Feature

จอมพลังร่างทอง : ความ "โหด แรง ฉลาด" ที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ อัปเกรดไปอีกขั้น | Main Stand

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงประตูไป 12 เกมติดต่อกันในฤดูกาล 2025-26 รวมทุกรายการทั้งระดับทีมชาติและสโมสร พร้อมแบกภาระเกมรุกของ แมนฯ ซิตี้ ไว้แบบสบาย ๆ 

 

ดูเผิน ๆ มันเหมือนกับว่าไม่แตกต่างจากปีที่ผ่าน ๆ มา เพราะการยิงประตูถือเป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้ว ทว่าในซีซั่นนี้ มีหลายสิ่งที่บ่งชี้ว่า ปีศาจในการยิงประตูอย่าง ฮาลันด์ ได้อัปเกรดตัวเองขึ้นอีกขั้นจนกลายมาเป็น "ร่างทอง" ในวันนี้ 

ฤดูกาล 2025-26 ฮาลันด์ เก่งขึ้นแค่ไหน เพราะอะไร ? ติดตามกับ Main Stand 

 

นี่ไม่ใช่ ซิตี้ ทีมเดิม 

หลังจบฤดูกาล 2024-25 แบบมือเปล่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี มันแสดงให้เห็นเวลา แมนฯ ซิตี้ ตอนนี้กำลังเจอกับ "วัฏจักรของฟุตบอล" ที่มาเคาะประตูใส่อย่างจัง 

ทีมที่เคยเก่งไร้เทียมทานถึงเวลาต้องผลัดใบ หลังจากกลุ่มนักเตะชุดที่สร้างความเกรียงไกรเริ่มอายุมากขึ้น และหลายคนไม่ได้อยู่ในช่วงพีกอีกแล้ว อาทิ อิลคาย กุนโดกัน, เควิน เดอ บรอยน์, ไคล์ วอล์คเกอร์ และอีกหลาย ๆ คนที่เราไม่ได้กล่าวถึง 

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของ แมนฯ ซิตี้ คือคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด เขาจึงเริ่มทำการถ่ายเลือดในซีซั่น 2025-26 นักเตะหลายคนถูกปล่อยออกจากทีม และซื้อนักเตะใหม่อย่าง รายยาน เอต นูรี, รายาน แชร์กี, ทิจจานี่ ไรจ์นเดอร์ส และ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า 

สิ่งที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็คือวิธีการเล่นที่เคยเข้าขารู้ใจ การเข้าทำที่หลากหลายและแม่นยำจากนักเตะชุดเก่าขาดหายไป และเมื่อคุณภาพลดลง ทำให้ เป๊ป ต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ให้ทีมครองบอลน้อยลงบ้างเพื่อลดความเสี่ยงในการเสียบอล เพราะรู้ว่าการสร้างโอกาสจะทำได้ไม่มากเหมือนเก่า แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อโอกาสมาถึงจะต้องยิงประตูให้ได้ ... นี่คือสาเหตุแรกที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยิงประตูมากขึ้นในซีซั่นนี้ 

"จริงอยู่ที่เราไม่สามารถพึ่งผลงานของ เออร์ลิ่ง เพียงคนเดียวได้ แต่เรากำลังพัฒนาผู้เล่นคนอื่น ๆ ขึ้นมาอีกเพื่อให้เราเป็นทีมที่สามารถทำประตูให้ได้มากกว่านี้"

"เราอาจจะสร้างสรรค์โอกาสได้ไม่มาก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตอนนี้เราต้องเน้นว่าเมื่อเราสร้างสรรค์โอกาสได้แล้ว เราต้องใช้จังหวะนั้นทำประตูให้ได้ นักเตะของผมรู้ดีเพราะผมคุยเรื่องนี้กับพวกเขามาแล้ว" เป๊ป กล่าวหลังเกมที่ ฮาลันด์ ยิง 2 ประตูใส่ เอฟเวอร์ตัน ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2025

สิ่งที่ เป๊ป บอกเคลียร์ชัดเจนสุด ๆ ตอนนี้ขุมกำลังรวมของทีมไม่แข็งแกร่งพอที่จะขึงคู่แข่งทั้งเกมและสร้างโอกาสให้ ฮาลันด์ แบบไม่จำกัดได้เหมือนในอดีต ดังนั้น ฮาลันด์ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในทีม จะต้องพัฒนาตัวเองขึ้นอีกระดับเพื่อจบสกอร์จากโอกาสที่มีน้อยลงเป็นเงาตามตัว 

หลักการง่าย ๆ นี้บีบให้ ฮาลันด์ ที่ปกติก็ยิงประตูเยอะอยู่แล้ว ต้องหาทางปรับตัวกับสถานการณ์ของทีมในปัจจุบัน ที่เขาไม่สามารถรอจบสกอร์ได้แค่ในกรอบเขตโทษเหมือนเดิมอีกแล้ว ... และจุดเริ่มต้นความโหดของเขาเริ่มจากตรงนั้น 

 

โหมดนักฆ่า 

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ โหดขึ้นเหรอ ? หลายคนอาจจะไม่สังเกต เพราะปกติเขาก็มีชื่อบนสกอร์บอร์ดเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ความจริงที่อ่านจากสถิติ และการสังเกตด้วยตาเปล่าในแต่ละนัดเราพบว่า เขาเปลี่ยนวิธีการเล่นของตัวเอง และเก่งขึ้นจริง ๆ ไม่ใช่แค่การพักบอลเท่านั้น แม้แต่ของถนัดอย่างการยิง เขาก็พัฒนาขึ้นด้วย 

จอร์แดน แคมป์เบลล์ ของ The Athletic อธิบายเรื่องนี้เพิ่มเติมว่า "ฮาลันด์ กำลังยกระดับการเล่นส่วนอื่น ๆ ของเขาในเวลานี้อย่างชัดเจน"

"ตอนนี้เขาจะไม่ใช่แค่นักฆ่าที่อดทนรอจังหวะคนป้อนและปิดเกมเหมือนเดิมอีกต่อไป เขาต้องเริ่มทำอะไรที่มันยากขึ้นไปอีก แม้แต่สิ่งที่ถนัดที่สุดอย่างการจบสกอร์ เขาก็ต้องทำให้จากโอกาสการยิงแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลายเป็นการจบสกอร์แบบง่ายดาย ซึ่งคุณก็น่าจะได้เห็นแล้วว่าตอนนี้เขายิงประตูได้หลายรูปแบบมากขึ้น" 

"เกมกับ เบรนท์ฟอร์ด เขาเก็บบอลโด่งท่ามกลางการประกบของกองหลัง 2 คนลงมายิงยัดเสาแรกได้อย่างเฉียบขาด ขณะที่เกมกับ เอฟเวอร์ตัน เขาแสดงให้เห็นว่าเขาพัฒนาลูกโหม่งขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เพื่อนเปิดบอลลอยกลางอากาศอย่างช้า ๆ รวมถึงลูกที่ 2 ที่เขายิงจังหวะเดียว แม้จะไม่แรงมาก แต่ความเร็วก็สามารถเอาชนะ จอร์แดน พิคฟอร์ด ได้"

สิ่งที่ จอร์แดน จะบอกคือ จังหวะการจบสกอร์ของ ฮาลันด์ ในซีซั่นนี้หลากหลายมากขึ้น และขณะเดียวกันก็เฉียบคมมากขึ้นด้วย ลูกยิงของเขาไม่ได้มีแค่ความแรง และการซัดแต่มุมเดิม ๆ อีกแล้ว ตอนนี้มีการยกบอลข้ามตัว ลูกชิพ และลูกยิงจังหวะเดียวที่เขาพัฒนาตัวเองขึ้นมา 

เขาอาจจะไม่ได้เป็นกองหน้าที่ถอยลงมาต่ำเพื่อเชื่อมเกมและต่อบอลกับเพื่อนร่วมทีมได้แบบที่ แฮร์รี่ เคน ทำ แต่ตอนนี้ ฮาลันด์ ก็อธิบายว่าเขาพยายามจะทำแบบนั้นให้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่เขาเปลี่ยนไปจริง ๆ ในซีซั่นนี้ คือการจบสกอร์ให้คมขึ้น แม้โอกาสจะน้อยนิด และดูยาก แต่เขาต้องพยายามทำให้มันเป็นประตูให้ได้ 

และสถิติจากเว็บไซต์ของพรีเมียร์ลีกในซีซั่น 2025-26 อ้างอิงว่า ฮาลันด์ สัมผัสบอลโดยเฉลี่ยต่อเกมแค่ราว ๆ 24 ครั้งเท่านั้น แต่ถึงจะได้บอลน้อย แต่เขาก็ทำให้มีค่าขึ้นมา เพราะ 70% จากจังหวะเหล่านั้น เขามักจะอยู่ภายใต้ความกดดัน และยังคงหาโอกาสยิงประตูได้ สิ่งนี้ยืนยันชัดเจนว่าเขา "แข็งแกร่งขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ" จัดการแรงกดดันจากกองหลังได้ดี รวมถึงเพิ่มความเป็นเพชฌฆาตเมื่อได้โอกาสยิงประตูด้วย 

ซึ่งเมื่อรวมกับความเร็ว พละกำลัง และความแข็งแรงที่เขามี ฮาลันด์ เองก็ยังยอมรับว่า "ใช่ คุณพูดถูกต้องเลย นี่คือช่วงเวลาที่ผมมั่นใจและฟิตมากที่สุดแล้ว" 

เมื่อจัดการภาระการยิงประตูซึ่งเป็นหน้าที่ของตัวเองได้ดีขึ้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราต้องชื่นชมเขาเพิ่มเติมก็คือ ฮาลันด์ กำลังยกระดับความสามารถด้านอื่น ๆ ของเขาอยู่เงียบ ๆ โดยที่คนอื่นไม่ได้สังเกตด้วยเช่นกัน 

 

(พยายาม) ให้คนอื่นโดดเด่นขึ้น

เมื่อต้องการขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของทีม ทำให้ภาระการแบกทีมเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไมได้ ในตอนนี้ ฮาลันด์ ย่อมเข้าใจ และเขาพยายามจะเป็นคน ๆ นั้นอยู่ คนที่ทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และยังทำตัวให้เป็นประโยชน์กับภาพรวมของทั้งทีมด้วย 

สถิติจาก Opta บอกว่า ฮาลันด์ พัฒนาขึ้นเรื่องความฟิตและความขยันอย่างชัดเจน เพราะเมื่อนับเฉพาะกองหน้าในพรีเมียร์ลีก เขาคือนักเตะที่วิ่งกดดัน (เพรสซิ่ง) มากที่สุดในลีก ณ เวลานี้ 

เขาวิ่งมากขึ้น เคลื่อนที่มากขึ้น และช่วยทีมตั้งแต่ในพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่ทำการของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยได้ทำมากนักในช่วงแรก ๆ ของการย้ายมาเล่นให้กับ แมนฯ ซิตี้ 

นอกจากนี้สิ่งที่หลายคนพยายามถามหาจากเขาอย่างเรื่อง "การเชื่อมเกม" ก็มีสัญญาณเชิงบวกที่มากขึ้น โดยตัวของ ฮาลันด์ มีสถิติการจ่ายบอลขึ้นหน้ามากขึ้น และเริ่มมีส่วนในการสร้างเกมรุกให้ทีมมากกว่ารอจบสกอร์อย่างเดียว นี่คือสิ่งที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ปรับตัวกับสถานการณ์ของทีมที่เปลี่ยนแปลงไปในซีซั่นนี้ 

แม้ภาพรวมของ แมนฯ ซิตี้ อาจจะยังดูมีจุดอ่อน ไม่ได้เล่นดี สุดยอด ไร้เทียมทานเหมือน 2-3 ปีก่อน แต่ ซิตี้ ก็ยังคงเก็บแต้มได้ต่อเนื่องและยังมีอันดับในตารางที่สามารถพูดคำว่าลุ้นแชมป์ได้เต็มปาก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มันเป็นอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่า ความสุดยอดของ ฮาลันด์ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แบบตรง ๆ ปฏิเสธไม่ได้ ส่วนทีมจะไปถึงแชมป์ได้ไหมโดยการให้เขาแบกเกมรุกเช่นนี้ ยังเป็นคำตอบที่บอกไม่ได้ และเราต้องรอคอยดูตอนจบเท่านั้น 

แต่สำหรับ ฮาลันด์ เราสรุปเรื่องของเขาได้ว่า ณ ตอนนี้ เขาไม่ใช่แค่ยิงเยอะ แต่มันคือการพัฒนาการยิงให้ฉลาดขึ้น ขยับดีขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และมีส่วนกับทีมมากขึ้น หรือพูดอีกแบบก็คือ เขาเริ่มเปลี่ยนจากเครื่องจักรยิงประตู เป็นศูนย์หน้าครบเครื่องที่มีอิทธิพลต่อเกมทั้งหมดของทีมได้แล้ว 

ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าตัวจะรักษาความต่อเนื่องนี้ได้นานขนาดไหนเท่านั้นเอง ... แม้นี่จะดูเหมือนเป็นสิ่งเล็ก ๆ แต่มันสำคัญมาก ๆ กับผลงานของทั้งทีม แมนฯ ซิตี้ ในซีซันนี้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.nytimes.com/athletic/6736125/2025/10/21/villarreal-0-manchester-city-2-briefing/
https://www.nytimes.com/athletic/6728825/2025/10/19/erling-haaland-manchester-city-over-reliant/
https://www.premierleague.com/en/news/4438397/opta-analysis-of-erling-haaland-goalscoring-statistics-at-start-of-2025-26-season
https://www.premierleague.com/en/news/4444650/analysis-are-manchester-city-too-reliant-on-erling-haaland-goals-to-challenge-for-2025-26-title

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ