
เมื่อ "อดีตแข้งพรีเมียร์ลีก" หลายชีวิตกลับมาสวมสตั๊ดอีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อเงินหรือชื่อเสียง ... แต่เพื่อรอยยิ้มหลังเกมและเบียร์หนึ่งไพน์ใน "ซันเดย์ลีก"
นี่คือเรื่องราวของทีมสมัครเล่นที่มีนักเตะดีกรีพรีเมียร์ลีกยกชุด และความสุขที่แท้จริงของคนรักฟุตบอล ติดตามกับ Main Stand
เล่นบอลหรือเป่ากบ
ความคลั่งฟุตบอลของอังกฤษมีรากมานานกว่า 100 ปี ตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อแรงงานต้องทำงานหนักตลอดสัปดาห์ ฟุตบอลจึงกลายเป็นกิจกรรมพักผ่อนและรวมใจของชนชั้นแรงงาน จนเกิดการตั้งทีม แข่งขันกันเอง และต่อมาได้พัฒนาเป็น "ฟุตบอลลีก" แห่งแรกของโลกในปี 1888
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ฟุตบอลกลายเป็นวัฒนธรรมของประเทศ และแพร่หลายกลายเป็นที่นิยมมากที่สุดของโลก นั่นคือเสน่ห์ของฟุตบอลอังกฤษอย่างแท้จริง
สาเหตุที่วัฒนธรรมฟุตบอลของอังกฤษเบ่งบานได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับฟุตบอลในทุกระดับ โดยในอังกฤษมีระบบลีกอาชีพ 4 ดิวิชั่น และมี "ลีกสมัครเล่น" อีกหลายระดับ รวมแล้วมีฟุตบอลลีกอาชีพและสมัครเล่นรวม 10 ดิวิชั่นที่ FA รับรอง และยังมีลีกย่อยอีกมากมายหลายระดับ โดยหนึ่งในนั้นคือ "ซันเดย์ ลีก" ลีกสมัครเล่นที่แข่งขันกันในวันอาทิตย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เล่นฟุตบอลอย่างเท่าเทียม
ซึ่งลีกนี้แหละ มักจะมีเรื่องราว ๆ สนุก ๆ ปรากฏออกมาเป็นสีสันประดับวงการเสมอ ทั้งทีมเด็กหมู่บ้านรวมตัวกันมาเล่นบอล ทีมจิ๊กโก๋เพื่อนเก่าที่มารวมตัวกันเตะบอลก่อนไปกินดื่มในบาร์ หรือแม้กระทั่งทีมที่ให้โอกาสเหล่าผู้อพยพ หรือคนเชื้อชาติอื่น ๆ ได้มีพื้นที่มีสังคมมากขึ้น
และเรื่องราวความบันเทิงและน่าประทับใจล่าสุด ได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา เพราะดันมีทีมจากซันเดย์ลีกทีมหนึ่งที่อยู่ในฟอร์มสุดโหดแบบที่เหนือชั้นกว่าทีมอื่นมากโข พวกเขาไล่ถล่มคู่แข่งด้วยสกอร์หลากหลาย ไล่ตั้งแต่ 6-2, 10-1, 7-0, 5-1 หรือแม้กระทั่ง 13-0 ก็เคยมาแล้ว

เมื่อข่าวนี้ปรากฏบนหน้าสื่อ แฟนบอลหลายคนเริ่มเพ่งพิจารณาลงไปในรายชื่อนักเตะของทีม ๆ นี้ว่า สรุปแล้วพวกเขามีนักเตะช้างเผือก อย่าง เจมี่ วาร์ดี้ หรือดาวเตะอีกหลาย ๆ คนที่เกิดจากซันเดย์ลีก ก่อนจะมีชื่อเสียงโด่งดังบนเวทีลีกสูงสุดหรือไม่ ?
คำตอบคือ ไม่มี ... แถมมันยังตรงกันข้าม เพราะบนหน้าสกอร์ 13-0 เราพบชื่อคนประตูที่ชื่อ ซิสเซ่ และใช่แล้ว เขาคนนั้นคือ ปาปิส เดมบา ซิสเซ่ ดาวยิงระดับคัลท์ฮีโร่ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ยิงไปคนเดียว 8 ลูกในเกมนั้น
และที่น่าเหลือเชื่อกว่าก็คือ ถ้าคุณดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหลังยุค 2000 เป็นต้นมา รับรองได้ว่าคุณจะต้องรู้จักชื่อทุกคน เพราะภายใต้ชื่อสโมสรที่โนเนม ขุมกำลังของพวกเขากลับเป็นเหล่าอดีตนักเตะระดับพรีเมียร์ลีกที่มีสถิติลงสนามรวมกันเกิน 1,800 เกมเลยทีเดียว
และคนที่ทำให้เกิดทีม ๆ นี้ขึ้นมา คืออดีตนักเตะที่ถูกเรียกว่า "พรสวรรค์แห่ง แมนเชสเตอร์" นักเตะที่ ฟิล โฟเด้น และ เหล่านักเตะลูกหม้อของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลายคนเรียกเขาว่า "ไอดอล"
ภาพของชายวัยกลางคนหัวโล้น กำลังยกเบียร์มาดื่มระหว่างการแข่งขันฟุตบอลซันเดย์ ลีก ที่มีคนดูราว ๆ 200-300 คน เขาหันมามองกล้องแล้วบอกว่า "สวัสดีทุกคน ผมคือ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ และยินดีต้อนรับสู่ทีมของผม ไวเธนชอว์ เอฟซี"
สโมสรที่ใช้หาความหมายของชีวิต
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ เคยโด่งดังมาก ๆ ตอนเป็นดาวรุ่งในฐานะแข้งพรสวรรค์แห่งแมนฯ ซิตี้ แต่หลายอย่างบนเส้นทางชีวิตของเขามันกระทบกับเส้นทางอาชีพ จากนักเตะที่เคยเก่งมาก ๆ เป็นนักเตะระดับ "เอซ" ของทีม เขาก็ค่อย ๆ หายไปจากระบบ และแขวนสตั๊ดไปแบบเงียบ ๆ
ไอร์แลนด์ มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทัศนคติ การโกหก สภาพจิตใจ และสภาพร่างกาย เรียกได้ว่ามองทางไหนก็ไม่เหลือแววที่จะเป็นยอดนักเตะอีกครั้งได้แน่นอน เขาออกจาก ซิตี้ ย้ายไปอยู่กับ แอสตัน วิลล่า, นิวคาสเซิ่ล, สโต๊ก และปิดฉากอาชีพกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ในลีกแชมเปี้ยนชิพเมื่อปี 2018 แบบที่ไม่ได้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่เลยแม้แต่เกมเดียว
การถดถอยครั้งนี้เกิดจากปัญหาที่เขาสั่งสมมาตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นวัยรุ่น ซึ่งเขาเปิดเผยว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเมื่อมีลูกตั้งแต่ยังเด็ก ตอนที่เขาอายุ 18 ปี เขาก็มีลูก 2 คนแล้ว
ในขณะที่ชื่อเสียงกำลังขาขึ้น แต่หลังบ้านกลับเริ่มวุ่นวาย เขาไม่สามารถต่อยอดและพัฒนาตัวเองได้ แข้งพรสวรรค์อย่างเขาจึงปิดตำนานลงแบบที่เจ้าตัวยังติดค้างบางอย่างอยู่ในใจ
"ฟุตบอลคือความสุขที่สุดในชีวิตผม แต่ผมเลือกจะหยุดในตอนที่มีปัญหา ซึ่งนั่นอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดถ้าย้อนมองกลับไปในตอนนี้"
ไอร์แลนด์ ว่าถึงฝันที่ค้างไว้ ก่อนที่ในวัย 39 ปี ณ ปัจจุบัน เขาเลือกที่จะไม่กลัวสายตาคนมองอีกแล้ว เขาแค่อยากจะเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ต่อให้เป็นการเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ แถวบ้านในวัยเด็ก ในระดับที่ไม่มีเงินรางวัลอย่างซันเดย์ลีกก็ไม่เป็นไร
ไอร์แลนด์ ถูกชวนมาเล่นฟุตบอลซันเดย์ลีก โดย เบลค นอร์ตัน นักเตะจากทีม ไวเธนชอว์ ที่เป็นเพื่อนสนิทของเขา เขารับปากเพื่อนรัก และได้ลองมาเล่นดูในทีมอาวุโส อายุ 35 ปีขึ้นไป จนกระทั่งพบว่าความสุขจากฟุตบอลไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป แม้จะเป็นฟุตบอลที่เรียบง่ายและแทบไม่มีคนดูเลยนอกจากเพื่อนฝูง ญาติ ๆ และคนรู้จักของนักเตะที่ลงแข่ง
ข่าวเล่าว่าเกมแรกที่ ไอร์แลนด์ ลงเล่น เขาจัดการทำไป 3 แอสซิสต์ และยิง 1 ประตู จากลูกวอลเล่ย์ระยะไกลในแบบที่นักเตะมืออาชีพเขายิงกัน ... เสียงจากกองเชียร์ไม่กี่คนในจังหวะการเล่นที่ชวนให้คิดถึงวันวาน ทำให้ ไอร์แลนด์ โล่งใจ และพบว่านี่แหละ ความสุขที่แท้จริงของคนที่รักฟุตบอลเข้าเส้นอย่างเขา
ไอร์แลนด์ ไม่รอช้า เพราะเขารู้ว่ามีเพื่อนนักเตะของเขาอีกหลายคนที่อยากจะหาเกมฟุตบอลลงแข่งขัน ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อชัยชนะ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังขับเคลื่อนด้วยบรรยากาศที่ไม่ตึงเครียดไปนัก จากนั้นนักอดีตนักเตะหลายคนก็เริ่มมาตามคำชวนของ ไอร์แลนด์ และความสนุกที่แท้จริงที่พวกเขาค้นพบร่วมกันก็เริ่มขึ้น
"ผมมาที่นี่ในช่วงปรีซีซั่น เพราะผมชอบเล่นฟุตบอล ผมชอบเรื่องฟิตร่างกาย หลังจากได้ลองแล้ว ผมเลยชวนคนอื่น ๆ มาด้วย และทุกคนก็ค่อย ๆ อยากเล่นกันมากขึ้นเรื่อย ๆ" ไอร์แลนด์ เริ่มเล่า

เพื่อนนักเตะที่ทยอยตามมาเล่นที่ ไวเธนชอว์ ด้วยได้แก่ เอมิล เฮสกี, มายเนอร์ ฟิเกรัว, โจลีออน เลสค็อตต์, ปาปิส เดมบา ซิสเซ่, อูมาร์ นิอาส, เนดุม โอนูโอฮา, จอร์จ บอยด์, เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่ และ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์
พวกเขาเหล่านี้ล่วงเลยพ้นวัยของการเป็นนักเตะอาชีพไปแล้ว โลกเหวี่ยงเขากลับเข้าสู่โหมดของคนธรรมดาที่ไม่ได้มีค่าจ้างรายสัปดาห์แพง ๆ และการใช้ชีวิตแบบคนธรรรมดา ๆ ย่อมต้องเจอเรื่องทั้งสุข ทุกข์ หรือเศร้าใด ๆ ก็ตาม
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็เหมือนกับเรานี่แหละ สู้ชีวิตในเวลาทำงาน และเมื่อถึงวันหยุด จะมีอะไรมีความสุขกว่าการได้มาเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ และปิดฉากวันด้วยการดื่มกินสังสรรค์ เพื่อเอาความสุขเหล่านั้นมาเป็นแรงในการสู้ชีวิตต่อไป
"คุณรู้ว่าคุณยังรักฟุตบอล และรู้ว่าคุณยังพอเล่นไหว เมื่อมีทีมอยากจะให้คุณเล่น ทำไมคุณต้องปฎิเสธมันล่ะ" อูมาร์ นิอาส อดีตปีกของ เอฟเวอร์ตัน ที่ยิงไป 12 ประตูในพรีเมียร์ลีก เปิดใจถึงเหตุผลที่เขามาเล่นกับทีม ๆ นี้
"ฟุตบอลที่แท้จริงขับเคลื่อนด้วยความสุข ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเวทีระดับไหน ที่นี่เราได้เห็นคนมาดูบอลด้วยความสุข พวกเราเองก็ไม่ต่างกับพวกเขาหรอก เราแค่สนุกกับการลงเล่น ซึ่งมันตลกดีเมื่อเราไม่ต้องจริงจังซีเรียสมากเกินไป หลายครั้งผมได้ลงเล่นเป็นฟูลแบ็ก ผมจะชอบหันไปบอกเซ็นเตอร์แบ็กในทีมว่า 'เอ็งเฝ้าข้างหลังไว้ พี่ไปบุกก่อนละน้อง' จากนั้นผมก็วิ่งขึ้นหน้าไปเติมเกมบุกยาว ๆ เลย ผมว่ามันสนุกก็ตรงนี้แหละ" นิอาส ว่าต่อ
ไม่ใข่แค่เหล่าอดีตนักเตะที่ได้ใช้พื้นที่สานฝันสิ่งที่ยังค้างคา หรือหาความสุขกับชีวิตหลังการเป็นนักเตะระดับท็อปเท่านั้น ... การมาของพวกเขายังส่งผลประโยชน์ย้อนกลับไปยังท้องถิ่นด้วย โดยที่พวกเขาอาจจะไม่ได้รู้ตัวว่า การมาสนุก ๆ ครั้งนี้ ได้ช่วยเติมเต็มฝันของบางคน
เราช่วยคุณ คุณช่วยเรา
จะมีใครที่พูดถึงความสุขของการรวมตัวของเหล่านักเตะดีกรีพรีเมียร์ลีกไว้ในสโมสรได้ดีกว่า คาร์ล บาร์เร็ตต์ ประธานสโมสร ไวเธนชอว์ ... เขาเกี่ยวข้องกับทีมนี้มานานถึง 24 ปี จากความผูกพันง่าย ๆ ที่ลูกชายของเขาเคยเป็นนักเตะในทีม ๆ นี้
บาร์เร็ตต์ เป็นประธานสโมสร โดยมีภรรยาของเขาเป็นเหรัญญิก ค่าเหนื่อยนักเตะเหล่านี้จ่ายกันเป็นนัด ๆ ไป แต่การที่แต่ละคนจะมาเล่นฟุตบอลซันเดย์ลีกได้ พวกเขาต้องจ่ายเงิน 15 ปอนด์ เป็นค่าธรรมเนียมในการลงชื่อเป็นสมาชิกของทีม ซึ่งหลังจากที่ ไอร์แลนด์ ช่วยอดีตเพื่อนนักเตะมาเล่น บาร์เร็ตต์ ก็ตกใจแทบทุกวัน เมื่อเห็นรายชื่อของแต่ละคนที่มาลงทะเบียนกับทีมของเขา
"เรื่องนี้มันตลกดีนะ เพราะนักเตะเหล่านี้มีมูลค่าหลายล้านปอนด์เลยตอนที่พวกเขาเล่นอยู่ แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ พวกเขาต้องลงทะเบียนกับทีมก่อน ภรรยาของผมมักจะเอาจดหมายสมัครลงทะเบียนมาให้ผมดู และบอกว่า 'วันนี้มีคนมาสมัครเข้าทีมเราด้วย เขาชื่อว่า เอมิล เฮสกี' เราดีใจมาก แต่ถึงยังไงเราก็ไม่ลืมที่จะเก็บค่าสมัครจากเขาในราคา 15 ปอนด์" บาร์เร็ตต์ กล่าวอย่างอารมณ์ดี
แม้จะเป็นการเล่นสนุก ๆ แต่ที่เมือง ไวเธนชอว์ ก็มีประชากรกว่า 110,000 คน และการมารวมตัวกันของเหล่านักเตะดังในอดีต ของทีม ไวเธนชอว์ รุ่นอายุ 35 ปี + ก็ทำให้เกิดแรงกระเพื่มครั้งสำคัญ แฟนบอลที่เคยมาดูแค่หลักสิบ ก็ค่อย ๆ เพิ่มมาเป็น 100 คน, 150 คน, 170 คน จนถึงทุกวันนี้ บางเกมพวกเขามีแฟนบอลซื้อตั๋วเข้ามาดูเกมกว่า 300 คนแล้ว ซึ่งทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนดีขึ้นด้วย
นอกจากนี้ นักเตะของทีมอื่น ๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเจอกับ ไวเธนชอว์ พวกเขาจะพยายามเตรียมตัวเตรียมร่างกายให้ดี เพราะการได้ดวลกับอดีตแข้งอาชีพแถวหน้าไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เรียกได้ว่าการมาของเหล่าสตาร์ยุคเก่า ทำให้ทุกคนในลีกตื่นตัวขึ้นในทุก ๆ ทาง
พอล บาร์โรว์ นักเตะตำแหน่งปีกวัย 38 ปี ของสโมสร คอลเกต โอบี แบ่งปันประสบการณ์ที่เขาเคยดวลกับ ฟิเกรัว อดีตแบ็กของ วีแกน ที่ผ่านฟุตบอลโลกกับทีมชาติฮอนดูรัสมา 2 สมัย ว่า
"การมาของพวกอดีตนักเตะพรีเมียร์ลีก ทำเอาพวกเราเนื้อเต้นกันทุกคน โดยเฉพาะผมที่ต้องดวลกับ มายเนอร์ ฟิเกรัว ... พวกเราตั้งใจมาก มีสมาธิกับเกมมากที่สุดและรับมือกับพวกเขาได้ถึง 20 นาทีเลยนะ"
"จากนั้นก็มีผู้เล่นของเราคนหนึ่งโดนไล่ออกจากสนาม เวลาที่เหลือก็เละไป ตามนั้นเลย ... แต่ขอบอกนะว่า หลังจบเกมพวกเราคุยเรื่องนี้กันไม่หยุด ผมโทรไปหาแม่กับพี่ชายเพื่อเล่าประสบการณ์สำคัญครั้งนี้ด้วยล่ะ" บาร์โรว์ กล่าวราวกับรู้สึกว่าเขาอายุ 14 อีกครั้ง
หัวเรือใหญ่ของการชักชวนทุกคนมารวมตัวกันที่นี่อย่าง ไอร์แลนด์ เองก็กลับมามีความสุข และรู้สึกว่าตนเองได้นำสิ่งต่าง ๆ ที่เคยผ่านมาเอามายเผยแพร่ และถ่ายทอดให้นักเตะระดับนอกลีกที่ยังมีฝัน ขณะเดียวกัน ก็มีนักเตะระดับแถวหน้าอีกหลายคนที่อยากจะมาสมทบ "แมตช์แห่งความสุข" กับเขาในอนาคตด้วย
"จริงๆ แล้วเราชอบมากเลยนะ ผมบอกทุกคนว่า มาเล่นให้สนุกและเป็นกันเองมากที่สุด ตรงนี้กลายเป็นว่า ทุกวันนี้มีคนโทรมาหาผมเยอะเลย พวกเขาถามว่า 'ฉันจะสมัครเป็นสมาชิกทีมนี้ยังไง' มันน่าปลื้มมาก ที่คนสนใจจะมาเล่นให้กับทีม ๆ นี้มากขึ้น และมีแฟนบอลเข้ามาดูเกมมากขึ้นด้วย"
แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ อดีตกองกลาง เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกในตำนาน ก็เป็นอีกคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ทุกอย่าง อาชีพของเขาจบลงไม่สวยนัก แต่การมาเล่นที่นี่ก็ช่วยบรรเทาความเหงาเล็ก ๆ ในใจของเขาได้ และในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตเขามีคุณค่ามากขึ้นด้วย
"อาจจะฟังดูเป็นความเห็นที่งี่เง่า แต่ผมคิดว่าการเล่นที่นี่ทำให้ผมมีความสุขพอ ๆ กับการเล่นในพรีเมียร์ลีกเลย จะเอาอะไรมากมายนัก คุณแค่วอร์มอัพสัก 10 นาที หัวเราะกับเพื่อน ๆ ในทีม แล้วก็ดื่มเบียร์สักไพน์หลังจบเกม นี่แหละสุดยอดความสุขของชีวิตเลย"
"แม้คุณค่าของมันอาจจะไม่เท่ากับฟุตบอลอาชีพ แต่คุณสามารถสนุกกับความเป็นไปที่เกิดขึ้นได้ มันทำให้หวนคิดถึงตอนที่เราเล่นฟุตบอลสมัยเด็ก ๆ เราแค่สนุกกับมัน และเราหัวเราะกันไม่หยุดตลอดทั้งเกม นั่นแหละคือสิ่งที่เราเป็น" ดริงค์วอเตอร์ ที่ช่วงหนึ่งเคยรับหน้าที่เป็นคนงานในไซต์ก่อสร้าง กล่าวทิ้งท้าย
ไม่ว่าจะมองมุมไหน ทุกคนก็เหมือนจะ WIN ไปหมดกับเหตุการณ์นี้ การมาของพวกเขาสร้างแรงบันดาลใจ และทำให้คนฟุตบอลรากหญ้ารู้สึกว่า หน้าที่เล็ก ๆ ของพวกเขามีค่า และเป็นหนึ่งในกลไกที่ทำให้ฟุตบอลอังกฤษ สามารถเผยแพร่กลายเป็นวัฒนธรรมที่เข้าถึงทุกที่ทั่วโลกได้อย่างแข็งแกร่ง
ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ต่างได้ผลกระทบเชิงบวกทั้งสิ้น แล้วอย่างนี้ ใครบ้างจะไม่มีความสุขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสโมสร ไวเธนชอว์ ครั้งนี้ ?
แหล่งอ้างอิง
https://www.theguardian.com/football/2025/nov/10/wythenshawe-veterans-sunday-league-premier-league
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c2emr7per0mo
https://www.givemesport.com/sunday-league-team-former-premier-league-players-wythenshawe-fc-vets/
https://tribuna.com/en/news/2025-11-11-rooney-keen-to-join-starstudded-wythenshawe-vets-sunday-league-side/
https://www.youtube.com/watch?v=gpIWTRhiShE