เป็นเรื่องน่าเสียดายในชีวิตคนเรา บางครั้งโชคชะตาก็ชอบเล่นตลกกันเกินไป ว่ากันว่าเมื่อขึ้นสู่ที่สูงก็ให้เราเตรียมใจได้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นไม่จีรังและความเปลี่ยนแปลงกำลังจะตามมาในแบบที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับ เอนอค เอ็มเวปู มิดฟิดล์ชาวแซมเบีย วัย 24 ปี ของ ไบรท์ตัน ในวันที่เขาถูกคาดหมายให้เป็นคนสำคัญของทีมและได้โลดแล่นไปกับฟุตบอลระดับสูงอย่างที่เขาฝัน เขากลับต้องประกาศเแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควร
ติดตามเรื่องราวของเขาได้ที่นี่
เรื่องเกิดที่แซมเบีย
แซมเบีย อาจจะไม่ใช้ประเทศที่เก่งกาจเรื่องฟุตบอลมากมายนักในระดับโลก แต่ถ้าวัดกันในทวีปแอฟริกาพวกเขาก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่แพ้ใครง่าย ๆ และเคยได้เเชมป์ทวีปมาเเล้วในปี 2012
เหตุที่โลกไม่ค่อยรับรู้เรื่องราวของพวกเขาอาจเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีสตาร์ตัวชูโรงที่เป็นนักเตะดัง ๆ ที่เล่นในลีกยุโรป เหมือนที่แคเมอรูนมี ซามูเอล เอโต้, ไนจีเรียมี เอ็นวานโก้ คานู หรือไอวอรี่โคสต์มี ดิดิเยร์ ดร็อกบา ดังนั้นหลังจากที่แซมเบียคว้าแชมป์ทวีปในปี 2012 กระแสฟุตบอลในประเทศจึงบูมมาก ทั้งภาครัฐและเอกชนประโคมงบประมาณก้อนโตเพื่อให้พวกเขาได้สร้างสตาร์ฟุตบอลของตัวเองเป็นคนแรก
จนกระทั่งในปี 2013 แซมเบียเข้าร่วมในโครงการเฟ้นหาดาวรุ่งอย่าง Airtel Rising Stars ซึ่งโครงการนี้จะเฟ้นหาเด็ก ๆ จากทั่วประเทศแซมเบียเข้ามาคัดตัวเพื่อส่งต่อไปยังทีมต่าง ๆ ในยุโรป ซึ่งในวันนั้นเอง เอนอค เอ็มเวปู ก็ปรากฏตัว
เอ็มเวปูมีพื้นเพเหมือนกับเด็กแอฟริกาอีกหลายคนที่บ้านยากจน ต้องทำงานในเหมืองแร่ และช่วยที่บ้านทำการเกษตร อย่างไรก็ตามบางครั้งฟุตบอลก็เป็นเรื่องของโชคชะตา สตาฟโค้ชชาวแซมเบียที่ชื่อว่า ลี คาวานู ได้รับรายงานจากทีมคัดตัวระดับท้องถิ่นให้จับตาดูเด็ก 2 คนจากจังหวัด Chambishi หนึ่งในนั้นคือเอ็มเวปูนั่นเอง
"ผมไม่ได้อยู่กับโครงการตั้งแต่ช่วงคัดตัวช่วงแรก แต่มีโค้ชบอกว่าให้จับตาดูเด็ก 2 คนให้ดี นั่นคือ อีนอค และ เลสลี่ย์ เพื่อนของเขา" คาวานู กล่าว
"เท่าที่ผมเห็นเอ็มเวปู ครั้งแรกเขาดูจะช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่มีการจ่ายบอลได้เร็วมาทดแทน เขามีการขยับตัวเพื่อรับบอลที่ยอดเยี่ยมมาก เขาจะใช้สิ่งนี้และเทคนิคที่เขามีเอาชนะกองหลังฝั่งตรงข้ามได้เสมอ"
เอ็มเวปูเป็นหนึ่งในเด็กที่ได้รับเลือกให้มาอยู่กับทีมอคาเดมีประจำเมือง Chambishi ก่อนที่จะก้าวกระโดดไปยัง Kafue Celtic และจบที่ Power Dynamos ทีมที่ดีที่สุดในแซมเบียซูเปอร์ลีก ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาแค่ 3 ปีเท่านั้น เอ็มเวปูเลเวลตันแล้วสำหรับฟุตบอลแซมเบีย
หาทางไปยุโรป
เอ็มเวปูก้าวขึ้นมาเป็นกองกลางระดับมันสมองของประเทศตั้งแต่อายุ 17 ปี ถูกเรียกติดทีมชาติแทบทุกรุ่นอายุ และช่วงที่ติดทีมชาติไปแข่งฟุตบอลตูลง คัพ ที่ฝรั่งเศส ก็เป็นรายการที่เขาได้รับคำชื่นชมอย่างมาก
"ตอนนั้นเรามี 2 นักเตะดาวรุ่งที่เก่งที่สุดเท่าที่เราเคยมีในประเทศนี้อย่าง เอนอค เอ็มเวปู และ พัตสัน ดากา (เล่นกับ เลสเตอร์ ณ ปัจจุบัน) พวกเขาทั้งคู่โดดเด่นมาก ๆ เราได้เจอทีมอิตาลี บราซิล และเกมตึง ๆ อีกมากมาย และเด็ก ๆ ของทีมก็โดดเด่นมากในทุก ๆ เกม" คาวานู เล่าความหลัง
ยิ่งเล่นเอ็มเวปูก็ยิ่งออกแนวโคตรบอล คาวานูเห็นแล้วว่าถ้าเขายังอยู่ที่นี่จะเป็นการทำลายพรสวรรค์ของเด็กเสียเปล่า ๆ เขาจึงสัญญากับเอ็มเวปูและดากาว่า ถ้าทั้ง 2 คนอายุถึง 18 ปีเมื่อไหร่เขาสัญญาว่าจะใช้คอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เขามีส่งนักเตะเหล่านี้ไปค้าแข้งในยุโรปให้ได้
เมื่อข่าวลือว่ามีเด็กเทพเกิดใหม่ในแซมเบีย หลายทีมจากประเทศในแอฟริกาก็มาตามจีบเขากันมากมาย แต่เอ็มเวปูก็ปฏิเสธไปทั้งหมด เพราะตัดสินใจเเล้วว่าลีกในแอฟริกาใต้มาตรฐานไม่ห่างกันนัก เขาอยากจะไปเสี่ยงที่ยุโรปเลยมากกว่า
"ผมมีข้อเสนอมามากพอดู แต่ผมก็ต้องปฏิเสธ เพราะใจของผมคิดแต่จะไปยุโรปเท่านั้น" เอ็มเวปู กล่าว
เอ็มเวปูลงเล่นในฟุตบอลโลกรุ่นยู-17 และได้รับความสนใจเข้ามาเยอะมาก ทั้งจากรัสเซียและตะวันออกกลางที่พร้อมจ่ายค่าตัวของเขาถึง 1 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาดูแล้วพวกเขาคิดว่าแม้จะได้เงินเยอะ แต่ทีมเหล่านี้ไม่เหมาะกับ เอ็มเวปู สิ่งสำคัญคือตัวนักเตะจะต้องได้รับการใส่ใจ ให้โอกาสในการลงสนาม และมีแผนการพัฒนาตัวนักเตะอย่างเป็นขั้นเป็นตอน พวกเขาจึงปฏิเสธเงินก้อนโตนั้นไป
จากนั้นข้อเสนอก็ตามมาจากหลาย ๆ ที่รวมถึงในยุโรปตามที่เขาหวัง เซลต้า บีโก ทีมจากสเปนพยายามคว้าตัวเขาอย่างจริงจัง แต่คาวานูที่เป็นเหมือนพ่อเอ็มเวปูเชื่อว่ามันคงจะดีกว่าหากเขาจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป จนสุดท้ายข้อเสนอที่ใช่ก็ตามมาจากสโมสรดังแห่งออสเตรียที่ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างดาวรุ่งในยุโรปอย่าง Red Bull Salzburg จากนั้นการส่งตัวเอ็มเวปูสู่ยุโรปก็เริ่มขึ้นจากจุดนั้น
ได้เวลาแซมเบียผงาด
มีเรื่องเล่าว่าสายตาแมวมองของซัลซ์บวร์กนั้นแหลมคมมาก พวกเขามาจับตาดาวรุ่งของแซมเบียอย่าง ดากา เป็นหลัก แต่เมื่อพวกเขาเห็น เอ็มเวปู การเหมา 2 ก็เกิดขึ้น เรื่องนี้ได้รับการผลักดันโดย เฟเดริก คานูเต้ อดีตนักเตะทีมชาติมาลีของเซบียา ที่หลังจากแขวนสตั๊ดทำหน้าที่เป็นแมวมองนักเตะในทวีปแอฟริกา
"คานูเต้บอกว่าเขาประทับใจในตัวเอ็มเวปูมาก ๆ เขาช่วยให้ซัลซ์บวร์กเซ็นดากาไปก่อน แต่สัญญาว่าเอ็มเวปูจะเป็นคนต่อไป ซึ่งทุกคนยินดีมาก ๆ เพราะซัลซ์บวร์กเป็นทีมที่เหมาะกับเอ็มเวปูมาก ๆ เขาอาจจะไม่ตอบโจทย์นักเรื่องความเร็ว แต่เรื่องเทคนิคไหวพริบและความแน่นอนจะเป็นสิ่งที่ทำให้แมวมองตัดสินใจว่าเอ็มเวปูควรค่าแก่การคว้าตัว ... พวกเขาถามผมว่าคุณจะมอบเด็กคนนี้ให้กับเราไหม ตอนนั้นผมน้ำตารื้นเลย ผมตอบกลับพวกเขาไปว่าผมจะเซ็นเอกสารให้ทุกใบสำหรับเรื่องนี้ และเขาจะไม่ทำให้พวกคุณต้องผิดหวังแน่นอน" คาวานู กล่าวถึงตอนส่งนักเตะคนสนิทไปยังยุโรป เป็นอันหมดหน้าที่ของเขาแล้ว
เอ็มเวปูเซ็นสัญญากับซัลซ์บวร์กและถูกปล่อยให้สโมสรลูกที่เล่นในระดับดิวิชั่น 2 ของออสเตรียอย่าง ลีฟเฟอร์ริง ยืมตัวไปใช้งานก่อน เขาปรากฏตัวและสามารถทำประตูได้ตั้งแต่เกมแรก จากที่เคยหวังว่าพวกเขาจะค่อย ๆ ให้เขาลงทำผลงาน แต่กลับกลายเป็นว่าเอ็มเวปูได้เป็นตัวหลักของลีฟเฟอร์ริงทันที
เอ็มเวปูตั้งใจอย่างมากกับการเล่นในออสเตรีย เขาไม่เคยขาดซ้อม เข้าห้องเรียนเพื่อศึกษาเเทคติก ฝึกภาษาเพื่อการสื่อสาร จากนั้นไม่นานเขาก็ได้ขึ้นทีมชุดใหญ่ของซัลซ์บวร์ก และได้เล่นร่วมกับ ดากา, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์, ฮวาง ฮี ชาน และ ทาคุมิ มินามิโนะ
สื่อออสเตรียชื่นชมเอ็มเวปูในฐานะนักเตะกองกลางที่เหมาะกับโมเดิร์นฟุตบอล นั่นคือมีร่างกายแข็งแกร่ง อ่านเกมดี มีไหวพริบ และเหนือสิ่งอื่นใดคือมีทักษะมากพอที่จะทำให้ทุกสัมผัสที่จับบอลมีความแม่นยำ โดยในช่วงนั้นเขาถูกตั้งฉายาว่า "คอมพิวเตอร์" เนื่องจากเป็นคนที่สามารถอ่านสถานการณ์ล่วงหน้าและประเมินวิธีการเล่นได้ดี
"เขารู้เสมอว่าเขาจะต้องไปอยู่ตรงไหนเพื่อรับบอล เขาคำนวณตำแหน่งและสถานการณ์ของตัวเองในสนามเสมอ" พัตสัน ดากา พูดถึงเพื่อนรักร่วมชาติของเขา
เฟเดริก คานูเต้ มองไปที่เอ็มเวปูและเห็นความคล้ายกับ ยายา ตูเร่ ตำนานกองกลางของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาจึงเริ่มชักชวนให้ทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และ ลิเวอร์พูล ส่งแมวมองมาดูฟอร์มเอมเวปูอยู่บ่อย ๆ แต่จนเเล้วจนรอดบิ๊กทีมเหล่านั้นก็มองข้ามเขาไปด้วยมาตรฐานของทีมที่สูงมาก อย่างไรก็ตามทีมระดับกลาง ๆ ไม่คิดแบบนั้น และหนึ่งในทีมที่ติดตามฟอร์มของเขาสม่ำเสมอกว่าใครคือ ไบรท์ตัน ของ แกรห์ม พอตเตอร์ (ปัจจุบันคุมทีมเชลซี)
พอตเตอร์เป็นกุนซืออังกฤษยุคใหม่ที่เล่นฟุตบอลระบบที่ชัดเจน มีการครองบอลต่อบอลกับพื้น ให้นักเตะเก็บบอลไว้กับตัว และใช้ความรวดเร็วแข็งแรง และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เป็นจุดเด่นของเอ็มเวปูด้วย
ไบรท์ตันไม่เคยทุ่มเงินเกิน 15 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะคนใดก็ตาม แต่ที่สุดเเล้วพอตเตอร์มองว่าเอ็มเวปูมีศักยภาพที่จะเติมเต็มระบบของเขา และเอ็มเวปูจะหลายเป็นนักเตะแถวหน้าได้หลังจากนี้ ในซัมเมอร์ปี 2021 ไบรท์ตันจึงจ่ายเงินระดับสถิติสโมสรที่ 20 ล้านปอนด์เพื่อคว้าเอ็มเวปูมาร่วมทีมในท้ายที่สุด
"คุณจะได้เห็นความสำคัญของเขาในแดนกลาง เขาจะมาเพิ่มพลังให้กับแผงมิดฟิลด์ และเติมความอันตรายด้วยการเล่นเกมบุกในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง" พอตเตอร์ กล่าวถึงเหตุผลที่เขาอยากได้ตัวเอ็มเวปูมาร่วมทีม
"จากนี้ไปเขาจะต้องอดทนและทำให้ตัวเองอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับนักเตะอายุน้อย ศักยภาพของเขาเหลือล้นและเมื่อเวลาผ่านไปเขาจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง ผมมั่นใจว่าเขาจะกลายเป็นนักเตะระดับท็อปในอนาคต"
หากคุณได้ชมเกมของไบรท์ตันที่มีเอ็มเวปูเป็นห้องเครื่องในแดนกลาง คุณก็น่าจะเห็นด้วยกับคำพูดของพอตเตอร์ไม่น้อย เอ็มเวปูเป็นนักเตะตัวหลักของไบรท์ตันที่เคยบดกับกองกลางของ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์และเอาผลเสมอกลับไป 2-2 แถมยังยิงประตูได้ด้วย, เขาพาทีมเอาชนะ อาร์เซนอล 2-1 ในซีซั่นก่อน และอยู่ในชุดบุกสอนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามเรื่องน่าเสียดายคือหลังจากการออกสตาร์ทซีซั่นที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งถูกคาดว่าจะเป็นซีซั่นปล่อยของของเขา เอ็มเวปูกลับถูกตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจโต ซึ่งเป็นโรคที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลัน แน่นอนว่ามันอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นเรื่องช็อกก็ตามมา แพทย์เตือนว่า "เขาควรจะเลิกเล่นฟุตบอล"
"เด็กชายจากเมืองเล็ก ๆ ของแซมเบียชื่อ Chambishi มีข่าวจะบอก"
“เขายืนหยัดทำตามความฝันในการเล่นฟุตบอลในระดับสูงสุด และด้วยพระคุณของพระเจ้าเขาได้ใช้ชีวิตตามความฝันด้วยการไปถึงพรีเมียร์ลีก"
“ความฝันบางอย่างจบลงแล้ว ด้วยความเศร้าผมต้องประกาศแขวนสตั๊ดตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่จุดจบในเรื่องฟุตบอลของผม”
“ผมอยากจะใช้โอกาสนี้ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผมในเส้นทางฟุตบอลของผม รวมถึงภรรยาและครอบครัว"
มันเป็นเรื่องทำใจได้ยากสำหรับนักเตะอายุ 24 ปีที่เส้นทางอาชีพอันรุ่งโรจน์กำลังรอเขาอยู่ อย่างไรก็ตามในความเศร้าเอ็มเวปูกลับมองโลกแบบเรียบง่ายและบอกว่าสิ่งเหล่านี้คือธรรมชาติของมนุษย์ ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นเสมอ และรสชาติของชีวิตคือการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เขาอาจจะรักฟุตบอลมาก แต่ชีวิตนี้ไม่อะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพและครอบครัวในมุมมองของเขา ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องยุติความฝันดั้งเดิมของเขา...
แหล่งอ้างอิง
https://firsttimefinish.co.uk/2020/12/22/inside-story-of-enock-mwepu-from-chambishi-to-the-champions-league/
https://en.wikipedia.org/wiki/Enock_Mwepu
https://talksport.com/football/1215383/brighton-enock-mwepu-retire-hereditary-heart-condition/
https://www.bbc.com/sport/africa/63201024.
https://www.stadiumastro.com/video-stl/potter-heartbroken-over-mwepu-s-early-retirement-1991194
https://zambianfootball.co.zm/mwepu-is-going-to-be-a-top-player-says-graham-potter/