
.
ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่นักเตะเอเชียคนหนึ่ง จะถูกยอมรับบนเวทียุโรป ซึ่งทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะมีรูปร่างสูงใหญ่ (188 เซนติเมตร) แข็งแกร่ง ดุดัน และยืนคุมพื้นที่ได้ดี แต่ความผิดพลาดเพียงน้อยนิด ก็อาจทำให้เขาถูกดรอปเป็นตัวรองได้
โทมิยาสุจึงต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เพราะเขาต้องแย่งตำแหน่งตัวจริงกับยอดนักเตะภายในทีม ซึ่งล้วนมีความสามารถมากพอที่จะลงเล่นเป็นตัวจริงด้วยกันทั้งนั้น
และนี้คือเรื่องราวการต่อสู้ด้วยหัวใจแห่งความมุ่งมั่นของโทมิยาสุ ที่กว่าจะเป็นเลือดซามูไร ผู้ถูกยอมรับบนเวทียุโรป เขาต้องต่อสู้กับอะไรมาบ้าง ติดตามได้ ที่นี่
ใหญ่ แกร่ง เร็ว แล้วอย่างไร ?
ก่อนที่โทมิยาสุ จะได้รับการเซ็นสัญญากับอาเซน่อล เป็นเวลา 4 ปี (เมื่อปี 2021) เขาก็เหมือนกับนักเตะชาวญี่ปุ่นคนอื่น ๆ คือ เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในสมัยเรียนมัธยม
แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักเตะญี่ปุ่นทั่วไป คือ รูปร่างที่สูงใหญ่ มีความเร็ว ไปกับบอลได้ดี รวมถึง ยังอ่านเกมได้อย่างหลักแหลมผิดกับเด็กในวัยเดียวกัน
“เขาเล่นบอลได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับส่วนสูงของเขา ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว เขาจึงเป็นหนึ่งในสามนักเตะที่ผมแนะนำให้บาร์ซ่า แต่มันยากที่จะพาเขาไปเล่นในสเปน เพราะเขายังเด็กเกินไป”
อีวาน ปาลันโก (Ivan Palanco) กล่าวถึง โทมิยาสุ ในช่วงที่มีโอกาสได้ทดสอบฝีเท้ากับเจ้าหนูมหัศจรรย์รายนี้ ในตอนที่โทมิยาสุ ยังเรียนประถมศึกษาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี แม้โทมิยาสุ จะผิดหวังกับการทดสอบฝีเท้าในครั้งนั้น แต่เขาก็ได้รับคำแนะนำมากมายจากปาลันโก ผู้เป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิคของบาร์เซโลน่า อะคาเดมี่ (FC Barcelona's Academy) ประจำเมืองเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในขณะนั้น
สิ่งที่ปาลันโกเห็น ก็ไม่ต่างไปจากสิ่งที่ยอดโค้ชคนอื่นเห็น คือโทมิยาสุ มีการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยส่วนสูงของเขา ทำให้เล่นลูกกลางอากาศได้อย่างเฉียบขาด แต่กระนั้น ก็มีความเร็วจนหาตัวจับได้ยาก รวมถึงทัศนวิสัยในการจ่ายบอลก็แม่นยำ เทคนิคการเล่นก็แพรพราวเกินเด็กในวัยเดียวกัน ปาลันโก จึงมั่นใจว่า โทมิยาสุ จะเติบโตเป็นยอดนักเตะได้ไม่ยาก
แต่ด้วยประสบการณ์ที่น้อยเกินไป ทำให้โทมิยาสุจำเป็นต้องเรียนรู้อีกมาก เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่เรื่องพรสวรรค์ หรือความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องมีเรื่องของประสบการณ์เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย
พรสวรรค์นั้นสำคัญ แต่ความจริงจังสำคัญกว่า
เมื่อฤดูร้อนปี 2011 โทมิยาสุ ถูกคัดเลือกจากสโมสร อวิสปา ฟุกุโอกะ (จากเด็กจำนวน 250 คน) ให้เข้ามาฝึกซ้อมที่ศูนย์ฟุตบอลใน Kashiihama ซึ่งเป็นช่วงที่เจ้าหนูวัย 13 ปี (ณ เวลานั้น) ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องแบ่งเวลาให้กับการฝึกซ้อม พร้อมกับเรียนหนังสือไปด้วย
หลังเลิกเรียน เขาจะหอบกระเป๋าที่พะรุงพะรังออกจากโรงเรียนไปยังสถานีรถไฟ จากนั้นก็ใช้เวลาอีกประมาณ 20 นาที เดินทางไปยังศูนย์ฝึกซ้อมที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร และจะทำอย่างนี้ทุกวัน หลังเลิกเรียน ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่า เขามีความจริงจังกับการเล่นฟุตบอลมากขนาดไหน
ยูจิ มิยาฮาระ (Yuji Miyahara) โค้ช U-15 ของฟุกุโอกะ ในเวลานั้น ได้ออกมาชื่นชมว่า
“ในเรื่องความสามารถแล้ว...เขาไม่ได้โดดเด่นอะไรขนาดนั้น แต่สิ่งแรกที่ผมประหลาดใจ คือความทุ่มเทของเขาในการทำงานเพื่อทีม มีหลายสิ่งที่เขาทำ เช่น เตรียมบอล เตรียมอุปกรณ์สำหรับซ้อม หรือยกน้ำและน้ำแข็ง, มันง่ายมากสำหรับผมในฐานะโค้ช ผมรู้โดยทันทีว่าเขาจะสามารถเป็นผู้เล่นมืออาชีพได้”
มิยาฮาระ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า
“อีกสิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับทาเค (ชื่อเล่นที่มิยาฮาระชอบเรียก) คือคุณภาพในเกมป้องกัน เมื่อผมให้เขาเทค เขาก็เทคอย่างมีชั้นเชิง เขาสามารถวิเคราะห์ตัวเองอย่างเหมาะสม และผมคิดว่าความเอาจริงเอาจังเป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของเขา”
แม้ว่าช่วงที่เรียนมัธยม จะเป็นเวลาที่ปั่นป่วนที่สุดในชีวิตของโทมิยาสุ เพราะต้องเผชิญกับอะไรหลายอย่างที่เด็กคนหนึ่งไม่เคยพบ เช่น การแบ่งเวลาให้กับการเรียน รวมถึงยังไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่น ๆ
แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือความกดดันในการฝึกซ้อม ที่ต้องทำผลงานให้ดี เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่การฝึกฝนเท่านั้น แต่ยังหมายถึง โอกาสที่จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นอาชีพ ซึ่งเขาจะต้องต่อสู้กับนักเตะพรสวรรค์ภายในทีมอีกหลายคน
และด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นจริงจัง ทำให้เจ้าหนูโทมิยาสุ ไม่เกรงกลัวต่ออุปสรรคที่พานพบ อีกทั้งยังคงแน่วแน่มั่นคงต่อเส้นทางของตัวเองเสมอ จึงทำให้เขาพัฒนาตัวเองไปได้ไกลกว่านักเตะคนอื่น ๆ จนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นอาชีพด้วยวัยเพียง 18 ปีกับทีมฟูกุโอกะ และทะยานเข้าสู่การเป็นนักเตะดาวรุ่งน่าจับตามองแห่งลีกญี่ปุ่นทันที อย่างไม่ยากเย็นนัก
สิ่งสำคัญอยู่ที่ทัศนคติ
การลงเล่นเป็นดาวรุ่งของฟูกุโอกะ ทำให้โทมิยาสุถูกจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยรูปร่าง และเทคนิคของเขา ทำให้หลายทีมในยุโรปต้องการตัวกองหลังรายนี้ไปร่วมทีมให้ได้
ในปี 2018 เขาถูกโมสรแซงต์-ทรุยดอง จากลีกเบลเยี่ยม คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยสัญญา 3 ปี ซึ่งเขาทำผลงานออกมาได้ดีเกินคาด หลังลงเล่นเพียงฤดูกาลเดียว (2018–19) ก็สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้ทันที ด้วยการลงเล่นทุกรายการไป 40 นัด และยิงได้ 1 ประตู และยังได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสรมาครองได้อย่างไม่พลิกความคาดหมาย
จากผลงานระดับนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่โบโลญญ่า ทีมดังจากลีกอิตาลี จะตัดสินใจเซ็นสัญญาตัวของโทมิยาสุ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2019 ด้วยค่าตัวราว 9 ล้านยูโร
“ผมเลือกที่นี่ เพราะประทับใจแท็คติคเกมรับที่มีรายละเอียดค่อนข้างสูง...รวมถึงอยากเรียนรู้แท็คติกการป้องกันของแต่นักเตะที่เก่งกว่าในทีม มันจะช่วยให้ผมเก่งขึ้นเมื่ออยู่ในสนาม” โทมิยาสุ กล่าวอย่างเปิดใจ
โทมิยาสุ ลงเล่นกับโบโลญญ่า ไปเพียง 2 ฤดูกาล (61 นัด 3 ประตู) เขาก็มีข่าวเชื่อมโยงกับทีมดังแห่งเกาะอังกฤษอย่างท็อตแนมฮอตสเปอร์ และอาร์เซน่อลทันที
ด้วยทัศนคติเกี่ยวกับฟุตบอลที่ไม่เคยยอมแพ้ หรือหยุดพัฒนาตัวเอง แม้ต้องอยู่ท่ามกลางคนเก่งมากมาย ทำให้เขาพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้อย่างโดดเด่นในช่วงเวลาอันสั้น
อาจเป็นเพราะอายุที่ยังน้อย แต่กลับมีความเป็นมืออาชีพสูง สามารถทำตามแท็คติคที่โค้ชวางไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เคยทำตัวนอกกรอบ หรือสร้างความอือฉาวทั้งในและนอกเกม มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทีมดังจากฝั่งยุโรปมากมายต้องการได้ตัวเขาไปร่วมทีม
แต่สุดท้าย เขาก็เลือกทีมอย่างอาร์เซน่อล อย่างไม่ลังเล
เกมเปลี่ยนชีวิต
“เขาเป็นกองหลังสารพัดประโยชน์ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันที่ยอดเยี่ยม มีความสามารถทางเทคนิคสูง และมีความสงบในการเล่นบอล”
มิเกล อาร์เตต้า กล่าวถึง ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ หลังพึงคว้าปราการหลังทีมชาติญี่ปุ่นวัย 22 ปี มาจากโบโลญญ่า ในลีกเซเรียอาของอิตาลี เมื่อปี 2021 ด้วยค่าตัวราว 16 ล้านปอนด์
โทมิยาสุแทบไม่มีเวลาได้เข้าไปซ้อมใหญ่กับทีมด้วยซ้ำ แต่มิเกล อาร์เตต้า ก็ส่งเขาลงสนามเป็นเกมแรกในตำแหน่งตัวจริงทันที มันเกิดขึ้นในแมตช์ที่อาร์เซน่อล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ นอริชซิตี เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2021
แสดงให้เห็นแล้วว่า อาร์เตต้า ไว้ใจกองหลังรายนี้มากขนาดไหน ซึ่งตัวของโทมิยาสุเอง ก็ตอบแทนความไว้ใจนั้น ด้วยการโชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่น พาทีมชนะนอริชซิตี ไป 1-0 ประเดิมเกมแรกบนแผนดินอังกฤษได้อย่างงดงาม และยังถือเป็นชัยชนะนัดแรกของฤดูกาลนั้นอีกด้วย
แต่เกมที่ทำให้คนทั่วโลกรู้จักโทมิยาสุอย่างแท้จริง เกิดขึ้นในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 2021 ซึ่งอาร์เซน่อล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ทีมคู่ปรับตลอดกาล ที่อยู่ร่วมเมืองลอนดอนด้วยกัน ซึ่งทั้งสองทีมจะพ่ายแพ้ให้กันไม่ได้เด็ดขาด
ในเกมนั้น โทมิยาสุ ได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้ายเช่นเคย แต่สิ่งที่เกินคาดคือเขานิ่งจนน่าตกใจ และยังสามารถแสดงคลาสฟุตบอลชั้นสูงออกมาให้เห็น ชนิดอุดปากคนที่เคยสบประมาทไว้ได้จนสนิท
หลายคนบอกว่า โทมิยาสุ ยังไม่เหมาะที่จะลงเล่นเป็นตัวจริงให้อาร์เซน่อล แต่ในเกมนี้ เขาคือคนที่หยุด ซอน เฮือง มิน ได้อย่างอยู่หมัด ด้วยการยืนตำแหน่งที่ดี ตามติดทุกจังหวะ ลูกกลางอากาศก็ดักทางได้หมด หากเป็นแบ็กที่ไม่เก่งมาก อาจถูกซอน เลี้ยงหลบได้ไม่ยาก จนทำให้ในท้ายครึ่งแรก ซอน ต้องขยับมาเล่นฝั่งขวา เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเองได้เล่นฟุตบอลมากขึ้น
รวมถึง ยังมีอีกหลายจังหวะ ที่โทมิยาสุ ขัดขวางผู้เล่นฝั่งตรงข้ามไม่ให้มีพื้นที่ทำประตูได้ เขาแสดงออกมาให้เห็นแล้วว่า เป็นผู้พิทักษ์ในแดนหลังของอาร์เซน่อลอย่างแท้จริง
อาร์เซน่อลจบเกมนั้น ด้วยการชนะสเปอร์ อย่างขาดลอยไปถึง 3-1 ซึ่งหนึ่งในผู้เล่นที่ทำผลงานออกมาได้ดีที่สุด ก็คือโทมิยาสุ เขาได้รับคำชมมากมาย เกี่ยวกับสไตล์การเล่นที่ดุดัน แข็งแกร่ง จนไม่มีนักเตะคนใดสามารถเลี้ยงหลบได้สักคน แม้หนึ่งในนั้น จะเป็น ซอน เฮือง มินก็ตาม
หลังจากเกมนั้น ก็ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของโทมิยาสุอีกเลย เพราะเขาได้แสดงออกมาให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่า เป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของยุโรป ณ เวลานั้นจริง ๆ
เอเชียสไตล์ยุโรป ที่อาร์เซน่อลขาดไม่ได้
สิ่งที่นักฟุตบอลทุกคนกลัวที่สุด คืออาการบาดเจ็บ
เมื่อโทมิยาสุลงช่วยอาร์เซน่อลในฤดูกาลแรกไป 21 เกม เขาก็ต้องพบกับอาการบาดเจ็บเล่นงานครั้งใหญ่ จนทำให้ช่วงปรีซีซั่นในฤดูกาลถัดมา ต้องประสบปัญหาความฟิตที่น้อยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่โทมิยาสุ กังวลเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังอย่าง เบน ไวท์ , ซาลิบา , หรือกาเบรียล ก็โชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาพาอาร์เซน่อลเก็บชัยชนะ 6 จาก 7 เกมแรกของลีกได้สำเร็จ และด้วยผลงานดังกล่าว ก็ส่งผลให้โทมิยาสุ ตกไปเป็นผู้เล่นสำรองทันที
“เมื่อคุณทำได้แค่นั่งดูผู้เล่นตัวจริงทำการแข่งขันในเกมพรีเมียร์ลีก คุณจะเข้าใจสิ่งที่จำเป็นต้องมี ฉันจึงบอกตัวเองเสมอว่า จะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ตำแหน่งของฉันกลับมา” โทมิยาสุกล่าว
ด้วยเลือดซามูไรอันเข้มข้นที่ล้นเปี่ยมไปด้วยระเบียบวินัย และความเด็ดเดี่ยว ทำให้โทมิยาสุ ไม่เคยกลัวการซ้อมหนัก ยิ่งเมื่อมีโอกาสได้มาอยู่ร่วมกับนักเตะมากพรสวรรค์ระดับโลก อาทิเช่น มาติน โอเดการ์ด , บูกาโย่ ซาก้า , กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ หรือแม้แต่ปราการหลังสุดแกร่งอย่าง เบน ไวท์ ทำให้เขามีความกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเองยิ่งขึ้น ว่าสามารถลงเล่นในระดับเดียวกันกับผู้เล่นในยุโรปได้
สถานการณ์การแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงภายในทีมอาร์เซน่อล จึงเข้มข้นไม่แพ้เกมการแข่งขันภายในลีก เพราะทุกคนต่างฝึกซ้อมด้วยหัวใจมุ่งมั่นเกินร้อยเปอร์เซ็นต์แทบทั้งนั้น
โทมิยาสุ ได้ออกมาเผยความรู้สึกต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
“ผู้เล่นทุกคนในอาร์เซน่อลยอดเยี่ยมมาก แต่แน่นอนว่าผมต้องการลงเล่นเช่นเดียวกัน ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผมทำได้คือพิสูจน์คุณค่าของตัวเองในสนาม และแสดงให้เห็นว่าผมสามารถทำอะไรได้บ้าง”
การฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่โทมิยาสุเลือกทำอย่างเคร่งครัด เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อใดที่ขาดความเข้มข้นในการฝึกซ้อม จะถูกโค้ชจับนั่งเป็นตัวสำรองทันที และต่อให้เป็นผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีในนัดก่อนก็ตาม แต่อาร์เตต้า ก็ต้องการเพียงคนที่พร้อมที่สุดเท่านั้นเพื่อลงเล่นเท่านั้น
ปัจจุบัน อาร์เซน่อล กำลังรั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกฤดูกาลปัจจุบัน (2022-23) ด้วยการลงแข่งไป 20 นัด ทำได้ 50 คะแนน อยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ที่สดใส
ด้วยความสามารถที่สารพัดประโยชน์ของโทมิยาสุ คือเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนหลัง ไม่ว่าจะยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก , ฟูลแบ็ก หรือฉีกข้างไปยืนวิงแบ็ก ซ้าย - ขวา ก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งทุกตำแหน่ง โทมิยาสุล้วนเล่นได้อย่างโดดเด่น และเนียนตาอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าอากาศบาดเจ็บ จะทำให้โทมิยาสุ ไม่สามารถกลับมาเป็นผู้เล่นตัวจริงได้อย่างสม่ำเสมอเหมือนฤดูกาลแรกที่ลงเล่น แต่เขาก็เป็นผู้เล่นที่ทีมจะขาดไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
“ ผมแค่ต้องการช่วยทีม ไม่สำคัญว่าผมจะเล่นตั้งแต่เริ่มต้นหรือไม่ เมื่อผมอยู่ในสนาม ผมทุ่มเททุกอย่างเพื่อทีม” โทมิยาสุ กล่าว
แสดงให้เห็นแล้วว่า โทมิยาสุ คือผู้เล่นที่มีความมุ่งมั่นมากขนาดไหน ยิ่งถ้าหากสามารถพาอาร์เซน่อลกลับมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จในฤดูกาลนี้ เขาจะกลายเป็นนักเตะชาวญี่ปุ่นคนแรกของสโมสร และนักเตะเอเชียคนเดียวที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกับอาร์เซน่อลได้ทันที
แต่เหนือสิ่งอื่นใด โทมิยาสุ ได้แสดงให้เห็นมาตลอดว่า ด้วยหัวใจมุ่งมั่น ระเบียบวินัยในการซ้อม และทัศนคติที่ดีต่อทีม ทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นชาวเอเชีย ที่ถูกยอมรับบนเวทียุโรป ได้อย่างไม่มีข้อโต้เเย่ง
และนับจากนี้เป็นต้นไป เขาจะประสบความสำเร็จบนเวทียุโรได้ไกลแค่ไหน ก็คงต้องติดตามกันไปแบบยาว ๆ
แหล่งอ้างอิง
https://jr-soccer.jp/2018/11/16/post64933/
https://www.arsenal.com/news/ive-never-heard-sound-it
https://en.wikipedia.org/wiki/Takehiro_Tomiyasu
https://www.arsenal.com/news/welcome-takehiro-tomiyasu-signs-arsenal
https://www.90min.com/posts/takehiro-tomiyasu-could-have-joined-barcelona
https://www.goal.com/en/news/tomiyasu-exclusive-arsenal-star-reveals-why-everything-has-changed-under-arteta/blt1200966419425c13
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/arsenal-dilemmas-takehiro-tomiyasu-interview-28059547
MainStand,Main Stand,mainstand th,เมนสแตนด์,Feature