Feature

ฟุตบอลทีมชาติปาเลสไตน์ กับฉากหลังแห่งไฟสงคราม | Main Stand

หลายคนคงสงสัยกันใช่ไหม ทีมชาติปาเลสไตน์ มีการตระเตรียมทีมอย่างไรภายใต้สภาวะสงครามและสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ  

 

นักฟุตบอลในปาเลสไตน์ต้องเผชิญกับสิ่งใดบ้างในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ร่วมหาคำตอบไปกับ Main Stand พร้อม ๆ กัน

ก่อนอื่นต้องเท้าความก่อนว่า สงครามระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์นั้นมีลักษณะที่ซับซ้อนและมีความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนานแล้ว ซึ่งที่มาของสงครามนั้นมีหลายมิติทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ ทางด้านการทหาร และการเมือง รวมไปถึงมิติทางศาสนาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน หากจะลงลึกในทุกด้านบทความนี้คงจะมีพื้นที่ไม่เพียงพอ อย่างไรก็ดี Main Stand จะขอเจาะลึกแค่ในประเด็นผลพวงของสงครามครั้งนี้ต่อกีฬาฟุตบอลเท่านั้น

 

ย้อนรอยบาดแผลของสมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ (PFA)        

สมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ (PFA) ก่อตั้งขึ้นในปี 1928 จากนั้นจึงได้เข้าร่วมกับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA)ในปีถัดมา ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งรัฐบาลอิสราเอลขึ้น สมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์จึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็น สมาคมฟุตบอลอิสราเอลในอีก 20 ปีให้หลัง (1948) จนกระทั่ง PFA ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งสมาชิกอย่างเป็นทางการจาก FIFA ในปี 1998 ที่เห็นว่าทีมชาติปาเลสไตน์ได้รับการยอมรับอย่างสมบูรณ์จากโลกฟุตบอลมาได้สักช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว ปัจจุบันสมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ตั้งอยู่ ณ กรุงเยรูซาเล็ม โดยเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) 

“ฟุตบอล” เวทีทางการเมืองระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอล      

สมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์มีนโยบายหลักคือความเป็นกลางและการไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงไม่มีอคติไม่ว่าต่อกลุ่มคน ศาสนา เพศ ภาษา หรือรัฐชาติใด ๆ รวมไปถึงแนวคิดทางการเมือง หากมีการละเมิดจะมีบทลงโทษที่เคร่งครัดถึงขั้นตัดสิทธิ์ทุกอย่างจากวงการฟุตบอลปาเลสไตน์    

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ กีฬาฟุตบอลถูกหยิบมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากอิสราเอล สมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ได้ใช้หลักฐานในการมีอยู่ของฟุตบอลทีมชาติปาเลสไตน์ไปจนถึงการร้องเพลงชาติก่อนคิกออฟในเกมการแข่งขันฟุตบอลเป็นเครื่องยืนยันถึงอธิปไตยแห่งรัฐปาเลสไตน์ ประหนึ่งว่าฟุตบอลเป็นเวทีทางการเมืองระหว่าง ชนชาติอาหรับ กับ ไซออนิสต์ หากยกตัวอย่างเหตุการณ์ในอดีตก็มีอยู่หลายครั้งที่ฟุตบอลในปาเลสไตน์เข้าไปเกี่ยวพันกับอำนาจทางการเมือง 

ย้อนไปในปี 1931 ตอนนั้นสมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ ยังไม่ถูกยอมรับจากนานาชาติเท่าที่ควร ทำให้อิสราเอลเข้ามาแทรกแซงโดยการพยายามให้ชนชาติยิวเข้ามามีบทบาทในองค์กรนี้

ต่อมาในปี 1974 สหพันธ์ฟุตบอลปาเลสไตน์ และ อาหรับ ได้พยายามดำเนินการขับไล่อิสราเอลออกจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ซึ่งในที่สุดรัฐสภาของ AFC ก็ได้มีมติให้อิสราเอลออกจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ระหว่างการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในปี 1976 นี่จึงเป็นเหตุผลที่อิสราเอลต้องไปเข้าร่วมกับสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) อย่างเต็มตัวในปี 1994

ใกล้เข้ามาหน่อยก็เป็นเหตุการณ์ในปี 2018 ที่ นายเนทันยาฮู ผู้นำของอิสราเอล เรียกร้องให้ย้ายนัดกระชับมิตรระหว่าง ทีมชาติอิสราเอล กับ อาร์เจนตินา ไปยังกรุงเยรูซาเลม แต่สมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ได้ออกมาปฏิเสธการแข่งขันเนื่องจากต้องเล่นในดินแดนที่ถูกยึดครอง ซึ่งทำให้การแข่งขันนัดนี้ถูกยกเลิกในที่สุด จิบริล รายุบ ประธาน PFA กล่าวว่า “ชาวอิสราเอลพยายามใช้เมสซี่และสตาร์จากอาร์เจนตินาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และผมอยากจะขอบคุณพวกเขาและซาบซึ้งในการตัดสินใจของพวกเขา ซึ่งผมคิดว่ามาถูกทางแล้ว”

 

ฟุตบอลในรัฐปาเลสไตน์ 

ฟุตบอลเป็นกีฬาได้รับความนิยมมากที่สุดจากประชาชนในปาเลสไตน์ นั่นทำให้ทุกครั้งที่ทีมชาติปาเลสไตน์ทำการแข่งขันจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่ออธิปไตยของประชาชนในประเทศ ส่วนการแข่งฟุตบอลลีกภายในประเทศถูกแบ่งเป็น 2 ลีก เพราะหากเราดูจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของปาเลสไตน์ จะสังเกตเห็นว่าประเทศนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือ เขตเวสต์แบงค์ ทางทิศตะวันออกที่ติดกับประเทศจอร์แดน และ ฉนวนกาซ่าทางทิศตะวันตกติดกับทะลเมดิเตอร์เรเนียน และ อียิปต์ โดยมีอิสราเอลคั่นกลางระหว่างสองฝั่งนี้ นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้ปาเลสไตน์ต้องมีฟุตบอลลีกสูงสุดในประเทศ 2 ลีก คือ เวสต์แบงค์ พรีเมียร์ ลีก (West Bank Premier League) และ ฉนวนกาซ่า ลีก (Gaza Strip League) 

 

จุดเริ่มต้นแห่งความขัดแย้ง

วันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 2023 หลังจากสงครามได้เปิดฉากขึ้น ทุกอย่างในประเทศปาเลสไตน์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป อะไรที่ว่าเลวร้ายอยู่แล้วก็ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ผู้คนกว่า 2.3 ล้านคน ในฉนวนกาซ่าไม่สามารถประกอบกิจกรรมตามปกติเหมือนดั่งทุกวันก่อนหน้านี้ได้ 

สมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์ (PFA) ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อทั่วโลกว่า ชาวปาเลสไตน์ไม่สามารถจัดการแข่งขันกีฬาทุกประเภทได้หลังจากความขัดแย้งได้เริ่มต้นขึ้น

“ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากวันที่ 7 ต.ค. หลังการเริ่มต้นของความขัดแย้งในฉนวนกาซา กิจกรรมทางกีฬาทั้งหมดต้องยุติลงอย่างสมบูรณ์ในปาเลสไตน์ และทีมฟุตบอลถูกบังคับให้ย้ายไปเก็บตัวที่จอร์แดน” อาเหม็ด รายุบ ผู้จัดการสื่อของสมาคมฟุตบอลปาเลสไตน์  กล่าวกับสื่อแห่งชาติปาเลสไตน์

วงการกีฬาเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม หากเทียบกับความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เพราะ สงครามครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ ระบบขนส่งมวลชน ระบบการศึกษา โครงสร้างทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมไปถึงโครงสร้างขั้นพื้นฐานอื่น ๆ ภายในประเทศ 

 

ขุมกำลังปาเลสไตน์เป็นใครบ้าง ?

เรามาทำความรู้จักทีมชาติปาเลสไตน์กันเสียก่อนว่าพวกเขายืนอยู่จุดไหนของโลกฟุตบอล ณ วินาทีนี้ ปาเลสไตน์รั้งอันดับที่ 96 ของโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2023) พวกเขาเคยฝากผลงานที่ดีที่สุดไว้ในปี 2018 โดยสามารถรั้งอันดับ 73 ของโลกได้ในเวลานั้น

ทีมชาติปาเลสไตน์ชุดปัจจุบัน นำทัพโดย มาครัม ดาบูบ (Makram daboub) เฮดโค้ชชาวตูนิเซีย ส่วนบรรดานักเตะภายในทีมมาจากหลายลีกทั่วโลก ประกอบด้วย โอเดย์ แดบแบ็จห์ (Oday Dabbagh) จาก ชาเลอร์รัว ในเบลเยียม โปรลีก, ซาเลห์ ชิลฮะเดห์ (Saleh Chilhadeh) ตัวรุก ของทีมเอสซี เครียนส์ จาก โปรมันชั่น ลีก สวิสต์, มะห์มูด วาดี (Mahmoud Wadi) ที่ถูกปล่อยยืมจากทีมพีระมิดส์ เอฟซี ไปยังสโมสรเอล โมคาวลูน ลีกสูงสุดประเทศอียิปต์, คาเมโล่ ซัลดาน่า (Camelo Saldana) แบ็กซ้ายที่เกิดในชิลีแต่เลือกเล่นให้กับปาเลสไตน์ และปัจจุบันกำลังเล่นอยู่กับ ยูเนียน ซาน ฟิลิปเป้ ทีมจากลีกอันดับ 2 ของชิลี,โมฮัมเหม็ด ราชิด (Mohammed Rashid) มิดฟิลด์จากบาหลี ยูไนเต็ด รวมไปถึง ทาเมอร์ เซยัม ปีกจาก พีที ประจวบ ในไทยลีก และ อิสลาม บาทาร์น ตัวรุกจากหนองบัวพิชญ์ฯ ที่กำลังโลดแล่นอยู่บนเวทีไทยลีก 2  

นอกจากนั้นนักเตะส่วนใหญ่ในทีมชาติชุดนี้เล่นอยู่ในลีกภายในประเทศและประเทศใกล้เคียง โดยนักเตะส่วนใหญ่ในขุมกำลังชุดนี้เกิดและโตมาในดินแดนปาเลสไตน์และอิสราเอล มีเพียง 3 คน เท่านั้นที่เกิดและโตในต่างประเทศ คือ คาเมโล่ ซัลดาน่า ที่เกิดในประเทศชิลี, อเมียร์ คัดดูร่า นายทวารที่เติบโตมาจากประเทศสวีเดน และ ยาเซอร์ ฮาเหม็ด ที่เกิดในแผ่นดินสเปน ขณะนี้ทีมชาติปาเลสไตน์กำลังลงแข่งขันในรายการฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียปี 2026 (AFC World Cup Qualification 2026) โดยอยู่ร่วมกลุ่มกับ ออสเตรเลีย, เลบานอน และ บังคลาเทศ ซึ่งปาเลสไตน์นั้นมาจากโถสอง พวกเขาจำเป็นต้องจบอันดับที่สองของกลุ่มเป็นอย่างน้อยเพื่อเข้ารอบต่อไป 

 

ทีมชาติปาเลสไตน์ เตรียมทีมอย่างไรภายใต้สภาวะสงคราม ?

เนื่องด้วยสถานการณ์ความรุนแรงจากสงครามระหว่าง อิสราเอล และ ฮามาส ยังคงร้อนระอุ นั่นทำให้ทีมชาติปาเลสไตน์ไม่สามารถดำเนินการฝึกซ้อมภายในประเทศของตัวเองได้ ทำให้ปาเลสไตน์จำเป็นต้องใช้สนามซ้อมของประเทศจอร์แดนในการเก็บตัวตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา และจำเป็นต้องย้ายไปเล่นเกมเหย้าที่ประเทศคูเวตแทน

โดยเกมเหย้านัดพบกับ ทีมชาติออสเตรเลีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2023 นี้ ทีมชาติปาเลสไตน์ต้องใช้สนามกีฬานานาชาติ จาเบอร์ อัล-อะหมัด ประเทศคูเวต เป็นรังเหย้า เช่นเดียวกันกับเลบานอนที่ต้องเล่นเกมเหย้านอกประเทศของตัวเอง ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ อิสราเอล ต้องย้ายไปเล่นเกมเหย้าที่ประเทศฮังการี เดิมทีหากสถานการณ์เป็นปกติ ปาเลสไตน์จะต้องใช้สนามอัล-ราม (Al-Ram) ที่มีความจุ 7,000 ที่นั่ง เป็นสนามเหย้าของตัวเอง อีกทั้งทีมชาติปาเลสไตน์ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อฟาดแข้งในศึกเอเชียน คัพ 2023 (AFC Asian Cup 2023) อีกด้วย โดยมีประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพในปีนี้ ซึ่งประเทศไทยก็จะทำการแข่งขันในรายการนี้เช่นกัน 

“ถ้าไม่ใช่เพราะฟุตบอล ผมอาจจะไม่อยู่ตรงนี้ ที่ที่ผมเป็นอยู่ในทุกวันนี้  (อียิปต์) ฟุตบอลช่วยให้ผมออกจากฉนวนกาซาได้ และเป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องพยายามสุดความสามารถเท่าที่ตัวผมจะทำได้ให้สมกับการเป็นตัวแทนของชาวปาเลสไตน์” มะห์มูด วาดี นักเตะทีมชาติปาเลสไตน์ที่ปัจจุบันเล่นอยู่ในลีกสูงสุดของประเทศอียิปต์ กล่าว

"ทุกคนในปาเลสไตน์ต้องยกธงประจำชาติของตนขึ้นสูง ๆ นี่คือทางออกที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกผ่านกีฬาฟุตบอลอย่างเช่นผม หรือผ่านสื่อมวลชนเช่นกรณีของคุณ หรือผ่านช่องทางใดก็ตาม ปาเลสไตน์นั้นมีอยู่จริง และความสามารถของเราก็มีอยู่จริง ให้โอกาสเรา แล้วเราจะแสดงให้คุณเห็นว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง" จากคำกล่าวของ โอเดย์ แดบแบ็จห์ หัวหอกตัวเก่งของปาเลสไตน์

ผู้เขียนลองคิดตามว่าหากทีมชาติไทยต้องไปเล่นเกมเหย้าที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง มาเลเซีย หรือแม้กระทั่งประเทศลาว หรือ กัมพูชา จนถึง เมียนมาร์ ก็ตาม คงเป็นเรื่องปวดใจไม่น้อยสำหรับแฟนบอลอย่างเรา ๆ และเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากจากเหล่านักเตะอย่างแน่นอนหากไม่ได้รับเสียงเชียร์จากแฟนบอลในชาติตัวเองเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่เป็นเกมเหย้า

 

นักเตะมีสภาพจิตใจย่ำแย่จากผลพวงของสงคราม

นอกจากทีมชาติปาเลสไตน์จะต้องย้ายแคมป์ในการรวมทีมฝึกซ้อมและไม่ได้เล่นเกมเหย้าต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองแล้ว แผนในการเตรียมทีมของพวกเขาที่มาเลเซียก็ต้องล่มลงหลังจากมีสงครามเกิดขึ้น  อีกทั้ง นักเตะทีมชาติปาเลสไตน์ยังมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่มากเนื่องด้วยมีผู้เล่นหลายคนต้องสูญเสียญาติหรือคนรู้จักจากสงคราม แต่สถานการณ์ยังเลวร้ายลงได้อีก เนื่องจากมีนักเตะอีก 3 คน นั่นคือ อิบราฮิม อบูเมียร์, คาลิด อัล-นาบริส และ อะห์เหม็ด อัล-คาญิด ที่ไม่สามารถมาร่วมทีมได้เพราะพวกเขาติดอยู่ในฉนวนกาซ่า อย่างไรก็ตาม นักเตะทั้ง 3 คนนี้ยังปลอดภัยดี 

เฮดโค้ชทีมชาติปาเลสไตน์ มาครัม ดาบูบ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนนัดที่ ปาเลสไตน์ เสมอกับ เลบานอน 0-0 ว่า “การซ้อมเป็นไปได้ด้วยดี แต่สภาพจิตใจนักเตะของเรากำลังย่ำแย่ พวกเขาติดตามข่าวสารสงครามตลอดเวลาทั้งตอนที่อยู่ในที่พักและบนรถบัส นั่นทำให้นักเตะของเราวิตกกังวลเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีนักเตะอีก 3 คนที่ติดค้างอยู่ในฉนวนกาซ่า และทำให้เราไม่สามารถเรียกพวกเขามาเสริมทัพได้”

ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียครั้งนี้ถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญที่ท้าทายนักเตะปาเลสไตน์ โดยพวกเขาต้องทำการแข่งขันท่ามกลางฉากหลังแห่งไฟสงครามที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ซึ่งเฮดโค้ชชาวตูนิเซียยังได้กล่าวทิ้งท้ายในบทสัมภาษณ์ครั้งนี้อีกว่า “ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก มันพาผู้คนมารวมกัน พวกเราปราถนาผลการแข่งขันที่ดี และเราพร้อมที่จะแสดงศักยภาพของชาวปาเลสไตน์ให้เห็น พวกเขาสมควรจะได้มีชีวิตที่เป็นอิสระ และมีความรักในสันติภาพอย่างแท้จริง” กุนซือแห่งทัพปาเลสไตน์ กล่าว 

ก่อนหน้านี้ โอเดย์ แดบแบ็จห์ หัวหอกของปาเลสไตน์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เช่นกันว่า “เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่ได้เห็นผู้คนในประเทศของเราเสียชีวิตและประเทศถูกทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องโดยไม่คํานึงถึงเหตุผล พูดตามตรง มันเป็นความเครียดทางจิตใจ ผมคิดถึงครอบครัวของคุณและความปลอดภัยของพวกเขาเสมอ” ซึ่งหัวหอกรายนี้โตมาในเมืองเยรูซาเลม ปัจจุบันเขาโชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมในเวทียูโรป เขาสามารถเลือกเล่นให้ทีมชาติอิสราเอล แต่เขาก็เลือกที่จะเล่นให้กับปาเลสไตน์

 

สถานการณ์ล่าสุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง

รายงานล่าสุดจากสำนักข่าว AP ระบุว่าสงครามระหว่าง อิสราเอล กับ ฮามาส ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วอย่างน้อย 11,470 คน และ 2 ใน 3 จากจำนวนนี้เป็นสตรีและเด็ก นอกจากนั้นยังระบุได้อีกว่าผู้คนในปาเลสไตน์สูญหายไปแล้วอย่างน้อย 2,700 คน  ส่วนทางฝั่งอิสราเอลคู่ขัดแย้งในสงครามครั้งนี้ต้องสังเวยชีวิตไปแล้วประมาณ 1,200 คน และถูกจับเป็นตัวประกันอีกประมาณ 240 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2023) คาดว่าเหยื่อจากไฟสงครามจะไม่หยุดลงเพียงเท่านี้ มิหนำซ้ำสงครามอาจขยายวงกว้างมากกว่าที่เป็นอยู่

ท้ายสุดของบทความนี้  Main Stand ขอภาวนาให้ไฟสงครามที่กำลังปะทุยุติลงโดยเร็ว และเร่งส่งความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม รวมไปถึงส่งความช่วยเหลือด้านอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐานไปยังประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในฉนวนกาซ่า และขอส่งกำลังใจไปยังคนไทยที่ยังคงติดค้างอยู่ในอิสราเอลและพื้นที่โดยรอบให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้อย่างปลอดภัย Mainstand ขอภาวนาให้สันติภาพจงเกิดขึ้นกับทุกตารางเมตรบนผืนแผ่นดินของโลกใบนี้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://sportstar.thehindu.com/football/palestine-football-world-cup-2026-qualification-makram-daboub-jordan-training-camp-israel-war-news-updates/article67520252.ece
https://www.arabnews.com/node/2408756/sport
https://www.reuters.com/world/middle-east/us-israel-hamas-reach-tentative-deal-pause-conflict-free-dozens-hostages-wapo-2023-11-19/
https://www.reuters.com/sports/soccer/gaza-conflict-takes-toll-palestinian-players-says-pfa-official-2023-11-16/
https://www.thenationalnews.com/sport/football/2023/11/16/emotionally-charged-palestine-determined-to-make-winning-start-in-world-cup-qualifying/
https://www.itv.com/news/2023-11-10/palestinian-football-team-prepares-for-world-cup-against-a-backdrop-of-war
https://apnews.com/article/israel-hamas-war-live-updates-11-17-2023-2369dd85fa450e7c5a8dcf84b9b28efd
https://www.dw.com/en/palestinian-footballers-national-team-without-a-state/a-67408409
https://www.fifa.com/fifa-world-ranking/men?dateId=id14177
https://www.aljazeera.com/sports/2023/10/30/israelis-war-on-gaza-hits-palestinian-football
https://time.com/6333725/palestinian-soccer-team-world-cup-qualification/
https://m.jpost.com/israel-news/sports/article-774034
https://pomeps.org/beyond-the-game-the-politics-of-palestinian-football

Author

มูซอลลีน มะลิวัลย์

“เด็กจากแดนด้ามขวาน แต่มาจบป.ตรีที่ล้านนา ปัจจุบันใช้ชีวิต ณ เมืองบางกอก”

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ