Feature

ทอม เดอลอง : เมื่อสเก็ตบอร์ด หล่อหลอมเด็กเกเรสู่ไอดอลแห่งโลกป๊อปพังก์ | Main Stand

วันที่ 11 ตุลาคม 2022 แฟนเพลงของวง Blink-182 ทั่วโลกมีรอยยิ้มกันถ้วนหน้า เมื่อวงป๊อปพังก์หัวใจวัยรุ่นแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศว่า ทอม เดอลอง นักร้องและมือกีตาร์ผู้ก่อตั้งวงกลับมาร่วมงานกับวงอีกครั้ง ก่อนประกาศจัดทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกซึ่งก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากจนบัตรคอนเสิร์ตขายหมดเกลี้ยงในหลายเวที เพื่อต้อนรับการกลับมาของนักร้องตัวกวนคนนี้

 

ทอม เดอลอง ไม่เพียงแต่เป็นนักร้องและมือกีต้าร์ของวงป๊อปพังก์มหาชนที่มียอดขายมากกว่า 50 ล้านชุดทั่วโลก แต่ยังมีอิทธิพลในฐานะบุคคลที่ร่วมขับเคลื่อนกระแสดนตรีป๊อปพังก์ให้ได้รับความนิยมอย่างสูงในยุคมิลเลนเนียม ขณะเดียวกันความชื่นชอบในการเล่นสเก็ตบอร์ดของเขาก็มีส่วนช่วยในการทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจอยากทำวงดนตรี และกลายเป็นไอดอลของวัยรุ่นสายพังก์ทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

สเก็ตบอร์ดมีอิทธิพลต่อชีวิตของ ทอม เดอลอง มากแค่ไหน นี่คือเรื่องราวที่ Main Stand ขอนำเสนอต้อนรับการกลับมาของ Blink-182 คลาสสิกไลน์อัป

 

เด็กแสบแห่งแคลิฟอร์เนีย

เมืองโพเวย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย คือบ้านเกิดของหนุ่มน้อยที่ชื่อ โธมัส แมทธิว เดอลอง เขาลืมตาดูโลกในวันที่ 13 ธันวาคม 1975 มีคุณพ่อที่ทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทน้ำมันในเมือง ส่วนคุณแม่เป็นนายหน้าดูแลเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ชีวิตวัยเด็กของ โธมัส หรือ ทอม ก็เหมือนเด็กทั่วไปที่วิ่งเล่นกับเพื่อนฝูงเป็นกลุ่มแก๊งที่โรงเรียน และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาได้ทำความรู้จักการเล่นดนตรี เขาลองเป่าทรัมเป็ตที่คุณแม่ซื้อให้เป็นของขวัญตอนอายุ 11 ขวบ แม้รู้สึกสนุกแต่ก็ยังไม่ได้สนใจที่จะเล่นดนตรีสักเท่าไรนัก

ชีวิตในรั้วโรงเรียนของ ทอม เดอลอง เขาเป็นที่รู้จักในฐานะเด็กแสบประจำโรงเรียน นอกจากการรวมหัวกับเพื่อนฝูงแกล้งคนอื่นเป็นประจำยังมีวีรกรรมแสบสันอีกมากมาย เช่น เอาธนบัตรมาเช็ดอุจจาระหลังเข้าห้องน้ำแล้วปาใส่เพื่อน, ป่วนครูประจำห้องเรียน, จับกลุ่มดื่มเหล้าตามประสาวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลอง และแน่นอนว่าด้วยนิสัยเช่นนี้ผลการเรียนของเขาจึงออกมาไม่เป็นที่ประทับใจของพ่อแม่และทางโรงเรียนเท่าไร

ความซ่าของ ทอม เดอลอง นำพาปัญหาครั้งใหญ่มาสู่ตัวเขา เมื่อวันหนึ่งขณะที่มีการจัดแข่งขันบาสเกตบอลในโรงเรียน ทอมเดินเข้าสนามมาพร้อมกับเหล้าที่ซุกไว้ในกระเป๋า เขาดื่มกับเพื่อนฝูงจนเมามาย ซึ่งท้ายที่สุดมีอาจารย์เดินมาพบทอมที่อยู่ในอาการมึนเมาพอดี จึงตัดสินลงโทษไล่ออกจากโรงเรียนโทษฐานประพฤติตนไม่เหมาะสมในสถานศึกษา จนเขาต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนละแวกใกล้เคียงแทน

พฤติกรรมของทอมที่โรงเรียนเก่าอาจดูไม่เอาไหน การเรียนก็ไม่ได้ดีเด่อะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำได้ดีก็คือ การเล่นสเก็ตบอร์ด ที่มันจะนำพาตัวเขาไปสู่เส้นทางใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า

 

ความรักต่อสเก็ตบอร์ด

"ผมกิน นอน มีชีวิตอยู่ และหายใจเป็นสเก็ตบอร์ดอยู่ตลอด สิ่งที่ผมทำเป็นประจำก็คือการเล่นสเก็ตบอร์ด มันคือเรื่องเดียวที่ผมให้ความสำคัญ เพราะผมรู้ดีว่าต้องพยายามขนาดไหนในการตั้งใจเรียนหนังสือ ดังนั้นตราบใดที่ผมได้แค่เกรด C ผมก็จะไม่เสียเวลาพยายามแก้เกรดตัวเองเป็น B หรอก ผมสนใจแต่เรื่องสเก็ตบอร์ดกับดนตรีแค่นั้นแหละ"

ประโยคข้างต้นคงบ่งบอกถึงความรักที่มีต่อการกระโดดขึ้นไปไถกระดานติดล้อของ ทอม เดอลอง ได้เป็นอย่างดี

ทอม เดอลอง เล่าว่าเขาเริ่มเล่นสเก็ตบอร์ดตั้งแต่เรียนอยู่เกรดสาม (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3) หลังจากที่เขาได้เห็นมันครั้งแรกในทีวี ประกอบกับการไปคลุกคลีกับเพื่อนฝูงที่เล่นสเก็ตบอร์ด รวมถึงสภาพแวดล้อมในแคลิฟอร์เนียที่ตอนนั้นวัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ด กีฬาเอ็กซ์ตรีม และดนตรีป๊อปพังก์ กำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น ทำให้ทอมซึมซับวัฒนธรรมเหล่านั้นและแปรเปลี่ยนมันมาเป็นไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของตัวเอง

แม้การเล่นสเก็ตบอร์ดของ ทอม เดอลอง จะเป็นแนวเล่นสนุกกับเพื่อน ๆ หรือไถแผ่นบอร์ดแกล้งเพื่อนและป่วนชาวบ้านตามประสาวัยรุ่น เขาไม่ได้คิดเทิร์นโปรเล่นอาชีพจริงจัง แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการบอกเล่าว่าทอมเล่นสเก็ตบอร์ดได้เก่งระดับหนึ่งเลย เพราะช่วงที่เขาฝึกเล่นสเก็ตบอร์ด เขามีโอกาสคลุกคลีอยู่กับผู้เล่นเก่ง ๆ อย่าง แดน โรเจอร์ส หรือ เจเรมี ไคลน์ สองผู้เล่นสเก็ตบอร์ดระดับอาชีพ ที่อยู่กับ Birdhouse กลุ่มนักเล่นสเก็ตบอร์ดชื่อดังที่มี โทนี ฮอว์ค ไอคอนของวงการเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เขาจึงได้ซึมซับวิธีการเล่นจากคนเก่งๆ มาด้วย แต่ถึงอย่างไรเขาก็อยากเล่นสเก็ตบอร์ดด้วยความสนุกมากกว่า

"ผมเคยแก้ผ้าไถสเก็ตบอร์ดด้วยนะ ทำประจำเลย" เดอลอง เผยวีรกรรมความเกรียนตอนวัยรุ่น "ผมเคยไปลานจอดรถแห่งหนึ่งใน ซาน ดิเอโก เราขึ้นไปชั้นบนแล้วก็ไถลงมาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับชุดวันเกิดและน้องชายของผมที่ห้อยโตงเตงอยู่ข้างหน้า"

นอกจากเล่นสเก็ตบอร์ดแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่ทอมสนใจและชื่นชอบก็คือการเล่นดนตรี ซึ่งในที่สุดมันก็ทำให้เขาได้พบกับเพื่อนกลุ่มใหม่ และทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในเวลาต่อมา

 

กำเนิด Blink-182

หลังถูก ผอ.โรงเรียนเก่าไล่ออกเพราะจับได้ว่าดื่มเหล้าระหว่างงานแข่งขันบาสเกตบอลที่โรงเรียนจนต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง ทอม เดอลอง ที่ตอนนั้นกำลังหัดเล่นกีตาร์อยู่ ประกอบกับชีวิตที่มีวงดนตรีป๊อปพังก์ที่เขาฟังอย่าง NOFX, Descendents, Stiff Little Fingers และ Dinosaur Jr. เป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต มันได้สร้างอิทธิพลที่ทำให้ ทอม เดอลอง อยากทำวงดนตรีของตัวเอง และวงแรกในชีวิตที่ก่อตั้งก็คือ Blink-182

การย้ายมาอยู่โรงเรียนใหม่ทำให้ ทอม เดอลอง นอกจากจะเล่นสเก็ตบอร์แล้วยังรวบรวมสมัครพรรคพวกตั้งวงดนตรี โดยสมาชิกยุคแรกเริ่มมี สกอตต์ เรย์เนอร์ เพื่อนซี้เป็นมือกลอง ส่วนมือเบสก็ได้ตัว มาร์ค ฮอปปัส เพื่อนใหม่ที่รู้จักกันผ่านการแนะนำของ แอนน์ ฮอปปัส พี่สาวของมาร์คที่เป็นแฟนกับเพื่อนอีกคนของทอม ก่อนมารวมตัวกันซ้อมดนตรีในโรงรถที่บ้านของทอม ซึ่งทั้งสามคนก็เล่นเข้าขากันดีจนได้นั่งจับกลุ่มแต่งเพลงของตัวเอง ส่วนของชื่อวงในตอนนั้นพวกเขาใช้อยู่หลายชื่อมากทั้ง Duck Tape, Figure 8 แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นชื่อมาเป็น Blink สั้น ๆ ง่าย ๆ

Blink ยุคแรกเริ่ม พวกเขาเน้นเล่นเพลงคัฟเวอร์ของศิลปินคนอื่นไปก่อนตามประสาวงดนตรีหน้าใหม่ แต่ก็มีการเขียนเดโมเพลงของตัวเองไว้ด้วย จนในที่สุดก็ทำคลอดอัลบั้มแรกในชีวิตที่ชื่อ Cheshire Cat ออกมาในปี 1995 (ที่แฟนเพลงเรียกกันว่าอัลบั้มปกแมว) โดยมีเพลงสนุก ๆ กวน ๆ สไตล์ป๊อปพังก์อย่าง Carousel, M+M's กับ Wasting Time ที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนฟังเพลงพังก์ในแคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตามยังไม่ทันเกิดในวงกว้างก็มีปัญหาเมื่อ Cargo ค่ายเพลงที่พวกเขาเซ็นสัญญาทำอัลบั้มแรกแจ้งว่าพวกเขาตั้งชื่อวงซ้ำกับวง Blink ที่เป็นวงป๊อปร็อกจากไอร์แลนด์เสียอย่างนั้น

และเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนฟ้องบวกกับขี้เกียจคิดชื่อใหม่แล้ว ทอมและผองเพื่อนเลยเติมเลข 182 ต่อท้ายเข้าไป จนกลายเป็นชื่อใหม่ว่า Blink-182 ในที่สุด ซึ่งเลข 182 มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ เขาแค่ใส่เข้าไปไม่ให้ซ้ำกับอีกวงเท่านั้น

 

วงป๊อปพังก์ระดับมหาชน

หลังออกอัลบั้มมา 2 ชุดและตระเวนเล่นคอนเสิร์ตมาตลอด 4 ปี พอเข้าสู่ปี 1998 วง Blink-182 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อ สกอตต์ เรย์เนอร์ มือกลองผู้ร่วมก่อตั้งออกจากวงไปเพราะมีปัญหาติดแอลกฮอลล์อย่างหนักจนไม่สามารถเล่นดนตรีได้ ทอมกับมาร์คจึงไปดึงตัว ทราวิส บาร์เกอร์ มือกลองวงสกา-พังก์ เพื่อนกันอย่าง The Aquabats มาตีกลองให้แทน ก่อนจะกลายเป็นสมาชิกวงโดยถาวรและร่วมกันทำอัลบั้มชุดที่สาม Enema of the State ออกมาวางแผงในปี 1999

แล้วอัลบั้ม Enema of the State ก็คือจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของ ทอม เดอลอง, มาร์ค ฮอปปัส และ ทราวิส บาร์เกอร์ เมื่ออัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จแบบถล่มทลาย ทำยอดขายได้มากกว่า 15 ล้านชุดทั่วโลก แถมเพลงในอัลบั้มก็โด่งดังติดชาร์ตเพลงกระแสหลักของ Billboard กันถ้วนหน้า โดยเฉพาะ 3 เพลงเอก All The Small Thing, Adam Song และ What's My Age Again ? ที่พวกเขาลงทุนแก้ผ้าถ่าย MV วิ่งไปรอบเมือง จนเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานมาถึงปัจจุบัน

ความสำเร็จในระดับเมนสตรีมของอัลบั้ม Enema of the State ทำให้ 3 หน่อ Blink-182 ทอม, มาร์ค และ ทราวิส ก้าวกระโดดมาเป็นวงป๊อปพังก์ขวัญใจวัยรุ่นอย่างรวดเร็ว แล้วสานต่อความสำเร็จด้วยอัลบั้มต่อไปอย่าง Take Off Your Pants and Jacket ในปี 2001 ที่มีเพลงฮิตอย่าง Anthem Part Two, The Rock Show, First Date, Stay Together for the Kids และต่อด้วยอัลบั้มที่ห้าที่ใช้ชื่อเดียวกับวงในปี 2003 โดยมี I Miss You เพลงอีโมฟีลหม่นสุดเท่เป็นตัวชูโรงความฮิต

สิ่งที่ทำให้วงดนตรีของ ทอม เดอลอง, มาร์ค ฮอปปัส และ ทราวิส บาร์เกอร์ ประสบความสำเร็จอย่างมาก หนึ่งเลยคือเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร พวกเขานำเสนอดนตรีป๊อปพังก์ที่มีเทมโป้รวดเร็วแต่ยังมีเมโลดี้และท่อนคอรัสติดหู ขณะเดียวกันสมาชิกทุกคนก็มีคาแร็กเตอร์ที่โดดเด่น เช่นเสียงร้องกวน ๆ กับไลน์กีตาร์ที่ไม่ซับซ้อนของทอม, เสียงคอรัสเสริมอันมีเสน่ห์ของมาร์ค และลีลาการหวดกลองอันแพรวพราวของทราวิส ซึ่งถูกเคารพยกย่องให้เป็นไอดอลของมือกลองทั่วโลก

ขณะเดียวกันเนื้อเพลงของ Blink-182 ก็ขับเคลื่อนไปด้วยเรื่องราวของชีวิตวัยรุ่นที่มีทั้งความกวน ซุกซน สนุกสนาน และเข้าอกเข้าใจเด็ก ๆ ที่เติบโตมาท่ามกลางปัญหาที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ ซึ่งส่วนใหญ่เนื้อเพลงก็มาจากการแต่งของทอมกับมาร์คที่เอาเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมาเขียนเพลงนั่นเอง

 

ขับเคลื่อนกระแสพังก์และสเก็ตบอร์ดผ่านเพลง

แม้จะโด่งดังในฐานะนักร้องและมือกีต้าร์ของวง Blink-182 แต่ถึงอย่างนั้นทอมก็ยังมีอิทธิพลในแง่ของการร่วมด้วยช่วยกันขับเคลื่อนกระแสดนตรีป๊อปพังก์และวัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ดให้ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นยุค 90s สอดแทรกผ่านผลงานเพลงของวงด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การนำสเก็ตบอร์ดมาใส่ใน MV เพลงของวงเช่น Josie, First Date, The Rock Show, Up All Night ที่ต้องมีคนเล่นสเก็ตบอร์ดปรากฏตัวใน MV สักช็อตสองช็อต

ขณะเดียวกัน Blink-182 ยังถูกผลักดันและสนับสนุนจาก MTV สถานีเพลงยักษ์ใหญ่ระดับโลกเป็นอย่างดี จากการที่ MTV เปิด MV เพลงของพวกเขาให้วัยรุ่นทั่วโลกดูกันแบบทุกวี่วันไม่รู้เบื่อ ซึ่งนั่นก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นที่กำลังมองหาความชอบของตัวเองอยู่หลงใหลเสน่ห์ของการเล่นสเก็ตบอร์ดและไลฟ์สไตล์การแต่งตัวสไตล์ป๊อปพังก์ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้า VANS แบบที่เห็นใน MV ของ Blink-182 จนมีหนุ่มสาวมากมายหันไปเล่นสเก็ตบอร์ดและทำวงดนตรีป๊อปพังก์โดยมีพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจ (หนึ่งในนั้นคือ เอวริล ลาวีน ควีน ออฟ ป๊อปพังก์ ผู้โด่งดังจากแคนาดา)

ถึงแม้จะเป็นศิลปินที่มีงานชุกทั้งในนาม Blink-182 หรือวงไซด์โปรเจ็กต์อย่าง Angels & Airwaves แต่ ทอม เดอลอง ก็ยังไม่ทิ้งงานอดิเรกที่เขารักอย่างสเก็ตบอร์ด นอกจากจะเอาแผ่นบอร์ดออกมาไถบนพื้นถนนเวลาว่างแล้ว เขายังออกแบบแผ่นกระดานสเก็ตบอร์ดรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น 4 แบบ เป็นลวดลายใบหน้าของเขาในช่วงเวลาต่าง ๆ ให้แฟนสเก็ตบอร์ดและแฟนเพลงของเขาซื้อไปคัสตอมและไถเล่นด้วยเมื่อปี 2021 ซึ่งขายหมดแล้วเป็นที่เรียบร้อย

และสิ่งหนึ่งที่เป็นหลักฐานชั้นดีว่า ทอม เดอลอง มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นยุคมิลเลนเนียมที่ชื่นชอบเพลงป๊อปพังก์และการเล่นสเก็ตบอร์ดมากขนาดไหน นั่นคือเมื่อวง Blink-182 ประกาศในวันที่ 11 ตุลาคม 2022 ว่า ทอม เดอลอง จะกลับมาทำหน้าที่นักร้องและมือกีตาร์ของวงอีกครั้ง ก็เรียกเสียงฮือฮาและยอดกดไลก์กดแชร์จากบรรดาเด็กบอร์ดและเด็กพังก์จากทั่วทุกมุมโลกอย่างมาก หลังออกจากวงไปเมื่อปี 2015 เพราะมีปัญหาเรื่องการสร้างสรรค์ผลงานร่วมกับ มาร์ค ฮอปปัส และ ทราวิส บาร์เกอร์ จนเพื่อนที่เหลือต้องไปชวน แมตต์ สกีบา มือกีตาร์และนักร้องจากวง Alcaline Trio มาช่วยรันวง Blink-182 ต่อ

ช่วงเวลาที่ทอมออกจากวง แม้ตัว แมตต์ สกีบา จะทำหน้าที่ช่วยรันวง Blink-182 ให้เดินหน้าต่อและทำอัลบั้มออกมา 2 ชุดคือ California ในปี 2016 และ NINE ในปี 2019 แต่แฟนเพลงพันธุ์แท้ของ Blink-182 ส่วนใหญ่ก็ต้องการให้มาร์คกับทราวิสกลับมาร่วมงานกับทอมอีกครั้งมากกว่า จนในที่สุดทอมก็กลับมาจริง ๆ พร้อมกับการประกาศทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกในปี 2023-2024 ส่วนแมตต์ก็ต้องออกจากวงแล้วกลับไปทำวง Alcaline Trio ของตัวเองตามเดิม

 

ข้อคิดจากเด็ก'บอร์ดรุ่นใหญ่

ทอม เดอลอง ปัจจุบันอายุ 46 ปีแล้ว เขากลายเป็นคุณพ่อลูกสองที่นอกจากจะมีภาระหน้าที่มากมายในบทบาทศิลปิน นักแต่งเพลง และนักตามล่าสิ่งลี้ลับจากนอกโลก (ที่เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่า UFO และมนุษย์ต่างดาวมีจริง) แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยทิ้งไปจากชีวิตนั่นคือการเล่นสเก็ตบอร์ดที่ทุกวันนี้เขาบอกว่าเขายังคงไถสเก็ตบอร์ดอยู่เรื่อย ๆ ตามแต่เวลาจะเอื้ออำนวย และตอนนี้เขาเลือกที่จะเล่นแบบสบาย ๆ มากกว่ามาฝึกทำทริคท่ายากโชว์ให้เด็กดู

"ผมยังเล่นสเก็ตบอร์ดอยู่นะ แล้วก็คอยดูอินสตาแกรมพวกสเก็ตบอร์ดอยู่บ่อย ๆ เพราะผมยังรู้สึกทึ่งกับความยากของมันและความเสี่ยงในการเจ็บตัวทุกครั้งที่ล้ม ซึ่งมันทำให้ผมอยากเล่นบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นทริคต่าง ๆ ก็ไม่สำคัญสำหรับผมแล้ว เพราะผมเชื่อว่าคนเล่นสเก็ตบอร์ดที่มีความสุขที่สุดคือคนที่เล่นไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องแข่งขันกับใคร แค่ไถเล่นไปกับเพื่อนตอนพระอาทิตย์ตกหรือไปเที่ยวสถานที่เจ๋ง ๆ ก็พอแล้ว" ทอม เดอลอง ฝากข้อคิดถึงชาวสเก็ตบอร์ดทุกคนทั่วโลก

สำหรับปี 2023 ทอม เดอลอง จะเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกับวง Blink-182 โดยจะออกสตาร์ททัวร์ที่เม็กซิโก ในเดือนมีนาคม และไปจบที่นิวซีแลนด์ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 และตอนนี้บัตรคอนเสิร์ตหลายที่ก็ Sold Out ไปเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นการบ่งบอกถึงความนิยมที่แฟนเพลงมีต่อ ทอม เดอลอง และวงป๊อปพังก์ที่ไม่ยอมแก่อย่าง Blink-182 ได้อย่างชัดเจน

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.jenkemmag.com/home/2020/12/07/tom-delonge-skating-early-blink-182-fame/
https://www.altpress.com/revisit-your-favorite-tom-delonge-era-with-these-custom-skateboard-decks/
https://www.esquire.com/entertainment/music/a37532754/tom-delonge-interview-2021/
https://www.iheart.com/content/2020-09-09-tom-delonge-explains-why-skateboarding-and-punk-are-a-match-made-in-heaven/

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Graphic

ภราดร ภราดร

อยากจะทำให้ดี ไม่ใช่แค่อยากจะทำให้เป็น