Feature

THE FIRST SLAMDUNK : การกลับมาของทีมบาสฯ โชโฮคุ เพื่อสานต่อเรื่องค้างคาให้สมบูรณ์ | Main Stand

ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายสำหรับภาพยนตร์ฉบับจอเงินของ SLAMDUNK มังงะบาสเกตบอลระดับตำนานแห่งญี่ปุ่น ที่กลับมาพบกับแฟน ๆ อีกครั้งใน "THE FIRST SLAMDUNK" โดยกวาดรายได้จากการเข้าฉายโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ครองอันดับ 1 ภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดของประเทศหลายสัปดาห์ติดต่อกัน แถมยังเดินสายออกฉายตามประเทศต่าง ๆ ให้แฟนมังงะในทวีปเอเชียได้ชมอย่างทั่วถึง

 


นอกจากภาพและเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมภายใต้การดูแลของ อ.ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ ผู้ให้กำเนิด SLAMDUNK ที่ลงมาดูงานนี้ด้วยตัวเองแล้ว ยังเป็นการสานต่อเติมเต็มเรื่องราวของ SLAMDUNK ฉบับอนิเมะเมื่อปี 1996 ที่ค้างคามาตลอด 26 ปี ให้ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ ชนิดทำให้แฟน ๆ ของ ฮานามิจิ ซากุรางิ และผองเพื่อนเดินออกจากโรงพร้อมรอยยิ้มอิ่มเอมหัวใจ

ก่อนที่ THE FIRST SLAMDUNK เตรียมเข้าฉายให้แฟน ๆ ที่เมืองไทยได้ชมกันในโรงภาพยนตร์แบบทั่วถึงในวันที่ 9 มีนาคม นี้ Main Stand ขอพาไปสำรวจเบื้องหลังการกลับมาของ SLAMDUNK ฉบับภาคต่อเป็นการอุ่นเครื่อง และบอกเลยว่าอ่านได้อย่างปลอดภัย ไม่มีสปอยเนื้อหาสำคัญแน่นอน

 

เรื่องราวที่ค้างคาจาก "อนิเมะ"

ก่อนจะเข้าเรื่อง THE FIRST SLAMDUNK ฉบับจอเงิน ขอเกริ่นถึง SLAMDUNK เวอร์ชั่นอนิเมะกันสักหน่อย เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของการสร้าง THE FIRST SLAMDUNK นั่นเอง

ย้อนไปเมื่อปี 1993 อ.ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ ผู้วาด SLAMDUNK และ ชูเอฉะ ต้นสังกัดที่ตีพิมพ์ SLAMDUNK ฉบับรวมเล่มและรายสัปดาห์ ได้รับการติดต่อจาก Toei Animation บริษัทผลิตอนิเมะยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อขอลิขสิทธิ์นำ SLAMDUNK ไปทำเป็นฉบับอนิเมะฉายทางทีวี หลังจากเวอร์ชั่นมังงะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนมีแฟน ๆ เรียกร้องอยากเห็น ฮานามิจิ ซากุรางิ และทีมบาสเกตบอลแห่งโรงเรียนโชโฮคุแบบเคลื่อนไหวบนจอแก้วบ้าง

อ.อิโนอุเอะ และ ชูเอฉะ เมื่อได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจจากทาง Toei ก็เปิดไฟเขียวให้ทีมงานนำมังงะไปดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นอนิเมะฉายทีวีได้ทันที ซึ่งในที่สุด SLAMDUNK เวอร์ชั่นอนิเมะ ออกสตาร์ทฉายตอนแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ตุลาคม 1993 ออกอากาศทางสถานีทีวี Asahi ให้แฟน ๆ ได้ติดตามชมกันทุกสัปดาห์ (ส่วนที่เมืองไทยได้ชมผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ทุกเสาร์-อาทิตย์ โดยมีทีมงานของ น้าต๋อย เซมเบ้ เป็นผู้พากย์เสียง)

SLAMDUNK ฉบับอนิเมะ เดินเรื่องตามต้นฉบับของมังงะแบบคลานตามกันมา ตั้งแต่วันที่ ฮานามิจิ ซากุรางิ เด็กปี 1 ร่างใหญ่ผมแดงแห่งโรงเรียนมัธยมโชโฮคุ หันมาเล่นบาสเกตบอลเพราะอยากเอาชนะใจ ฮารุโกะ อาคางิ สาวในฝันที่ตัวเองจีบอยู่ ก่อนสมัครเข้าชมรมบาสเกตบอลของโรงเรียนโดยมี ทาเคโนริ อาคางิ กัปตันทีมปี 3 และพี่ชายของฮารุโกะนำทัพ ซึ่งแม้ว่าซากุรางิจะเล่นบาสฯ เพราะอยากให้สาวชอบ แต่เมื่อเขาได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดทุกสัปดาห์ และได้ปะทะกับคู่แข่งฝีมือดีจากหลายโรงเรียน เขากลับหลงเสน่ห์บาสเกตบอลเข้าอย่างจัง และโชว์ฟอร์มจนสามารถยึดตำแหน่ง 5 ตัวจริงของทีมได้ พร้อมกับประกาศด้วยความมั่นใจว่า "ข้าคืออัจฉริยะ!"

SLAMDUNK ฉบับอนิเมะ มีทั้งหมด 101 ตอน ออกอากาศตั้งแต่ปี 1993-1996 โดยเนื้อเรื่องจบที่ทีมบาสเกตบอลโรงเรียนโชโฮคุคว้าตั๋วลงแข่งขันบาสเกตบอลระดับอินเตอร์ไฮได้สำเร็จ ร่วมกับทีมไคนัน คู่แข่งตัวฉกาจในฐานะตัวแทนจากฝั่งคานางาวะ ซากุรางิและผองเพื่อนเดินทางด้วยรถไฟไปแข่งขันบาสฯ มัธยมรายการใหญ่ระดับประเทศ และเรื่องราวก็จบลงตรงนั้น ตัดจบโดยที่คนดูไม่ได้เห็นพวกเขาลงแข่งกับโรงเรียนโทโยทามะ และโรงเรียนซังโน ตามฉบับมังงะไปจนจบ

ไม่มีการเปิดเผยสาเหตุว่าทำไม SLAMDUNK ฉบับอนิเมะ ถึงจบแค่นั้น แต่สิ่งที่แฟน ๆ ส่วนใหญ่ตั้งข้อสันนิษฐานคือเพราะว่า SLAMDUNK ฉบับมังงะ ถูกตัดจบเมื่อเสร็จศึกกับโรงเรียนซังโน ประกอบกับ อ.อิโนอุเอะ ไม่อยากเขียนต่อแล้ว จากความขัดแย้งที่มีกับชูเอฉะ เรื่องผลการแข่งขันระหว่างโชโฮคุกับซังโนทาง Toei จึงตัดจบเวอร์ชั่นอนิเมะไว้ที่ตอนโรงเรียนโชโฮคุขึ้นรถไฟไปแข่งอินเตอร์ไฮ เรียกว่าจบแบบปลายเปิด ปล่อยให้แฟน ๆ ไปจินตนาการกันต่อเอง

 

ได้เวลากลับมาแบบ "หนังโรง"

แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากแฟน ๆ ที่อยากให้มีการทำภาคต่อของ SLAMDUNK ฉบับอนิเมะมากแค่ไหน แต่ทาง Toei กลับไม่สามารถทำได้เนื่องจาก อ.อิโนอุเอะ ที่วาด SLAMDUNK จบแล้ว และกำลังวาดงานใหม่อย่าง Vagabond ไม่ยินยอม โดยเมื่อปี 2003 หลังจาก DVD Boxset ของ SLAMDUNK ฉบับอนิเมะ ถูกผลิตออกมาแล้วขายดิบขายดีมาก โทชิยูกิ มัตสึอิ โปรดิวเซอร์ของบริษัท Toei และผู้มีส่วนร่วมในการผลิต Boxset นี้ ติดต่อไปหา อ.อิโนอุเอะ เพื่อชวนมาทำภาคต่อ แต่อาจารย์ผู้ให้กำเนิดซากุรางิส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเดิม แม้จะเสนอออฟชั่นอื่นที่น่าสนใจกว่าในภายหลังอย่างการทำเป็นหนังใหญ่ก็ตาม

"ตอนนั้นผมเสนอกับทางออฟฟิศของ อ.อิโนอุเอะ เรื่องการทำภาคต่อ แต่เขาตอบว่าไม่ ผมว่ามันเป็นเรื่องของจังหวะและกำแพงบางอย่าง แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้เพราะอยากแสดงความรับผิดชอบต่อเสียงตอบรับของแฟน ๆ SLAMDUNK จากกระแสอันท่วมท้นของ DVD Boxset ผมว่าสิ่งนี้คือแรงขับเคลื่อนสำคัญของผม" โทชิยูกิ มัตสึอิ เล่าที่มาที่ไป

กระทั่งกาลเวลาผันผ่านจนถึงปี 2009 โปรดิวเซอร์แห่ง Toei ก็ได้รับข่าวดี เมื่อตัวแทนฝั่งออฟฟิศของ อ.อิโนอุเอะ สนใจอยากทำอนิเมะภาคต่อของ SLAMDUNK จึงยื่นข้อเสนอให้ทาง Toei ทำตอนไพล็อต (ตัวอย่าง) มาพรีเซ็นต์ ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่โทชิยูกิและทีมงาน Toei ทำตัวอย่างไปเสนอกับ อ.อิโนอุเอะ ก็คืออนิเมะฉบับ 3D (3DCG) เพื่อให้เข้ากับกระแสโลกภาพยนตร์อนิเมชั่นที่เปลี่ยนจากภาพวาด 2D แบน ๆ มาเป็นภาพ 3D กันหมดแล้ว แต่สิ่งที่แลกมาก็คือค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับการทำอนิเมะ 2D แบบที่พวกเขาถนัด

แม้เป็นชาติที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำอนิเมะระดับแนวหน้าของโลก แต่การพัฒนากราฟิกอนิเมชั่นจาก 2D แบบวาดมือไปสู่ 3D ในเวลานั้นสำหรับทีมงานของ Toei ก็ไม่ใช่งานง่าย พวกเขานำเสนออนิเมะ SLAMDUNK ฉบับไพล็อตไปหลายเวอร์ชั่น แต่ อ.อิโนอุเอะ ก็ยังไม่ชอบใจนัก เพราะเขามองว่าการเคลื่อนไหวของตัวละครในแบบ 3D ดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มีชีวิตชีวาเท่าที่ควร หรือหากจะกลับไปใช้ 2D แบบดั้งเดิมเขาก็มองว่ามันล้าสมัยไม่เข้ากับยุคปัจจุบัน

ทว่า โทชิยูกิ และทีม Toei ก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ พวกเขาใช้เวลาพัฒนาภาพอนิเมชั่นของ SLAMDUNK อยู่หลายปีจนในที่สุดพวกเขาก็ปิ๊งไอเดียด้วยการทำอนิเมชั่นที่ผสมผสานภาพแบบ 2D และ 3DCG เข้าด้วยกัน โดยอ้างอิงจากภาพลายเส้น 2D ต้นฉบับที่ อ.อิโนอุเอะ เคยวาดเอาไว้ แล้วในที่สุด อนิเมะ SLAMDUNK ที่นำเอาความเป็น 2D และ 3D มาผสมผสานกันจนลงตัวจน อ.อิโนอุเอะ ได้ชมตัวอย่างแล้วชอบมากที่ได้เห็นตัวละครของเขาเคลื่อนไหวบนสนามบาสฯ ได้แบบเป็นธรรมชาติตรงใจต้องการก็เปิดไฟเขียวให้ทีมงาน Toei เอาไปพัฒนาเป็นหนังใหญ่ในที่สุด

แล้ววันหนึ่งในปี 2014 เมื่อโปรเจ็กต์ได้รับไฟเขียวจากเจ้าของลิขสิทธิ์ โปรดิวเซอร์โทชิยูกิที่มีโอกาสรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับ อ.อิโนอุเอะ ก็เสนอให้อาจารย์รับหน้าที่เขียนบทและกำกับ SLAMDUNK ฉบับหนังโรงไปเลย เพราะไม่มีใครอีกแล้วที่จะรู้เรื่องของซากุรางิกับทีมบาสเกตบอลโชโฮคุได้ดีเท่ากับผู้ให้กำเนิดซีรีส์นี้เอง จนในที่สุด อ.อิโนอุเอะ ก็ตอบตกลงและเริ่มออกสตาร์ทงานนี้ในเวลาต่อมา

 

สำรวจเรื่องที่ยังไม่เคยเล่า

เมื่ออนุมัติให้มีการทำอนิเมะภาคต่อก็ถึงเวลาที่ อ.อิโนอุเอะ จะต้องคิดสคริปต์และวางโครงเรื่องว่าภาคต่อของ SLAMDUNK จะเดินไปในทิศทางไหนต่อจากอนิเมะฉายทีวีตอนที่ 101 หลังทีมบาสเกตบอลโชโฮคุนั่งรถไฟเดินทางไปแข่งขันบาสเกตบอลระดับอินเตอร์ไฮช่วงหน้าร้อน เมื่อปี 1996

อ.อิโนอุเอะ เริ่มเขียนบท SLAMDUNK ฉบับหนังโรงตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2015 ทุกอย่างถูกเก็บไว้เป็นความลับ มีแค่ตัวเขาและทีมงานของ Toei ที่รู้ ซึ่งในที่สุด อ.อิโนอุเอะ ก็ตัดสินใจแล้วว่า SLAMDUNK ฉบับหนังโรง จะพาคนดูไปสำรวจเรื่องราวของหนึ่งในตัวละครเอกแห่งทีมโชโฮคุที่ไม่เคยเล่าเรื่องปูมหลังของเขามากนักในฉบับมังงะ นั่นคือ "เรียวตะ มิยางิ" การ์ดร่างเล็กประจำทีม

ดังนั้น THE FIRST SLAMDUNK จึงเริ่มต้นเล่าชีวิตวัยเด็กของ เรียวตะ มิยางิ หนุ่มน้อยที่ใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะโอกินาว่ากับคุณแม่ และพี่ชายที่ชื่อ โซตะ สองพี่น้องบ้านมิยางิเล่นบาสเกตบอลด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนทำให้เรียวตะซึมซับวิชาการเล่นบาสฯ จากพี่ชายหลายเรื่อง เขายกให้พี่ชายของตัวเองเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นบาสเกตบอล ก่อนจะเกิดจุดพลิกผันที่ทำให้เรียวตะย้ายมาศึกษาต่อที่โรงเรียนโชโฮคุ เข้าชมรมบาสฯ และได้เจอซากุรางิกับเพื่อนร่วมทีมในเวลาต่อมา จนนำไปสู่การช่วยทีมคว้าตั๋วไปแข่งอินเตอร์ไฮ และเผชิญหน้ากับทีมซังโน เป็นบอสด่านสุดท้าย

ทั้งหมดคือเรื่องย่อฉบับสั้น ๆ ที่คนดู THE FIRST SLAMDUNK ที่ญี่ปุ่นได้ชมก่อนใครบนโลกแล้วนำมาบอกต่อบนโลกออนไลน์ ซึ่งหากมองจุดนี้นับว่าเป็นการเติมความสดใหม่ให้กับซีรีส์ SLAMDUNK อย่างแท้จริง เพราะในบรรดาตัวละครเอกทั้ง 5 แห่งทีมโชโฮคุ แฟน ๆ รู้กันอยู่แล้วว่าแต่ละคนมีแบ็กกราวด์ชีวิตอย่างไร เช่น ฮานามิจิ ซากุรางิ พระเอกของเรื่อง คือไอ้เด็กหัวแดงปี 1 ที่อยากเล่นบาสเกตบอลเพื่อจีบสาว, คาเอเดะ รุคาว่า ฟอร์เวิร์ดอัจฉริยะที่เก่งกาจจนหลายโรงเรียนอยากได้ตัว, ฮิซาชิ มิตสึอิ อดีต MVP ที่หลงผิดไปเข้าแก๊งนักเลงและกลับมาเล่นบาสฯ เพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง และ ทาเคโนริ อาคางิ กัปตันทีมที่พัฒนาจากเด็กที่มีดีแต่ร่างใหญ่มาเป็นกัปตันแห่งโชโฮคุ ที่หวังพาทีมคว้าแชมป์ระดับประเทศส่งท้ายก่อนเรียนจบปี 3

แต่สำหรับ เรียวตะ มิยางิ คนที่อ่านมังงะจะรู้แค่ว่าเขาคือการ์ดความเร็วสูงประจำทีมที่เคยทะเลาะวิวาทกับ มิตสึอิ จนถูกพักการเรียนไปช่วงหนึ่ง ก่อนคัมแบ็กมาช่วยทีมในช่วงเวลาสำคัญจนคว้าตั๋วไปเล่นอินเตอร์ไฮ ซึ่งแน่นอนว่าการที่ อ.อิโนอุเอะ เลือกให้ เรียวตะ มิยางิ เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักของ THE FIRST SLAMDUNK ก็ถือเป็นการเติมความสดใหม่และมอบเรื่องราวเส้นใหม่ให้แฟน ๆ ได้รู้จักชายที่ยกตัวเองว่าเป็น "การ์ด No.1 แห่งคานางาวะ" ให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม

หากมองว่า อ.อิโนอุเอะ วางบทบาทให้ มิยางิ รับบทกัปตันทีมคนใหม่แทนที่ของ อาคางิ ที่จบการศึกษาไปในฉบับมังงะ และต้องเป็นผู้นำทีมสำหรับการลงแข่งขันระดับเขต-ระดับประเทศหลังจากนั้น ก็ยิ่งทำให้เรื่องราวและบทบาทของการ์ดหมายเลข 7 แห่งโชโฮคุ ในเรื่อง THE FIRST SLAMDUNK สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับฉบับมังงะด้วย

เมื่อเนื้อเรื่องถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ประกอบกับทีมงาน Toei ค้นพบวิธีการนำเสนออนิเมชั่นในแบบ 2D ผสม 3DCG ได้เรียบร้อย พวกเขาจึงเดินเครื่องอย่างเต็มกำลังเพื่อสร้าง SLAMDUNK ฉบับภาคต่อให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุดทั้งภาพและเสียง รวมถึงการคัดเลือกนักพากย์ชุดใหม่มาสวมบทบาทตัวละครในเรื่อง THE FIRST SLAMDUNK เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่แฟน ๆ ที่รอคอย

ส่วนชื่อ "THE FIRST SLAMDUNK" อ.อิโนอุเอะ อธิบายเหตุผลที่เลือกชื่อนี้เป็นเพราะว่า "มันคือการนำเสนอเรื่องราวและมุมมองใหม่ ๆ ที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนเรื่องราวที่พวกเขาจะได้พบมันเป็นครั้งแรก ขณะที่คนดูหน้าใหม่หรือคนที่ไม่รู้จัก SLAMDUNK ก็จะได้รับประสบการณ์ใหม่จากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไปพร้อมกัน"

 

26 ปีที่รอคอยของแฟน SLAMDUNK

หลังจากปล่อยทีเซอร์ ตัวอย่างภาพยนตร์ และโปสเตอร์ 5 ตัวละครเอก ก็เรียกเสียงฮือฮาจากแฟน ๆ ที่เฝ้ารอการกลับมาของ SLAMDUNK มาตลอด 26 ปี ในที่สุดอนิเมะภาคต่อของสุดยอดมังงะบาสเกตบอลระดับตำนาน "THE FIRST SLAMDUNK" ก็ได้ฤกษ์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 3 ธันวาคม ปี 2022 ซึ่งก็มีแฟน ๆ จับจองตั๋วเข้าชมกันแบบอุ่นหนาฝาคั่งทั่วประเทศ

เนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมจากวิสัยทัศน์ของ อ.อิโนอุเอะ ผู้ให้กำเนิด รวมถึงภาพอนิเมชั่นแบบ 2D ผสม 3DCG ที่ Toei ภูมิใจนำเสนอ ทำให้ THE FIRST SLAMDUNK สร้างปรากฏการณ์ฮิตแบบถล่มทลาย ขึ้นอันดับ 1 ภาพยนตร์ยอดนิยมตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ออกฉาย และรักษาตำแหน่งท็อป 3 ไม่มีหลุด แม้จะเข้าฉายช่วงเดียวกับหนังแอ็กชั่นภาคต่อฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดอย่าง Avatar: The Way of Water แต่พลังความรักของแฟน ๆ ที่มีต่อทีมบาสฯ โชโฮคุก็ยังเหนียวแน่น ซื้อตั๋วไปดูซ้ำทุกสัปดาห์ สินค้าที่ระลึกมากมายก็ขายดีจนหมดเกลี้ยง ถึงขั้นมีแฟนหัวใสรับซื้อของแล้วส่งไปต่างประเทศอีกต่างหาก

เว็บไซต์ Box Office ของญี่ปุ่น ทำการสำรวจรายได้จากการฉายของ THE FIRST SLAMDUNK โดยนับถึงสิ้นเดือนมกราคม 2023 พวกเขาทำรายได้จากการเข้าฉายไปแล้วทั้งสิ้น 72 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,406 ล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้จากการฉายแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น และมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นอีกนับจากนี้จนกว่าหนังจะถูกถอดออกจากโปรแกรมไป

กระแสความแรงของ THE FIRST SLAMDUNK ยังทะลุไปถึงต่างประเทศ เมื่อตัวหนังถูกส่งต่อไปฉายที่ เกาหลีใต้ ก็ขึ้นอันดับ 1 ตามความคาดหมาย กอบโกยรายได้สู้กับชาวเผ่านาวีในเรื่อง Avatar: The Way of Water อย่างเมามัน ส่วนแฟนบาสเกตบอลในย่านอาเซียนก็ทยอยได้รับชมลีลาของ ซากุรางิ และทีมบาสฯ โชโฮคุ กันไปเยอะแล้วเช่น สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และยังมีเปิดรอบพิเศษแบบ Fan Meet ชวนแฟนตัวจริงมานั่งชมจอใหญ่ไปด้วยกัน

ส่วนของประเทศไทย Major Group ก็ได้นำ THE FIRST SLAMDUNK มาฉายให้แฟน ๆ ในเมืองไทยได้รับชมในโรงภาพยนตร์ของเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เช่นเดียวกัน โดยได้ฉายรอบพิเศษไปแล้วแบบ Fan Screening ที่โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้กระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม มีแฟนๆ เข้ามาชมกันแบบอบอุ่น ก่อนที่ตัวหนังจะเข้าฉายรอบปกติในวันที่ 9 มีนาคม ต่อไป

 

ตอนจบอันสมบูรณ์แบบของอนิเมะ

หากแฟน ๆ ของ SLAMDUNK เคยรู้สึกค้างคาใจที่ฉบับมังงะตอนสุดท้ายในปี 1996 จบลงที่เรื่องราวของทีมบาสเกตบอลโชโฮคุ เอาชนะทีมซังโน แบบสุดระทึกแล้วตัดจบแบบห้วน ๆ กระทั่ง อ.อิโนอุเอะ ได้เขียนภาคต่อฉบับพิเศษบนกระดานดำ 23 แผ่นของโรงเรียนมัธยมปลายมิยาซากิ เมื่อวันที่ 3-5 ธันวาคม ปี 2004 ในชื่อ SLAMDUNK : 10 DAYS AFTER เผยเรื่องราว 10 วันหลังจบอินเตอร์ไฮของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นการปิดฉากมังงะโดยสมบูรณ์แล้ว

THE FIRST SLAMDUNK ก็คือการสานต่อเรื่องราวของเวอร์ชั่นอนิเมะให้จบโดยสมบูรณ์เช่นกัน ซึ่งแฟน ๆ จะได้ออกสำรวจเรื่องราวกันต่อ ตั้งแต่ชีวิตปูมหลังของ มิยางิ เรียวตะ ที่ได้รับการขยายให้เห็นถึงจิตวิญญาณและตัวตนของเขา รวมถึงทีมโชโฮคุที่นั่งรถไฟไปแข่งอินเตอร์ไฮ แล้วดวลกับทีมซังโน ที่ถูกวางเป็น Last Boss ประจำเรื่อง ซึ่งจะสนุกสนานตื่นเต้นเหมือนในเวอร์ชั่นมังงะหรือไม่ ไปรอดูกันในโรงภาพยนตร์

แต่เหนืออื่นใด การได้กลับมาสร้างสรรค์อนิเมะภาคต่อ SLAMDUNK จากมังงะที่ตัวเองวาดจนเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนเล่นบาสเกตบอลทั่วโลก ก็ได้มอบพลังกายและไฟอันลุกโชนให้แก่ อ.ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ จนถึงกับทุ่มเทงานชิ้นนี้อย่างสุดฝีมือ ทั้งวางโครงเรื่อง วาดสตอรี่บอร์ด วางลำดับการเล่าด้วยตัวเอง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่สาวกที่รอคอยภาคต่อของมันมาตลอด 26 ปี รวมถึงขอบคุณแฟน ๆ ที่ให้การตอบรับกับมุมมองใหม่ที่เขานำเสนอผ่านภาพยนตร์

"ทุกครั้งที่มีการตีพิมพ์ฉบับใหม่หรือภาพประกอบเล่มใหม่ ตัวละครเหล่านี้ยังคงอยู่ในชีวิตและจิตใจของผมเสมอ แม้ตัวซีรีส์จะจบไปนานแล้วแต่พวกเขาไม่เคยแก่ กลับกันพวกเขาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ไม่ว่าผมจะรวบรวมพวกเขามาจากที่แห่งไหนก็ตาม และเมื่อผมมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ได้ถูกนำมาผสมผสานจนทำให้ผมค้นพบแง่มุมใหม่ ๆ ของตัวละครด้วยเช่นกัน"

"ผมบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นจากมุมมองใหม่ ๆ ที่เกิดจากการนำทุกสิ่งมารวมกัน ผมตอบรับงานชิ้นนี้ด้วยความหวังว่าตัวละครเหล่านี้จะได้มีชีวิตใหม่ เหมือนทุกครั้งที่ผมวาดภาพประกอบของตัวละครเรื่องนี้ขึ้นใหม่ ผมจะดีใจมากเลยถ้าหากทุกคนจะดูหนังเรื่องนี้ด้วยอารมณ์ผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับมัน" อ.อิโนอุเอะ บิดาแห่งมังงะ SLAMDUNK ระบุ

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.animenewsnetwork.com/news/2021-08-13/slam-dunk-manga-creator-takehiko-inoue-helms-pens-new-anime-film-for-fall-2022/.176209
https://www.animenewsnetwork.com/news/2022-07-07/slam-dunk-anime-film-teaser-video-previews-3dcg-animation/.187471
https://www.slamdunk-movie-courtside.jp/interview/08
https://itplanning.co.jp/inoue/i221020/
https://www.blockdit.com/posts/5f159751cf85711297fd4d17
https://variety.com/2023/film/news/korea-box-office-the-first-slam-dunk-1235513311/

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Graphic

ปริญญา คงปันนา

กราฟฟิคหน้าโหด ทำงานด้วย Passion ว่างๆ ชอบไปคาเฟ่ หลงไหลในศิลปะ, การเดินทางและกีฬา