ไม่น่าเชื่อว่าครั้งหนึ่งจะมีนักเตะที่ใส่เสื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดตัวกับนักข่าวอย่างเป็นทางการ ให้สัมภาษณ์ถึงความยินดีกับการได้เป็นสมาชิกทีมปีศาจแดงราวกับว่าอยู่ในรายการฝันที่เป็นจริง แต่แล้วหลังจากนั้นปัญหามากมายก็ตามมา จนถึงขั้นที่ศาล และ ฟีฟ่า ต้องออกมาช่วยกันแก้ไขเรื่องนี้
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เชลซี ปฏิบัติการไร้เงา ชิงตัว มิเกล จอห์น โอบี จาก แมนฯ ยูไนเต็ด แบบหน้าตาเฉย และสร้างความสงสัยว่า "เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?"
เรื่องราวดังกล่าวอาจจะคลี่คลายไปบ้าง เพราะ ณ เวลานี้คือช่วงที่ต่างฝ่ายต่างเผยความจริงทั้งหมดออกมาให้มากที่สุด … ซึ่งความจริงของดีลมหากาพย์ระหว่าง เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และ มิเกล มีดังนี้
ติดตามได้ที่ Main Stand
โลกฟุตบอลยุค 2000s
ช่วงรอยต่อระหว่างยุค 1990s ถึง 2000s ถือเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เราจะเห็นได้ว่านักเตะในยุคนั้นเริ่มจะมีราคาค่าตัวแพงมากขึ้นเรื่อย ๆ การทุบสถิติเกิดขึ้นในทุก ๆ ตลาดซื้อขาย ดังนั้นหลาย ๆ สโมสรจึงเริ่มปรับตัวในการเสริมทัพใหม่ เพื่อให้จ่ายเงินน้อยลง
ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวจึงมีการเปลี่ยนนโยบายการซื้อขายโดยหลายสโมสร เมื่อนักเตะระดับสตาร์ราคาเพิ่มแตะหลัก 30 ล้านปอนด์ขึ้นไป การเล็งไปที่นักเตะอายุน้อย ๆ จึงเป็นสิ่งที่หลายทีมให้ความสำคัญมากขึ้น วิธีการซื้อนักเตะดาวรุ่งจากต่างแดนที่ยังไมได้มีชื่อเสียงเอามาเก็บไว้ในทีม แล้วให้เล่นในระดับทีมชุดเยาวชนหรือทีมสำรองไปก่อน เพื่อรอวันที่นักเตะเหล่านั้นจะพร้อมสำหรับการขึ้นมาเป็นนักเตะในทีมชุดใหญ่
แม้จะเป็นวิธีการที่เสี่ยงเพราะไม่มีอะไรการันตีได้ว่านักเตะที่ซื้อมาฟูมฟักจะเติบโตขึ้นมาเป็นแข้งคุณภาพ แต่ด้วยราคาค่างวดของนักเตะเหล่านี้ที่ถูกมาก ๆ หลายทีมจึงพร้อมที่จะเสี่ยงด้วยวิธีการนี้ โดยเฉพาะทีมจากพรีเมียร์ลีกนั้นช็อปนักเตะดาวรุ่งจากต่างแดนมารวมกันหลายต่อหลายดีล
โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกนั้น กลางยุค 90s นักเตะต่างประเทศที่ย้ายมาเล่นในอังกฤษมักจะเป็นพวกอายุเยอะและผ่านเกมในลีกอื่นมาอย่างโชกโชน อาทิ จานฟรังโก้ โซล่า, ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่, จานลูก้า วิอัลลี่ และ รุด กุลลิต เป็นต้น ทว่าหลังยุค 2000s เป็นต้นมากลายเป็นช่วงเวลาที่ตลาดนักเตะต่างชาติอายุน้อยแข่งกันอย่างดุเดือดเช่น ฟลอรองต์ ซินามา ปงโกลล์, อองโตนี่ เลอ ตัลเล็ค, บรูโน่ เชย์รู 3 นักเตะดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสที่โดน ลิเวอร์พูล เหมายกเข่งมาในตลาดเดียว, ฮูโก้ วิอาน่า ดาวรุ่งจากโปรตุเกส ที่โดน นิวคาสเซิล ทุ่มตัดหน้าทีมยักษ์ใหญ่คว้าตัวมา, อาร์เซนอล ซื้อดาวรุ่งจากลีกสวิตเซอร์แลนด์ อย่าง ฟิลิปป์ เซนเดอรอส และ โยฮัน ฌูรู, เชลซี ซื้อ โรเบิร์ต ฮูธ กองหลังวัย 18 ปีมาจากลีกเยอรมัน เป็นต้น
จากเทรนด์นี้ทำให้เกิดหนึ่งดีลการชิงตัวนักเตะที่อุกอาจที่สุดครั้งหนึ่งในวงการฟุตบอล เรียกได้ว่าหากเป็นภาพยนตร์ก็ต้องหักมุมกันในตอนจบแบบที่คนดูคาดไม่ถึง นั่นคือดีลการแย่งตัวนักเตะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี เพราะเมื่อถึงวันหนึ่งพวกเขาดันไปเจอนักเตะดาวรุ่งวัย 18 ปีชาวไนจีเรียอยู่คนหนึ่งชื่อว่า มิเกล จอห์น โอบี (แม้เราคุ้นชื่อเขาในนาม จอห์น โอบี มิเกล แต่เจ้าตัวยืนยันเองว่าการอ่านชื่อที่ถูกต้องของเขาต้องเป็น มิเกล จอห์น โอบี) ... เรื่องราวสุดวุ่นวายจึงเกิดขึ้น และตำนานได้เริ่มต้น ณ บัดนั้น
ตัวนี้ไม่ซื้อไม่ได้
หากคุณลบภาพความทรงจำที่มีต่อ มิเกล จอห์น โอบี ในวันที่เขาเล่นให้กับเชลซีออกไปแล้วย้อนกลับไปที่เรื่องราวของเขาตั้งแต่ตอนอยู่ในวัยทีนเอจ คุณจะพบว่านักเตะจากไนจีเรียคนนี้ได้รับคำชื่นชมและถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็นสตาร์ระดับโลกในอนาคต ... นี่คือเรื่องจริงที่ใครทันดูฟุตบอลยุคนั้นก็น่าจะจำกันได้เป็นอย่างดี
มิเกลเป็นนักเตะจากประเทศไนจีเรียที่ได้รับคัดเลือกจากเด็ก 3,000 คน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญ Pepsi Football Academy โดยรายการนี้เป็นรายการหานักเตะฝีเท้าดีจากแดนไกลที่มีชื่อเสียงมากในเวลานั้น
และมิเกลก็เป็นหนึ่งในเด็กที่ผ่านเข้ารอบแบบฉลุย ได้เซ็นสัญญากับอคาเดมี และถูกผลักดันให้ไปซ้อมกับสโมสรอาหยักซ์ เคปทาวน์ ในประเทศแอฟริกาใต้ ก่อนเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ พลาโต ยูไนเต็ด ในลีกไนจีเรีย ทีมเดียวกับที่ปลุกปั้น เซเลสติน บาบายาโร่ กับ วิคเตอร์ โอบินน่า เขาเล่นอยู่ที่นั่นได้แค่ไม่กี่เดือน สโมสรลิน ในลีกนอร์เวย์ ก็คว้าตัวไปร่วมทีมทันที
นาธาน พอลส์ ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของอาหยักซ์ เคปทาวน์ เล่าเรื่องมิเกลตอนที่มาซ้อมกับทีมเมื่ออายุ 16 ปี ว่า "ถ้าคุณบอกว่าเขาอายุ 16 ปีจะไม่มีใครเชื่อคุณแน่ ไอ้หมอนี่คือสุดในรุ่นเก่งเกินกว่าลีกแอฟริกาใต้ตั้งแต่อายุขนาดนั้นแล้ว"
"ทักษะเหลือเชื่อ มีอิทธิพลต่อแดนกลางของทั้งทีม มีคาแร็กเตอร์แข็งกร้าวไม่กลัวใคร เยือกเย็นมากเวลาบอลอยู่กับเท้า ตอนที่เขามาซ้อมกับเราครั้งแรก ผมและผู้ช่วยของผมถึงกับหันมามองหน้ากันแล้วบอกว่า หมอนี่มันอายุ 16 แน่เหรอ ?"
"ผมรู้เลยตั้งแต่วันนั้นว่าเขาเก่งเกินไป ถ้าเล่นอยู่ในแอฟริกาต่อมันจะไม่ช่วยพัฒนาเขาแน่นอน"
ขณะที่ กอร์ดอน อิเกซุนด์ เฮดโค้ชของอาหยักซ์ เคปทาวน์ ณ เวลานั้นเผยว่า "เพียงแค่ 20 นาทีที่เขาลงซ้อม ผมก็ต้องให้ผู้ช่วยมาคุมซ้อมแทน เพื่อที่ผมจะรีบไปที่ออฟฟิศทีมแล้วบอกกับผู้บริหารว่า เซ็นไอ้เด็กนี่เข้าทีมเดี๋ยวนี้"
เมื่อเขาไปที่ลิน มิเกลได้ลงเล่นแค่ 6 เกมเท่านั้น แต่นั่นก็มากพอแล้วที่ข่าวลือของเด็กมหัศจรรย์จะดังไปทั่วยุโรป ยิ่งในศึกฟุตบอลโลก รุ่นยู-17 ในปี 2003 ที่ประเทศฟินแลนด์เป็นเจ้าภาพ มิเกลที่ยังอายุแค่ 16 ปีก็แสดงผลงานสุดยอดในทัวร์นาเมนต์นั้นในฐานะกองกลางจอมทัพ แถมเขายังติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์อีกต่างหาก
แค่นี้ก็ได้เวลาที่ทีมใหญ่จะเข้ามาคว้าตัวเขาไปพัฒนาต่อ และเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เดินเกมล่าตัว มิเกล จอห์น โอบี เร็วกว่าใครเพื่อน
จาก นอร์เวย์ สู่ แมนฯ ยูไนเต็ด ... ซะที่ไหนกันล่ะ
ช่วงปี 2006 แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีเครือข่ายแมวมองอยู่ทั่วยุโรปได้เดินเกมไล่ล่าตัว มิเกล จอห์น โอบี ทันทีที่ข้อมูลจากทีมแมวมองส่งต่อไปถึง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่กำลังเตรียมถ่ายเลือดใหม่จากทีมชุด เทรเบิลแชมป์ ปี 1999 ซึ่งเป็นทีมชุดที่ประสบความสำเร็จที่สุดของสโมสร
แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังประสบปัญหาความตกต่ำในตอนนั้น นักเตะหลายคนย้ายออก และอีกหลายคนก็อายุมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการตัวดาวรุ่งอย่างมิเกลเป็นอย่างมาก เฟอร์กูสันสั่งการให้ เดวิด กิลล์ ซีอีโอของทีม ณ ตอนนั้นติดตามฟอร์มของมิเกลมาตั้งแต่ปี 2003 ในช่วงฟุตบอลโลกยู-17 แล้ว และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จริงจังกับเรื่องนี้มากถึงขั้นส่งจดหมายเชิญให้มิเกลมาร่วมซ้อมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในระยะสั้น ๆ พร้อมกับทีมชุดใหญ่ที่นำโดยนักเตะชื่อดังมากมายหลายคน
มิเกลมาที่นี่ตามคำเชิญและทำให้นักเตะซีเนียร์ในทีมอย่าง รอย คีน และ พอล สโคลส์ ประทับใจมาก เมื่อเฟอร์กูสันลองถามมุมมองของคีนและสโคลส์ ทั้งสองคนก็บอกว่าเอาเลย คว้าตัวมาให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้มิเกลเปิดเผยเองในภายหลัง
"เซอร์ อเล็กซ์ เรียกผมว่า โอบีวัน (ชื่อตัวละครเอกใน Star Wars) เขาโทรมาหาผมและบอกว่า โอบีวัน นายรู้ไหมว่าคีนกับสโคลส์บอกกับฉันว่าต้องคว้าตัวนายมาร่วมทีมให้ได้"
"มันเหลือเชื่อมาก ตอนนั้นผมได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ นักเตะอย่าง พอล สโคลส์ และ นิคกี้ บัตต์ พยายามรับน้องผม ด้วยการไล่เตะไล่ตอดผมตลอดการซ้อม จนกระทั่ง รอย คีน เข้ามาห้ามปรามนั่นแหละพวกเขาถึงหยุดไล่เตะผม" มิเกล เล่าถึงประสบการณ์การซ้อมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
แมนฯ ยูไนเต็ด คิดว่าพวกเขาจะได้ตัวมิเกลแน่นอนแล้วจากความสัมพันธ์ที่ผูกกันมาตั้งแต่อดีต ทว่า เชลซี ก็กำลังเดินเกมล่าตัวมิเกลโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
เรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยอีกครั้งจากตัวมิเกลในภายหลังว่า หลังจากช่วงที่เขามาซ้อมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2003 อีก 1 ปีต่อมา เชลซี ที่เข้าสู่ยุคที่มี โรมัน อบราโมวิช เป็นเจ้าของทีมและมีกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ติดตามผลงานของเขามาอย่างต่อเนื่อง มีการเชิญตัวเขามาซ้อมและพูดคุยติดต่อกันอย่างจริงจังมาโดยตลอด ซึ่งมูรินโญ่ก็เคยเปรียบมิเกลในช่วงวัยทีนเอจว่าจะกลายเป็นนักเตะที่มีค่าเหมือนกับทอง ... เชลซีจะเหมือนถูกลอตเตอรี่เบอร์ใหญ่หากคว้าเขามาร่วมทีมได้จริง ๆ
แค่มูรินโญ่บอกอบราโมวิชก็พร้อมจะจัดให้ เชลซีไม่เคยขาดการติดต่อและหว่านล้อมมิเกลทุกทาง ไม่ใช่แค่กับตัวนักเตะเท่านั้นแต่ครอบครัวของมิเกลก็ได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนเรื่องการเงินจากเชลซีด้วย ... เชลซีคิดว่าจะได้ตัวมิเกลแน่ ๆ เหมือนกับที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คิด และแล้วทั้งสองทีมก็ต้องมาแตกหักกันในท้ายที่สุด
หลังมิเกลอายุครบ 18 ปีเต็ม ลินมอบสัญญาให้กับเขาเลื่อนชั้นจากนักเตะเยาวชนเป็นนักเตะอาชีพ ดังนั้นทีมอื่น ๆ จะไม่สามารถเจรจากับมิเกลโดยตรงได้ หากอยากได้ตัวเขาก็ต้องไปคุยผ่านสโมสรก่อนเป็นด่านแรก และยกนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ พวกเขาประเคนทั้งเงินค่าตัวและค่าเหนื่อยที่สูงมากสำหรับนักเตะอายุ 18 ปี ณ ตอนนั้นให้กับเขา นั่นคือค่าตัว 4 ล้านปอนด์ และค่าเหนื่อยอีก 10,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
การประกาศจากฝั่งลินทำให้เชลซีช็อกตาตั้ง เพราะพวกเขาก็ได้เจรจากับมิเกลไว้แล้วว่าเมื่อถึงวัยต้องเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพมิเกลจะเลือกเชลซี แผนที่ตั้งไว้จึงผิดไปหมด และเชลซีก็ไม่สามารถผ่านด่านการเจรจากับลินได้ เพราะลิน กับ แมนฯ ยูไนเต็ด คุยกันลุล่วงทุกอย่าง ทั้งค่าตัวค่าเหนื่อย รวมถึงการจะปล่อยมิเกลให้ลินใช้งานไปอย่างน้อย 1 ซีซั่น
ทางฝั่งเชลซีจะช็อกก็คงไม่แปลกอะไร เพราะหลังจากนั้นไม่นานมิเกลก็ถูกแมนฯ ยูไนเต็ด คว้าตัวไปได้สำเร็จ พวกเขาประกาศข่าวอย่างเป็นทางการให้มิเกลใส่เสื้อของทีมร่วมแถลงข่าวเหมือนกับการเปิดตัวนักเตะทั่วไป ขณะที่มิเกลก็ให้สัมภาษณ์ว่าปลื้มอกปลื้มใจมากกับการย้ายทีมครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเรื่องราวน่าปวดหัวจะเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย
เอเยนต์ของมิเกลที่มีชื่อว่า จอห์น ชิตตู นั้นเป็นคนที่คุยกับ เชลซี มากกว่าฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ชิตตูที่รับปากกับเชลซีไปแล้วว่าจะพามิเกลมาร่วมทีมให้ได้ ต้องไปค้นเอกสารตั้งใหญ่เพื่อหาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมดีลที่เคยคาดหวังไว้กลับโดนตัดหน้าไปแบบงง ๆ ขนาดนี้
ซึ่งจากการตามเรื่องพบว่าฝั่งลินได้ปลอมลายเซ็นในสัญญาอาชีพของมิเกลโดยที่นักเตะไม่ยินยอม มีการเปิดเผยว่า มอร์แกน แอนเดอร์เซ่น ซีอีโอของลินนั้นปลอมลายเซ็นมิเกล เพราะเขารู้ว่าหากไม่ปลอม มิเกลจะเซ็นสัญญาอาชีพกับเชลซี และนั่นจะทำให้ลินได้รับส่วนแบ่งแค่ไม่กี่หมื่นปอนด์ แทนที่จะได้เงิน 4 ล้านปอนด์จาก แมนฯ ยูไนเต็ด
เรื่องนี้อีรุงตุงนังมาก เพราะหลังจากที่มิเกลรู้เรื่อง เขาก็แค้นสโมสรที่หักหลังทันที เขาปฏิเสธจะลงเล่นให้ลิน และมันถึงขั้นที่เขาได้ยืนยันความตั้งใจของตัวเองกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าเขาอยากจะย้ายไปเชลซีมากกว่า ... ทั้งหมดนี้นำมาสู่การสู้กันด้วยหลักฐาน แมนฯ ยูไนเต็ด บอกว่าพวกเขามีสัญญาของนักเตะอย่างเป็นทางการแล้ว ขณะที่ฝั่ง มิเกล ที่ได้รับการสนับสนุนจากเชลซี ก็แย้งว่า "เอกสารที่มีเป็นของปลอม"
เรื่องนี้ร้อนไปถึงฟีฟ่าต้องเข้ามาเคลียร์ด้วยตัวเอง และมิเกลก็เล่าถึงช่วงเวลาดังกล่าวว่า "ผมเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผมไม่ได้ทำด้วยความเต็มใจ ผมถูกกดดันให้ทำเช่นนั้น ผมถูกปฏิเสธคำแนะนำจากตัวแทนและคนที่ผมไว้ใจ และผมแทบไม่มีเวลามากพอที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มันจึงกลายเป็นว่าผมได้ทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ เรื่องนี้เกิดขึ้นจาการกระทำของ มอร์แกน แอนเดอร์เซ่น ที่ไปคุยกับฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด โดยที่ผมไม่รู้เรื่อง กว่าที่ผมจะรู้ว่าควรทำอย่างไร เรื่องราวก็ใหญ่โตแล้ว"
เรื่องนี้ใหญ่ขนาดที่ว่าแม้แต่ฟีฟ่าก็ฟันธงให้ไม่ได้ ... มิเกลที่ขอความช่วยเหลือจากฟีฟ่าเปิดเผยว่า ทางฟีฟ่าส่งตัวแทนมาคุยกับเขาเรียบร้อยแล้ว และบอกให้เขาเลือกในสิ่งที่ต้องการ ส่วนเรื่องเอกสารที่มีปัญหาฟีฟ่าไม่สามารถก้าวก่ายได้ เพราะเรื่องนี้ถูกส่งไปยังศาลประเทศนอร์เวย์แล้ว และคงต้องรอผลการตัดสินจากศาลนอร์เวย์เท่านั้น
เชลซีเป็นฝั่งที่ส่งเรื่องนี้ให้ศาลประเทศนอร์เวย์ช่วยตัดสิน ทว่าต่างฝ่ายต่างก็มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ทำให้ศาลไม่สามารถฟันธงได้ มีการสู้คดีกันหลายรอบจนทำให้ดีลนี้อยู่ในสถานะสูญญากาศ จะย้ายทีมไป แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้ จะล้มดีลแล้วย้ายไปเล่นให้ เชลซี ตามที่หวังก็ยังไม่ได้อีก ... สุดท้ายข้อพิพาทนี้จบลงด้วยการที่ 2 สโมสรอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี ต้องตั้งโต๊ะเจรจากันเองเพื่อหาทางออกร่วมกัน
พวกเขาต่างรู้ดีว่าหากรอให้ผลการตัดสินจากศาลออกมาอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีหรือ 2 ปี ถ้าเป็นเช่นนั้น มิเกลจะไม่สามารถลงเล่นเกมระดับทางการได้เลย พวกเขารู้ดีว่านี่เป็นการเสียโอกาสสำหรับการพัฒนาของเด็ก ดังนั้นการตั้งโต๊ะเจรจาจึงเริ่มขึ้น และฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องยอมแพ้ในครั้งนั้นเพราะตัวนักเตะยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าเขาจะเล่นให้เชลซีเท่านั้น
"คุณรู้ไหมทำไมผมต้องการไปเชลซีเท่านั้น ? ตอนนั้นเชลซีเซ็นสัญญานักเตะดาวรุ่งจากไนจีเรียมาอีก 3 คน พวกเขาเหล่านั้นตกลงกับผมว่าพวกเขาจะพักอยู่บ้านของผมที่ลอนดอน พวกเขาเป็นเพื่อนผมทั้งหมด และชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม ... ถ้าผมย้ายไปอยู่ แมนฯ ยูไนเต็ด พวกเขาจะไม่มีที่ไป ... เชลซีเองก็เป็นทีมที่ดี และให้ความสำคัญกับผมมาโดยตลอด ดังนั้นผมจึงต้องเลือกเชลซี ผมชอบพวกเขา และผมก็รักเพื่อน ๆ ของผมด้วย" มิเกล เล่าถึงเหตุผลการยืนกรานการตัดสินใจของเขาในภายหลัง
เมื่อนักเตะยืนยันขนาดนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องยอมแพ้ พวกเขาเริ่มเจรจากันอย่างเป็นเหตุเป็นผล ฝั่ง เชลซี ส่งตัวแทนอย่าง ปีเตอร์ เคนย่อน ที่เคยเป็นซีอีโอของแมนฯ ยูไนเต็ด มาเป็นผู้เจรจาครั้งนี้ และนั่นทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น เชลซียืนยันว่าพวกเขาพร้อมจะจ่ายค่าชดเชยให้ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด อย่างสมน้ำสมเนื้อ ขอเพียงแค่แมนฯ ยูไนเต็ด ยุติเรื่องวุ่นวายนี้ พวกเขาพร้อมจะมอบเงินจำนวน 16 ล้านปอนด์ให้ฝั่งปีศาจแดงเพื่อเป็นค่าตัวของมิเกลทันที นั่นเท่ากับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้กำไรกินเปล่าเป็นจำนวน 12 ล้านปอนด์ และมันก็มากพอที่จะทำให้เรื่องทั้งหมดจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งระหว่างทั้ง 2 ทีม
อย่างไรก็ตามอย่าคิดว่าเรื่องนี้จะไม่มีคนต้องรับผิดชอบ เพราะคนที่ทำให้เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นคือ แอนเดอร์เซ่น ที่ปลอมแปลงเอกสาร เพราะหลังจากที่ศาลนอร์เวย์พิจารณาเรื่องนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ในที่สุดแอนเดอร์เซ่นก็ถูกตัดสินว่าผิดจริงในคดีนี้ และเขาต้องรับโทษจำคุก 1 ปี และตัดสิทธิ์ห้ามเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลตลอดชีวิต และมหากาพย์อันยาวนานเรื่องนี้ก็ได้จบสิ้นลงโดยที่ไม่มีฝั่งไหนติดค้างกันอีกต่อไป
ทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ เชลซี เดินหน้าบนทิศทางของตัวเองต่อไป และหลังจากนั้นพวกเขาก็กลายเป็น 2 คู่แข่งที่เข้มข้นที่สุดในอังกฤษในยุคนั้น ... โดยเรื่องของ มิเกล จอห์น โอบี ก็ไม่มีใครติดใจหรือค้างคาอะไรอีกแล้ว
แหล้งอ้างอิง
https://www.thesun.co.uk/sport/20003002/john-obi-mikel-man-utd-transfer-chelsea/
https://talksport.com/football/391153/john-obi-mikel-man-utd-transfer-news-chelsea-stats/
https://www.skysports.com/football/news/2335095/mikel-adds-to-united-saga
https://www.goal.com/en/news/amazing-teenage-john-obi-mikel-was-already-too-good-for-the-psl/bltea2d29c66cb490b9
https://farpost.co.za/untold-stories/%EF%BF%BCinside-story-on-john-obi-mikels-flirtation-with-ajax-cape-town/
https://www.balls.ie/football/john-obi-mikel-reveals-extent-roy-keanes-influence-man-united-377427