Feature

อาซเซดีน โอนาฮี : เยาวชนในพระบรมราชูปถัมภ์โมร็อกโก ที่กลายเป็นเทพในชั่วข้ามคืน | Main Stand

ปฏิเสธไม่ได้ว่าม้ามืดที่แสนจะมืดที่สุดในฟุตบอลโลก 2022 คือทีมชาติโมร็อกโก ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมชาติจากแอฟริกาชาติแรกที่ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ และยังเสียประตูเพียงลูกเดียวจากการทำเข้าประตูตัวเอง เท่ากับว่าบรรดาคู่ต่อสู้ยังไม่สามารถทะลวงตาข่ายพวกเขาได้เลย

 


แน่นอนว่าหลายฝ่ายอาจจับจ้องไปที่ ยาซชิน โบโน (Yassine Bounou) ผู้รักษาประตูสุดหนึบ, โรแม็ง ซาอีส (Romain Saïss) ปราการหลังจอมเก๋า, กัปตันทีม อาชราฟ ฮาคีมี (Achraf Hakimi), วิงแบ็กขวาปอดเหล็กที่ขึ้นสุด-ลงสุด, โซฟียาน บูฟัล (Sofiane Boufal) กลางรุกร่างตันสายลากเลื้อย และ ฮาคิม ซีเยค (Hakim Ziyech) ที่โชว์ลีลาสุดฤทธิ์สุดเดช 

แต่พลพรรค “สิงห์โตแอตลาส” จะอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดเช่นนี้ไม่ได้เลยหากขาดกองกลางเพลย์เมกเกอร์หุ่นบางที่คอยสร้างสรรค์เกม คุมจังหวะ หรือลำเลียงไปกับบอล นามว่า “อาซเซดีน โอนาฮี (Azzedine Ounahi)”

เขาเป็นใคร ? มีตื้นลึกหนาบางอย่างไร ? ร่วมย้อนรอยชีวิตบนถนนสายฟุตบอลของกองกลางวัย 22 ปีคนนี้ไปพร้อมกับเรา

 

เยาวชนในพระบรมราชูปถัมภ์

ก่อนอื่นนั้นต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าที่โอนาฮีประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ได้ พรสวรรค์และพรแสวงก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือการได้รับ ”พระมหากรุณาธิคุณ” จาก “สถาบันกษัตริย์” แห่งโมร็อกโก เรียกได้ว่าเขาเป็น “เยาวชนในพระบรมราชูปถัมภ์” เลยทีเดียว

เพราะโมร็อกโกนั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศบนโลกที่ปกครองโดยระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) โดยมีนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ และที่น่าสนใจคือระบอบดังกล่าวเพิ่งเปลี่ยนผ่านมาได้ไม่นาน เพราะเกิดในปี 2011 ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ Arab Spring ที่ทำให้ “สมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมหมัดที่ 6” กษัตริย์แห่งโมร็อกโกต้องชิง “พระราชทานรัฐธรรมนูญ” เสียก่อน เพื่อลดความตึงเครียดของคนในสังคม

แม้จะยกสถานะของระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารประเทศ และมีดุลแห่งอำนาจ 3 ฝ่าย (นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ) แบบที่ควรจะเป็นในสากลโลก แต่หน้างานจริง ๆ แล้วสถาบันกษัตริย์ยังคงมีอำนาจที่ชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลได้ 

ซึ่งตรงนี้ถือว่าไม่แตกต่างจากประเทศไทยที่เป็นอยู่ หรือเป็นสิ่งที่ The Economist Intelligence Unit (EIU) หน่วยวิจัยเศรษฐกิจเอกชนชื่อดังของอังกฤษ ได้นิยามว่าเป็น “ระบอบผสม (Hybrid Regime)”

อีกทั้ง พระเจ้ามูฮัมหมัดที่ 6 ยังถือครองสถิติกษัตริย์ที่รวยที่สุดในแอฟริกา และรวยที่สุดในโลกอันดับที่ 6 อีกด้วย

เมื่อประกอบรวมกันทั้งหมด การที่กษัตริย์สามารถช่วงชิง “อำนาจนำ” ต่อประชาชน จากการเล่นบทบาทผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญจนกลายเป็น “กษัตริย์นักประชาธิปไตย” เช่นนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรย่อมถือเป็นเรื่องทาง “พระประสงค์” ที่จะทำให้โมร็อกโกมีความเจริญรุดหน้าทั้งสิ้น สิ่งนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีงามสำหรับพสกนิกรโมร็อกโกเสมอ

ดังนั้นประชาชนจึงไม่ได้มีปัญหากับระบอบใหม่ “แต่ในนาม” ที่เพิ่งเริ่มต้นมาไม่ถึง 10 ปีนี้แต่อย่างใด และแน่นอนจึงไม่แปลกใจที่พระเจ้ามูฮัมหมัดที่ 6 จะกระทำตนด้วย “บทบาทเชิงรุก” ได้อย่างไม่เคอะเขิน ดังนั้นกษัตริย์จึงดำเนิน “โครงการตามพระราชดำริ” ได้อย่างทางสะดวก เรียกได้ว่าคิดโครงการแข่งกับรัฐบาลเลยทีเดียว

โดยหนึ่งในโครงการตามพระราชดำริที่ถือได้ว่าใช้งบประมาณแผ่นดินสูงมากและประสบความสำเร็จประมาณหนึ่ง นั่นคือการสร้างระบบฟุตบอลเยาวชน ชื่อว่า “Mohammed VI Academy” ที่พระเจ้ามูฮัมหมัดที่ 6 ทรงทุ่มไม่อั้นที่จะพัฒนาฟุตบอลโมร็อกโกให้รุดหน้ากว่าทีมยักษ์ใหญ่ในแอฟริกาทั่วไป โดยทุ่มเม็ดเงินราว 460 ล้านบาทรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เสกสรรขึ้นมาโดยไม่ระบุแหล่ง 

ทั้งนี้ก็เพื่อเนรมิตศูนย์ฝึกฟุตบอลที่ครบวงจรที่มีโคตรสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์การฝึกซ้อม โค้ชเยาวชนระดับโลก ระบบการบริหารจัดการ รวมถึงระบบการศึกษา การพยาบาล และที่อยู่อาศัย เทียบเท่ากับ Aspire สาขา Africa และ JMG อคาเดมีทางฟุตบอลที่เป็นอันดับต้น ๆ ในภูมิภาคแอฟริกาเลยทีเดียว 

โดยท่านยังได้สร้างเครือข่ายระบบแมวมองให้เสมือนเป็นตัวแทนในการสรรหาบรรดาเยาวชนที่มีพรสวรรค์ด้านการเล่นฟุตบอลจากทั่วทั้งประเทศให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอคาเดมี และคัดกรองจนได้เยาวชนอายุราว 13-18 ปีจำนวนกว่า 50 ชีวิต เข้ามาประเดิมอคาเดมีในปี 2010 

ซึ่งศูนย์ฝึกแห่งนี้ก็ดูแลประคบประหงมนักเตะเยาวชนเป็นอย่างดี ด้วยหวังว่าพวกเด็ก ๆ จะกลายเป็นผลผลิตที่ทรงประสิทธิภาพให้กับวงการฟุตบอลในประเทศ กระนั้นนักเตะที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด แน่นอนว่าหนีไม่พ้นโอนาฮี ผิดกับร่างกายที่ผอมแห้งเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงอย่างมาก

เขามีทุกอย่างที่กองกลางเวิล์ดคลาสควรจะมี โฮล์ดบอลยอดเยี่ยม เลี้ยงกินตัวก็ดี จ่ายบอลก็แม่นยำ แถมยังมีการเข้าสกัดที่หนักหน่วง ผิดกับสรีระภายนอกของเขา พัฒนาการของเขาถือว่ารุดหน้าเพื่อนร่วมรุ่นอย่างมาก และอาจจะดีกว่าผลผลิตในรุ่นก่อน ๆ เสียด้วยซ้ำ 

นั่นทำให้ Mohammed VI Academy ดูท่าว่าจะเล็กเกินไปสำหรับเขา ตามประสาวัยรุ่นเลือดร้อนจึงไม่แปลกใจ ที่เขาจะย้ายซบสโมสรสตาร์สบูร์ก (Strasbourg) ทีมในระดับลีก เอิง ของประเทศฝรั่งเศส ในฤดูกาล 2018-19

แต่ใครเลยจะรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของโอนาฮีเกือบทำให้เขา “สิ้นชื่อ” ในถนนสายฟุตบอลไปเสียแล้ว

 

ลำเค็ญลีกทรัวส์ ก่อนขึ้นมาคั่วลีกเอิง

"สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง" โควตนี้สามารถใช้อธิบายการย้ายข้ามน้ำข้ามทะเลของโอนาฮีมาสู่สตาร์สบูร์กได้เป็นอย่างดี

เป็นเรื่องปกติของคนในวัย 17 ย่าง 18 ที่กระบวนการคิดนั้นยังไม่รอบจัดรอบด้าน ไตร่ตรองเรื่องต่าง ๆ ได้ยังไม่ถ้วนถี่พอที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ตนเอง เมื่อเห็นรุ่นพี่ในอคาเดมีอย่าง ยูเซฟ เอ็น-เนซีรี (Youssef En-Nesyri) ที่ไปโดดเด่นกับมาลากา หรือ นาเยฟ อาเกิร์ด (Nayef Aguerd) ที่ไปโดดเด่นกับดิฌง ความอยากเจริญรอยตามย่อมเกิดขึ้น

จริงอยู่ที่สตาร์สบูร์กคือทีมระดับกลางค่อนเล็กของลีก เอิง หากแต่ฟุตบอลยุโรปอย่างไรก็คือฟุตบอลยุโรป เด็กที่มีชื่อเสียงในโมร็อกโกก็ใช่ว่าคนในฝรั่งเศสจะรู้จัก 

ดังนั้นขวบปีแรกของโอนาฮีจึงทำได้แค่เพียงซ้อม ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อมกับทีมชุดเยาวชน หรือในบางครั้งก็มีโอกาสได้ขยับขึ้นไปซ้อมกับทีมสำรอง หากแต่โค้ชทีมชุดใหญ่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะหันมาเหลียวมองเขาเลย 

“ผมยอมเซ็นสัญญากึ่งอาชีพนี้เพราะเข้าใจว่าทางสโมสรจะมอบสัญญาอาชีพจริง ๆ จัง ๆ ให้กับผมหลังจากนั้น พวกเขาเกลี้ยกล่อมผมว่า เอาน่า นี่มันช่วงล็อกดาวน์ ให้พ้นจากนี้ไปก่อนสัญญาจะประเคนมาแน่ แต่แล้วผมก็พบว่าผมคิดผิดมหันต์” โอนาฮี เปิดใจถึงความโง่เขลาของตนเอง

“นี่คงเป็นวงการฟุตบอลล่ะมั้ง ผมทำใจยอมรับได้อยู่หรอก แต่ผมโคตรมั่นใจเลยนะ วาระดับผมนี่เล่นลีก เอิง หรือว่าลีก เดอซ์ ได้สบายหายห่วง”

แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น ขวบปีที่สองของเขาก็ยังคงไม่ได้รับโอกาสจากทีมชุดใหญ่เสียที เรียกได้ว่าจากที่จะได้สานต่อพัฒนาการต่อยอดฟอร์มการเล่นมาจากอคาเดมี แต่กลับต้องไปนั่งหงอยลงเล่นในระดับลีกเยาวชนไปวัน ๆ บางแมตช์ก็เป็นได้แค่ตัวสำรอง เช่นนี้พอมาถึงช่วงกลางฤดูกาล 2019-20 ความอดทนก็มาถึงจุดสิ้นสุด ทำให้เขาต้องแสดงจุดยืนอย่างการขอขึ้นบัญชีย้ายทีม

กระนั้นก็นับว่าบุญพระรักษาโอนาฮีอยู่ไม่น้อย เพราะสโมสรอาวฮอชส์ (US Avranches) ทีมในระดับลีก ทรัวซ์ หรือระดับดิวิชั่น 3 ของประเทศฝรั่งเศสได้ยื่นข้อเสนอเข้ามาเป็นทีมเดียว แน่นอนถึงแม้ว่าจะได้รับการลดชั้นลงไปเล่นถึง 2 ระดับ แต่ลีกอาชีพก็คือลีกอาชีพ โอนาฮีไม่พลาดโอกาสที่จะคว้าไว้ให้อยู่มือ

การมายังอาวฮอชส์ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เขาได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นตัวสำรองทีเด็ดที่คอยเปลี่ยนเกม หรือการยึดตัวจริงได้เลยทีเดียว โดยทำสถิติลงเล่นไป 27 แมตช์รวมทุกรายการให้กับสโมสรอาภรณ์ฟ้าครามจากแคว้นนอร์มังดี และยิงไป 5 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อยสำหรับตำแหน่งกองกลาง

แน่นอนว่าช้างเผือกไม่ว่าจะอยู่ในป่าลึกเพียงใดควาญช้างก็จะตามหาพบจนได้ หลังจากอยู่กับอาวฮอชส์ได้เพียงฤดูกาลเดียว สโมสรอองเชร์  (SCO Angers) ก็ได้ดึงตัวเขากลับมาเล่นยังลีก เอิง อีกครั้ง และที่น่าปีติไปกว่านั้นคือบรรดาบุคลากรของอาวฮอชส์ต่างให้การสนับสนุนโดยไม่มีการมาฉุดรั้งเขาให้อยู่กับทีมไปเรื่อย ๆ

“ผมทราบมาตลอดว่าหมอนี่ไม่ธรรมดา ผมยังงงเลยว่าเขามาอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่นี้ได้อย่างไร ทั้งที่จริง ๆ เขาเจ๋งกว่านั้นเยอะ” เฟรเดอริค เรคูเลอ (Frederic Reculeau) อดีตโค้ชอาวฮาชส์ พูดถึงเขา 

“เขาควรได้รับสิ่งนี้มานานแล้ว และผมยินดีโคตร ๆ ที่เขาจะได้ไปโลดแล่นที่อองเชร์ หรือแม้กระทั่งการที่เขาติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลก”

โอนาฮีไม่เคยทำให้เรคูเลอผิดหวังแม้แต่ครั้งเดียว ทันทีที่เขาได้รับโอกาสในการลงสนามให้กับอองเชร์ เขาไม่ปล่อยโอกาสในการเป็นดาวจรัสฟ้าหลุดลอยไป เพียง 2-3 แมตช์ในฤดูกาล 2021-22 เขาก็ยึดตำแหน่งตัวจริงจากบรรดาซีเนียร์ของทีมได้แทบจะทันที 

โดยเขาได้ประสานงานร่วมกับ โซฟียาน บูฟัล กองกลางขรัวเฒ่าร่วมทีมชาติเดียวกันได้อย่างลงตัวชนิดที่มองตาก็รู้ใจ ทั้งสองผลัดกันแอสซิสต์และทำเกมให้อองเชร์บินสูงในลีก เอิง อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 14 รอดตกชั้นอย่างสบาย ๆ 

แม้เขาจะเพิ่งเล่นในลีกสูงสุดอย่างเต็มตัว แต่ผลงานดันไปเข้าตา วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช (Vahid Halilhodzic) อดีตโค้ชโมร็อกโก ที่ไม่สนเสียงวิจารณ์เรียกตัวโอนาฮีเข้ามาติดทีมชุดลุยศึก Africa Cup of Nations 2021 อย่างน่าเหลือเชื่อ

โดย 3 แมตช์ในรอบแบ่งกลุ่มเขาลงตัวจริงทั้งหมด ก่อนที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเขาจะเป็นตัวสำรอง และทีมก็ตกรอบจากการพ่าย อียิปต์ 1-2 แต่นั่นก็ถือได้ว่าเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ของเขาในระยะเวลาไม่ถึงปี เรียกได้ว่าเป็นดั่งเทพนิยายก็ไม่ปาน และยิ่งตอกย้ำไปกว่านั้นในรายการฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนแอฟริกา ที่เขายังคงเป็นกำลังหลักในแมตช์ที่เอาชนะ ดีอาร์ คองโก ไป 4-1 ผ่านเข้าไปสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยโอนาฮีแอสซิสต์ไป 1 ครั้งในเกมนั้น

และถึงแม้โค้ชจะเปลี่ยนเป็น วาลิด เรกรากี (Walid Regragui) แต่ด้วยฟอร์มสุดยอดของโอนาฮีย่อมทำให้เขาไม่พลาดที่จะเป็น 1 ใน 26 กำลังหลักลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์อย่างไม่ต้องสงสัย

“หมอนี่คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของทีมเลย เทคนิคการเล่นฟุตบอลโคตรสุด เวลาเห็นเขาเล่นแล้วผมแฮปปี้มาก ๆ” นาเยฟ อาเกิร์ด กองหลังรุ่นพี่จากอคาเดมียังเอ่ยปากยอมรับ 

“เขาคือส่วนผสมของมืออาชีพและความเทพ ผมถูกใจน้องชายคนนี้มาก ๆ เขาโชว์ให้เห็นเลยว่าอย่าด่วนตัดสินเขา  จนกว่าจะได้เห็นเขาแสดงของลับให้ดู แน่นอน เขาสามารถทำอะไรให้กับทีมได้มากกว่าที่เรา ๆ คิด” อาเกิร์ด กล่าวย้ำ

แม้แต่ โรแม็ง ซาอีส ปราการหลังกัปตันทีมชาติ ยังเอ่ยปากชมว่า “น้องชายผมคนนี้โตวันโตคืน ผมเห็นพัฒนาการของเขามาตลอด แม้จะเริ่มต้นอาชีพได้ทุลักทุเลแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าของหมอนี่แรงจริง ๆ”

กระนั้นโอนาฮีก็ยังคงถ่อมตนและไม่ได้แสดงอาการเหลิงไปกับคำชื่นชมแต่อย่างใด โดยเขาได้กล่าวว่า “แม่งโคตรบ้าเลยชีวิตผม ผมเล่นอยู่ในลีก ทรัวซ์ เมื่อปีก่อน แต่ดูตอนนี้สิผมกำลังจะได้เล่นในฟุตบอลโลก ผมทำงานหนักมาตลอด ขอบคุณอองเชร์ที่เซ็นผมมาร่วมทีม นี่แหละโอกาสครั้งสำคัญที่มาถึงจริง ๆ”

ก่อนที่ชีวิตเขาจะบ้าได้ถึงจุดสุดยอดที่กาตาร์อย่างไม่น่าเชื่อ

 

เล่นเพิ่มค่าตัวในฟุตบอลโลก

“ขอโทษจริง ๆ ผมจำชื่อหมอนี่ไม่ได้ กองกลางเบอร์ 8 โมร็อกโกน่ะ แต่โอ้โห! ทำผมเหวอเลย ให้ตายสิ! หมอนี่มาจากไหนกัน เล่นโคตรสุด"

คำกล่าวของ หลุยส์ เอ็นริเก้ นั้นแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของโอนาฮีได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะตัวเขาได้ทำการปั่นป่วนเกมรับของสเปนอย่างจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แม้ตัวเขาเพียงคนเดียวก็สามารถเอาชนะแดนกลางอนาคตใหม่ของทัพกระทิงดุอย่าง กาบี และ เปดรี ได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนที่เขาและพลพรรคสิงโตแอตลาสจะฝ่าด่านจุดโทษ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายมาได้

ซึ่งจริง ๆ นั้นตัวเขาโชว์ฟอร์มโดดเด่นมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มแล้ว เพียงแต่เป็นไปในลักษณะ “ปิดทองหลังพระ” ให้นักเตะคนอื่น ๆ ได้เฉิดฉาย ซึ่งตัวเขาได้ออกมายอมรับเองว่า “ผมเพลย์เซฟไว้ก่อน ยังไม่ปล่อยของเท่าที่ควร”

แต่เมื่อมาถึงระบบแพ้คัดออก ทีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมาออมแรงกักเก็บของที่มีไว้อีกต่อไป เราจึงได้ยลโฉมความสามารถในแดนกลางของหนุ่มน้อยร่างกายขวัญใจด่านตรวจคนนี้อย่างเต็มสองตา

ยิ่งในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับโปรตุเกส เขาได้ขยี้ยอดกองหลังทั้งระดับเก๋าอย่าง เปเป้ หรือระดับอนาคตใหม่พันธุ์แกร่งอย่าง รูเบ็น ดิอาซ ชนิดขาดกระจุย แม้แต่กลางรับพันธุ์ดุอย่าง รูเบ็น เนเวส ก็ยังต้องยอมในความสุดยอดของโอนาฮี

โดยช็อตที่ตราตรึงใจแฟนบอลที่ได้รับชมแมตช์ดังกล่าวคือจังหวะสวนกลับในช่วงท้ายเกม โดยบอลมาเข้าทางโอนาฮี และมีนักเตะโปรตุเกสเข้าบีบ 2 คน ใครเห็นก็คิดว่าต้องเสียบอล แต่โอนาฮีดันโชว์คลาสในการคลึงบอลหลบ 2 คน ก่อนจะเลี้ยงไปจ่ายขนานเส้นให้กับ บูฟัล แต่น่าเสียดายที่โดนสกัดออกหลังไป

และในท้ายที่สุดโมร็อกโกก็รักษาสกอร์ 1-0 ไว้ได้ ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับ ฝรั่งเศส ได้แบบพลิกความคาดหมาย เรียกได้ว่าพวกเขาเป็นม้ามืดอย่างแท้จริง

ซึ่งในท้ายที่สุดนี้สัจธรรมที่ได้เรียนรู้จากชายชื่อ อาซเซดีน โอนาฮี คงหนีไม่พ้นเรื่อง “30 ลิขิตฟ้า 70 ต้องฝ่าฟัน” เพราะถึงแม้ว่าเขาจะได้เป็นเด็กในคาถาของกษัตริย์ แต่ก็ไม่ใช่เพราะความเสน่หา เพราะเขาเทพจริง ๆ และแม้โลกแห่งความเป็นจริงทางฟุตบอลได้สาดซัดเขาแทบล้มทั้งยืน แต่เขาก็ไม่งอมืองอเท้าน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา ก่อนจะพลิกชีวิตกลับมาอยู่ในสปอตไลท์ได้อีกครั้ง

ด้วยวัยเพียง 22 ปี อนาคตของเขายังคงอีกยาวไกล และคาดหวังได้เลยว่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในโลกตะวันตกต่างจับจ้องมาที่เขาตาเป็นมัน รอวันล่าลายเซ็นไปร่วมทัพอย่างแน่นอน

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.fifa.com/fifaplus/en/articles/world-cup-qatar-2022-morocco-azzedine-ounahi-remarkable-rise-youngest-player 
https://www.theguardian.com/football/blog/2022/dec/10/azzedine-ounahi-helps-morocco-make-the-impossible-a-vivid-reality 
https://ukdaily.news/my-god-where-is-this-guy-from-luis-enrique-amazed-by-azzedine-ounahi-236405.html 
https://theconversation.com/morocco-at-the-world-cup-6-driving-forces-behind-a-history-making-win-196359 
https://www.lemonde.fr/football/article/2022/12/10/maroc-portugal-azzedine-ounahi-la-revelation-des-lions-de-l-atlas_6153832_1616938.html 
https://snrtnews.com/article/37913
https://web.archive.org/web/20110620210534/http://news.yahoo.com/s/ap/20110617/ap_on_re_mi_ea/ml_morocco_king  
https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-12-11/morocco-s-tactical-masterplan-ignites-unlikely-world-cup-run?utm_campaign=socialflow-organic&utm_medium=social&utm_content=asia&utm_source=facebook&fbclid=IwAR1C13onuHS8SC9VMYwejhBV5KY8bamku8mRWHxMJFj7Je_OnTmzeZvkTdg 

Author

วิศรุต หล่าสกุล

หน้าตา 4KINGS ฟังเพลง 4EVE

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น