"ทุกคนอยากดูการแข่งขันฟุตบอล พอมันชะงักหลายครั้งแบบนั้นมันไม่ดีแน่ ๆ " เยอร์เกน คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล กล่าวหลังเกมพบกับ นิวคาสเซิล ที่บอลอยู่ในการเล่นทั้งเกมเพียงแค่ 49 นาที
ปฏิเสธไม่ได้ว่าแทคติกถ่วงเวลาเป็นสิ่งที่ได้รับการถกเถียงมาตลอดในหลายปีที่ผ่านมา และซีซั่นนี้มันก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง เมื่อมีสถิติจาก Opta ระบุว่าในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 มีจำนวนนาทีที่ลูกบอลอยู่ในการเล่นเฉลี่ยแค่เพียง 55 นาที 45 วินาที (สถิติถึงนัดที่ 8)
แม้ว่าการถ่วงเวลาจะไม่ได้เป็นเรื่องแปลก เพราะหลายทีมก็ต่างนำมาใช้เพื่อรักษาสกอร์ แต่มันก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย ทั้งจากนักข่าว แฟนบอล และโค้ช ว่ากำลังทำให้พรีเมียร์ลีก หนึ่งในลีกยอดนิยมของโลกกลายเป็นลีกที่น่าเบื่อ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาพยายามหาทางแก้ไข แต่คำถามคือมันควรจะเริ่มที่จุดไหน และวิธีใดถึงจะลงตัวสำหรับทุกฝ่ายมากที่สุด ?
ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกับ Main Stand
ถ่วงเวลาขัดความสนุก
แม้พรีเมียร์ลีกจะเป็นหนึ่งในลีกที่ได้รับความนิยมของโลก แต่ในช่วงหลายปีหลังหลายเกมถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเข้าขั้น "น่าเบื่อ" จากแทคติกถ่วงเวลาที่ต่างงัดมาใช้ ไม่ว่ากับทีมใหญ่หรือทีมเล็ก เพื่อรักษาสกอร์ที่ต้องการ
อังกัส คินเนียร์ ผู้บริหารของลีดส์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในนั้น เขาวิจารณ์เรื่องนี้ลงในหนังสือโปรแกรมของทีม อ้างถึงเกมที่ทีมของเขาเจอกับ แอสตัน วิลลา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา
"การถ่วงเวลาอยู่ตรงข้ามกับทุกสิ่งที่ทำให้พรีเมียร์ลีกกลายเป็นที่รักไปทั่วโลก" คินเนียร์ อธิบาย
คินเนียร์ยังพูดประเด็นนี้อีกครั้งหลังเกมที่ลีดส์บุกไปพ่าย คริสตัล พาเลซ 2-1 ที่จำนวนนาทีที่ทั้งสองทีม "เล่น" บอลมีเพียงแค่ 44 นาที 2 วินาที ซึ่งต่างจากเกมที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 4-0 ที่มีบอลอยู่ในการเล่นมากถึง 68 นาที
"เราคงไม่สามารถบ่นใด ๆ เกี่ยวกับความพยายามอย่างชัดเจนของพาเลซที่จะเอาชนะในเกม บอลอยู่ในการเล่นแค่เพียง 43 เปอร์เซ็นต์จากเวลาทั้งหมด เมื่อเทียบกับอีกเกมพรีเมียร์ลีกในสัปดาห์ที่ 10 ซึ่งบอลอยู่ในการเล่นมากที่สุดที่ 72 เปอร์เซ็นต์" คินเนียร์ กล่าวต่อ
"สิ่งนี้ดูเหมือนจะรับไม่ได้ทั้งจากผู้เล่นและคนดู และเป็นปัญหาที่เราต้องเน้นกับ PGMOL" (PGMOL - Professional Game Match Officials Limited, องค์กรที่ดูแลผู้ตัดสินในฟุตบอลลีกอาชีพอังกฤษ)
เยอร์เกน คล็อปป์ กุนซือของลิเวอร์พูล ก็เป็นอีกคนที่พูดถึงเรื่องนี้ในเกมพบกับนิวคาสเซิล (1 กันยายน 2022) ที่ลูกทีมของเขาต้องเจอกับแทคติกถ่วงเวลาของทีมเยือนตลอดทั้งเกม จนมีบอลอยู่ในการเล่นแค่เพียง 49 นาที
ทำให้แม้ว่าท้ายที่สุดลิเวอร์พูลจะคว้าชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่กุนซือชาวเยอรมันก็ออกมาโวยในเรื่องนี้ และเรียกร้องให้มีการลงโทษอย่างเคร่งครัดสำหรับทีมที่มีเจตนาถ่วงเวลา
"ทุกคนอยากดูการแข่งขันฟุตบอล พอมันชะงักหลายครั้งแบบนั้นมันไม่ดีแน่ ๆ" คล็อปป์ กล่าวอย่างหงุดหงิดหลังเกม
"ผมคิดว่าวิธีที่เดียวที่เรามีตอนนี้สำหรับผู้ตัดสินแล้ว พวกเขาต้องให้ใบเหลืองแต่เนิ่น ๆ มันจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณจะมีโอกาสได้ทำอีกครั้งเดียว และถ้าทำอีกครั้งคุณก็ต้องออกไป"
อย่างไรก็ดีพรีเมียร์ลีกไม่ได้เป็นลีกเดียวที่มีปัญหานี้
มะเร็งบั่นทอนเกมลูกหนัง
อันที่จริงการถ่วงเวลาไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ มันถูกใช้มานานแล้ว อีกทั้งยังเป็นเป็นแทคติกที่หลายทีมต่างงัดออกมาใช้กันเป็นประจำ โดยเฉพาะจากจังหวะการทุ่มและเตะจากประตู
มันจึงเป็นปรากฏการณ์ที่ผู้คนกำลังถกเถียงและมีความเห็นที่หลากหลาย เช่นกันกับ ปิแอร์ลุยจิ คอลลินา ประธานผู้ตัดสินของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ก็เคยยกประเด็นนี้มาพูดถึง
"หนึ่งในสิ่งที่เรากำลังคุยกันคือ มันคุ้มหรือไม่ที่ทุกเกมต้องแข่งในระยะเวลาที่เท่ากัน" คอลลินา กล่าวกับ Calciatori Brutti กลุ่มในโซเชียลมีเดียของอิตาลี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
"ถ้าดูจากสถิติจะพบว่าทุกวันนี้มีทีมที่ใช้เวลาเล่นแค่ 52 นาที อีกทีมใช้เวลาแค่ 43 นาที และอีกทีมใช้เวลา 58 นาที และเมื่อรวมเวลาทั้งหมดในลีกเข้าด้วยกันค วามแตกต่างนี้จะใหญ่มาก"
"อีกอย่างที่ต้องคิดคือ ผมในฐานะผู้ชมที่จ่ายตั๋วเข้าชมในสนามหรือชมการแข่งขันจากที่บ้านเพื่อจะดูฟุตบอล 90 นาที แต่ผมได้ดูมันแค่ 44, 45, 46 นาที มันคือครึ่งหนึ่งของราคาตั๋วที่ต้องจ่ายให้กับเวลาที่ไม่ได้เล่น และการถ่วงเวลาส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากการทุ่มหรือเตะจากประตู"
จากสถิติของ Opta ระบุว่า จำนวนนาทีที่บอลอยู่ในการเล่นของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022-23 มีค่าเฉลี่ยแค่เพียง 55 นาที 45 วินาที (สถิติถึงนัดที่ 8) แต่ยังมากกว่าฤดูกาลที่แล้วที่มีจำนวนนาทีเฉลี่ยแค่เพียง 55 นาที 7 วินาที
อย่างไรก็ดีหากดูตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกที่เก็บสถิตินี้จะพบว่าจำนวนนาทีที่มีบอลอยู่ในการเล่นมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยฤดูกาลที่แล้วคือฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุด (55 นาที 7 วินาที)
และถ้าหากลงลึกไปจะพบว่าหลายเกมมีจำนวนนาทีที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของเวลาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเกมระหว่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กับ เบรนท์ฟอร์ด เมื่อฤดูกาล 2021-22 (41 นาที 33 วินาที) หรือเกมระหว่าง แอสตัน วิลลา กับ นิวคาสเซิล ในฤดูกาลเดียวกัน (41 นาที 51 วินาที)
ส่วนทีมที่ครองแชมป์ถ่วงเวลามากที่สุดในฤดูกาลที่แล้วคือ แอสตัน วิลลา ที่เมื่อพวกเขาลงสนามจะมีบอลอยู่ในการเล่นเฉลี่ยแค่เพียง 52 นาที 23 วินาที (สถิติถึง 6 พ.ค. 2022) รองลงมาคือ เซาธ์แฮมป์ตัน (52 นาที 42 วินาที) ขณะทีมที่มีบอลอยู่ในการเล่นมากที่สุดคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ 60 นาที 53 วินาที
ทั้งนี้ การดึงเวลา นอกจากจะทำให้เกมติดขัดไม่ลื่นไหลจนหมดสนุกแล้ว มันยังสร้างความหงุดหงิดให้แก่โค้ช ยกตัวอย่างเช่นในเกมที่ แมนฯ ซิตี้ บุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ ในเดือนมีนาคม 2022 ที่จบลงด้วยการเสมอกัน 0-0 เป๊บ กวาร์ดิโอลา กุนซือของทีมเยือนถึงขั้นลงไปคุยกับ บิเซนเต กวยตา ผู้รักษาประตูของเจ้าบ้านถึงในสนามหลังจบการแข่งขัน
ทว่าพรีเมียร์ลีกไม่ใช่ที่เดียวที่เผชิญกับปัญหานี้ เนื่องจากเมื่อเทียบกับ 5 ลีกใหญ่ในยุโรปจะพบว่า บุนเดสลีกา ของเยอรมัน (54 นาที 31 วินาที) และ กัลโช่ เซเรีย อา ของอิตาลี (54 นาที 30 วินาที) ต่างมีจำนวนนาทีที่น้อยกว่าลีกสูงสุดของแดนผู้ดีทั้งสิ้น
และที่เลวร้ายที่สุดคือ ลา ลีกา ของสเปน ที่มีจำนวนนาทีที่บอลอยู่ในการเล่นแค่เพียง 54 นาที 28 วินาที ขณะที่ลีกที่มีจำนวนนาทีการเล่นมากที่สุดในหมู่บิ๊กไฟว์ คือ ลีกเอิง ของฝรั่งเศส ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 56 นาที 19 วินาที
แต่ถึงอย่างนั้นตัวเลขที่ออกมาก็ยังน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
60 นาทีและนาฬิกาหยุดเวลา ?
แน่นอนว่าพรีเมียร์ลีกต่างตระหนักดีในเรื่องนี้ พวกเขาพยายามเร่งหาแนวทางแก้ไข โดยล่าสุด Professional Game Match Officials Limited หรือ PGMOL ที่มีหน้าที่ดูแลผู้ตัดสินของอังกฤษ ได้พูดคุยหารือกับทุกทีมในทุกดิวิชั่นมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล
เนื่องจากซีซั่นนี้พวกเขาได้นำระบบใหม่มาใช้ โดยเฉพาะ Multi-ball system ที่แต่ละเกมจะมีบอลถึง 8 ลูกอยู่ทั่วทุกมุมของสนาม (หลังประตูฝั่งละ 2 ลูก ข้างสนามด้านละ 2 ลูก) และยังไม่รวมอีก 2 ลูกที่ใช้แข่ง รวมถึงอยู่กับผู้ตัดสินที่ 4 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การทุ่มหรือการเตะจากประตูมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น และจะทำให้จำนวนนาทีที่บอลอยู่ในการเล่นมีเพิ่มมากขึ้น
หรือการทดเวลาเพิ่มในแต่ละครึ่งของการแข่งขันสำหรับการฉลองหลังยิงประตูและการเปลี่ยนตัว เพื่อชดเชยเวลาที่หายไปที่จะเอาไปรวมกับจังหวะการดู VAR หรือการปฐมพยาบาลนักเตะที่บาดเจ็บที่แต่เดิมบวกเวลาไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ดีมันอาจจะช่วยได้ไม่มากนัก เมื่ออันที่จริงแล้วนอกจากตัวผู้เล่นต้นตอของปัญหานี้ก็มาจากผู้ตัดสินเองที่เป็นผู้ทำให้การแข่งขันออกมาในลักษณะนี้
เพราะแม้ว่าตามกฎผู้ตัดสินสามารถให้ใบเหลืองแก่นักเตะที่มีเจตนาถ่วงเวลาได้ แต่พวกเขาก็มักจะให้ใบเหลืองในช่วงกลางเกมหรือท้ายเกมเท่านั้น ทำให้หลายคนมองว่าผู้ตัดสินควรจะเด็ดขาดตั้งแต่ต้นเกมเพื่อหยุดยั้งวงจรนี้
"ถ้ากรรมการจัดการอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่ 5 นาทีแรก มันจะไม่เกิดขึ้นเลยตลอดทั้งเกม คุณวางกฏใบเหลืองสำหรับสิ่งนั้น ถ้าทุกคนทำมันก็ต้องเป็นใบเหลือง" โนเอล วีแลน อดีตกองหน้าดาร์บี เคาน์ตี กล่าวกับ Sporting Life
"พวกเขา (กรรมการ) ต้องปรามมันตั้งแต่แรก มันทำให้การแข่งขันน่ารำคาญ และทำให้แต่ละทีมน่ารำคาญไปด้วย คงไม่มีใครอยากดูเกมการแข่งขันแบบนี้"
เช่นกันกับการบวกเวลาเข้าไป ที่แม้ฟีฟ่าแนะนำว่าให้เพิ่มเวลา 30 วินาทีต่อเหตุการณ์ที่ทำให้เกมหยุดชะงัก แต่สุดท้ายการทดเวลาบาดเจ็บก็ยังไม่เท่าหรือแม้แต่ใกล้เคียงกับเวลาที่เสียไประหว่างเกม
โดยจากงานวิจัย FiveThirtyEight ที่วิเคราห์ 32 เกมในฟุตบอลโลก 2018 ระบุว่าในแต่ละเกมควรจะมีการทดเวลาอย่างน้อย 13 นาที 10 วินาที แต่ความจริงส่วนใหญ่มักลงเอยกับการทดเวลาที่น้อยกว่าเกือบครึ่งหรือต่ำกว่า 7 นาที
"ถ้าเราเที่ยงตรงกว่านี้เราก็อาจจะต้องเตรียมใจกับการทดเวลาบาดเจ็บ 9 นาที" คอลลินา ให้ความเห็น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีบางคนเสนอแนวทางแก้ไขด้วยระบบ "60 นาทีพร้อมนาฬิกาหยุดเวลา" ที่จะแบ่งการแข่งขันเป็นครึ่งละ 30 นาที และหยุดเวลาทุกครั้งที่บอลตายคล้ายกับการแข่งขันฟุตซอลหรือบาสเกตบอล ที่ต่างได้รับการสนับสนุนเป็นวงกว้างจากหลายฝ่าย
หนึ่งในนั้นคือ ชาบี เอร์นานเดซ กุนซือของบาร์เซโลน่า ที่ให้สัมภาษณ์ด้วยความหงุดหงิดในเกมนัดเปิดฤดูกาลลา ลีกา 2022-2023 ที่พวกเขาทำได้แค่เพียงเปิดบ้านเสมอกับ ราโย บาเยกาโน แบบไร้สกอร์ 0-0
"สำหรับผมมันเป็นสถานการณ์ที่ไร้สาระ และผมก็ไม่ได้พูดถึงราโยเป็นพิเศษ" ชาบี กล่าวหลังเกม
"แต่ผมคิดว่าเราเป็นแค่กีฬาชนิดเดียวที่ไม่มีการหยุดเวลามาก่อน เราไม่ต้องการการเล่นแบบยุติธรรมอย่างนั้นหรือ ? สิ่งนั้นจะช่วยยุติการโกงได้"
เช่นกันกับ มาร์ค แคลทเทนเบิร์ก อดีตผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก ที่ถูกใจกับแนวคิดนี้ และเคยให้ความเห็นกับ Daily Mail ไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมาว่า
"ผมคิดว่ามันมีวิธีการแก้ไขสำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ และนั่นก็คือการแข่งขัน 60 นาทีพร้อมกับนาฬิกาหยุดเวลา ไอเดียที่ ปิแอร์ลุยจิ คอลลินา, ฟีฟ่า และ IFAB กำลังมองอยู่มันได้ผลกับบาสเกตบอล และมันก็น่าจะได้ผลกับฟุตบอลด้วยเช่นกัน"
อย่างไรก็ดีสำหรับ International Football Association Board หรือ IFAB กลับยังไม่ซื้อไอเดียนี้
หาทางออกร่วมกัน
แม้ว่ากฎของฟุตบอลจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ก่อนที่การปรับเปลี่ยนจะได้รับการรับรองจำเป็นจะต้องผ่านการหารือจากบอร์ดบริหารสมาคมฟุตบอลนานาชาติ หรือ IFAB เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันก่อนจะประกาศใช้
เช่นกันสำหรับ กฎ 60 นาทีพร้อมนาฬิกาจับเวลา เมื่อมันได้ถูกนำเข้าสู่ที่ประชุมของ IFAB เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นหลายฝ่ายก็ยังคงสนับสนุนการแข่งขันที่แต่ละครึ่งใช้เวลา 45 นาทีเหมือนเดิม
แต่ใช่ว่าพวกเขาจะปล่อยให้ปัญหานี้เรื้อรังต่อไป เพราะผลจากการประชุมนั้นแย้มออกมาว่าอาจจะมีแผนระยะสั้น เพื่อจัดการกับเรื่องนี้ โดยจะหารือในช่วงก่อนฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์จะเริ่มขึ้น
แนวทางที่หลายฝ่ายคาดเอาไว้คือ การเน้นย้ำเรื่องความเข้มงวดของผู้ตัดสิน เช่นผู้รักษาประตูจะมีเวลาเพียง 6 วินาทีในการเล่นลูกตั้งเตะ หรือตอนเปลี่ยนตัวก็ให้ผู้เล่นออกจากสนามในจุดที่ใกล้ที่สุด เป็นต้น
นอกจากนี้อาจจะมีการทดเวลาที่เหมาะสมกว่าที่เคยเป็นให้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับเวลาที่เสียไปจริง ๆ จากตอนที่นักเตะฉลองหลังยิงประตู หรือได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น
ทว่าไอเดียหนึ่งที่พวกเขาเตรียมนำมาใช้แก้ปัญหานี้คือ การคิกอิน ที่จะใช้การเตะแทนการทุ่มที่มักเป็นทริกที่ใช้ถ่วงเวลามากที่สุด มันคือไอเดียของ อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือของอาร์เซนอล ที่ปัจจุบันนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอลของฟีฟ่า
"เป้าหมายคือการทำให้การแข่งขันน่าตื่นเต้นและรวดเร็วขึ้น และบางทีการทุ่มอาจจะใช้เท้าได้ แต่ก็จะมีเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีเป็นต้น อะไรแบบนี้" เวนเกอร์ อธิบาย
อันที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพยายามจัดการกับกับสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลน่าเบื่อ เพราะก่อนหน้านี้ในปี 1992 ฟีฟ่าก็เคยแก้กฎส่งคืนหลังให้ผู้รักษาประตูมาก่อน และมันก็สามารถเปลี่ยนแปลงฟุตบอลไปอีกมิติหนึ่ง
ดังนั้นไม่ว่าจะคิกอินหรือกฎ 60 นาทีจะถูกนำมาใช้หรือไม่ แต่มันคือภาพสะท้อนอย่างชัดเจนว่าหลายฝ่ายต่างพยายามอย่างเต็มที่ในการทำให้ฟุตบอลสนุกอย่างที่ควรจะเป็น
และที่สำคัญเพื่อไม่ให้แฟนบอลรู้สึกว่าถูกขโมยเวลาในสนามไป ท่ามกลางค่าตั๋วที่แพงขึ้น ๆ ทุกปี
แหล่งอ้างอิง
https://www.sportinglife.com/football/news/opinion-time-wasting-must-stop/154572
https://theathletic.com/3715981/2022/10/23/football-time-wasting-solutions/
https://www.theguardian.com/football/blog/2022/aug/25/time-wasting-needs-tackling-manchester-united-liverpool
https://www.sportinglife.com/football/news/opinion-time-wasting-must-stop/154572
https://www.chroniclelive.co.uk/sport/football/football-news/liverpool-time-wasting-myth-busted-24906451
https://www.theguardian.com/football/2022/aug/31/liverpool-winner-the-perfect-response-to-time-wasting-says-jurgen-klopp
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-11089923/IAN-LADYMAN-Time-wasting-robbing-fans-pay-fortune-three-minute-penalty-Everton.html
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-10220473/Premier-League-time-wasting-worse-Man-City-culpable-Aston-Villa-worst.html
https://www.fourfourtwo.com/news/leeds-manager-jesse-marsch-slams-aston-villa-time-wasting-after-snail-paced-match
https://www.marca.com/en/football/manchester-city/2022/03/15/6230843d22601dfa088b4589.html
https://www.bbc.com/sport/football/61342349