Feature

เควิน เดอ บรอยน์ : อินโทรเวิร์ต ผู้แพ้ที่ไม่ดี ที่ทุ่มชีวิตให้ฟุตบอลมากกว่าชื่อเสียง | Main Stand

“เขาสามารถยิงประตู หรือแอสซิสต์ลูกแบบหลับตาจ่ายได้โดยธรรมชาติ...” คือคำบรรยายสรรพคุณของ เป๊ป กวาดิโอล่า ที่มีต่อมิดฟิลด์ชาวเบลเยี่ยม ผู้เป็นลูกทีมของเขามามากกว่า 7 ฤดูกาล

 

ความสามารถของ เดอ บรอยน์ เป็นที่ประจักษ์แทบทุกครั้งเมื่อเขาก้าวขาลงสนาม ทั้งลูกจ่ายเหนือชั้น การลากเลื้อยที่รวดเร็วและสร้างโอกาสให้ทีม จังหวะทำประตูที่แม่นยำ กับความเป็นผู้นำของเพื่อนร่วมทีม แต่เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลาลง เขาคือส่วนหนึ่งของประชากรอินโทรเวิร์ต ผู้ไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับคนอื่นในสังคมมากนัก และแน่นอนว่าแสงไฟสปอทไลท์นั้น ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย

นี่คือเรื่องราวอีกมุมของ เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ที่ฝีเท้าแซงหน้าความโด่งดังนอกสนามไปมากโข…

 

โตมาด้วยฟุตบอล

เด็กหนุ่มผู้ลืมตาดูโลกในเมืองเกนต์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1991 ได้ฉายแววการเติบโตขึ้นมาในวงการลูกหนังตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาเปิดเผยผ่านสารคดีของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ว่า เควิน ต้องการของเล่นเพียงอย่างเดียว นั่นคือลูกฟุตบอล

ครูสมัยประถมของเขา จดจำเด็กน้อยผู้เงียบขรึมรายนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก เดอ บรอยน์ มักลุกขึ้นไปยืนรอที่หน้าประตูห้องเรียน เพื่อเตรียมรุดออกจากคาบไปเล่นฟุตบอลให้ได้รวดเร็วที่สุด

“ในสมัยเด็ก ผมเคยไปเล่นฟุตบอลที่บ้านเพื่อน แต่โดนเพื่อนห้ามไม่ให้ยิงด้วยขาขวา เพราะผมไปทำลายดอกไม้ในสวนบ้านเขาเสียหมดแล้ว” คือบทสัมภาษณ์ที่มิดฟิลด์รายนี้เล่าย้อนถึงการเล่นกีฬาลูกหนังในอดีต “พวกเขาให้ผมยิงด้วยเท้าซ้าย และตอนนั้นผมยังเด็ก ๆ อยู่ ผมเลยฝึกมันหนักมา ๆ จนยิงเท้าซ้ายได้เป็นธรรมชาติอีกข้าง และมันก็ช่วยผมได้เยอะเลยในตอนนี้”

เดอ บรอยน์ เป็นแข้งเยาวชนของทั้งสโมสร เกนต์ (Ghent) และ เกงค์ (Genk) สองทีมในโปรลีกของ เบลเยี่ยม ซึ่งแม้จะชื่อคล้ายกัน แต่ก็อยู่ห่างกันมากกว่า 150 กิโลเมตร โดยที่ เกงค์ นี่เอง เขาได้ใต่เต้าจากระดับเยาวชน จนได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก เมื่อมีอายุได้ 17 ปี และยึดตำแหน่งตัวจริงได้ ด้วยอายุ 18 ปีเท่านั้น

เติบโตมาโดยมี ไมเคิล โอเว่น เป็นไอดอล และมีสโมสร ลิเวอร์พูล เป็นทีมเชียร์ในดวงใจ แน่นอนว่ามิดฟิลด์รายนี้ย่อมหมายปองเวทีอย่างพรีเมียร์ลีกไว้อยู่แล้ว และโอกาสบานแรกก็ได้เปิดให้กับเขา เมื่อ เชลซี ตัดสินใจดึงตัวมาร่วมทีมในปี 2012

“มันมีความเหมือนฝันที่เป็นจริงอยู่นะ เมื่อสามปีที่แล้ว ผมยังเล่นกับทีมเยาวชนของ เกงค์ อยู่เลย แต่ตอนนี้ผมได้ย้ายมา เชลซี แล้ว มันดูแทบเป็นไปไม่ได้เลยนะ” เจ้าตัวเปิดเผยผ่านบทสัมภาษณ์สโมสร เชลซี พร้อมแย้มว่า “ผมคิดว่าตัวเองเป็นนักฟุตบอลสายสร้างสรรค์ และเล่นได้ดีทั้งสองเท้า ผมช่วยสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมตอนอยู่ เกงค์ ด้วยนะ”

น่าเสียดายที่มิดฟิลด์รายนี้ ได้โอกาสโชว์ของในเวทีพรีเมียร์ลีกกับ เชลซี อยู่แค่ 3 นัดเท่านั้น หลังกลับมาจากการปล่อยให้ เวอเดอร์ เบรเมน ยืมตัวไปใช้งาน และก่อนจะโดน โวล์ฟบวร์ก เซ็นสัญญาซื้อขาดไปด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์

เรื่องราวของ เดอ บรอยน์ อาจจบลงเหมือนดาวรุ่ง เชลซี รายอื่น ๆ ที่มีแววก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แต่ยังทำได้ไม่ดีเพียงพอ ก่อนเข้าสู่ลูปการส่งให้ทีมอื่นยืมตัวไปใช้งาน และค่อยขายขาดหรือปล่อยออกจากทีมเมื่อสัญญาหมดลง ทว่าก็อย่างที่ทราบกัน ว่าในปัจจุบัน KDB คือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก

เรื่องราวทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อทีมเรือใบสีฟ้าได้ยื่นข้อเสนอมาสู่ขอ เพื่อดึงตัวมิดฟิลด์รายนี้กลับเกาะอังกฤษอีกครั้ง

 

เกิดใหม่ในซิตี้

ซัมเมอร์ปี 2015 มีหลายทีมพยายามแย่งตัว เดอ บรอยน์ มาร่วมทัพ ก่อนจะปิดดีลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวราว 55 ล้านปอนด์ ที่เป็นสถิติของฟุตบอลเยอรมัน และทั้งสองสโมสรในตอนนั้น

เดอ บรอยน์ ให้สัมภาษณ์กับสโมสรหลังการย้ายมาร่วมทีมว่า “ผมอยากไปให้ถึงจุดสูงสุดของการเป็นนักเตะอาชีพให้ได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเราจะมีความสุขกันเมื่อฤดูกาลจบลง รวมถึงอาจมีถ้วยมาประดับสโมสรด้วยก็ได้”

แต่การย้ายตัวมาครั้งนี้ เจ้าตัวเคยเปิดเผยด้วยตนเองว่า “ผมจะไม่ย้ายไปอังกฤษแค่เพื่อพิสูจน์ว่าผมสามารถเล่นที่นั่นได้ ผมไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผมย้ายไป นั่นเป็นเพราะนี่คือตัวเลือกที่ดีสำหรับตัวเองและครอบครัวของผม นี่คือสิ่งสำคัญ”

เควิน เดอ บรอยน์ ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเฉพาะเมื่อ เป๊ป กวาดิโอล่า ได้มารับงานในตำแหน่งกุนซือเมื่อเริ่มฤดูกาล 2016/17 มิดฟิลด์รายนี้ได้กลายเป็นตัวทำเกม เปิดป้อนบอลให้เพื่อน และหาจังหวะเข้าทำ หรือจะเรียกว่าเป็นนักเตะที่ครบเครื่องที่สุดรายหนึ่งของทีมเลยก็ว่าได้

ลูกจ่ายมหัศจรรย์ ที่เคยถูกใช้เล่นกับอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง เซอร์จิโอ อเกวโร่ และ ราฮีม สเตอร์ริ่ง ได้ถูกปรับมาใช้กับ เออร์ริ่ง ฮาลันด์ และ แจ๊ค กรีลิช ได้อย่างแนบเนียน ในระดับที่เพื่อนร่วมทีมชาติอย่าง เอเดน อาซาร์ ยังยอมรับ “ผมรู้ว่าเขามองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ถ้า เดอ บรอยน์ ให้ผมวิ่งไปตรงไหน ผมก็จะวิ่งไปตรงนั้น และเขาจะหาทางส่งบอลมาถึงเท้าผมได้เอง”

แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย เอฟเอคัพ 1 สมัย กับคาราบาวคัพอีก 5 สมัย คือผลงานที่มิดฟิลด์วัย 31 ปี ได้มีส่วนในการสร้างสรรค์ขึ้นมา และแม้อายุจะมากขึ้น แต่ฟอร์มของ เดอ บรอยน์ ก็ยังไม่ได้ดรอปลงไปจากแต่ก่อน แถมนักวิเคราะห์สถิติยังพบว่า เจ้าตัวมีจังหวะใช้ความเร็วลากเลื้อยมากขึ้น เช่นกันกับจังหวะทำประตูที่เพิ่มขึ้นจากก่อนด้วย

“เขาเป็นคนที่ดี และไม่เคยถือตนว่าตัวเองสำคัญ ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาโคตรสำคัญกับทีมเราเอง” คือสิ่งที่ อิลไค กุนโดกัน เพื่อนร่วมทีมที่ได้เผชิญหน้ากับ เดอ บรอยน์ มาตั้งแต่เวทีบุนเดสลีกา สดุดีถึง

ซึ่งนิสัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสนามนั้น ก็มาจากตัวตนที่เขาเป็นในวัยเด็ก นั่นคือความเป็นอินโทรเวิร์ต และเป็นผู้แพ้ที่ไม่ดี...

 

อินโทรเวิร์ต

“ผมเป็นเด็กขี้อาย” คือคำนิยามตัวเขาในวัยเด็ก ซึ่งสอดคล้องกับที่คุณครูวัยประถมให้ความเห็น ว่าความเป็นอินโทรเวิร์ตของ เดอ บรอยน์ ทำให้เป็นเรื่องยากในการสานสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับผู้สอนขึ้นมา

แม้เจ้าตัวจะเป็นอินโทรเวิร์ต ผู้แทบตัดขาดผลงานในสนามกับชีวิตส่วนตัว โดยไม่สนว่าตนเองจะต้องอยู่ในแสงไฟ และแทบจะไม่สนทนากับผู้อื่นโดยไม่จำเป็น แต่ เดอ บรอยน์ คือนักเตะที่ไม่เคยกลัวที่จะต้องพูดอะไรออกมา

“ให้ผมพูดดิวะ!” คือสิ่งที่กล้องถ่ายทอดสดจับภาพมิดฟิลด์ลุคสุขุมรายนี้ กำลังฉุนเฉียวใส่เพื่อนร่วมทีม ที่เข้ามาห้ามไม่ให้เจ้าตัวเข้าไปมีประเด็นกับผู้ตัดสิน ในเกมแชมเปียนส์ลีก ปี 2017 ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ นาโปลี ไปได้ 2-1

จังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงพักครึ่ง เดอ บรอยน์ เพิ่งได้รับใบเหลืองจากจังหวะที่เจ้าตัวมองว่าไม่สมควรได้รับ และต้องการจะพูดคุยกับผู้ตัดสินถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนที่จะโดน ดาบิด ซิลวา และ เฟอร์นานดินโญ่ เข้ามาเบรคไว้ และทำให้มิดฟิลด์เบอร์ 17 ระเบิดอารมณ์ออกมาตอนนั้น

“ผมรู้นะว่าทุกคนกำลังขำกับคลิปนั้นของผม แต่นั่นถือว่าผมค่อนข้างเยือกเย็นลงแล้วนะ เมื่อเทียบกับสมัยที่ยังเป็นเด็ก ๆ น่ะ”

นั่นคือสิ่งที่เชื่อมโยงกับอีกคุณลักษณะของเขา การเป็นผู้แพ้ที่แย่ ที่ไล่ตั้งแต่การต้องถูกลากตัวออกจากสนามบอลในตอนเด็ก หลังแพ้การแข่งขันในแบบที่เจ้าตัวรับไม่ได้ มาจนถึงการเป็นรุ่นน้องในทีม ที่สั่งให้แข้งอาชีพรุ่นพี่ต้องวิ่งมากกว่านี้ เพื่อให้ทีมฝั่งของเขาเป็นฝ่ายชนะในเกมฝึกซ้อม

แวนซอง กอมปานี อดีตกัปตันทีมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยว่า “มีคุณสมบัติของผู้ชนะซ่อนอยู่ ในเบื้องหลังความเป็นเด็กหนุ่มนิสัยดีรายนี้ ผมรู้จักผู้แพ้ที่แย่อยู่ไม่กี่คนนะ แต่เขาเนี่ยเป็นเบอร์ต้น ๆ ที่ผมรู้จักเลย”

แต่นั่นก็คือทักษะที่ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจให้เป็นรองกัปตันทีมของซิตี้ “นี่คือนักเตะที่เป็นผู้นำทั้งในและนอกสนาม เขาช่วยยกระดับมาตรฐานทีม เมื่อมีนักเตะแบบ เควิน อยู่ มาตรฐานของผู้คนรอบตัวเขาก็จะสูงขึ้นไปด้วย” คือความเห็นของ คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค ซีอีโอสโมสร ที่มาร่วมสรรเสริญแข้งรายนี้ด้วยเช่นกัน

เดอ บรอยน์ อาจไม่ได้เป็นแบรนด์ที่ติดตลาดเหมือนนักเตะรายอื่น แต่เมื่อได้มองลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว นี่คือบุคคลที่อุทิศตนเองให้กับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก และทำทุกวิถีทาง คว้าทุกโอกาส เพื่อพลิกจากฝันที่ดูไกลเกินเอื้อม ให้กลายเป็นความจริงให้ได้ โดยยังไม่หยุดฝันและพัฒนาตนเอง จนกว่าจะถึงยอดสูงสุดอย่างที่เขาได้ระบุไว้เมื่อครั้งย้ายกลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

การถูกสดุดียกย่องจากทั้งเพื่อนร่วมทีมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แหล่งรวมยอดนักเตะและโค้ช กับนักเตะในทีมชาติ เบลเยี่ยม (ก่อนเกิดเหตุการณ์ฟุตบอลโลก 2022 ที่เจ้าตัวออกมาพูดกับสื่อว่า “พวกเราแก่เกินไป”) ก็ถือเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ ว่านี่คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของยุคนี้แล้ว

 

แหล่งอ้างอิง:

https://theathletic.com/3895322/2022/11/23/kevin-de-bruyne-passing/
https://www.fourfourtwo.com/features/is-kevin-de-bruyne-actually-underrated
https://www.mancity.com/news/mens/made-in-belgium-what-they-said-63735425
https://www.mancity.com/news/mens/what-we-learned-kevin-de-bruyne-made-in-belgium-63735428
https://archive.ph/20130425091338/http://www.chelseafc.com/news-article/article/2594667
https://www.republicworld.com/sports-news/football-news/kevin-de-bruyne-explains-let-me-talk-rant-and-losing-cool-with-silva.html
https://www.youtube.com/watch?v=E_DfDoZAmkQ
https://www.eurosport.com/football/premier-league/2017-2018/why-things-went-wrong-for-kevin-de-bruyne-at-chelsea_sto6353466/story.shtml

Author

กรทอง วิริยะเศวตกุล

2000 - Football and F1 fanatics - Space enthusiasts - aka KornKT

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ