Feature

ทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงดึงฟอร์มมาร์คัส แรชฟอร์ด กลับมาร้อนแรงได้ | Main Stand

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ส่งให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานร้อนแรงมาโดยตลอดในฤดูกาลนี้ คือฟอร์มการเล่นที่สุดจะเฉิดฉายของ “มาร์คัส แรชฟอร์ด”

 


แนวรุกทีมชาติอังกฤษเป็นหัวใจสำคัญในแผงเกมบุกของทีมปีศาจแดงอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่จะคอยซัลโวประตูคู่แข่งเท่านั้น เขายังมีทีเด็ดเรื่องการแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูอีกด้วย

นี่ถือเป็นการกลับมาเฉิดฉายอีกครั้งของแรชฟอร์ดหลังจากที่เขาเคยโดนวิจารณ์อย่างหนาหูในช่วงหลาย ๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา 

เพราะอะไรดาวเตะวัยเบญจเพสถึงสร้างอิมแพ็กต์ให้แมนฯ ยูฯ ฤดูกาล 2022/23 ได้ขนาดนี้ มีแนวทางใดที่ปลุกเด็กสร้างของปีศาจแดงให้กลับมาเป็นนักเตะระดับท็อปได้อีกครั้ง หาคำตอบพร้อมกันได้ที่ Main Stand

 

จากดาวโรจน์อนาคตไกล สู่ดาวเตะที่มาพร้อมเสียงวิจารณ์

มาร์คัส แรชฟอร์ด โด่งดังเป็นพลุแตกมาตั้งแต่สมัยที่เขาได้โอกาสลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลเดบิวต์ คือฤดูกาล 2015/16 ด้วยวัย 18 ปีในขณะนั้น ดาวเด่นรายนี้ฝากผลงานและสถิติสำคัญให้กับทีมอยู่ไม่น้อย

อาทิ เป็นเจ้าของสถิตินักเตะของทีมที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในการแข่งขันระดับทวีปยุโรป หลังมีชื่อซัลโวสองประตูในเกมอัด มิดทิลแลนด์ 5-1 ศึกยูโรปา ลีก แซงหน้าสถิติเดิมของ จอร์จ เบสต์ (ก่อนที่เวลาต่อมาจะโดน เมสัน กรีนวูด ทำลายต่อ) 

รวมถึงผลงานสองประตูกับอีกหนึ่งแอสซิสต์ในเกมดับ อาร์เซนอล 3-2 ส่งให้แรชฟอร์ดเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสามของแมนฯ ยูไนเต็ด ในเวทีพรีเมียร์ลีก รองจาก เฟเดริโก้ มาเคด้า และ แดนนี่ เวลเบ็ค เป็นต้น 

โดยทำสถิติในฤดูกาลแรกผ่านการลงสนาม 18 นัดและซัดไปถึง 8 ประตู ทั้งยังถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไปลุยฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2016 ด้วย

เวลาต่อจากนั้น ต่อให้แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนแปลงกุนซือมาหลายคน และแม้เขาจะมีบทบาทสลับตัวจริงกับสำรองบ้างก็ตาม ทว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็มีบทบาทในทีมซีเนียร์เรื่อยมา 

อย่างไรก็แล้วแต่ การที่แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนแปลงกุนซือบ่อยก็ส่งผลกระทบมายังตัวแรชฟอร์ดด้วยเช่นกัน และนั่นก็ส่งผลมาถึงเรื่องความสม่ำเสมอของฟอร์มในการเล่นไปด้วย 

จากดาวรุ่งที่มีแววเฉิดฉายบนถนนลูกหนังได้ในทุก ๆ ปี แรชฟอร์ดกลายเป็นเป้าโจมตีและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อ คนลูกหนัง ตลอดจนแฟน ๆ ว่าเป็นนักเตะที่มีฟอร์มการเล่นแบบ “สามวันดีสี่วันไข้”

ในช่วงเวลาที่ดาวเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้ขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการ แรชฟอร์ดโดนจับให้เล่นแทบจะทุกตำแหน่งในแนวรุก ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวเป้า แนวรุกฝั่งซ้ายและขวา ตลอดจนการลงเล่นท่ามกลางแทคติกที่หลากหลาย ภายใต้การร่วมงานกับกุนซือหลาย ๆ คนที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาคุมทีมในโรงละครแห่งความฝัน

มันจึงทำให้เขาเหมือนจะยังจับจุดตัวเองไม่เจอสำหรับการพัฒนาตำแหน่งการเล่นใด ๆ ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้แรชฟอร์ดจะมีจุดเด่นเรื่องความเร็ว ความคล่องตัว และมีความสามารถเฉพาะตัว ทว่าก็มีเรื่องของการตัดสินใจในจังหวะชี้ขาดและเรื่องของทัศนคติมาบดบัง จนกลายเป็นว่า “มาตรฐานการเล่น” ของเขาดูไม่สม่ำเสมอ

ทั้งยังมีประเด็นที่เขาโดนวิจารณ์ว่าสนใจเรื่องนอกสนามมากเกินไปอีกด้วย อย่างที่แฟนบอลทราบกันดีว่าอิทธิพลนอกสนามของแรชฟอร์ดก็ได้สร้างอิมแพ็กต์เช่นกัน เขามักจะทำงานด้านการกุศลมากมาย โดยเฉพาะการมอบโอกาสให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคม 

หรือจะเป็นเรื่องอาการบาดเจ็บที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย มีช่วงที่เขาเคยเจ็บทั้งหลังและไหล่ ซึ่งกินเวลาพักฟื้นฟูอาการและต้องหายจากทีมไปร่วม 10 นัด ในฤดูกาล 2019/20 และ 2021/22

การถูกเหยียดผิวในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโร 2020 หลังยิงจุดโทษไม่เข้าก็กดดันหนักจนส่งผลถึงสุขภาพจิต (mental health) เช่นกัน ก็ไม่แปลกที่เมื่อเขาโดนโจมตีเรื่องจิตใจจะส่งผลไปถึงฟอร์มในสนามด้วย จนหลาย ๆ ครั้งภาษากายที่ “แรช” แสดงออกมาเสมือนคนที่ความมุ่งมั่นจากช่วงเป็นดาวโรจน์หมดไปแล้ว

นี่จึงทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึก “เสียดาย” และ “เหนื่อย” ที่ต้องมาลุ้นฟอร์มของแรชฟอร์ดแบบนัดต่อนัด นั่นเพราะหลาย ๆ คนเชื่อมาตลอดว่าเขามีดีพอที่จะพาตัวเองไปได้ไกลกว่านี้

 

การเข้ามาของเทน ฮาก

2021/22 หรือฤดูกาลก่อนหน้าที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมีการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้กุนซือใหญ่อีกครั้งหนึ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้น่าผิดหวัง เขามีสถิติการลงสนามรวมทุกรายการ 32 เกม แต่แปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ให้ทีมได้แค่ 5 ลูกเท่านั้น 

แถมยังมีประเด็นไม่สบอารมณ์เท่าไรที่ ราล์ฟ รังนิค ไม่การันตีตัวจริงให้กับเขา ถึงขั้นมีข่าวลือว่าแรชฟอร์ดอาจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการย้ายทีม หากอนาคตของแข้งเบอร์ 10 แห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ยังดูไม่แน่นอน เพราะคิดว่าตัวเองมีโอกาสลงเล่นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ส่วนผลงานรวม ๆ ของทีมนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นทีมที่แฟน ๆ ต้องลุ้นผลการแข่งขันในแต่ละนัดซึ่งออกได้หมดทั้งสามหน้า (ชนะ-เสมอ-แพ้) เรียกได้ว่าการเปลี่ยนกุนซือใหญ่ระหว่างซีซั่นจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ มาสู่ ราล์ฟ รังนิค ไม่ได้ทำให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้นสักเท่าไร 

และนั่นก็ทำให้ทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับ 6 มีแต้มตามทีมอันดับ 4 หรือพื้นที่ลุ้นสิทธิ์แข่งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 13 แต้ม จบการแข่งขันในลีก 38 นัดพร้อมสถิติยิงประตูกับเสียประตูมีเท่ากันที่ 57 นั่นทำให้ผลต่างประตูได้เสียทีมอยู่ที่ 0 

นี่คือสถานการณ์ที่แฟน ๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก

ก่อนจะถึงคราวเปลี่ยนแปลงหัวหน้าโค้ชคนใหม่รับฤดูกาล 2022/23 กับการเข้ามาของ เอริค เทน ฮาก ผู้ที่เคยพา อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม คว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ลีก หรือลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ส 3 สมัย โดยนายใหญ่วัย 52 ปีเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อนำพาให้แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นภายใต้ปรัชญาของเขา

การเข้ามาของ เอริค เทน ฮาก ในช่วงแรกเริ่มคุมทีมในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขามาพร้อมความใส่ใจและจริงจังกับตลาดซื้อขายนักเตะช่วงกลางปี 2022 อย่างการเห็นต่างกับมุมมองของ ราล์ฟ รังนิค ที่เคยรับบทบาทเป็นที่ปรึกษาทีมในช่วงสั้น ๆ ที่บอกให้ทีมดึงนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพ 10 ราย เพราะลึก ๆ แล้ว เทน ฮาก เชื่อว่าขุมกำลังปัจจุบันมีดีพอที่จะเกาะกลุ่มท็อปของตารางได้ 

อย่างในฤดูกาล 2020/21 แมนฯ ยูไนเต็ด เคยขึ้นไปรั้งอันดับสองมาแล้ว บวกกับการเสริมขุมกำลังที่ตรงจุดเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็น่าจะทำให้ทีมบินสูงขึ้นได้ 

ชื่อของ คาเซมิโร่, คริสเตียน อีริคเซ่น, ไทเรล มาลาเซีย, ลิซานโดร มาร์ติเนซ รวมถึง แอนโธนีย์ คือชื่อของขุมกำลังที่แมนฯ ยูไนเต็ด คว้ามาในซัมเมอร์ 2022 พร้อมล่าความท้าทายร่วมกับกลุ่มแข้งชุดเดิมของสโมสร

เช่นเดียวกับข่าวการตั้งกฎเหล็กที่หวังให้นักเตะยึดถือเป็นแนวทาง เช่นการห้ามมาสายระหว่างประชุมหรือซ้อม, การควบคุมมวลร่างกายให้เหมาะสม ไปจนถึงการเข้ามาพูดคุยตรง ๆ กับเขาได้เลยทันที ฯลฯ ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นระเบียบวินัย สร้างสปิริตทีม และเสริมทัศนคติสู่ความเป็นผู้ชนะผ่านเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็มองข้ามไปไม่ได้

หรือแม้แต่เรื่องการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย การให้ความสำคัญกับทุกแผนก พยายามสร้างวัฒนธรรมองค์กรขึ้นมาใหม่ เช่นการให้ความสำคัญกับทีมชุดพัฒนาการของสโมสร ภายใต้แนวทางที่เขายึดถือมาตลอดการเป็นโค้ช

"สำหรับผมแล้วความร่วมมือระหว่างแผนกต่าง ๆ ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างวัฒนธรรมที่ถูกต้องในสโมสร เช่นเดียวกับที่อาหยักซ์ เมื่อผมเข้ามาสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมชุดพัฒนาการถูกแบ่งแยกออกไป ผมจึงเปลี่ยนแปลงมันทันที ที่อาหยักซ์ทีมสำรองอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้จัดการทีม นั่นเป็นวิธีเดียวที่ผมสามารถมีอิทธิพลต่อการนำพาให้ผู้เล่นอายุน้อยที่มากไปด้วยพรสวรรค์ได้ก้าวไปสู่ทีมชุดใหญ่” เทน ฮาก กล่าว

ฟอร์มในสนามก็เช่นกัน เพราะ เอริค เทน ฮาก จะเน้นสไตล์ฟุตบอลแบบสมัยใหม่ ครองบอลเหนียวแน่นและเสียบอลยาก พร้อมกับรักษาความยืดหยุ่นของทีมไปด้วย อย่างการใช้เกมสวนกลับที่แม่นยำแบบในยุคของกุนซือคนก่อน ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นแนวทางการเล่นยุคก่อนที่ เทน ฮาก จะเข้ามาคุม

ถึงแม้ช่วงแรกแมนฯ ยูไนเต็ด จะยังติดภาพสไตล์การเล่นแบบยุคเดิมที่มีปัญหายามที่เจอกับทีมที่ไม่ได้บุกเปิดหน้าแลก ใช้เกมโจมตีแบบฉาบฉวยไม่ถนัด และนั่นก็ทำให้สโมสรต้องพบกับความผิดหวังในช่วงสองเกมแรกของพรีเมียร์ลีก จากความปราชัยต่อ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน 1-2 และบุกไปพ่าย เบรนท์ฟอร์ด แบบกระจุย 0-4 จนถึงขั้นดำดิ่งสู่ท้ายตาราง

แต่เพราะ “การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา” แนวทางพร้อมแทคติกของ เอริค เทน ฮาก เริ่มผลิดอกออกผลขึ้นมาเรื่อย ๆ ไล่มาตั้งแต่เกมที่ยัดเยียดความปราชัยให้ อาร์เซนอล 3-1 ที่แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นด้วยสมาธิและรายละเอียด ซึ่งคนที่ทำได้ดีมาก ๆ ก็คือแรชฟอร์ด เจ้าของผลงาน 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์

หรือจะเป็นเกมดับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-0 ที่ในวันนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอลบีบกดดันได้ดั่งใจ กล้าชนกับไก่เดือยทองที่มีกุนซือจอมเขี้ยวอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ ได้แบบไม่มีกลัว

จากนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เริ่มเป็นทีมที่แพ้ยากขึ้น นักเตะค่อย ๆ ซึมซับวิธีการของเฮดโค้ชแดนดอกทิวลิปจนมีส่วนสำคัญที่ส่งให้ทีมเกาะอันดับท็อปโฟร์ โดยมี “มาร์คัส แรชฟอร์ด” เป็นเจ้าของดาวซัลโวรวมทุกรายการของทีมในเวลานี้

 

มีโค้ชติวเกมรุก เติมรายละเอียดยิบย่อย

การขัดเกลาให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กลับมาอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีได้ ส่วนสำคัญอีกประการหนึ่งก็เพราะ เอริค เทน ฮาก เพิ่มรายละเอียดยิบย่อยในตำแหน่งทีมโค้ชเข้าไปด้วย

ก่อนเริ่มซีซั่นใหม่ กุนซือดัตช์ไปดึง เบนนี แม็คคาร์ธี อดีตกองหน้าทีมชาติแอฟริกาใต้และแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส มาเป็นทีมงานในตำแหน่งโค้ชที่โฟกัสกับการเล่นเกมรุกเป็นสำคัญ

“ยังมีที่อีกหนึ่งในสตาฟโค้ชเราที่ผมอยากจะเติมเต็มในตำแหน่งนั้น เขามีประสบการณ์ในฐานะผู้จัดการทีม เขาเป็นโค้ชมืออาชีพ แถมยังเคยเป็นอดีตกองหน้าที่ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน” เทน ฮาก กล่าวผ่านเว็บไซต์ทางการของแมนฯ ยูไนเต็ด

“หน้าที่ของเขาจะเน้นไปที่การวางแผนในเกมบุก ผมไม่ได้พูดถึงแค่ตำแหน่งกองหน้า แต่ยังรวมถึงฟูลแบ็กและมิดฟิลด์ด้วย วิธีการเล่นของเราต้องมีความสร้างสรรค์ครับ”

ซึ่งคนที่ได้รับอานิสงค์ไปด้วยเต็ม ๆ ก็คือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งเป็นเจ้าของผลงาน 15 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์ รวมทุกรายการของทีมในเวลานี้ และนั่นทำให้เขาจารึกสถิติทำประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ด เกิน 100 ลูกไปแล้ว

แรชฟอร์ดได้รับการฝึกฝนและเติมเต็มในหลายสิ่งหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นก็คือลูกโหม่ง ซึ่งเขาก็พัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เห็นผลไปแล้ว จากประตูชัยผ่านลูกโขกในเกมเฉือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 ในแมตช์เดย์ที่ 14 ของฤดูกาล

“ผมดูคลาสเทคนิคการเล่นของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในทุก ๆ วัน เขาทำให้ผมประทับใจมาตั้งแต่การฝึกซ้อมครั้งแรก แน่นอนเมื่อคุณเริ่มทำงานกับผู้เล่นลักษณะนี้ คุณต้องมาดูเพิ่มว่าจุดไหนที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก อย่างเช่นการเล่นลูกโหม่งของมาร์คัสยังไม่ถึงขั้นสุดยอด เราได้สัมผัสกับสิ่งนั้นและเริ่มทำงานกับผู้ช่วยโค้ช เบนนี แม็คคาร์ธี” เอริค เทน ฮาก ว่าต่อ

“ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้เห็นมาร์คัสทำประตูใส่เวสต์แฮมด้วยลูกโหม่ง นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมเพราะคุณได้เห็นว่าเขามีการปรับปรุงในเรื่องนี้” 

 

เมื่อกายพร้อม ใจก็พร้อม

ถึงตอนนี้แรชฟอร์ดกลับมาเป็นอาวุธเด็ดที่น่ากลัวสำหรับทีมคู่แข่งไปแล้ว นั่นเพราะวิธีการจัดการทั้งในและนอกสนามของ เทน ฮาก รวมถึงทีมงานที่ทำทุกอย่างให้ดูเหมาะกับตัวเขาไปเสียทั้งหมด

อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อทำให้เขาพลาดการลงเล่นในช่วงกลางเดือนกันยายนซึ่งทำให้เขาไม่ได้สร้างผลงานให้ทีม แต่ช่วงเวลาต่อจากนั้นแรชฟอร์ดก็ไม่มีอาการเจ็บใด ๆ มารบกวนการวาดลวดลายบนผืนสนามอีกแล้ว

การอำลาทีมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่อาจทำให้พลพรรคเรดเดวิลสูญเสียกองหน้าระดับท็อปอาจส่งผลต่อจิตใจของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เพราะเขาจะต้องกลายมาเป็นคนที่ทำหน้าที่ผลิตสกอร์ให้กับทีมแทน และมันอาจเกิดกลายเป็นความกดดันที่ก่อขึ้นในใจเขาได้

ทว่ามันกลับไม่มากระทบสภาพจิตใจของแรชฟอร์ดได้เลย เขายังคงรักษาสถานะความมั่นใจในการจบสกอร์มาได้อย่างต่อเนื่อง 

และต่อให้เขาจะโดนดร็อปเป็นตัวสำรอง อย่างเกมที่แมนฯ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ วูล์ฟแฮมตัน 1-0 จากการนอนตื่นสายจนมาไม่ทันประชุมก่อนแข่งขัน แต่แรชฟอร์ดเจ้าของประตูชัยในเกมดังกล่าว ที่เกิดขึ้นในนาทีที่ 76 ในฐานะซูเปอร์ซับก็น้อมรับในคำสั่งของบอสเทน ฮาก กลายเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ดีว่าทั้งคู่ยังร่วมงานกันต่อได้แบบไม่มีปัญหา

"มันเป็นกฎของทีมและเป็นความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ แน่นอนว่าผมผิดหวังที่ไม่ได้ออกสตาร์ท แต่ผมก็ยอมรับการตัดสินใจนั้น ผมมีความสุขที่เราชนะในเกมนี้ ผมมาประชุมทีมสายเพราะผมนอนหลับเกินเวลาไปหน่อย มันเกิดขึ้นได้แหละ" แรชฟอร์ด เผยมุมมองของตัวเอง

"การดร็อปเขา (แรชฟอร์ด) อาจเป็นความเสี่ยงของทีม แต่ถ้าคุณต้องการจะพัฒนาบางอย่างเพื่อสร้างทัศนคติและวัฒนธรรมแห่งชัยชนะ เราต้องเป็นไปแบบนี้ ถ้าคุณปล่อยให้มีความไร้ระเบียบวินัย ไม่รักษามาตรฐาน และไม่เคารพกฎที่เราตั้งไว้กับสตาฟ นักเตะ รวมถึงทุกคนในห้องแต่งตัว มันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง เพราะมันจะไม่ก่อให้เกิดวินัยเมื่อลงสนาม ซึ่งนี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับการคว้าชัยชนะ" เทน ฮาก ว่าต่อ

"สำหรับมาร์คัส ผมรู้จักเขามา 7-8 เดือน ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมสามารถคาดหวังกับเขาจากปฏิกิริยาที่เขาแสดงออกมา เขาเป็นคนที่ใช่และเหมาะสม"

ฤดูกาล 2022/23 ดูเหมือนว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด คนเดิมที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเรื่องการจบสกอร์ จิตใจที่พร้อมพุ่งทะยาน เรียนรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องกลับมาแล้ว เขากลับมาเป็นเหมือนสมัยที่เป็นดาวรุ่ง 

มากไปกว่านั้น การเข้ามาของ เอริค เทน ฮาก ตลอดจนการซึมซับแนวทางใหม่ ๆ ทั้งในและนอกสนามแข่งของแรชฟอร์ดก็ล้วนแต่เป็นแรงผลักดันชั้นดีที่พร้อมนำพาให้อดีตเด็กสร้างสโมสรรายนี้ช่วยให้ทีมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จไปกับฟอร์มการเล่นส่วนตัวในอนาคต

 

แหล่งอ้างอิง

https://theanalyst.com/eu/2023/01/the-new-version-of-marcus-rashford-is-the-best-one-yet/ 
https://en.wikipedia.org/wiki/Marcus_Rashford 
https://www.pptvhd36.com/sport/news/175914 
https://theathletic.com/4049164/2023/01/01/erik-ten-hag-manchester-united-reserves/ 
https://theathletic.com/4063686/2023/01/07/rashford-assist-goals-everton/ 
https://www.transfermarkt.com/marcus-rashford/leistungsdaten/spieler/258923 
https://www.sportingnews.com/th/football/news/%E0%
https://www.express.co.uk/sport/football/1719294/Man-Utd-news-Marcus-Rashford-Benni-McCarthy-Erik-ten-Hag-West-Ham-weight 

 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ