ทุกคนล้วนมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน เส้นทางนั้นอาจใกล้หรือไกลขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของตัวบุคคลแทบทั้งสิ้น แต่ผู้ที่จะมีโอกาสไปถึงเส้นชัยได้คือคนที่เริ่มต้นจากก้าวแรกเสมอ
"เอเลียด คิปโชเก" เป็นนักวิ่งมาราธอนชาวเคนยาผู้ไม่เคยย่อท้อต่อชะตาชีวิต เขาเริ่มต้นด้วยการวิ่งไปโรงเรียนทุกวัน ก่อนจะมาเป็นเด็กวิ่งส่งนมสดจากเพื่อนบ้านไปขายในตลาด สู่การเป็นนักวิ่งมาราธอนที่เร็วที่สุดในโลกอยู่ช่วงเวลาหนึ่งด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 1 นาที 9 วินาที รวมถึงเป็นมนุษย์คนแรกที่สามารถวิ่งมาราธอนด้วยเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง (1 ชั่วโมง 59 นาที 40 วินาที ทว่าสถิตินี้ไม่ได้ถูกรับรองอย่างเป็นทางการ) ซึ่งยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
ทุกครั้งที่ผิดพลาดหรือล้มเหลว คิปโชเกจะลุกขึ้นมาต่อสู้ใหม่อยู่เสมอ เขาได้กลั่นกรองความยากลำบากของเส้นทางการวิ่งมาเป็นคำพูดที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจไว้ในงาน Oxford Union ในเดือนธันวาคม 2017 เกี่ยวกับแง่คิดและปรัชญาที่ทำให้เขากลายมาเป็นหนึ่งในนักวิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแง่คิดบางอย่างแม้เราจะไม่ใช่นักวิ่งอย่างคิปโชเกก็สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ จะมีอะไรบ้าง ติดตามได้ใน Main Stand
มีวินัยในตัวเอง
คิปโชเก กล่าวไว้ว่า "คนที่มีวินัยต่อตนเองจะมีอิสระในชีวิต หากไม่มีวินัยจะตกเป็นทาสของแพชชั่น" เขาเชื่อว่าการมีวินัยต่อชีวิตคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ
การมีแพชชั่นหรือแรงบันดาลใจในชีวิตเป็นสิ่งที่ดี แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีวินัยต่อตัวเอง เพราะการมีวินัยจะสามารถรักษาความรู้สึกของตนเองและช่วยกำหนดเส้นทางของตนเองได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ทั้งยังช่วยในเรื่องของความสม่ำเสมอและไม่ทำให้หลุดออกจากจุดมุ่งหมายเดิมที่เราเคยตั้งไว้
คิปโชเกได้อธิบายข้อดีของการมีวินัย ไว้ 3 ข้อคือ
1. การมีวินัยช่วยในเรื่องของความรู้สึกดี เมื่อเราฝึกทำงานอย่างสม่ำเสมอจนงานสำเร็จลุลวงไปได้ด้วยดีแล้วจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นไปด้วย
2. การมีวินัยช่วยให้เราไม่ไขว้เขวและยึดมั่นต่อจุดมุ่งหมายของเราด้วยความคิดเชิงบวกบนรากฐานของความเป็นจริงมากขึ้น
3. การมีวินัยช่วยให้เราทำสิ่งที่ถูกต้องหรือทำสิ่งที่ควรทำ
เมื่อเราตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแล้วต้องทำให้เหมือนกับมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา คล้ายกับนักกีฬาที่จะไม่มีวันได้กล้ามเนื้อที่แข็งแรงหากปราศจากการเข้ายิมอย่างสม่ำเสมอ และนักกีฬาที่เก่งหรือแม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตล้วนมีวินัยในตัวเองแทบทั้งสิ้น
"วินัย" ในความหมายของคิปโชเกจึงหมายถึงการทำทุกอย่างด้วยความสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำวันเดียวแล้วล้มเลิก
เหมือนกับที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก เคยกล่าวไว้ว่า "ชีวิตเหมือนการปั่นจักรยาน คุณต้องปั่นอย่างต่อเนื่องถึงจะทรงตัวได้"
วางแผนและเตรียมตัว
คิปโชเกให้ความสำคัญกับการวางแผนเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า "ชัยชนะไม่สำคัญอะไรเลย ความสำเร็จยิ่งไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณวางแผนและเตรียมตัวเองอย่างไร"
ถ้าคุณวางแผนดีชัยชนะจะเกิดขึ้นระหว่างทางและความสำเร็จก็จะตามมาในไม่ช้า เพราะฉะนั้นผู้ที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนก็เหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งทาง
ฝึกวางแผนให้ดีก่อนแล้วชัยชนะอันหอมหวานที่เราอยากได้จะตามมาเอง
เชื่อมั่นในตัวเอง
คิปโชเกเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นอย่างมาก เขาเล่าว่าก่อนที่สัญญานปล่อยตัวจะเริ่มขึ้น เขาจะคิดถึงการซ้อมหนักมาทั้งชีวิตเพื่อวินาทีนี้วินาทีเดียว ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นว่าตัวเองจะเป็นคนที่ดีที่สุดที่สามารถเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกได้
คิปโชเกจะทำอย่างนั้นไม่ได้เลยหากเขาขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
หลักคิดนี้สามารถนำกลับมาใช้กับตัวเรา ที่ก่อนจะทำอะไรสักอย่างต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นอย่างแรก เพราะคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองจะไม่สงสัยในตัวเองและมีสมาธิทำทุกอย่างได้อย่างเป็นอิสระ
คิปโชเก อธิบายว่าถ้าเราจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองได้ต้องเริ่มจากความคิดบวก เพราะความคิดบวกเป็นเหมือนแรงขับที่ทำให้เราก้าวเท้าต่อไปข้างหน้าได้อย่างถูกทาง
ความสำเร็จของคิปโชเกเปรียบเสมือนปรัชญาในทุกย่างก้าวที่เขาค้นพบและถ่ายทอดออกมาทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ
ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์บนเว็บไซต์ Firstpost เมื่อสื่อถามถึงนักวิ่งคนอื่น ๆ ที่คิปโชเกคิดว่าน่าจะมีศักยภาพพอจะวิ่งมาราธอนด้วยเวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมงได้ แทนที่จะเอ่ยชื่อคู่แข่งคนอื่น ๆ คิปโชเกกลับตอบว่า "ทุกคนที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง และพร้อมที่จะฝึกฝนอย่างมีวินัย"
ถ้อยคำที่คิปโชเกสื่อออกมาสะท้อนให้เห็นความเชื่อที่ว่า การวิ่งมาราธอนนอกจากจะใช้รองเท้า ร่างกาย และการฝึกฝนแล้ว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือจิตใจที่เข้มแข็งและความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในศักยภาพของตัวเอง
คล้ายกับคำพูดของ "ซุน ยัตเซ็น" ที่กล่าวไว้ว่า "ก้าวแรกเชื่อมั่นว่าเราทำได้ ต่อให้ต้องย้ายภูเขาถมทะเล ในที่สุดก็สำเร็จจนได้ … แต่หากใจเราคิดว่าทำไม่ได้ แม้จะง่ายแค่พลิกฝ่ามือ ก็ยังไม่มีวันประสบความสำเร็จอยู่ดี"
แหล่งอ้างอิง
Anusorn Rueandara .(2565).ทำความรู้จัก เอเลียด คิปโชเก (Eliud Kipchoge) ยอดนักวิ่งมาราธอน ผู้ทำลายสถิติโลกในงาน Berlin Marathon 2022 ครั้งล่าสุด [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.lifestyleasia.com/bk-th/living/people/eliud-kipchoge-the-marathon-runner-break-the-world-record-1/
ANONTAWONG MARUKPITAK . (2565). อีเลียด คิปโชเก้ นักวิ่งมาราธอนแห่งยุคสมัยที่ไม่เคยเฉลิมฉลองชัยชนะ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://anontawong.com/2022/02/27/kipchoge/
thepeople. (2564). เอเลียด คิปโชเก้: นักวิ่งมาราธอนผู้ทำลายสถิติโลก ที่เชื่อว่าแก่นแท้ของกีฬา ไม่ใช่แค่การรักษาแชมป์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.thepeople.co/read/32136
นครินทร์ วนกิจไพบูลย์. (2562). 7 วิธีคิดสร้างความสำเร็จที่ทำให้ Eliud Kipchoge กลายเป็นนักวิ่งมาราธอนที่เร็วท่ีสุดในโลก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://thestandard.co/podcast/thesecretsauce42/