสกอร์ไม่คม ไร้วิญญาณเพชฌฆาต จะถูกแก้ไขได้ยังไง เพื่อพัฒนาดาวยิงไทย ให้ฟอร์มไฉไล โดยเฉพาะในการแข่งขันระดับนานาชาติ ไปติดตามกับ BallThaiStand


การขาดกองหน้า ปัญหาใหญ่ระดับเอเชีย 


ในอดีตกองหน้าถือเป็นตำแหน่งที่มีตัวเลือกเยอะมาก แต่ละชาติล้วนผลิตกองหน้าป้อนสู่ตลาดลูกหนังโลกมากมาย 

เช่นเดียวกับวงการฟุตบอลไทย ที่มักมีกองหน้าตัวเก่งคอยชูโรงในทัวร์นาเมนท์สำคัญเสมอ ไล่มาตั้งแต่ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือในยุคปัจจุบันที่มี ธีรศิลป์ แดงดา 

แต่ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีกองหน้าเพียง 2 คนเท่านั้น ที่สามารถยืนระยะและติดทีมชาติไทยอย่างสม่ำเสมอ คือ ธีรศิลป์ แดงดา และ อดิศักดิ์ ไกรษร 

ส่วนกองหน้าคนอื่นๆ สลับกันติดทัพ ช้างศึก บ้าง แต่ไม่สามารถยืนระยะได้ ประกอบกับระบบการเล่นที่เปลี่ยนไปใช้กองหน้าตัวเป้าคนเดียวบ่อยขึ้น

ยุคปัจจุบันสโมสรในไทยลีกทุกระดับล้วนหันมาใช้บริการของตัวรุกต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นตัวริมเส้น หรือกองหน้าตัวเป้ามากขึ้น ทำให้โอกาสที่นักเตะไทยจะได้ลงสนาม เพื่อพัฒนา ขัดเกลาฝีเท้ามีน้อยลงไป จนส่งผลต่อทีมชาติไทย

ไม่ใช่แค่ไทยที่เจอปัญหา แม้แต่ชาติมหาอำนาจลูกหนังของเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น ก็เจอปัญหาเดียวกัน เพราะแต่ละสโมสรในเจลีก เริ่มใช้กองหน้าตัวเป้าหรือตัวรุกเป็นต่างชาติมากขึ้น 

ทำให้พวกเขาแก้ปัญหาด้วยการพัฒนาระบบการเล่นและให้ตัวรุก หรือนักเตะตำแหน่งอื่นๆ สอดขึ้นไปทำประตูแทน 

อากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่นและทีมชาติไทย เคยกล่าวถึงเรื่องปัญหาการทำประตูของทีมชาติญี่ปุ่น และทีมชาติไทย ว่า “ปัญหานี้ไม่ใช่เฉพาะไทย แต่เป็นปัญหาของทุกชาติในเอเชีย เพราะส่วนใหญ่ใช้นักเตะต่างชาติในตำแหน่งนี้ และดันนักเตะกองหน้าไปเล่นด้านข้าง”

“ผมพยายามปลูกฝังให้นักเตะทุกคนมีความกล้าเวลาเล่นในเขตโทษ และพุ่งเข้าหาลูกบอลตลอด ซึ่งทุกคนสามารถทำประตูได้จากทุกตำแหน่ง”

ล่าสุดใน “ฟุตบอลโลก 2022” รอบสุดท้ายที่ผ่านมา ญี่ปุ่น ทำประตูได้ 5 ตุง จาก 4 เกม แบ่งเป็น 3 เกมในรอบแรก และ 1 ประตู ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย 

โดยกองหน้าตัวเป้ายิงได้ประตูเดียวคือ ไดเซน มาเอดะ ที่เหลือเป็นผลงานของกองหน้ากึ่งปีก และกองกลางทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น ทาคุมะ อาซาโนะ, ริทสึ โดอัน และ อาโอะ ทานากะ นั่นเป็นการยืนยันคำพูดข้างต้นของ นิชิโนะ ได้เป็นอย่างดี


กองหน้าต้องรู้ว่าต้องเล่นอย่างไร 


ตำแหน่งกองหน้าแน่นอนว่าหน้าที่คือการ ยิงประตู แต่ต้องเข้าใจบทบาทกองหน้า และรู้จังหวะการเล่นที่ถูกต้องว่าต้องทำอะไรตอนไหน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทีมโดยเฉพาะการยิงประตู

“อัลเฟรด” เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ตำนานกองหน้าทีมชาติไทยที่เคยพา ธนาคารกสิกรไทย คว้าแชมป์สโมสรเอเชียและเคยเกือบได้ไปค้าแข้งกับ มิดเดิลสโบรห์ ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ติดปัญหาด้านเอกสารจนตัดสินใจแขวนสตั๊ด ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ฝึกสอนกองหน้า บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า “กองหน้าที่เก่งคือต้องเล่นง่าย ต้องเล่นถูกหลักการ เล่นถูกต้อง มันจะเป็นสเต็ป คนไทยมีทักษะสูงมาก แต่การตัดสินใจเล่นยังไม่ค่อยถูก”

“กองหน้าที่เก่งอย่าง มุ้ย เขาไม่ได้เล่นพิสดาร เขารู้ว่าจังหวะไหนจะดึงตัวเองลงไปเอาบอล จังหวะไหนจะวิ่งทำทาง จังหวะไหนจะต้องเลี้ยง จังหวะไหนต้องทำประตู เขาทำได้ดีมาก”

“ปัจจุบันเราต้องทำให้นักเตะเข้าใจและเห็นภาพจริงๆ ซึ่งมันยากนะในการบอกนักฟุตบอลว่าสิ่งที่เขาทำมันผิด ยิ่งคนที่อยู่ในระดับทีมชาติไทย เราต้องล้างข้อมูลเก่า เพื่อเอาข้อมูลใหม่มาใส่ ถ้าเขาเปิดใจฟังเขาจะพัฒนาไปเร็วขึ้น”

นอกจากปรับทัศนคตินักเตะและปรับวิธีการเล่นให้ถูกต้องแล้ว การมีโค้ชกองหน้าคอยติวเข้มถือว่ามีความสำคัญมาก

เนติพงษ์ กล่าวต่อว่า “โค้ชกองหน้าสำคัญอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ทีมชาติ แต่ทุกระดับ ทำไมฟุตบอลปัจจุบันมีแค่โค้ชผู้รักษาประตูจริงไหม กองหน้าที่เก่ง เขาต้องมีคนที่คอยกระตุ้น ทำให้รู้การทะลุทะลวง”

“กองหน้าต้องรู้วิธีสร้างสถานการณ์ แต่ตอนนี้เหมือนเล่นตามสถานการณ์ การเล่นตามสถานการณ์คือกองหลังมีโอกาสดวลหนึ่งต่อหนึ่งต้องกล้าเลี้ยงกินตัว จังหวะยิงต้องยิง”


ประสบการณ์ระดับชาติต้องใช้เวลาสั่งสม


การเล่นระดับสโมสรกับทีมชาติแตกต่างกันอย่างแน่นอน เพราะในสโมสรนักเตะฝึกซ้อมร่วมกันทุกวัน ยิ่งซ้อมเยอะยิ่งรู้ใจกันมากขึ้น

แต่สำหรับทีมชาติไทยในปัจจุบันมีเวลาซ้อมน้อยกว่าเดิม ทำให้การปรับจูนจังหวะเล่นร่วมกับเพื่อนให้มองตาแล้วรู้ใจต้องใช้เวลานาน 

นอกจากนี้ยังต้องสั่งสมประสบการณ์ในเกมระดับชาติเยอะๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการยิงประตูให้ดีขึ้นกว่าเดิม 

“โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน กุนซือ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และกองกลางกัปตันทีมชาติไทย ได้ย้อนอดีตถึงวันที่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ก้าวขึ้นมาเล่นกับทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในฐานะดาวรุ่งว่า กว่าที่ มุ้ย จะเก่งแบบนี้ ต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์อย่างยาวนาน

“ตอน มุ้ย ขึ้นมาเล่นทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เขาโดนสบประมาทว่าเป็นเด็กเส้น แต่รุ่นพี่ในทีมทุกคนไม่ได้มองแบบนั้น เพราะ มุ้ย ยิงประตูคมมาก และมีชั้นเชิง แต่เวลาเล่นทีมชาติเขามักจะเกร็ง ช่วงแรกยังยิงประตูไม่ค่อยได้”

“แต่พอเขาได้เล่นเรื่อยๆ ได้เจอคู่ต่อสู้ที่เก่ง เขาก็พัฒนาขึ้น นิ่งขึ้น ยิงประตูได้เยอะขึ้น ซึ่งผมมองว่าคล้ายกับ อาร์ม (ศุภชัย ใจเด็ด)​ กับ แบงค์ (ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา) ที่กำลังก้าวขึ้นมาทดแทน มุ้ยตอนนี้” “ตอนนี้ อาร์ม กับ แบงค์ อายุยังน้อย เขาเพิ่งขึ้นมาเล่นทีมชาติไทย เขายังมีเวลาสั่งสมประสบการณ์อีกเยอะ”

“ถ้าได้เล่นบ่อยๆ เขาจะนิ่งเหมือน มุ้ย อย่าลืมว่าตอนนี้เขาอยู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งองค์ประกอบและสิ่งแวดล้อมทีมดีอยู่แล้ว”

“อย่างสมัยเล่นดรีมทีมกว่าจะรู้ว่า ซิโก้ จะวิ่งไปทางไหนต้องคุยกัน ต้องเล่นด้วยกันบ่อยๆ ถึงจะรู้ว่าจังหวะนี้ควรจะจ่ายบอลแบบไหนให้เขาทำประตู น้องๆ ก็ต้องเรียนรู้กัน ทั้งกองหน้า กองกลาง ปีก มันต้องสัมพันธ์กันหมด”

ขณะที่ เนติพงษ์ กล่าวว่า “องค์ประกอบของแต่ละทีมในไทยลีก มีนักเตะต่างชาติเป็นหลัก อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นักเตะต่างชาติเขาระดับท็อปทั้งสิ้น นั่นทำให้ผลงานในสโมสรกับทีมชาติของนักเตะแต่ละคนต่างกัน”


ปัญหาในใจ ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการยิงประตู


พิพัฒน์ ต้นกันยา อดีตกองหน้าทีมชาติไทย เจ้าของดาวซัลโวไทยลีก ครั้งที่ 10 สมัยค้าแข้งกับ บีอีซี เทโรศาสน เคยเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตสมัยเล่นให้ทัพ ช้างศึก ในศึกเอเชียน คัพ ปี 2007 ว่า บางครั้งการยิงประตูไม่ได้อาจเกิดจากสภาวะจิตใจที่กังวลและเกิดอาการไม่มั่นใจ 

หากวันไหนลงสนามโดยที่ไม่กังวลและมีความมั่นใจสุดขีด วันนั้นจะทำผลงานดีและยิงประตูได้ด้วย

“ปีที่ผมยิงโอมานให้ไทยชนะนัดแรกในเอเชียน คัพ ปี 2007 ลีซอ (ธีรเทพ วิโนทัย) โหม่งมาให้ ผมพักอก ตวัดวอลเลย์ ผมไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะยิงมุมไหน ผมไม่คิดว่าบอลมันจะพุ่งไปขนาดนั้น แต่มันเกิดขึ้นจากการฝึกฝน ถึงเวลายิงก็ยิงไว้ก่อน เข้าไม่เข้าอีกเรื่อง”

“มีจังหวะที่ นิรุจน์ สุระเสียง เลี้ยงหลบประตูแล้วจ่ายมาให้ เหลือแต่ประตูโล่งๆ ไม่มีใครเลย แปก็เข้าไปแล้ว แต่ผมจับบอลแล้วปลิ้น แล้วเอี้ยวตัวยิงแต่บอลหลุดกรอบ”

“จังหวะนั้นมันเกิดขึ้นจากจิตใจ ความกังวล เพราะก่อนมาเล่นทีมชาติอยู่ในช่วงที่ผมไม่มีสโมสร ยังหาสโมสรไม่ได้ มันคิดตลอดว่าฤดูกาลหน้าจะเล่นทีมไหน”


ซ้อมยิงประตูให้ชิน เพื่อให้เกิดผลจริง


การฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักฟุตบอล ยิ่งซ้อมมากเท่าไหร่ ทำให้คุ้นเคยจนชินยิ่งทำให้โอกาสทำสำเร็จในสนามมีมากขึ้น เช่นการซ้อมยิงประตู หรือ ซ้อมลูกฟรีคิก 

พิพัฒน์ ได้ประสบการณ์โดยตรงจากบรมครูลูกหนังคนหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย อย่าง ชัชชัย พหลแพทย์ อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย สมัยค้าแข้งกับ โอสถสภา

“ตอนอยู่ โอสถสภา ผมโดน น้าชัช แยกซ้อมกับ เคลตัน ซิลวา เพื่อซ้อมยิงประตูก่อน การซ้อมก็คือการแปกระแทก วางเท้ายังไง เหลี่ยมนี้วางยังไง เหมือนเป็นการทบทวน”


ออกกฎบังคับส่งกองหน้าไทยลงสนามช่วยได้


ปัจจุบัน สมาคมฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด ในฐานะฝ่ายจัดการแข่งขันยังนิ่งนอนใจ ไม่แก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการจำกัดโควต้านักเตะต่างชาติที่มีส่วนสำคัญไม่น้อยในการเปิดโอกาสให้นักเตะไทย โดยเฉพาะกองหน้าได้ลงสนามพิสูจน์ฝีเท้ามากขึ้น

ลำพังแค่โครงการ "THAI STRIKE BACK" ที่สนับสนุนให้สโมสรส่งดาวยิงสัญชาติไทยลงไปยิงประตูเยอะๆแล้วจะได้เงินรางวัล เหมือนพลุที่ลอยขึ้นฟ้าแล้วหายไป ไม่สามารถทำได้ต่อเนื่อง เพราะภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงินของสมาคมฯ

ธชตวัน ยกมือเห็นด้วยกับการจำกัดโควต้าต่างชาติ และมองว่าเป็นการหาทางออกเรื่องปัญหากองหน้าปืนฝืดได้เป็นอย่างดี 

“ต้องยอมรับว่างานโค้ชมีความเสี่ยง หากทีมทำผลงานได้ไม่ดีอาจโดนปลดได้ ดังนั้นการจัดทีมโค้ชก็ต้องใช้ผู้เล่นต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะตัวรุก เพราะสามารถกำหนดชัยชนะได้เลย”

“สิ่งหนึ่งที่นักเตะต่างชาติเหนือกว่านักเตะไทยคือ เทคนิค ทักษะ โดยเฉพาะนักเตะจากบราซิล” 

“แต่ถ้าสมาคมฯ หรือ ไทยลีก ออกกฎว่า แต่ละทีมต้องส่งกองหน้าไทยลงสนามแต่ละนัดจำนวนเท่านั้นเท่านี้ สโมสรก็ต้องทำตาม โค้ชก็สามารถส่งนักเตะไทยลงเล่นได้ต่อเนื่อง มันก็ช่วยให้นักเตะไทยมีโอกาสลงสนามโชว์ฝีเท้ามากขึ้น เอาแค่ส่งกองหน้าไทยนัดละ 2 คน แค่นี้ก็พอแล้ว”

“ผมว่านักเตะไทยฝีเท้าดีหลายคนสุดท้ายอยู่ที่ทัศนคติแต่ละคนว่าจะตั้งใจ มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน ถ้ามัวแต่น้อยอกน้อยใจไม่ได้ลงสนามก็จบ”

“แต่ถ้ามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ พัฒนาตัวเอง แม้จะเป็นตัวสำรอง แต่ในอนาคตเขาอาจย้ายไปเป็นตัวจริงอีกทีมก็ได้”

การพัฒนาและแก้ไขกองหน้าปืนฝืดเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ละเอียดอ่อน ทุกฝ่ายต้องหันกลับมาแก้ไขตั้งแต่ต้นน้ำอย่าง สมาคมฯ​ และ ไทยลีก ไปจนถึงปลายน้ำอย่างนักเตะที่ต้องซ้อมให้หนักขึ้น เพื่อทำให้กองหน้าไทยมีศักยภาพที่ขีดความสามารถที่สูงขึ้นต่อไป 


อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=Uamz-iQ4sic
https://sport.trueid.net/detail/an19jVWVjJ5n
https://www.ballthai.com/ทำเนียบดาวซัลโวไทยลีกอ/

 

Author

ศุภฤกษ์ สีทองเขียว

หนุ่มแดนหมอแคน ผู้คลั่งไคล้ในฟุตบอล