Feature

มิตรภาพบนทางสายลุย : Stance Camp กลุ่มคนรักรถเตี้ยที่พารถแต่งคู่ใจ ลุยป่าตั้งแคมป์ | Main Stand

“รถที่เราแต่งเราคิดว่ามันสวยสำหรับเราซึ่งเราก็อยากพามันไปจุดที่มันสวยหรือว่าคอนทราสกับสิ่งนั้น ปกติการมาเที่ยวแบบนี้มันต้องเป็นรถใหญ่รถสูง แต่พอเราเอารถเตี้ยมาจอดคนอื่นเขาก็จะมองว่ามันแปลก มันมาได้ยังไง มันเกิดคำถามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันก็ท้าทายเราดี” 

 


หากคุณเคยท่องเที่ยวในสไตล์แคมป์ปิ้งอาจทราบดีว่าเส้นทางในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแต่ละครั้งเพื่อที่จะพบเจอกับความสวยงามของธรรมชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และแน่นอนว่ารถยนต์ที่ตอบโจทย์ในการเดินทางมากที่สุดก็คือ รถยนต์ออฟโรด หรือ รถยนต์ที่ดัดแปลงยกสูงขึ้นมา 

ทว่ามุมมองเหล่านี้อาจไม่จำเป็นเสมอไปสำหรับ “Stance Camp” กลุ่มคนรักรถเตี้ยหรือรถแนว Stance อีกทั้งยังชื่นชอบการแคมป์ปิ้ง และแน่นอนว่ารถที่ถูกดัดแปลงมาจนเตี้ยติดดินเหล่านี้เป็นตัวกลางสำคัญที่พาให้พวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทาง 

Main Stand มีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับ ธิติวุฒิ แก้วนุ่ม (ติ), คมกฤช อาจหาญ (ดูด) และ ลีปิกร ทังสมบูรณ์ (ปอนด์) เกี่ยวกับประสบการณ์ในการพารถคู่ใจเดินทางผ่านเส้นทางอันยากลำบากเพื่อทำตามแพสชั่นของตัวเอง

ความสุข มิตรภาพ และเรื่องราวระหว่างการเดินทางของพวกเขาเกิดขึ้นอย่างไรมาร่วมทำความรู้จักตัวตนของ Stance Camp ได้ที่นี่

 

รูปจากอินเทอร์เน็ต จุดกำเนิดความชอบรถ Stance

ก่อนอื่นต้องอธิบายคร่าว ๆ ก่อนว่าการแต่งรถแนว Stance มีจุดกำเนิดมาแล้วหลายสิบปีในทางฝั่งต่างประเทศ ซึ่งเอกลักษณ์ของการแต่งรถแนวนี้คือการจัด Fitment ของตัวรถให้พอดีกับล้อ การปรับแคมเบอร์ของล้อให้เบียดซุ้มล้อมากที่สุด เพื่อจัดทรงให้สวยงาม เรียกได้ว่ายิ่งรถเตี้ยเท่าไรก็ยิ่งสวยมากเท่านั้น ก่อนที่อิทธิพลของการแต่งรถแนวนี้จะได้รับความนิยมไปทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย

ความสวยงามของการจัดทรงลงล้อในสไตล์นี้กลับเข้ามาสะดุดตาของ ติ ดูด และ ปอนด์ จากการเลื่อนดูรูปภาพของรถแต่งจากอินเทอร์เน็ต จนมาสะดุดตาเข้ากับการแต่งรถเตี้ยที่เรียกว่า Stance 

 “คือความชอบในรถ Stance มันเกิดมาจากรูปในต่างประเทศนี่แหละ เราเสพรูปรถจากต่างประเทศ บวกกับเราชอบทรงแบบนี้ บวกกับกระแสของรถในประเทศไทยเมื่อก่อนยังไม่ค่อยมีก็เลยเลือกแต่ง”
 
ทั้งสามคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเสพรูปภาพรถแต่งจากต่างประเทศ อีกทั้งยังเผยอีกว่าการแต่งรถในแนวนี้ก็เหมือนกับการบ่งบอกเอกลักษณ์ของตัวเอง 

ติ : “รถที่ใช้กันทุกวันนี้ก็เป็นรถคันแรกของทุกคน ซึ่งพวกผมก็ไม่คิดจะแต่งรถแนวอื่นกันเลย ผมว่าผมแต่งรถในแนวที่คนเขาไม่ค่อยทำกันมันเลยสื่อถึงความเป็นตัวเองมากกว่า เหมือนกับที่พวกผมเป็นช่างภาพด้วยมั้งครับ มันจึงต้องพยายามค้นหาสไตล์ของตัวเอง”

ซึ่งแน่นอนว่านอกจากเสน่ห์ในการจัด Fitment แล้ว อีกหนึ่งจุดขายของการแต่งรถในสไตล์นี้คือเสียงขูดของตัวรถและซุ้มล้อ เรียกได้ว่ามันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบรถเตี้ยได้มีอารมณ์ร่วมในการขับขี่

ติ : “มีได้ยินเสียงขูดของตัวถังรถกับพื้นถนนบ้าง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนรถที่เตี้ยก็จะได้ยินทุกครั้งที่ขับ เมื่อก่อนพวกเราทั้ง 3 คนก็เคยใช้โช้คธรรมดาก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ถุงลม มันรู้สึกว่าถ้าลดการได้ยินเสียงขูดหรืออะไรประมาณนี้มันจะให้อารมณ์ว่ารถเราเตี้ยและมันก็สวย”

ติ : “ตอนนั้นมันเหมือนเป็นว่าเราเสพติดเสียงพวกนี้ บางคนที่ไม่เคยนั่งหรือขับรถแบบนี้ก็จะตกใจ แต่สำหรับพวกผม ชอบ คือคำเดียวเลย” 

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปและการแต่งรถแนว Stance ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทำให้อุปกรณ์ในการแต่งสามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น ถุงลม หรือ Air Lift อุปกรณ์สำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง อีกทั้งยังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ทั้งสามคนเลือกติดตั้งเพื่อให้รถของพวกเขาสามารถเดินทางไปตั้งแคมป์ได้

เมื่อความฝันที่จะมีรถเตี้ยสักคันได้สำเร็จไปหนึ่งขั้น บันไดขั้นต่อไปของพวกเขาคือการทะลายกำแพงความกลัวและทำตามแพสชั่นด้วยการพาสิ่งที่ตัวเองรักก็คือรถ Stance ไปอยู่กับภาพในจินตนาการ นั่นคือการพารถสวย ๆ ไปอยู่กับบรรยากาศสวย ๆ ของธรรมชาติ

 

การรวมตัวของคนสไตล์เดียวกัน

ก่อนที่จะมีการสร้างเพจหรือกลุ่ม Stance Camp ขึ้นมา ติ หนึ่งในผู้ก่อตั้งเพจเผยว่าตัวเขาเองเริ่มต้นจากการท่องเที่ยวแคมป์ปิ้งเพียงคนเดียวด้วยรถ Honda City คู่ใจ ตามความต้องการและความฝันของตัวเอง

ติ : “เมื่อก่อนผมทำคนเดียวเลย แต่ว่าตอนไปเดินป่าก็จะมีไปกับเพื่อน ๆ อยู่แล้ว แต่ว่ามันจะไม่เกี่ยวกันเลย พอผมมีรถผมก็เริ่มแต่งแล้วก็พยายามเอาสิ่งที่ชอบมารวมกันให้ได้”

ด้วยความที่ ติ ทำอาชีพเป็นช่างภาพ ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวทุกครั้งเขามักจะนำกล้องตัวเก่งของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปรถคันโปรดที่จอดอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติและนำมาแชร์ลงกลุ่มในเฟซบุ๊กจนมีคนรู้จัก 

ติ : “ผมเป็นช่างภาพใช่ไหมครับ ปกติเวลาไปเที่ยวก็จะถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก ซึ่งก็จะมีเอาไปลงตามกลุ่มบ้าง ทั้งพวกกลุ่มรถแต่งและกลุ่มกางเต็นท์ พอมีคนเห็นเขาก็ติดต่อเข้ามา”

ติ : “จริง ๆ แล้วจุดเริ่มต้นที่ผมทำเพจนี้ขึ้นมาก็คือ Race Boy เขาเป็นคนแรกที่ติดต่อผมมาขอถ่ายรูปและคลิป ตั้งแต่ผมออกทริปคนเดียวและยังไม่เปิดเพจ ตอนนั้นผมเอารถ (Honda City) ไปเที่ยวที่เพชรบูรณ์ ซึ่งผมก็เอารูปที่ถ่ายไปลงในกลุ่ม เขาเห็นจึงติดต่อมาเป็นคนแรก”

หลังจากโพสต์รูปลงในโซเชียล ติ ไม่คิดว่าจะมีคนให้ความสนใจและได้กระแสตอบรับ จนในที่สุดจุดเริ่มต้นของการสร้างเพจก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง พร้อมทั้งตั้งใจชักชวนเพื่อน ๆ ที่มีความชื่นชอบในการแต่งรถเตี้ยออกเดินทางไปหาประสบการณ์ครั้งใหม่ 

ติ : “พอเปิดเพจขึ้นมาได้สักพักก็เริ่มชวนเพื่อน ผมอยากเอาเพื่อน ๆ เข้ามาร่วมด้วยก็เลยตัดสินใจชวนพี่ดูดก่อนคนแรก ซึ่งพี่ดูดเป็นคนชอบแต่งรถอยู่แล้วแต่ว่าไม่ใช่สายแคมป์ พอพี่ดูดได้ลองไปครั้งแรกก็รู้สึกชอบแล้วก็ติดใจ”

จากการชักชวนของ ติ ทำให้ ดูด ชายที่ชื่นชอบในการแต่งรถลองเปิดใจกล้าที่จะออกจากเซฟโซน ทดลองนำรถเตี้ยของตัวเองออกเดินทางเพื่อเติมเต็มความสุขให้กับชีวิต

ติ : “พอเริ่มไปเที่ยวกับพี่ดูดก็ได้มารู้จักกับพี่ปอนด์เพราะว่าเราทำงานด้วยกัน ซึ่งพวกผมทั้งสามคนเป็นช่างภาพ พอได้คุยกันก็เริ่มรู้ว่าพี่ปอนด์ก็ชอบแต่งรถเหมือนกัน ทำให้ผมชวนพี่ปอนด์เข้ามาเป็นคนที่สาม” 

ปอนด์ : “ผมโดนป้ายยาครับ”

ติ : “จริง ๆ รถในกลุ่มจะมีแค่ 3 คัน คือ Honda City,  Suzuki Ertiga แล้วก็ Mazda 2  แต่ว่าสมาชิกทั้งหมดมี 4 คน ซึ่งจะมีเพื่อนผมอีกคนหนึ่งชื่อว่า โค้ก แต่ว่าเขาเพิ่งจะมีรถแล้วก็ยังไม่ได้แต่งอะไรมากก็เลยยังไม่ค่อยได้ถ่ายรูปรถเท่าไร แต่ว่าเราจะไปด้วยกันตลอด”

การโน้มน้าวของ ติ ทำให้เขาเหมือนได้เจอจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็มให้การเดินทางท่องเที่ยวมีความทรงจำมากขึ้น 

ติ : “ความรู้สึกของผมตอนนั้นคือจริง ๆ ผมไม่ได้สนิทกับพี่ปอนด์ แต่ว่าชวนพี่ดูดมาก่อน พอพี่ปอนด์มาเที่ยวด้วยผมก็รู้สึกว่าองค์ประกอบทุกอย่างมันครบ คือปกติพวกผมถ่ายรูปก็จะถ่ายแค่ภาพนิ่ง คือทุกอย่างมันก็โอเคเพราะว่าชอบถ่ายภาพกันอยู่แล้ว”

ติ : “แต่พอมีพี่ปอนด์เข้ามาทุกอย่างมันครบ ทั้งเรื่องนิสัยที่เข้ากันได้และสไตล์รถที่เราชอบ ซึ่งพอทุกอย่างมารวมกันมันโอเคมาก ความสุขที่ผมได้เจอมันทำให้ผมลืมทุกอย่างไปหมด และทำให้เรารวมกันจนถึงทุกวันนี้” 

ท้ายที่สุดประสบการณ์ครั้งใหม่ของการท่องเที่ยวในสไตล์แคมป์ปิ้งของกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกันคือความชื่นชอบในรถเตี้ยและแคมป์ปิ้ง พวกเขาได้เริ่มต้นออกเดินทางไปยังเขาพระยาเดินธง จังหวัดลพบุรี และบันทึกเรื่องราวเป็นของตัวเองเป็นครั้งแรก 

ปอนด์ : “สำหรับผมการท่องเที่ยวคือสิ่งที่ผมชอบอยู่แล้ว แต่ผมว่าลึก ๆ ของทุกคนอยู่ที่จังหวะและเวลา ผมไปแคมป์ก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรนอกจากวิวสวย ๆ ของธรรมชาติ บรรยากาศการเต้นผมก็รู้สึกเฉย ๆ จนกระทั่งมาเจอทั้งสองคนนี้”

ปอนด์ : “ตอนที่ผมไปก็อยากถ่ายวิดีโออยู่แล้ว พอเราได้ทำตรงนี้ก็รู้สึกว่าประทับใจ มันเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ แล้วเราก็แต่งรถอยู่แล้วด้วย ซึ่งมันจะดีแค่ไหนถ้ารถที่เรารักมาจอดอยู่ตรงนี้ มันทำให้ผมเกิดความหลงใหลขึ้น ทีนี้ก็เลยยาวเลยครับ โดนป้ายยาเยอะมาก”

คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแต่งรถ Stance และความชื่นชอบในการแคมป์ปิ้งของ ติ ทำให้เขาเจอเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ อีกทั้งความชื่นชอบของ ติ ยังเป็นการทำให้ ปอนด์ และ ดูด ค้นหาตัวตนของตัวเองจนเจอ

 

การเดินทางที่เต็มไปด้วยความทรงจำ

จากวันที่เกิด Stance Camp กลุ่มชายผู้รักรถเตี้ยได้ออกเดินทางเพื่อทำตามแพสชั่นของตัวเองมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ก็พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเรื่องราวในการเดินทางไม่เหมือนกันสักครั้ง 

ส่วนใหญ่รถที่สามารถบุกตะลุยเส้นทางเหล่านี้ได้ก็คือรถออฟโรดหรือรถยกสูง แต่กลับกันรถของ ติ ปอนด์ และ ดูด ต่างเป็นรถแต่งในสไตล์ Stance ทำให้เกิดคำถามที่ว่า แล้วพวกเขาสามารถเดินทางไปถึงเป้าหมายได้อย่างไร ? ซึ่งคำตอบที่ได้มานั้นกลับเป็นเรื่องราวที่รถยกสูงอาจหาไม่ได้ รวมถึงนิยามของ “มิตรภาพ” ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ติ : “หลัก ๆ แล้วเวลาเราจะไปที่ไหนพวกเราจะทำการบ้านอยู่แล้วว่าเส้นทางที่เราไปมันพอจะไปได้ไหม ง่าย ๆ คือถ้าเราดูแล้วว่าเส้นทางนี้รถเดิม ๆ มันขับไปได้ก็แปลว่ารถของพวกเราก็ไปได้เหมือนกัน”

การเดินทางไปแคมป์ก่อนที่เหล่านักท่องเที่ยวนักผจญภัยจะพบกับความสวยงามที่อยู่ปลายทาง พวกเขาจะต้องผ่านด่านสุดหิน นั่นคือเส้นทางที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะราบรื่นหรือมีอุปสรรคมากน้อยเพียงใด

ดูด : “ส่วนใหญ่ทริปที่พวกเราไปกันต่างคนต่างต้องช่วยกันดูทาง บางจุดเราก็ต้องจอดรถลงไปดูเลยว่าเส้นทางนี้เราจะไปยังไง ไปมุมไหน ซึ่งถ้าทางไหนไปได้เราก็จะค่อย ๆไป แต่ถ้ามีรถของคนไหนติดทุกคนก็จะลงมาช่วยเข็นให้”

ติ : “ผมว่ามันเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่คนขับรถสูงเขาก็จะสนุกในอีกแบบหนึ่งที่เขาสามารถลุยไปในแต่ละทางได้ แต่ว่ากับเราเหมือนเป็นการทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งมันก็คือการดูลายเส้นทางนั่นแหละและมันก็สนุกดี ช่วยกันดันช่วยกันดุนอะไรแบบนี้”  

ติ และ ดูด เผยถึงเสน่ห์ของการได้ร่วมเดินทางออกทริปไปตั้งแคมป์ ที่ทุกคนมีโอกาสช่วยผลักดันกันและกันเพื่อไปสู่ปลายทางให้สำเร็จ

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าในแต่ละทริปที่พวกเขาได้เดินทางออกไปตั้งแคมป์ล้วนมีความประทับใจและความทรงจำเปี่ยมล้น และเมื่อเราถามถึงทริปที่ทุกคนประทับใจมากที่สุดทั้ง ติ ปอนด์ และ ดูด ต่างก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าคือทริปตาดหมอก จังหวัดเพชรบูรณ์ 

ดูด : “วันนั้นพวกผมใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว ซึ่งมันใกล้มาก ๆ อีกแค่ไม่กี่เมตร แต่ว่ารถของเพื่อนผมที่ชื่อเต้ติดอยู่ (Honda Odyssey) ซึ่งพวกเราก็พยายามทำยังไงก็ได้ให้รถของเขาขึ้นได้ ทั้งดุนทั้งเข็น”

ดูด : “มันสนุกนะ มันอาจน้อยที่จะได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ เราก็ทำในสิ่งที่เราชอบ ขนาดเป็นรถเราเองเรายังรู้สึกว่ามันลำบากนะแต่คิดว่าเราต้องทำให้มันได้ ทำไม่ได้เราก็ไม่ไป แต่พอเราทำได้เราก็ดีใจกันมาก ๆ ที่สามารถไปถึงจุดหมาย” 

ดูด เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในระหว่างการเดินทางไปยังตาดหมอก รถทุกคันสามารถผ่านเส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อไปได้ แต่กลับมีรถอยู่หนึ่งคันที่ติดอยู่และทุกคนพยายามช่วยกันเพื่อให้รถคันดังกล่าวไปต่อให้ได้

ปอนด์ : “ส่วนใหญ่แล้วเราจะติดทางชัน มันไม่ได้ขึ้นง่าย ๆ เพราะจะมีร่องของถนนที่มันแตก รถพวกเรามันก็เตี้ยทุกคัน แถมยังต้องหลบเลี่ยงลายถนนตรงนั้นด้วยมันก็เลยยาก ตรงนั้นเราติดอยู่นานมาก แถมทริปนั้นฝนตกถนนลื่น ซึ่งทุกคนเละเทะกันหมด ต้องช่วยกันดันช่วยกันเข็นเพื่อที่จะไปดูหมอกข้างบนให้ได้ จำได้ว่าติดอยู่นานมากเป็นชั่วโมงเลย”

ความทรงจำในครั้งนั้นยังคงแจ่มชัดสำหรับทุกคนได้เป็นอย่างดี จากการได้ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคและช่วยเหลือเพื่อนในทีมที่เดินทางไปด้วย 

ติ : “สตอรี่มันเยอะครับ ทุกอย่างมันลงตัว หลาย ๆ อย่างมันสนุกก็เลยชอบ เพราะว่ารถคันสีดำติด (Honda Odyssey) ถ้าเกิดว่ารถคันนี้ขึ้นไม่ได้ถึงแม้เราจะขึ้นไปกันหมดแล้วเราก็จะถอยลงมา ถ้าเพื่อนเราแค่คนเดียวไปไม่ได้เราก็จะไม่ทิ้งเพื่อนแต่เราก็จะย้ายที่และไปด้วยกันเหมือนเดิม”

ปอนด์ : “คือมันมีประสบการณ์ร่วมกันเยอะ เหมือนกับว่ามันทำให้เรานึกถึงตลอดเวลา”

ดูด : “บวกกับวิวที่เราเห็น ต้องใช้คำว่า โอ้โห เลย วิวมันสวยมาก มันทั้งบรรยากาศของหมอกและพระอาทิตย์”

ทุกคนพูดด้วยความน้ำเสียงและใบหน้าที่อิ่มเอิบไปด้วยความสุขที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์อันยากจะลืมเลือน 

 

เปิดใจแล้วออกไปลุย

การใช้รถ Stance ในการท่องเที่ยวของทั้งสามคนถือเป็นแพสชั่นที่คนกลุ่มหนึ่งพยายามทำเพื่อตอบสนองความชื่นชอบของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งรถและการท่องเที่ยว ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ได้นำสิ่งที่รักทั้งสองอย่างมารวมกันเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบ

ติ : “น่าจะเป็นเพราะความชอบนี่แหละ พอมันชอบรถแนวนี้มันก็เลยอยากเอารถไปในที่แบบนั้น เรารู้สึกว่าเราชอบทั้งการแคมป์และชอบรถ อย่างที่บอกถ้าเอาหลาย ๆ อย่างที่เราชอบมารวมกันได้มันจะรู้สึกแฮปปี้ ก็เลยเกิดความรู้สึกว่าต้องลองเอาไปให้ได้”

ติ ยอมรับว่าการออกไปท่องเที่ยวครั้งนี้เกิดจากความชอบของตัวเองล้วน ๆ 

แม้ว่าการเปิดใจออกไปลุยครั้งนี้จะสร้างความสุขให้กับตัวเอง แต่ในมุมมองของคนอื่นอาจจะมองว่าภาพลักษณ์ของรถเตี้ยนั้นคงไม่เหมาะสมเท่าไรหากจะนำมาลุยป่าลุยเขาเช่นนี้ และแน่นอนว่าเรื่องราวดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับกลุ่ม Stance Camp 

ติ : “โดนครับ โดนประจำเลย ทุกวันนี้ที่เราทำเพจมันก็มีคนมาคอมเมนต์แนว ๆ นี้บ่อยเหมือนกัน แค่เราติดแร็ค ติดเต็นท์หลังคา เขาก็มองแล้วว่ามันไม่เหมาะ มันจะทำให้พัง แต่ก็นั่นแหละครับเพราะพวกผมชอบ แต่ก่อนที่พวกผมจะทำจริงไม่ใช่แค่ผมอยากติดแบบนี้ก็ติดเลย เราศึกษามาก่อนในระดับหนึ่งว่ามันทำได้เราถึงทำ”

ปอนด์ เสริมว่าอุปกรณ์ที่เสริมเข้าไปกับตัวรถอย่างเช่นแร็คหลังคาเขาไม่ได้ติดเพียงแค่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้งานกับการท่องเที่ยวได้จริง และมีประโยชน์ต่อการแคมป์ปิ้ง

ติ : “ผมอยากให้คนที่กำลังมองว่ารถเตี้ยมันไม่เหมาะกับการไปเที่ยวสไตล์นี้เปลี่ยนความคิดว่ารถอะไรมันก็ไปได้ถ้าเรามีการศึกษาและการประเมินที่ดี ซึ่งบางคนเขาอาจจะมีรถแค่คันเดียวแต่ก็อยากเที่ยวเหมือนกัน” 

การก้าวข้ามขีดจำกัดและกรอบแนวคิดเดิมอาจทำให้เราเติบโตมากขึ้นและได้ค้นพบโลกกว้างที่ไม่เคยสัมผัส แค่เพียงหยิบกุญแจออกสตาร์ทตามความฝันและความตั้งใจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรถแต่งแบบไหนหรือรุ่นอะไรก็จะเป็นเรื่องราวของแต่ละคนที่ได้มีโอกาสเรียนรู้จากประสบการณ์จริง

ปอนด์ : “ตอนที่เราเดินทางความกลัวไม่เกิด คือถามว่ากังวลไหมก็กังวลว่าข้างหน้าจะเจอทางแย่ ๆ หรือเปล่า ก็เลยพยายามทำการบ้านกันพอสมควร แต่ว่าด้วยความชอบและความสุขที่อยู่ตรงนั้นมันมากกว่า พวกเราเลยกล้าที่จะไป”

การไปลุยตั้งแคมป์เพื่อทำตามความฝัน เรื่องที่ต้องเผื่อใจและทำใจเอาไว้อย่างยิ่งคงเป็นหนีไม่พ้นอุปกรณ์ของรถที่ต้องชำรุดเสียหาย ทั้งล้อแม็ก ตัวถังของรถ จากการโดนเศษหินกระแทก หรือการตกหลุมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งเครื่องยนต์ที่อาจมีความเสียหาย

ติ : “ผมเคยเจอค่าซ่อมหนักสุดจำได้ว่าตอนนั้นผมไปเที่ยวคนเดียว แล้วขับรถไปทับก้อนหิน ตอนนั้นผมกดถุงลมไว้ให้วิ่งเตี้ย ๆ ก็เลยขับคร่อมไปจนอ่างน้ำมันแตก ก็ต้องขึ้นรถสไลด์จากอุทัยธานีกลับมากรุงเทพฯ เฉพาะค่ารถก็ประมาณ 8,000 บาทแต่ว่าโชคดีที่ผมมีประกัน แต่ว่ามาหนักตรงค่ารถสไลด์นี่แหละ” 

ดูด : “ผมเคยเสียค่าซ่อม 3,500 บาท แต่มันยังพอซ่อมได้ ถ้าล้อแม็กเป็นรอยทีก็อาจจะร้องไห้กันเลยก็ได้ครับ อย่างพวกล้อแม็กของพวกเรามันเป็นแม็กที่ค่อนข้างไม่มีขายในตลาดทั่วไปเพราะว่ามันเอาไว้ใส่สำหรับรถ Stance เลยค่อยข้างหายาก”

นอกจากจะเปิดใจในการนำรถ Stance ออกมาท่องเที่ยวแล้ว ทุกคนยังยอมรับว่ายอมเสียเงินเพื่อแลกกับความสุขในการพารถของตัวเองไปเที่ยวด้วยในสถานที่ที่อยากไป 

ติ : “ผมยอมนะ มันเป็นการแต่งรถในสไตล์ที่ผมชอบ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมเสียเงินบ่อย ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่ค่อยมีเงินกินข้าว แต่อย่างน้อยมันก็คือสิ่งที่ผมชอบ มันเหมือนเป็นการเสพติดไปแล้ว ผมมีความสุขแม้ว่ากลับมาแล้วมันจะเสียเงินเยอะ แต่ผมก็ไม่เข็ดนะครับเพราะว่าผมชอบจริง ๆ”

แม้ว่าจะต้องแลกกับการเสียเงินเพื่อซ่อมบำรุง แต่เชื่อว่าสิ่งที่ได้กลับมานั้นแสนคุ้มค่า โดยเฉพาะมิตรภาพ เรื่องราว และความสุขระหว่างการเดินทาง

ปอนด์ : “สำหรับผมความสุขมันเกิดขึ้นทุกครั้ง ผมได้รับมาเต็มเปี่ยม พอเรากลับมาก็รู้สึกอยากไปอีกครั้ง แล้วก็มิตรภาพที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเพื่อน ๆ หน้าใหม่ที่มาแคมป์ปิ้ง ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ซึ่งผมว่าทุกคนก็คงคิดคล้าย ๆ กัน”

ปอนด์ : “ถึงแม้ว่าบรรยากาศในบางที่มันจะไม่ได้เป็นเหมือนที่เราเห็นในรูปหรือคาดไว้ แต่เราก็มีความสุขกับมันทุกครั้ง จริง ๆ แล้วผมว่าไฮไลต์ของการออกแคมป์มันคือสิ่งที่เราได้ทำร่วมกันมากกว่า” 

ด้วยความที่ทั้งสามคนประกอบอาชีพเป็นช่างภาพ ทำให้พวกเขามีโอกาสออกเดินทางตามต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง และได้ถือโอกาสดังกล่าวสะสมประสบการณ์การท่องเที่ยวในทุก ๆ ที่ที่รถของพวกเขาสามารถไปได้ เพื่อเติมเต็มแพสชั่นของตัวเอง

ติ : “บางทีเราไปถ่ายงานตามต่างจังหวัด ซึ่งเราก็จะมีการทดลองวางแผนกันดูว่าเราพอจะเอารถไปได้ไหม แล้วจะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้างที่ไม่ไกลเกินไปจากที่ทำงานหรือเป็นทางผ่าน เราพยายามใช้โอกาสนี้ออกไปทำงานด้วยเที่ยวไปด้วย”

เชื่อว่าการออกเดินทางไปท่องเที่ยวของ Stance Camp อาจทำให้หลาย ๆ คนปรับเปลี่ยนมุมมองและกล้าที่จะออกเดินทางเพื่อแสวงหาความสุขให้กับตัวเอง 

ติ : “ผมหวังว่าในอนาคต สังคมการแต่งรถแนวนี้ไปแคมป์ปิ้งน่าจะกว้างขึ้น”

 

Author

ทรงวุฒิ อุ่นบริบูรณ์

ผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายและหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของรถยนต์จากโมเดล

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น