Feature

ไฟซาล ฮาลิม : ชีวิตที่แสนสาหัสจากน้ำกรด ก่อนคืนชีพอีกครั้งในสนามฟุตบอล | Main Stand

อุปสรรค คือสิ่งที่อาจต้องพบเจอกันทุกคนบนเส้นทางชีวิต นักฟุตบอลอาชีพก็เช่นกัน บางครั้งอาจต้องเจอกับปัญหาอาการบาดเจ็บ รวมไปถึงการพัฒนาฟอร์มการเล่นให้ไปสู่ระดับที่สูงกว่า

 

แต่สำหรับนักฟุตบอลดีกรีทีมชาติมาเลเซียที่ชื่อ ไฟซาล ฮาลิม เขากลับต้องเจออุปสรรคครั้งใหญ่นอกสนาม จากน้ำมือของมิจฉาชีพที่หวังจะประทุษร้ายตัวเขาจนเกือบถึงแก่ชีวิต และแม้เขาจะผ่านมันมาได้ แต่ระหว่างนั้น ไฟซาล ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างแสนสาหัสมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันนี้ ไฟซาล ฮาลิม ได้กลับมาอยู่ในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพอีกครั้งด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง แล้วเขาผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไร ? ติดตามได้ที่ Main Stand

 

ต้นกำเนิดของ ไฟซาล 

มูฮัมหมัด ไฟซาล บิน อับดุล ฮาลิม หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "ไฟซาล" ส่วนเพื่อน ๆ จะเรียกชื่อเล่นของเขาว่า "‘มิกกี้" เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 1998 ที่หมู่บ้านเม็งกวง ตีติ ในเมืองเซเบรังเปไร รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้คนในหมู่บ้าน ต่างมีอาชีพเป็นเกษตรกร หรือทำอุตสาหกรรมในครัวเรือนเป็นส่วนใหญ่

ช่วงเวลาว่างของคนในหมู่บ้าน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ก็มักจะมีการจับกลุ่มเล่นกีฬากัน เช่น กีฬาเซปักรากา (Sepak Raga) หรือ เซปักตะกร้อ และอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ได้รับความอย่างมากในมาเลเซีย คือ กีฬาเซปัก โบลา ซารุง (Sepak Bola Sarung) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า "กีฬาฟุตบอล"

เมื่อเห็นผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างพากันเล่นกีฬาฟุตบอล ทำให้เจ้าหนู ไฟซาล ฮาลิม ได้เริ่มสัมผัสกับกีฬาชนิดนี้มากขึ้น ก่อนที่เจ้าหนู ไฟซาล ฮาลิม จะมีความฝันอันยิ่งใหญ่ นั่นคือ การอยากเป็น "นักฟุตบอลอาชีพ"

ปี 2012 ไฟซาล ฮาลิม ในวัย 14 ปี ได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยเขาไปอยู่ในอะคาเดมีของ ปีนัง เอฟซี ทีมในละแวกบ้านเกิดของเขา ด้วยความที่ ไฟซาล เป็นเด็กที่ค่อนข้างตัวเล็ก ทำให้โค้ชอะคาเดมีจับเขาไปยืนตำแหน่งริมเส้นและกองหน้า เพื่อให้ ไฟซาล ได้ใช้ประโยชน์จากความเร็วและความคล่องตัวให้มากที่สุด

เขาใช้เวลาบ่มเพาะฝีเท้ากับ ปีนัง เอฟซี ประมาณ 3 ปีก่อนได้โอกาสก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็วมากถ้าเทียบกับผู้เล่นดาวรุ่งคนอื่น ๆ ที่ต้องให้เวลาสั่งสมประสบการณ์และเสริมสร้างความเข้าใจในแท็คติกฟุตบอลอย่างน้อย 4-5 ปี

ในวัยเพียงแค่ 17 ปี แต่เจ้าหนู ไฟซาล ฮาลิม กลับถูกเรียกให้มีชื่อในทีมชุดใหญ่ของ ปีนัง เอฟซี อย่างเป็นทางการในฤดูกาล 2015 ทว่ายังไม่ได้รับโอกาสลงสนามในรายการมาเลเซีย พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกดิวิชั่น 2 ของฟุตบอลมาเลเซีย 

กว่าที่ดาวรุ่งรายนี้จะเริ่มได้โอกาสจากสโมสรต้องรอถึงเดือนตุลาคม ปี 2015 เป็นรายการบอลถ้วยอย่าง มาเลเซีย คัพ รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 3 เจอกับ PDRM FC หรือสโมสรฟุตบอลตำรวจของมาเลเซีย 

นัดนั้น ไฟซาล ได้ลงสนามเป็นเกมแรกแถมยิงไป 1 ประตู แต่สุดท้าย ปีนัง เป็นฝ่ายที่แพ้ให้กับ PDRM FC ไป 2-3 กอดคอตกรอบแบ่งกลุ่มไปทั้งสองทีม

3 ปีที่ ไฟซาล อุตส่าห์ฝึกฝนอย่างหนักในอะคาเดมี แต่พอขึ้นชุดใหญ่กับ ปีนัง เอฟซี นักเตะกลับได้ลงสนามแค่ 3 นัดถ้วน ยิง 1 ประตู

สุดท้ายในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน ไฟซาล ฮาลิม ก็ได้รับข้อเสนอจากทีมในระดับลีกสูงสุดอย่าง ศรีปาหัง เอฟซี ก่อนที่นักเตะจะย้ายมาชูเสื้อกับอดีตแชมป์มาเลเซีย ซูเปอร์ ลีก ปี 2004 และนี่คือจุดเริ่มต้นของความก้าวหน้าในเส้นทางค้าแข้ง

 

เส้นทางค้าแข้งที่เริ่มเติบโต

การย้ายเข้ามาที่ ศรีปาหัง เอฟซี ตัวของ ไฟซาล ก็เริ่มได้โอกาสลงเล่นบนลีกสูงสุดของ มาเลเซีย เป็นเกมที่เสมอกับ เปรัก เอฟซี 1-1 ซึ่ง ไฟซาล ลงมาเป็นตัวสำรองในช่วง 15 นาทีสุดท้าย

เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น ไฟซาล ก็ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองอยู่หลายนัด หนักสุด คือ ไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรองหลายเกมติดต่อกัน

ส่วนเกมบอลถ้วยอย่าง มาเลเซีย เอฟเอ คัพ ซึ่งเป็นรายการที่นักเตะควรได้ลงเล่นไม่มากก็น้อย แต่ปรากฏว่า ศรีปาหัง เอฟซี กลับไม่ใส่ชื่อของ ไฟซาล ลงไป ทำให้นักเตะหมดสิทธิ์ช่วยทีมในรายการนี้

ฤดูกาลแรกสำหรับ ไฟซาล อาจจะยังดูไม่ราบรื่น แต่มองอีกมุมหนึ่ง นักเตะเพิ่งอายุเพียงแค่ 18 ปี ยังมีเวลาอีกมากมายที่ให้ ไฟซาล ได้พิสูจน์ตัวเองบนเวทีลูกหนัง

เข้าสู่ปี 2018 เจ้าหนู ไฟซาล ในสีเสื้อของศรีปาหังเริ่มมีโอกาสได้สัมผัสเกมกับทีมมากขึ้น ในลีกเขาอาจจะยังไม่ได้เป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างน้อยดาวรุ่งอย่าง ไฟซาล ฮาลิม ก็ได้ใส่ชื่อตัวเองไว้บนสกอร์บอร์ด ด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองและทำประตูใส่ทั้ง มะละกา ยูไนเต็ด กับ ตะรังกานู เอฟซี ช่วยให้ ศรีปาหัง เอฟซี คว้าชัยชนะมาได้ 2 เกมติดต่อกัน

ขณะที่รายการมาเลเซีย เอฟเอ คัพ ปี 2018 ตัวของ ไฟซาล ได้รับเลือกให้ลงสนามอยู่หลายเกม ตั้งแต่รอบแรก ๆ ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในขุนพลที่พา ศรีปาหัง คว้าแชมป์บอลถ้วยรายการนี้ไปครอง

5 ฤดูกาลกับ ศรีปาหัง ตัวของ ไฟซาล ฮาลิม ลงสนามไป 60 นัด 9 ประตู 4 แอสซิสต์ ก่อนที่นักเตะจะหมดสัญญาและย้ายซบ ตะรังกานู เอฟซี ในปลายปี 2020

กับสโมสรใหม่อย่าง ตะรังกานู เอฟซี ในเรื่องของเกียรติประวัติ ไฟซาล อาจจะไม่สามารถช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ใด ๆ ได้ ใกล้เคียงสุด คือ การเป็นรองแชมป์มาเลเซีย เอฟเอ คัพ ด้วยการแพ้ต่อ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ไป 1-3 ในนัดชิงปี 2022

ทว่าเรื่องของผลงานส่วนตัว ไฟซาล ถือว่าทำออกมาได้อย่างโดดเด่น เพราะช่วงเวลาเพียงแค่ประมาณ 2 ปี เขาลงสนามทุกรายการ 53 นัด 15 ประตู 21 แอสซิสต์ กับเด็กวัยแค่ 23-24 ปี เรียกได้ว่านักเตะมีพัฒนาการด้านฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นัดสุดท้ายที่เขาลงเล่นให้กับ ตะรังกานู คือ ในเกมบอลถ้วยมาเลเซีย คัพ รอบรองชนะเลิศ เจอกับ สะลังงอร์ โดยนัดแรกเป็น สะลังงอร์ ที่เปิดบ้านเอาชนะไปก่อน 3-1

แต่ในเกมที่สองกลายเป็นว่า ตะรังกานู เอาคืนด้วยการเปิดบ้านเฉือนชนะ สะลังงอร์ 1-0 จากประตูที่แอสซิสต์โดย ไฟซาล ฮาลิม 

อย่างไรก็ตาม สกอร์รวม 2 นัดยังเป็น สะลังงอร์ ที่ทะลุเข้ารอบชิงด้วยสกอร์ 3-2 และแม้จะไม่ถึงฝั่งฝันในการลุ้นแชมป์ แต่ด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจของริมเส้นชาวมาเลเซีย ทำให้ สะลังงอร์ จัดการดึงเขาไปร่วมทีมในปีต่อมา        

 

จุดพลิกผันจากผู้ไม่หวังดี

หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับ สะลังงอร์ เส้นทางอาชีพในระดับสโมสรของ ไฟซาล ฮาลิม ก็กำลังรุ่งเรืองและราบรื่นมากขึ้น ส่วนในนามทีมชาติมาเลเซีย เขาติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2019 แต่กว่าที่ ไฟซาล จะได้โอกาสลงเล่นต่อเนื่อง คือ ช่วงปี 2022 เป็นต้นมา

ท่ามกลางผลงานที่กำลังโดดเด่นเกินห้ามใจ เขากลับต้องมาเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ถึงขั้นที่เกือบพรากชีวิตของ ไฟซาล ฮาลิม ไปตลอดกาล

เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2024 ตอนนั้น ไฟซาล ฮาลิม กำลังใช้เวลากับครอบครัวในการเดินเลือกซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในย่านโกตา ดามันซารา รัฐสะลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย

เวลาประมาณ 17:45 น. ตามเวลาท้องถิ่น มีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกแสดงให้เห็นถึงชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีดำและหมวกรออยู่ด้านหลังรถยนต์สีดำคันหนึ่ง 

ขณะที่เขากำลังมอง ไฟซาล เดินไปที่รถของเขา ชายคนดังกล่าวก็เดินไปหา ไฟซาล และกล่าวคำสั้น ๆ ว่า "โชคดี" ตามด้วยการสาดน้ำกรดใส่เขาหลายครั้ง ก่อนหลบหนีไปพร้อมกับชายอีกคนหนึ่งที่รออยู่พร้อมกับรถจักรยานยนต์ ซึ่งไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ โดยไม่มีการเปิดเผยถึงแรงจูงใจในการกระทำอุกอาจแบบนี้ 

ย้อนกลับไปในวันที่ 2 พฤษภาคม 2024 ก่อนเกิดเหตุการณ์สาดน้ำกรดเพียงแค่ 3 วัน อัคยาร์ ราชิด เพื่อนร่วมทีมชาติของ ไฟซาล ฮาลิม ถูกบุคคลปริศนาปรี่เข้ามาทำร้ายร่างกายที่เมืองตะรังกานู

คนร้ายใช้ท่อนเหล็กเป็นอาวุธ ทุบทำร้ายจน อัคยาร์ ราชิด ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและขา ก่อนจะปล้นชิงทรัพย์นอกบ้านพักและหลบหนีไป 

ซึ่งไม่กี่วันต่อมา เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายก็มาเกิดขึ้นอีกครั้งกับ ไฟซาล ฮาลิม ทว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่การทุบตีให้บอบช้ำ แต่เป็นการสาดน้ำกรดใส่กะเอาให้เสียโฉมหรืออาจถึงแก่ชีวิต

ไฟซาล ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเป็นแผลพุพองไฟไหม้ถึงระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงที่ทำลายลึกถึงเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง เช่น กล้ามเนื้อหรือกระดูก ทำให้ ไฟซาล ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน ต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 4 ครั้งและพักฟื้นในห้องฉุกเฉินนานหลายวัน

การโจมตีครั้งนี้ทำให้ สะลังงอร์ ที่ควรจะต้องเจอกับ ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม แชมป์มาเลเซีย ซูเปอร์ ลีก ปี 2023 ในรายการมาเลเซียน แชริตี้ ชิลด์ นัดเปิดฤดูกาล 2024 ต้องถอนตัวออกจากการแข่งขันด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

ส่วน ไฟซาล ฮาลิม ก็ได้รับบาดแผลที่รุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจ ใช้เวลานานหลายเดือนในการเยียวยากว่าที่เขาจะฟื้นตัว

การสืบสวนหาตัวคนร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามหาหลักฐาน เพื่อสืบสาวไปถึงผู้กระทำผิด แต่ด้วยหลักฐานที่พบนั้นไม่สมบูรณ์ ทำให้ตำรวจดำเนินคดีหาตัวคนร้ายได้ยากกว่าเดิมหลายเท่า

ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2024 ตำรวจได้เผยแพร่ภาพร่างของผู้ต้องสงสัย ต่อมาตำรวจพบว่าลายนิ้วมือ 5 ใน 8 ลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุนั้นไม่สมบูรณ์ 

ทีมกฎหมายของ ไฟซาล ฮาลิม ได้ประกาศว่าการสอบสวนกรณีถูกสาดน้ำกรดได้รับการจัดประเภทอย่างเป็นทางการว่า "ไม่มีการดำเนินการเพิ่มเติม" (NFA) โดยสำนักงานอัยการสูงสุด (AGC) 

คำตัดสินซึ่งแจ้งผ่านจดหมายลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2025 ระบุว่า ตำรวจไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยหรือหาเบาะแสอื่นที่น่าเชื่อถือได้ แม้จะพยายามแล้วก็ตาม

ทำให้ทีมกฎหมายของ ไฟซาล นำโดย โมฮัมหมัด อัชราฟ นิค ซาริธ แสดงความผิดหวังต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น และระบุว่าพวกเขาจะยื่นคำร้องต่อ โมฮัมหมัด ดูซูกี มอคตาร์ อัยการสูงสุด เพื่อให้ทบทวนและอาจเปิดคดีขึ้นใหม่อีกครั้ง

ขณะที่ตัวของ ไฟซาล ฮาลิม อาการผิวหนังไหม้ที่บริเวณใบหน้า คอ ไหล่ มือ และหน้าอกหลังจากการโดนสาดน้ำกรด ส่งผลให้ไฟซาลไม่สามารถพูดหรือเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นปกติ หมายความว่าเขาไม่ได้แตะต้องกีฬาฟุตบอลที่เขารักเลยเป็นระยะเวลานานกว่า 2 เดือน

ในเดือนกรกฎาคม 2024 ไฟซาล เริ่มเข้ารับการพักฟื้นอย่างเต็มที่ และได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้สามารถฝึกซ้อมแบบส่วนตัวกับทาง สะลังงอร์ เป็นเวลา 1 เดือน ก่อนที่ ไฟซาล จะได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในเดือนถัดมาในการแข่งขันมาเลเซีย เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ซึ่งตรงกับครบรอบ 90 วันหลังจากเกิดเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้      

 

เสียโฉมแต่ขอสู้ต่อ

"ผมไม่ได้กลัว แต่ผมแค่ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับใครอีก" ไฟซาล ฮาลิม ในวัย 27 ปี กล่าวกับทาง BBC Sport

"ผมเลยไม่อยากออกไปข้างนอกอีกเลย พอซ้อมเสร็จ ผมก็กลับบ้านไปใช้เวลาอยู่กับลูกชาย ภรรยา และครอบครัว" เขากล่าวต่อ

นอกจากนี้ ไฟซาล ยังได้เปิดเผยถึงช่วงเวลาที่เขาต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลด้วยว่า "ผมมักจะนึกถึงภาพความทรงจำในอดีต มันยากมาก ผมรู้สึกแย่มาก จิตใจผมย่ำแย่ และขวัญกำลังใจผมก็แตกสลาย"

"หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป ผมไม่สามารถยิ้มได้อย่างเต็มที่"

"มีหลายครั้งที่ผมคิดจะเลิกเล่นฟุตบอลเพราะความกลัว แต่ทุกวันผมได้รับโทรศัพท์และข้อความเยอะมาก ผมถือโทรศัพท์ไม่ได้เลยตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล ภรรยาผมเลยต้องคอยอ่านข้อความจากแฟน ๆ ให้ฟัง"

"คนมาเลเซียทั้งประเทศต่างสวดภาวนาเพื่อผม มันทำให้ผมมีกำลังใจที่จะลงเล่นอีกครั้ง"

ในช่วงที่ ไฟซาล กำลังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล เรื่องราวของเขาถูกแพร่กระจายไปในโลกโซเชี่ยล ทำให้มีบุคคลชื่อดังเข้ามาให้กำลังใจเขามากมาย

ไม่ว่าจะเป็น มหาธีร์ บิน โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ที่เดินทางไปเยี่ยมถึงบ้านของ ไฟซาล เพื่อแสดงความห่วงใยต่อนักเตะรายนี้

อีกทั้งยังมีข้อความจากสองนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานั้นอย่าง อองเดร โอนาน่า และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ได้ส่งคำอวยพรอันจริงใจให้กับ ไฟซาล รวมไปถึงสโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ส่งกำลังใจไปยังนักเตะด้วย

เมื่อสภาพร่างกายดีขึ้นตามลำดับ ไฟซาล ฮาลิม ก็เริ่มกลับมาลงสนามให้ สะลังงอร์ มากขึ้น จนมาปลดล็อกความมั่นใจอีกครั้งกับการยิงแฮตทริกใส่ กะลันตัน ดารุล นาอิม ก่อนจบเกมที่สกอร์ 7-0

ส่วนในนามทีมชาติ หลังจากที่ ไฟซาล หวนคืนสู่สนาม โค้ชของทีมชาติมาเลเซียก็ยังไม่ได้เรียก ไฟซาล ฮาลิม กลับมาติดธง "เสือเหลืองมลายู" ในทันที 

แต่สุดท้ายโอกาสที่คู่ควรก็ได้กลับมาหาเขาอีกครั้ง ในเกมเอเชียน คัพ รอบคัดเลือก เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ไฟซาล ฮาลิม กลับมามีชื่อติดทีมชาติอีกครั้ง และลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมที่ชนะ ทีมชาติเนปาล 2-0

และผลงานล่าสุดที่เกิดขึ้นกับชาติบ้านเกิด คือ ในเกมเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก เดือนตุลาคม 2025 ที่เจอกับ ทีมชาติลาว ซึ่งทั้ง 2 นัด ไฟซาล ยิงประตูให้ มาเลเซีย ได้ทุกนัด

นับเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้ากำลังเริ่มสดใสอีกครั้ง หลัง ไฟซาล ฮาลิม ต้องเจอกับมรสุมที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วง

จากนักเตะที่เคยสร้างชื่อให้ทีมชาติมาเลเซีย ด้วยการลงเล่นเจอกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ของกัปตัน ซน ฮึง-มิน โดยที่นักเตะโชว์ทักษะล็อกหลอกผู้เล่นอย่าง คิม มิน-แจ จนล้มเสียหลัก ก่อนตวัดยิงประตูใส่ทัพ "โสมขาว" เข้าไปในเกม เอเชียนคัพ 2023 ที่เสมอกัน 3-3

แถมในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ไฟซาล ฮาลิม ก็ทำผลงานได้อย่างร้อนแรง กลายเป็นผู้เล่นที่ทั้งสโมสรและทีมชาติจะคิดถึงเขาเป็นคนแรก ๆ

ทว่าการที่เขาต้องมาเจอเหตุสุดวิสัยอันร้ายแรงจากการโดนผู้ร้ายสาดน้ำกรดใส่ ทำให้ชีวิตและอาชีพค้าแข้งที่กำลังรุ่ง ๆ เป็นอันต้องหยุดชะงัก แล้วกว่าจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ ไฟซาล ได้รับกำลังใจอย่างล้นหลามจากคนทั่วโลก รวมถึงเขาก็มีหัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่ง ก็สามารถคืนฟอร์มเป็นกำลังหลักให้ทีมได้อีกครั้งทั้งในสโมสรและทีมชาติอีกครั้ง    

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.transfermarkt.com/faisal-halim/leistungsdaten/spieler/480250/plus/0?saison=2017
https://www.transfermarkt.com/faisal-halim/nationalmannschaft/spieler/480250/verein_id/15738
https://www.transfermarkt.com/faisal-halim/leistungsdatendetails/spieler/480250/verein/15838
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c15qex2pdvxo
https://en.wikipedia.org/wiki/2024_Faisal_Halim_acid_attack
https://en.wikipedia.org/wiki/Akhyar_Rashid#Personal_life
https://www.phyathai.com/th/article/burn-injury-ptp?srsltid=AfmBOopfN_dZzcN5VeWaKzsZ1PtUIf0syYEviLysZSs2QZCJQXY1BimH

Author

พงศทร​ อริ​ย​ภู​ชัย

เด็กสิงห์บลู​ส์เมืองคอน​ คลั่งฟุตบอล​ ชอบมวยปล้ำ

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

สรัช สวัสดีแป้น

ออกแบบภาพ กราฟิก Main Stand