คาลวิน ฟิลลิปส์ เปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่าแห่ง “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด เขาเคยได้รับสมญานามว่า “ปีร์โล่แห่งเมืองยอร์คเชียร์” จากเหล่าแฟนบอลทัพยูงทอง
ผลงานการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเขาเป็นสาเหตุให้ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจทุ่มเงินราว 45 ล้านปอนด์ กระชากตัวมาร่วมทีม พร้อมมอบสัญญาระยะยาว 6 ปี ได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
แต่การย้ายมาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นเปรียบเสมือนฝันร้ายของ คาลวิน ฟิลลิปส์ เมื่อเขาไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งกองกลางตัวรับจาก โรดรี้ กองกลางชาวสเปน ส่งผลให้ในฤดูกาล 2023/24 เขาได้รับโอกาสลงสนามให้ต้นสังกัดไปเพียง 4 นัดเท่านั้น
ถึงแม้ว่า คาลวิน ฟิลลิปส์ จะไม่ได้รับโอกาสลงสนามให้กับสโมสรมากเท่าที่ควร แต่เขาก็มักจะถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ทุกครั้ง และเป็นสาเหตุให้เขาถูกกลุ่มแฟนบอลและนักวิจารณ์มองว่าเป็น “ลูกรัก” ของผู้จัดการทีมชาติอังกฤษมาโดยตลอด
เพราะอะไร คาลวิน ฟิลลิปส์ ถึงจองสัมปทานในตำแหน่งกองกลางทีมชาติอังกฤษ ทั้งที่มีผู้เล่นคนอื่นในชาติที่โชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมและลงสนามมากกว่าเขา ติดตามไปพร้อมกันกับ Main Stand
ปีร์โล่แห่งยอร์คเชียร์
คาลวิน ฟิลลิปส์ เข้าร่วมทีมอคาเดมี ลีดส์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 14 ปี เขาใช้เวลาลงเล่นให้กับทีมชุดสำรองอยู่ราว ๆ 5 ปี ก่อนที่จะได้รับการผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2015 โดยเป็นการลงประเดิมสนามพบกับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส
หลังจากนั้น คาลวิน ฟิลลิปส์ ก็มีบทบาทกับทีมชุดใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ เขากลายเป็นกองกลางคนสำคัญของทีมทั้งที่เพิ่งจะมีอายุได้เพียง 20 ปีเท่านั้น แกรี มังก์ ผู้จัดการทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ในตอนนั้น ถึงขั้นออกมากล่าวชื่นชมดาวเตะรายนี้ไว้ว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากสำหรับพวกเราที่เรามีนักเตะดาวรุ่งที่ดีอยู่ในทีมหลายคน คาลวิน ฟิลลิปส์ ก็เช่นกัน เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมมาก เขามีความเข้าใจเกมเป็นอย่างดี ผมรู้สึกอุ่นใจที่มีเขาคอยคุมแดนกลางให้กับทีม”
แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการเล่นของ คาลวิน ฟิลลิปส์ ก็เกิดขึ้น เนื่องจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่งตั้ง มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแทนที่ของ แกรี มังก์
ซึ่งการมาของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เขาได้ทำการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของ คาลวิน ฟิลลิปส์ จากเดิมที่เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวคุมจังหวะ ให้เปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับคอยยืนปัดกวาดอยู่หน้าตำแหน่งกองหลัง
ซึ่งการเปลี่ยนตำแหน่งในครั้งนี้ค่อนข้างส่งผลไปในทิศทางที่ดีต่อตัวของ คาลวิน ฟิลลิปส์ อย่างมาก เขาถูก มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ส่งลงสนามครบทุกนัดในศึกฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ชิพ ฤดูกาล 2018/19
ด้วยผลงานการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเขา ส่งผลให้เขาได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปี
ฤดูกาลถัดมา คาลวิน ฟิลลิปส์ ยังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด แม้ว่าเขาจะเป็นนักเตะรูปรางเล็ก แต่จุดเด่นของเขาคือการเป็นนักเตะที่แย่งบอลกลับมาครองได้อย่างรวดเร็ว การเข้าบอลสไตล์ถึงลูกถึงคนไม่กลัวเจ็บทำให้เป็นที่น่าจับตามองอย่างมาก และส่งผลให้ แกเร็ธ เซาต์เกต เรียกเขาไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ทั้งที่ตอนนั้นเขาเป็นเพียงนักเตะจากลีกแชมเปี้ยนส์ชิพเท่านั้น
คาลวิน ฟิลลิปส์ ขึ้นมาเป็นคีย์แมนคนสำคัญพา ลีดส์ ยูไนเต็ด จบในอันดับที่ 1 ของตาราง พาต้นสังกัดหวนคืนศึกพรีเมียร์ลีก อีกครั้งในรอบ 16 ปี
คาลวิน ฟิลลิปส์ เป็นที่รักของเหล่าแฟนบอลทัพยูงทอง และด้วยตำแหน่งการเล่นที่คล้ายคลึงกับ อันเดรีย ปีร์โล่ ตำนานกองกลางทีมชาติอิตาลี จึงเป็นสาเหตุให้แฟนบอลตั้งสมญานามให้กับ คาลวิน ฟิลลิปส์ ว่า “ปีร์โล่แห่งยอร์คเชียร์”
ฟุตบอล ยูโร 2020
แม้ว่าจะเป็นการลงเล่นในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ครั้งแรกของชายชื่อ คาลวิน ฟิลลิปส์ แต่มาตรฐานการเล่นของเขาก็ยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ผลงานการเล่นของเขาเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ
คาลวิน ฟิลลิปส์ ยังคงเป็นหัวใจในแดนกลางของทีมเช่นเคย เขาพาต้นสังกัดจบในอันดับที่ 9 ของตาราง มีแต้มห่างจากโควตาฟุตบอลยุโรปเพียงแค่ 7 คะแนนเท่านั้น
ด้วยผลงานการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเขาส่งผลให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ตัดสินใจเลือก คาลวิน ฟิลลิปส์ ไปติดทีมชาติอังกฤษลุยศึกฟุตบอลยูโร 2020
คาลวิน ฟิลลิปส์ เบียดแย่งตำแหน่งจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และวันเดอร์คิดส์ที่น่าจับตามองคนหนึ่งของโลกอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม โดยเขาได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงทุกนัดให้กับทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเมนต์ยูโร 2020
แม้ว่าจะพาทีมชาติอังกฤษไปไม่ถึงฝัน พลาดท่าแพ้จุดโทษในนัดชิงชนะเลิศให้กับทีมชาติอิตาลี
แต่ชื่อที่ทุกคนต่างพากันยกย่องและชื่นชมคงหนีไม่พ้น คาลวิน ฟิลลิปส์
เว็ปไซต์สถิติชื่อดังอย่าง Squawka ได้นำสถิติการลงเล่นทั้งหมดตลอดทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2020 ของ คาลวิน ฟิลลิปส์ มาเผยแพร่ เว็ปไซต์ดังกล่าวยกย่องกองกลางชาวอังกฤษรายนี้ไว้ว่า
“ฟอร์มการเล่นของ คาลวิน ฟิลลิปส์ ยอดเยี่ยมราวกับ 3 สุดยอดตำนานของทีม เอซี มิลาน มัดรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เขาผ่านบอลได้อย่างเหนือชั้นเหมือนกับ อันเดรีย ปีร์โล่ เขาเข้าบอลดุดันกัดไม่ปล่อยเหมือนกับ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ และเขายังไปกับบอลได้สุดยอดเหมือนกับ ริคาร์โด้ กาก้า นี่เป็นทัวร์นาเมนต์ที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ สำหรับ คาลวิน ฟิลลิปส์”
ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมตลอดฤดูกาลทั้งในนามสโมสรและในนามทีมชาติส่งผลให้ คาลวิน ฟิลลิปส์ ได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปีประจำฤดูกาล 2020/21 โดย BT England เอาชนะเพื่อนร่วมทีมชาติอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ เมสัน เมาท์
แต่ในฤดูกาลถัดมา เป็นฤดูกาลที่เปรียบเสมือนฝันร้ายของ คาลวิน ฟิลลิปส์ เนื่องจากเขาได้รับบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้เขาต้องห่างหายจากการลงสนามไป 4 เดือน
โดยการขาดหายไปของเขาส่งผลให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด หล่นไปอยู่ในโซนตกชั้น
แต่หลังจากที่เขาหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาในช่วงปลายฤดูกาล คาลวิน ฟิลลิปส์ เข้ามาเติมในสิ่งที่ต้นสังกัดขาดหายไปเกือบตลอดทั้งฤดูกาล เขาสามารถช่วยต้นสังกัดของเขากลับมาเป็นทีมเดิมได้อีกครั้ง ก่อนพา ลีดส์ ยูไนเต็ด รอดตกชั้นได้อย่างหวุดหวิด
ความผิดหวัง
หลังจากที่ แฟร์นันดินโญ่ กองกลางชาวบราซิล ตัดสินใจโบกมืออำลา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปในซัมเมอร์ 2022 ทำให้ทัพ “เรือใบสีฟ้า” ต้องมองหาตัวตายตัวแทนเพื่อเข้ามาแทนที่ของเขา
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลือกทุ่มงบประมาณราว 45 ล้านปอนด์ กระชากตัว คาลวิน ฟิลลิปส์ มาร่วมทีม พร้อมมอบสัญญายาว 6 ปี รับค่าเหนื่อย 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
โดย คาลวิน ฟิลลิปส์ เผยความในใจถึงการย้ายทีมครั้งนี้ไว้ว่า “ผมอยากพัฒนาตัวเองในหลาย ๆ ด้าน นี่เป็นสาเหตุหลักที่ผมเลือกย้ายมาเล่นที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมตั้งตารอที่จะได้เล่นกับทีมที่ดีที่สุดของเกาะอังกฤษ ฤดูกาลที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเป็นสโมสรที่ดีที่สุดในประเทศอังกฤษ ผมตั้งตารอที่จะได้รู้จักกับเพื่อนใหม่และได้พบกับผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดของโลกคนหนึ่งอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผมมีความสุขมากและ ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะได้มาอยู่ที่นี่”
แต่การย้ายทีมครั้งแรกในชีวิตของเขา ดูจะเป็นอะไรที่ “น่าผิดหวัง” พอสมควร เนื่องจากกองกลางทีมชาติอังกฤษรายนี้มักจะมีชื่ออยู่แค่บนม้านั่งสำรองเท่านั้น เพราะว่าเขาไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งจาก โรดรี้ กองกลางเพื่อนร่วมทีมได้
โดยฤดูกาล 2022/23 คาลวิน ฟิลลิปส์ ได้รับโอกาสลงสนามไปเพียง 12 นัดเท่านั้นตลอดฤดูกาล ถึงขั้นถูกโหวตให้เป็น 1 ใน 5 ดีลการซื้อขายที่ล้มเหลวประจำฤดูกาล 2022/23
มิหน้ำซ้ำเขายังเคยถูก เป๊ป กวาร์ดิโอลา ออกมาตักเตือนเรื่องน้ำหนักที่มากเกินไป โดยกวาร์ดิโอลาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวไว้ว่า “ที่ คาลวิน ฟิลลิปส์ ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามไม่ใช่เพราะว่าไม่ฟิตหรือว่าบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่เขามีสภาพน้ำหนักที่มากเกินไป ผมไม่ทราบเหมือนกันทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น เมื่อใดที่เขากลับมาพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ เขาจะได้ลงสนามอย่างแน่นอน เพราะพวกเราต้องการเขา”
ลูกรักเซาธ์เกต ?
แม้ว่าจะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากนักในนามสโมสร แต่ในนามทีมชาติเขาคือนักเตะ “ขาประจำ” ซึ่งเขามักจะถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เรียกใช้งานอยู่บ่อยครั้ง จึงเป็นสาเหตุให้ คาลวิน ฟิลลิปส์ ถูกเหล่านักวิจารณ์และแฟนบอลมองว่าเป็น “ลูกรัก” ของผู้จัดการทีมชาติอังกฤษรายนี้
เป๊ป กวาร์ดิโอลา ถึงขั้นออกมากล่าวคำขอบคุณไปยัง แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่ยังเรียกตัว คาลวิน ฟิลลิปส์ ไปติดทีมชาติอังกฤษ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้ลงสนามมากนัก โดย เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวไว้ว่า “ผมอยากขอบคุณ แกเร็ธ เซาธ์เกต ทุกครั้งที่เขาเรียก คาลวิน ฟิลลิปส์ ไปติดทีมชาติอังกฤษ ผมรู้สึกมีความสุขมากที่สุดในโลก ผมดีใจที่เขาได้ลงสนาม มันเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาและต่อสโมสรอย่างมาก”
ส่วนทางด้าน แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็ออกมาชี้แจงเช่นกันถึงประเด็นที่ถูกสื่อและนักวิจารณ์โจมตีเกี่ยวกับการเลือก คาลวิน ฟิลลิปส์ ไปติดทีมชาติอังกฤษ ทั้งที่มีผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากกว่า โดย แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวไว้ว่า
“ผมทราบดีว่า คาลวิน ฟิลลิปส์ มีเวลาในการลงสนามให้กับสโมสรค่อนข้างน้อย แต่ในตำแหน่งกองกลางตัวรับของทีมชาติอังกฤษเวลานี้ ผมไม่เห็นนักเตะคนไหนที่เล่นได้ดีเท่ากับเขา ซึ่งเขาก็แสดงผลงานให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาคือผู้เล่นระดับท็อป”
“ผมรู้สึกอุ่นใจที่เห็น คาลวิน ฟิลลิปส์ ยืนในตำแหน่งกองกลางตัวรับคู่กับ ดีแคลน ไรซ์ เขาทั้งสองคนเป็นนักฟุตบอลที่มีพลังงานสูงและมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเวลาที่ทั้งสองคนจับคู่ลงสนามพร้อมกัน ผมมองว่าเป็นอะไรที่ลงตัวที่สุด”
โดย ดีแคลน ไรซ์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวเช่นกัน พร้อมกับยกย่องคู่หูของเขาว่าเป็นนักฟุตบอลที่มีความเป็นมืออาชีพสูง ดีแคลน ไรซ์ ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ผมทราบดีว่าเขาได้รับโอกาสลงสนามค่อนข้างน้อยในนามสโมสร แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นเขาลงสนาม เขาเต็มที่กับทุกจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นตอนแข่งหรือตอนฝึกซ้อม เขาจะใส่สุดเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้ง ผมนับถือจิตใจเขามาก ผมไม่ได้โกหกนะ ผมคิดว่า คาลวิน ฟิลลิปส์ เป็นนักฟุตบอลที่มีความเป็นมืออาชีพสูงที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา”
ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตนักฟุตบอล “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ทีมชาติอังกฤษ ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นนักวิจารณ์ ได้ออกมาต่อว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ถึงประเด็นดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าผมเป็น เจมส์ วอร์ด พราวส์ ผมจะประกาศเลิกเล่นทีมชาติอย่างแน่นอน เมื่อผู้จัดการทีมไม่ให้ความเคารพต่อตัวคุณ คุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเคารพเขา ไม่ใช่ผมไม่ชอบ คาลวิน ฟิลลิปส์ เขาเป็นนักเตะที่ดีคนหนึ่ง แต่คุณดูระยะเวลาที่เขาได้ลงสนาม ให้กับสโมสร มันสามารถนับนิ้วได้เลยว่าลงไปเท่าไร และดูฟอร์มการเล่นของ เจมส์ วอร์ด พราวส์ ตั้งแต่เขาย้ายไปอยู่กับ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เขากลายเป็นนักเตะคนสำคัญของสโมสร เขามีส่วนร่วมการทำประตูถึง 11 ประตู จากการลงสนาม 15 นัด ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมต่อเขา”
แม้ว่า คาลวิน ฟิลลิปส์ จะได้รับโอกาสให้ลงสนามกับทีมชาติอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ แต่ในนามสโมสร เขาก็ยังคงเป็นเพียงตัวเลือกบนม้านั่งสำรอง
93 นาที คือเวลาที่เขาได้รับโอกาสลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2023/24 กระทั่งมีช่วงเวลาหนึ่งที่ โรดรี้ เจ้าของตำแหน่งกองกลางตัวรับขาประจำของสโมสร ติดโทษแบนห้ามลงสนามเป็นระยะเวลา 3 นัด แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมชาวสเปน ก็เลือกที่จะไม่ให้ คาลวิน ฟิลลิปส์ ลงสนาม แต่กลายเป็น มาเตโอ โควาซิซ และ มาเธอุส นูเนส ที่ได้ลงสนามในตำแหน่งกองกลางตัวรับแทน
ทำให้ คาลวิน ฟิลลิปส์ เริ่มมองหาต้นสังกัดใหม่ในเดือนมกราคม เพื่อโอกาสในการลงสนามที่มากขึ้น โดยเขาได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ BBC สื่อกีฬาชื่อดังในประเทศอังกฤษ ไว้ว่า “ตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ผมได้ลงสนามน้อยมาก ผมอยากที่จะลงสนามมากกว่านี้ ผมอยากลงเล่นในทุกสัปดาห์ ดังนั้นอาจจะถึงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจในช่วงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าว่าควรอยู่ต่อหรือหาต้นสังกัดใหม่”
มีสโมสรยักษ์ใหญ่หลายสโมสรแสดงความสนใจอยากเซ็นสัญญากับ คาลวิน ฟิลลิปส์ ได้แก่ ลิเวอร์พูล, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และ บาเยิร์น มิวนิค
เรื่องฝีเท้าและสไตล์การเล่นของ คาลวิน ฟิลลิปส์ คงไม่มีอะไรที่จะต้องกล่าวถึงไปมากกว่านี้ เขาคือนักเตะที่มีประสิทธิภาพครบครันในตำแหน่งกองกลางตัวรับ
แต่ต้องมารอดูกันว่าอนาคตของเขาจะไปในทิศทางไหน ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป วงการฟุตบอลอังกฤษอาจจะต้องเสียนักฟุตบอลที่มีความสามารถสูงไปอีกคน เหมือนกับที่เสีย เจสซี่ ลินการ์ด และ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ เพราะทั้งสองก็มี “สตอรี่” ที่ใกล้เคียงกับ คาลวิน ฟิลลิปส์ ตรงที่เป็นนักฟุตบอลที่ดีและมีพรสวรรค์ แต่อาจจะไม่เข้ากับสไตล์การเล่นของผู้จัดการทีม หรืออาจจะไม่เหมาะกับสโมสรที่ใหญ่เกินไป
แหล่งอ้างอิง
https://www.hitc.com/en-gb/2016/09/26/garry-monk-responds-when-asked-about-kalvin-phillips-performance/
https://th.mancity.com/citytv/mens/kalvin-phillips-first-city-interview-63792528
https://www.givemesport.com/premier-leagues-20-worst-signings-of-202223-ft-nunez-mudryk-sterling/
https://theathletic.com/4030933/2022/12/23/kalvin-phillips-overweight-england/
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-12715451/Pep-Guardiola-Kalvin-Phillips-opportunities-Man-City-Rodri.html
https://talksport.com/football/1605594/kalvin-phillips-declan-rice-england-gareth-southgate/
https://talksport.com/football/1647200/kalvin-phillips-england-manchester-city-declan-rice/
https://twitter.com/Squawka/status/1404089833925054474