ศึกฟุตบอลโลก 2010 ครั้งแรกบนแผ่นดินแอฟริกาใต้ นอกจากเกมฟาดแข้งตลอด 64 คู่ที่สนุกสนานเร้าใจแฟนบอล, ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของแชมป์โลกสมัยแรกอย่าง สเปน, เสียงเครื่องเป่าวูวูเซลาสุดแสนประหลาด มันยังถูกจารึกว่าเป็นฟุตบอลโลกที่มีเพลงประกอบการแข่งขันที่ติดหูอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลถึง 2 เพลงด้วยกัน
หนึ่งในนั้นคือ Wavin' Flag เพลงป๊อปกลิ่นอายฮิปฮอป ที่ขับร้องโดย K'Naan ศิลปินหนุ่มชาวโซมาเลียที่มาเติบโตในแคนาดา เพลงนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ เป็นซาวด์แทร็กประกอบทัวร์นาเมนต์ที่ใครก็ร้องตามได้ ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เพลงที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อโปรโมตฟุตบอลโลกเลยสักนิด แต่กลับโด่งดังจนใครต่อใครเข้าใจผิดว่าเป็นเพลงประจำการแข่งขันไปเสียอย่างนั้น
และนี่คือเรื่องราวของเพลงซึ่งเป็นเซอร์ไพรส์ฮิตในฟุตบอลโลก ที่ Main Stand นำมาฝาก เพื่อชวนทุกคนย้อนเวลากลับไปร้องเพลงนี้ด้วยกันอีกสักรอบ
เด็กชายผู้เกือบตายเพราะระเบิด
ที่แห่งหนหนึ่งในโมกาดิชู เมืองหลวงของสาธารณรัฐโซมาเลีย คือบ้านเกิดของ เคนาน อับดี วอร์เซมี เด็กชายที่ลืมตาดูโลกขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวที่มีจิตใจรักในศิลปะ เขามีคุณตาเป็นผู้ประพันธ์กวีที่มีชื่อเสียงในบ้านเกิด ขณะที่ มากูล คุณป้าของเขาก็มีความสามารถในการร้องเพลง และเสียงเพลงที่คุณป้าร้องให้ฟังเป็นประจำคือสิ่งที่ช่วยก่อร่างสร้างความฝันที่อยากจะเป็นศิลปินของเด็กชายเคนานขึ้นเรื่อย ๆ
แม้จะถูกปลูกฝังให้รู้จักความงดงามของศิลปะแขนงต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตวัยเด็กของเคนานก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียหมด อับดี คุณพ่อของเขา ต้องเก็บข้าวของไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ขับแท็กซี่ส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวเนื่องจากฐานะทางบ้านที่ไม่สู้ดีและไม่มีอาชีพอะไรที่ทำรายได้มากพอให้พวกเขากินอยู่อย่างสุขสบาย
ขณะที่โซมาเลียในปี 1991 มีเหตุสงครามกลางเมือง มีการใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นระหว่างคนสองฝั่งที่ขัดแย้งกัน ปัญหาความยากจนข้นแค้นที่ทำให้ชาวโซมาเลียก่อเหตุจี้ปล้นหรือเป็นโจรสลัดล่องเรือออกไปปล้นเรือบรรทุกสินค้าที่ล่องมาในเขตน่านน้ำของประเทศ ทำให้ชีวิตวัยเด็กของเคนานต้องพบเจอเรื่องราวเช่นนี้แทบทุกวัน และเขาก็สูญเสียเพื่อนสนิทไปถึง 3 คนจากการโดนวัยรุ่นเจ้าถิ่นพุ่งมาชิงทรัพย์แล้วถูกปืนยิงเสียชีวิต
ไม่เพียงเท่านั้นเคนานยังเล่าว่าตอนอายุ 12 ขวบเขารอดพ้นจากความตายมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เมื่อวันหนึ่งเขาไปขุดหามันฝรั่งในแปลงผักที่โรงเรียนแต่กลับเจอระเบิดมือที่ฝังอยู่ในดินและเผลอดึงสลักออกโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบโยนไปที่อื่นแล้วมันก็ระเบิดตูม เรียกได้ว่ารอดตายแบบหวุดหวิด
การที่โซมาเลียตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองตอนนั้น ทำให้คุณแม่ของเคนานตัดสินใจเก็บข้าวของและสิ่งมีค่าทั้งหมดออกจากบ้านที่โมกาดิชูแล้วพาเคนานไปพบเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตสหรัฐอเมริกาในโซมาเลียเพื่ออ้อนวอนขอให้พวกเขาได้เดินทางลี้ภัยไปอยู่ที่นิวยอร์ก จนในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็ให้แม่ลูกคู่นี้นั่งเครื่องบินลี้ภัยไปที่สหรัฐอเมริกา ไปพบกับพ่อของเขา ก่อนตั้งรกรากเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งด้วยการย้ายมาอยู่ที่เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา
"ผมเป็นเด็กที่เคยพาเพื่อนพี่น้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่อันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่บ่อยครั้ง เพราะผมมักทำตัวเป็นผู้นำหรืออยู่แนวหน้าตลอด ผมบอกเลยว่ารู้สึกโชคดีมากที่ได้ย้ายออกมา" เคนาน เล่าความหลัง
ศิลปินผู้เป็นกระบอกเสียงแก่ผู้ลี้ภัย
ชีวิตใหม่ที่โทรอนโตและการย้ายมาสร้างครอบครัวที่สหรัฐอเมริกาในภายหลัง ทำให้เคนานได้เริ่มต้นสู่การเป็นศิลปินตามที่ใฝ่ฝัน เขาได้มีโอกาสพบกับ ไบรอัน เวสต์ กับ จาร์วิส เชิร์ช สองศิลปินและโปรดิวเซอร์เพลงชาวแคนาดา ที่พร้อมผลักดันให้เด็กหนุ่มจากโซมาเลียที่มี Nas ศิลปินฮิปฮอปชาวอเมริกันเป็นไอดอลและใช้เพลงของ Nas เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ได้ฉายศักยภาพความเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว
เคนานสั่งสมประสบการณ์ทำงานดนตรีจนเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเมื่ออัลบั้มชุดที่ 3 ของเขา "Troubadour" ที่วางแผงในปี 2009 ประสบความสำเร็จ อัลบั้มนี้เคนานนำเสนอดนตรีสไตล์ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี ในแบบที่เขาชื่นชอบ มีเพลงโปรโมตที่แฟนเพลงฮิปฮอปรู้จักกันดีเช่น ABCs, Take a Minute, Wavin' Flag, Bang Bang ที่ได้รับเกียรติจาก อดัม เลอวีน นักร้องนำเจ้าเสน่ห์ของ Maroon 5 วงป๊อปร็อกชื่อดังระดับโลกมาร่วมแจม
อัลบั้ม Troubadour ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพึงพอใจ แม้จะไม่ได้ขายดีเปรี้ยงปร้างแต่ก็ทำให้ชื่อของเคนานเป็นที่รู้จักในแวดวงดนตรีฮิปฮอป ขณะเดียวกันเขาก็เป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินผู้เป็นกระบอกเสียงให้แก่ผู้ลี้ภัยจากประเทศต่าง ๆ ที่ต้องลี้ภัยออกจากประเทศบ้านเกิดที่มีเหตุความวุ่นวายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศอื่นเหมือนกับที่เขาเป็น ทุกที่ที่เขาไปเล่นคอนเสิร์ตเขามักถ่ายทอดเรื่องราวความลำบากของชีวิตผู้ลี้ภัยให้แก่ผู้ชมได้รับรู้อยู่เสมอ
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือเพลง Wavin' Flag เพลงที่ดังที่สุดของเขาในอัลบั้ม Troubadour เคนานเล่าว่าเพลงนี้เขาตั้งใจแต่งขึ้นเพื่อให้กำลังใจแก่บรรดาผู้ลี้ภัยที่ต้องหนีออกจากถิ่นฐานเพราะภัยสงครามและความไม่สงบในบ้านเกิด และแน่นอนว่ามันก็เคยเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเขาด้วย โดยสาระสำคัญก็คือไม่ว่าจะต้องประสบความลำบากสักแค่ไหน ขอเพียงให้ทุกคนพยายามต่อสู้กับทุกอุปสรรคที่เข้ามาอย่างไม่ย่อท้อ คุณก็จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและผ่านมันไปได้ เหมือนธงที่ถูกโบกปลิวขึ้นฟ้าอย่างอิสระเสรี
"When I get older, I will be stronger, they'll call me freedom, just like a waving flag (เมื่อถึงเวลาที่ฉันเติบโต ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจะมองฉันว่าเป็นอิสระดังธงที่ปลิวสไวบนฟ้า)" นี่คือท่อนฮุกที่เป็นหมัดเด็ดของเพลง Wavin' Flag ที่มัดใจผู้ลี้ภัยและคนฟังเพลงผู้รักในเสรีภาพได้เป็นอย่างดี
และความสำเร็จของเพลง Wavin' Flag ที่พุ่งไปติดชาร์ตเพลงอันดับ 2 ที่แคนาดา ทำให้เคนานมีความสุขมาก แต่เขาก็ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าหลังจากนั้นมันจะกลายเป็นเพลงที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
เพลงฟุตบอลโลก 2010 แบบไม่เป็นทางการ
ความโด่งดังและเนื้อเพลงที่กินใจของ Wavin' Flag เข้าไปเตะหูบรรดาผู้บริหารของ Coca-Cola เครื่องดื่มน้ำอัดลมชื่อดัง ที่ตอนนั้นกำลังเตรียมแคมเปญร่วมโปรโมตการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ติดต่อไปที่ A&M Octone ค่ายเพลงต้นสังกัดของเคนานและตัวศิลปินเพื่อพูดคุยถึงการขอนำเพลงนี้และตัวเคนานมาร่วมทำกิจกรรมโปรโมตแคมเปญฟุตบอลโลกของ Coca-Cola
โจ เบลล็อตติ หัวหน้าฝ่ายการตลาดในด้านกิจกรรมบันเทิงของ Coca-Cola บอกว่าก่อนหน้านี้เขาและทีมงานได้ช่วยกันคัดเลือกศิลปินที่น่าสนใจที่จะดึงตัวมาร่วมทำแคมเปญโปรโมตฟุตบอลโลกกว่า 100 คน แต่สุดท้ายพวกเขาก็เลือกเคนานเพราะชอบในเนื้อหาของเพลง Wavin' Flag และตัวของเคนานที่เกิดและเติบโตที่โซมาเลีย ประเทศที่อยู่ในทวีปแอฟริกา ซึ่งตรงกับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะมีขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้พอดี
แม้ไม่มีการเปิดเผยว่า Coca-Cola จ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์เพลง Wavin' Flag ให้กับเคนานและค่าย A&M Octone ที่จำนวนเท่าไหร่ แต่เมื่อค่ายเพลงและตัวเคนานมองว่านี่เป็นโอกาสดีอย่างมากที่จะได้นำบทเพลงที่มีเนื้อหาระดับมาสเตอร์พีซชิ้นนี้เผยแพร่ไปสู่คนฟังทั่วโลกในช่วงเวลาที่เกมฟุตบอลแห่งมวลมนุษยชาติฟาดแข้งกัน ถึง Coca-Cola จะขอให้มีการปรับเนื้อเพลงที่ต้นฉบับพูดถึงสงคราม การลี้ภัย มาเป็นการแข่งขันฟุตบอล การเฉลิมฉลองในเกมลูกหนังให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าสาระสำคัญของเพลงยังอยู่ครบ เคนานและค่ายเพลงก็ไม่ลังเล ตอบตกลงร่วมงานด้วย
วันที่ 30 เมษายน 2010 ก่อนที่ ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้ จะเริ่มขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า Coca-Cola ได้ทำการเปิดตัวแคมเปญโปรโมตฟุตบอลโลกของพวกเขาพร้อมกับเพลง Wavin' Flag ของเคนานที่ถูกเปลี่ยนชื่อสำหรับเวอร์ชั่นนี้ว่า Wavin' Flag (Coca-Cola Celebration Mix) ที่ส่วนของดนตรีมีการรีมิกซ์ใหม่ ใส่เสียงกลองช่วงอินโทรเข้าไปให้ต่างกับต้นฉบับ เพิ่มความคึกคักให้ตัวเพลงขึ้น ขณะที่เนื้อเพลงก็มีการปรับเพิ่มให้เข้ากับคอนเซ็ปต์มากขึ้น จนเป็นท่อนพรีฮุกที่ได้ยินได้ฟังกันอย่าง "Let's rejoice in the Beautiful Game" และ "See the champions take the field" ทำนองว่าขอให้ลืมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ไปก่อนแล้วมาสนุกกับเกมการแข่งขันอย่างอิสระเสรีกันดีกว่า
แล้วในที่สุด Wavin' Flag เวอร์ชั่นบอลโลกก็กลายเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จแบบถล่มทลาย ขึ้นไปติดชาร์ตเพลงระดับท็อป 10 มากมายในยุโรป ขณะเดียวกันยังทำยอดขายซิงเกิลในยุโรปและแคนาดารวมกันได้มากกว่า 1,400,000 ก๊อปปี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบแผ่นหรือยอดดาวน์โหลด แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือเมื่อไรก็ตามที่เพลงนี้ถูกเปิดในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก แฟนบอลก็สามารถร้องหรือฮัมเพลงนี้กันได้อย่างพร้อมเพรียง เพราะความที่มันมีเนื้อและเมโลดี้ที่ชวนติดหูอย่างมาก ครบทุกองค์ประกอบของการเป็นเพลงฮิตระดับแมสในโลกดนตรี
และเรื่องน่าขำขันก็คือความดังของเพลง Wavin' Flag เวอร์ชั่นนี้ทำให้ใครหลายคนเข้าใจผิดว่ามันเป็นเพลงฟุตบอลโลกแบบ Official ประจำการแข่งขันในปี 2010 ทั้งที่ความจริงแล้วมันคือเพลงโปรโมตแคมเปญฟุตบอลโลกของ Coca-Cola เท่านั้น
เปิดก่อน (เพลงจริง) ได้เปรียบ
หนึ่งปัจจัยที่ทำให้เพลง Wavin' Flag เวอร์ชั่นบอลโลกของเคนานโด่งดังจนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเพลงฟุตบอลโลก 2010 ก็เพราะว่าทาง Coca-Cola ทำการโปรโมตเพลงนี้และแคมเปญฟุตบอลโลกของพวกเขาก่อนที่เพลงประกอบฟุตบอลโลก 2010 ตัวจริงจากทาง FIFA จะเปิดตัว 1 สัปดาห์นั่นเอง
เพลง Wavin' Flag ฉบับโปรโมตแคมเปญฟุตบอลโลกของ Coca-Cola เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 30 เมษายน 2010 นอกเหนือจากการยิงโฆษณาโปรโมตผ่านทางทีวีทุกครัวเรือนตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังมีกิจกรรมโรดโชว์ เดินสายโปรโมตกิจกรรมฟุตบอลโลกไปทั่วทุกแห่งหนพร้อมกับเปิดเพลงนี้ไปด้วย ทำให้ท่วงทำนองของ Wavin' Flag ซึมซับเข้าไปติดหูคอบอลจำนวนมาก
ขณะที่เพลง Waka Waka (This Time for Africa) เพลงประกอบฟุตบอลโลก 2010 ตัวจริงแบบ Official จาก FIFA ที่ได้ ชากีรา ซูเปอร์สตาร์เพลงละตินป๊อปหญิงชื่อดังชาวโคลอมเบีย มาขับร้องและชวนทุกคนมาโยกย้ายส่ายสะโพกไปด้วยกัน ที่ถูกตัดเป็นซิงเกิลโปรโมตในวันที่ 7 พฤษภาคม 2010 พร้อมอัปโหลดมิวสิกวิดีโอขึ้น Youtube ตามหลัง Wavin' Flag ของ K'Naan เพียงสัปดาห์เดียว
แม้ Waka Waka (This Time for Africa) จะเป็นเพลงที่ดังไม่แพ้กัน ที่เมื่อเปิดที่สนามไหนแฟนบอลก็จะร้องและเต้นตามเจ้าของเพลงได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ Wavin' Flag ถูกตัดเป็นซิงเกิลโปรโมตก่อนมันได้ชิงกระแสความนิยมจากแฟนบอลไปก่อนเรียบร้อย ถึงขั้นที่มีคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า Wavin' Flag คือเพลงประกอบบอลโลก 2010 ของจริงไปเสียอย่างนั้น และยังคงคิดแบบนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนเคนาน เจ้าของเพลงตัวจริง ก็คงถูกคนฟังถามเรื่องนี้กันเยอะ จนทำให้เจ้าตัวต้องกลับไปเขียนแคปชั่นในเพลง Wavin' Flag (Coca-Cola Celebration Mix) ที่อยู่ในแชนแนล YouTube ของตัวเองว่า "นี่ไม่ใช่เพลงฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการนะครับ"
ถูกยกย่องไม่แพ้เพลงบอลโลกในตำนาน
ถึงจะไม่ใช่เพลงฟุตบอลโลกแบบ Official เหมือนที่แฟนบอลหลายคนเข้าใจ แต่ Wavin' Flag (Coca-Cola Celebration Mix) ได้ถูกยอมรับให้เป็นหนึ่งในเพลงประกอบการแข่งขันฟุตบอลโลกที่น่าจดจำไม่แพ้บรรดาเพลงฟุตบอลโลกระดับตำนานในอดีต เช่น Un'estate italiana (To Be Number One) ที่ใช้ประกอบฟุตบอลโลก 1990 ที่ประเทศอิตาลี ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดตลอดกาล หรือ The Cup Of Life ของ ริคกี มาร์ติน ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส เลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้นมันยังช่วยเปิดโอกาสให้เคนานได้ออกไปทัวร์คอนเสิร์ตในหลายประเทศ ได้ร้องเพลง Wavin' Flag และสื่อสารถึงเรื่องราวของผู้ลี้ภัยให้แก่แฟนเพลงทั่วโลกไปในวงกว้างมากขึ้นด้วย ถึงแม้เขาจะยอมรับว่า Wavin' Flag เวอร์ชั่นบอลโลกจะดังกว่าเพลงต้นฉบับในอัลบั้ม Troubadour แต่มันก็ส่งเสริมให้คนฟังเพลงได้กลับไปลองฟัง Wavin' Flag เวอร์ชั่นออริจินัลและเข้าใจในสิ่งที่เขาตั้งใจสื่อสารถึงผู้ลี้ภัยมากกว่าเดิม
"เพลงเวอร์ชั่นใหม่ที่ฟังแล้วมีความสุขนี้มีความไพเราะของเมโลดี้บางตัวที่ดึงดูดให้คนฟังรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่เพลงป๊อปธรรมดา ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเพลงที่เปิดม่านพาคนฟังให้ย้อนกลับไปฟังเวอร์ชั่นต้นฉบับ แล้วมันก็จะพาคุณไปพบกับเพลงอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย" เคนาน รำลึกถึงเพลงแห่งความสำเร็จที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
แหล่งอ้างอิง
https://www.bbc.com/news/10342791
https://www.billboard.com/music/music-news/how-knaans-song-became-coca-colas-world-cup-soundtrack-957856/
https://www.billboard.com/music/music-news/top-10-worthy-world-cup-songs-from-waka-waka-to-wavin-flag-957845/
https://www.songfacts.com/facts/knaan/wavin-flag
https://thenewsmill.com/2018/06/it-was-never-an-official-fifa-theme-song-but-isnt-wavin-flag-one-of-the-best/