ค่ำคืนอันยิ่งใหญ่ ณ กรุงปราก เหล่าบรรดาสาวก “เดอะ แฮมเมอร์ส" ต่างอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความสุข หลังทีมรักผงาดคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 43 ปี
ท่ามกลางกองเชียร์นับหมื่นคนที่กำลังโห่ร้องด้วยความดีใจ ในจำนวนนั้นมีแฟนบอลชาวไทยสองรายที่ข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปร่วมเป็นสักขีพยานความสำเร็จของทีมที่ตนเฝ้าเชียร์มาทั้งชีวิตด้วยสายตาตนเอง
“เอก” เอกพล วนาประเสริฐศักดิ์ และ “แน๊ต” พงษ์พันธุ์ สายวาณิชย์ สองหนุ่มเพื่อนซี้ที่เชียร์ทีมเล็กอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มานานกว่า 20 ปี … พวกเขาติดตามให้กำลังใจมาตลอดโดยไม่เคยคาดหวังถึงความสำเร็จใด ๆ ที่เกินตัว
จนเมื่อทีมสร้างเซอร์ไพรส์ทะลุเข้าชิงถ้วยยุโรป แม้จะมีดีกรีเป็นเพียงถ้วยอันดับ 3 ของทวีป แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะต้องพาตัวเองไปอยู่ในสนามให้ได้ ถึงจะหาตั๋วเข้าชมได้หรือไม่ก็ตาม
ติดตามเรื่องราวการเดินทางของแฟนขุนค้อนชาวไทยทั้งสองคน และมิตรภาพระหว่างทางที่พวกเขาได้พบเจอ ได้ที่ Main Stand
เสน่ห์ทีมเล็ก
คุณมีเพื่อนเชียร์ทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อยู่กี่คน ? เชื่อเลยว่าน่าจะนับนิ้วได้ หรืออาจถึงขั้นไม่เคยรู้จักแฟนบอลทีมนี้เลยด้วยซ้ำ
สโมสรแห่งนี้ไม่เคยคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสักครั้ง ไม่แม้แต่จะมีลุ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ละปีไม่จบกลางตารางก็ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น (ตกชั้นไปเลยก็มี) แถมสไตล์การเล่นก็ไม่ได้มีเอกลัษณ์อะไรที่โดดเด่นจนเป็นเครื่องหมายการค้า
ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ที่สุดของพวกเขาต้องย้อนไปถึงทศวรรษที่ 60s จากการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 1964 และแชมป์คัพวินเนอร์สคัพ ในปี 1965 ภายใต้การนำของ 3 ทหารเสือ บ็อบบี้ มัวร์, เจฟฟ์ เฮิร์สต์ และ มาร์ติน ปีเตอร์ส
จึงไม่แปลกใจที่ในเมืองไทยจะแฟนบอลน้อยรายที่เลือกสโมสรนี้เป็นทีมเชียร์และเฝ้าติดตามทุกสัปดาห์ … แต่ไม่ใช่กับ “เอก” เอกพล วนาประเสริฐศักดิ์ และ “แน๊ต” พงษ์พันธุ์ สายวาณิชย์ สองหนุ่มที่พลีใจเป็นสาวก เดอะ แฮมเมอร์ส มานานกว่า 20 ปี
“เปาโล ดิ คานิโอ ปี 1999 พอได้เห็นเขาเล่นก็ชอบเลย ทีมช่วงนั้นยังมีดาวรุ่งอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ โจ โคล ด้วย มันเป็นเสน่ห์ที่ทีมเรามีเลยนะ ทีมในตอนนั้นสู้ได้ทุกทีม” เอกพล ย้อนถึงวันแรกที่เริ่มหลงเสน่ห์พลพรรคสีเลือดหมู
หนุ่มวัย 39 ปี ยอมรับว่าในเวลานั้นตนเหมือนเป็นพวกแปลกแยกจากเพื่อน ๆ เพราะเวลาคุยเรื่องฟุตบอลกันในกลุ่มทีไรก็จะมีเพียงตนเองคนเดียวที่เชียร์เวสต์แฮม ขณะที่ข่าวสารต่าง ๆ ก็ถูกนำเสนอไม่มากนัก ต้องอาศัยการติดตามจากเว็บไซต์ฟุตบอลต่างประเทศด้วยตัวเองเป็นหลัก
กระทั่งปี 2007 เมื่อเขาได้เดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา จึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เมื่อได้พบกับ “แน๊ต” รุ่นพี่ร่วมชั้นเรียนที่เป็นสาวกขุนค้อนเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นต่างคนต่างแปลกใจที่รู้ว่ามีคนไทยเชียร์ทีมนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน
มิตรภาพของทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นโดยมีฟุตบอลและเวสต์แฮมคอยเชื่อมโยงตั้งแต่นั้น ก่อนที่โลกโซเชียลจะพัฒนานำพาให้พวกเขาเริ่มรู้จักผู้คนคอเดียวกันเพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นการรวมตัวของกลุ่ม West Ham Utd Thailand Fanclub. ขึ้นมา
ทุกสัปดาห์ที่มีแมตช์แข่งขัน สมาชิกในกลุ่มราว 190 คน จะมาร่วมเชียร์และพูดคุยกันผ่านกรุ๊ปไลน์อย่างสนุกสนานไม่ว่าทีมจะชนะหรือแพ้ก็ตาม
“เราเป็นทีมเล็ก เราก็จะมีมุมของเรา เสน่ห์มันไม่ใช่ถ้วยรางวัล แมตช์ไหนเราเจอทีมใหญ่แล้วเสมอหรือชนะได้เราก็สนุกแล้ว บางช่วงบางตอนก็มีนักเตะดัง ๆ ย้ายเข้ามาอย่าง คาร์ลอส เตเบซ หรือ ดิมิทรี ปาเยต มันก็ยิ่งทำให้น่าติดตามขึ้นไปอีก” แน๊ต กล่าวเสริม
ทว่าจากที่เคยเชียร์โดยไม่คาดหวังอะไร จู่ ๆ เวสต์แฮมก็ทำผลงานได้เหนือความคาดหมายด้วยการผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก
แม้จะมีดีกรีเป็นถ้วยยุโรปลำดับ 3 รองจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรป้า ลีก … แต่นั้นก็เพียงพอให้ทั้งคู่ตัดสินใจทำตามความฝันครั้งสำคัญด้วยการเดินทางไปเชียร์ทีมรักที่สนามเป็นครั้งแรกในชีวิต
“อย่างที่บอก เรื่องแชมป์เราไม่เคยหวังอยู่แล้ว มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพอเข้าชิงแล้วผมต้องมา อาจจะเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตเลยก็ได้ เพราะผมก็ไม่รู้อีกกี่ปีจะเข้าชิงอีก” เอก กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นถึงการตัดสินใจ
ตามล่าหาตั๋ว
เวสต์แฮมของ เดวิด มอยส์ เดินหน้าเก็บชัยชนะต่อเนื่องในฟุตบอลยุโรปโดยไม่แพ้ทีมใดเลยตลอดทัวร์นาเมนต์ พร้อมทะลุเข้าสู่รอบชิงดวลกับ ฟิออเรนติน่า ที่สนามฟอร์ตูน่า อารีนา ในกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก
“เราเริ่มคุยกันว่าจะไปเชียร์ที่สนามตั้งแต่ทีมยังแข่งรอบรองชนะเลิศอยู่ ถ้าเกมแรกของรอบรองชนะได้จะจองตั๋วเครื่องบินและที่พักเลย เพราะมันต้องใช้เวลาเตรียมตัวล่วงหน้าและนัดหมายทำวีซ่าด้วย” แน๊ต เผย
อันที่จริงทั้งคู่เคยคุยเรื่องการเดินทางไปเชียร์ที่สนามกันมาแล้วเมื่อฤดูกาลก่อนในช่วงที่ทีมทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก 2021/22 ทว่าต้องพับแผนไปเมื่อทีมแพ้ตั้งแต่เลกแรกและจอดป้ายในที่สุด
ชัยชนะเหนือ อาแซด อัลค์มาร์ 2-1 ในเกมตัดเชือกเลกแรกที่ผ่านมาจึงเป็นสัญญาณให้พวกเขารื้อแผนเดินทางขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะยังเหลือเกมเลกสองที่ต้องบุกไปเยือนอีกนัดก็ตาม
“ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าจะได้ตั๋วเข้าสนามหรือเปล่า แต่วินาทีนั้นไม่รู้ล่ะ จะหาตั๋วได้หรือไม่ได้เราสองคนต้องไปอยู่ในเมืองปรากวันนัดชิงให้ได้ ถ้าดูในสนามไม่ได้ก็ดูในแฟนโซนหน้าสนาม” เอก เล่าถึงการตัดสินใจ
ท้ายที่สุดเลกสอง เวสต์แฮมก็สามารถบุกไปย้ำแค้นได้ 1-0 กรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ในรอบชิงภายใต้สังเวียนความจุ 20,000 ที่นั่ง ฝ่ายจัดได้แบ่งตั๋วให้ทั้งสองทีมฝั่งละ 5,000 ใบ ส่วนอีก 10,000 ใบที่เหลือเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนเพื่อจับสลากลุ้นสิทธิ์ซื้อตั๋วผ่านทางเว็บไซต์ของยูฟ่า ซึ่งสองหนุ่มไทยก็ร่วมลงทะเบียนด้วย … แต่ไม่ถูกเลือก
“พอลงทะเบียนแล้วไม่ได้ก็เลยไปหาที่เขาขายรีเซลกันตามเว็บไซต์ ซึ่งราคาโอเวอร์มาก ราคาหน้าตั๋วที่นั่งแคตตากอรี่ 1 หรือที่นั่งข้างประธาน ปกติอยู่ที่ 100-125 ยูโร (ราว 3,700-4,600 บาท) แต่ถูกดันไปถึง 2,500-2,700 ยูโร (ราว 92,500-100,000 บาท) ผมก็สู้ไม่ไหว”
“ผมเลยใช้วิธีไปดูออฟฟิเชียลสปอนเซอร์ของการแข่งขันว่ามีแบรนด์สินค้าอะไรบ้าง แล้วไล่ดูตามเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ว่ามีเจ้าไหนที่ทำจัดกิจกรรมลุ้นตั๋วฟรีของคู่นี้บ้าง จนไปเจอเพจยางรถยนต์ในประเทศฝรั่งเศสยี่ห้อ Hankook เขารันกิจกรรมนี้อยู่ แล้วประกาศผู้โชคดีไปแล้ว 2 ที่ ผมเลยทักไปหาคนที่ได้รางวัลเพื่อขอซื้อตั๋วต่อ”
“คนที่ได้ตั๋วเป็นผู้หญิงชาวฝรั่งเศส เขาบอกว่าเป็นแฟนทีมลียงจึงไม่ได้ไปดูอยู่แล้ว เราเลยต่อรองราคากัน ผมสู้ราคาตลาดไม่ไหว เลยบอกเขาไปว่าผมเป็นแฟนเวสต์แฮมจริง ๆ ส่งรูปชุดแข่งและรูปลูกผมที่อายุ 10 เดือนใส่ชุดเวสต์แฮมไปให้เขาดูว่าเราเชียร์จริง ๆ จนได้มิตรไมตรีมาด้วยราคาใบละ 375 ยูโร (ราว 13,800 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่ดีมาก”
“ตอนนั้นก็เช็คละเอียดเลยว่าเขาเป็นคนได้รับรางวัลจริงไหม วิดีโอคอลคุยกัน เขาให้โอนเงินก่อนผ่าน PayPal แล้วก็รอเขาส่งตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มาให้ ได้ตั๋วมาแล้วก็ยังต้องลุ้นนะว่าจะเข้าสนามได้หรือเปล่า เขาจะแอบไปขายให้คนอื่นด้วยแล้วมีคนเอาไปใช้ก่อนเราหรือเปล่า”
“มันเสี่ยงมากนะ แต่ผมจนตรอกแล้ว ราคาตั๋วรีเซลมันแพงมาก ๆ แต่พอวันจริงตั๋วเข้าได้ก็ดีใจ ผมกระโดดโลดเต้นตั้งแต่เข้าสนามได้แล้ว (หัวเราะ)” เอก เล่าถึงความพยายาม
เมื่อการดำเนินการทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี เอก และ แน๊ต สองหนุ่มไทย ก็พาตัวเองลัดฟ้าไปยืนอยู่ที่หน้าสนามฟอร์ตูน่า อารีนา สถานที่ที่พวกเขาได้พบกับมิตรภาพที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายลูกหนัง
Respect
ภาพของเอกและแน๊ตสองหนุ่มจากเอเชียที่มีธงไตรรงค์ห่มตัวอยู่ด้านหลัง ได้รับการบันทึกและถูกเผยแพร่ผ่านเพจอย่างเป็นทางการของสโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนที่จะถูกแชร์ต่อในเพจหลักของพรีเมียร์ลีกและอีกมากมาย
ธงชาติไทยที่ทั้งคู่นำติดตัวไปด้วยนั้นได้เป็นสื่อกลางในการเชื่อมมิตรภาพระหว่างพวกเขากับเหล่าแฟนพันธุ์แท้ “เดอะ แฮมเมอร์ส” นับหมื่นคนที่เดินทางมาจากอังกฤษ
“ผมไปถึงก่อนบอลแข่ง 1 วัน ต้องบอกว่าทั้งเมืองปรากถูกยึดด้วยกองเชียร์เวสต์แฮม คนอังกฤษมาเยอะมาก น่าจะเกิน 20,000 คน ทั้ง ๆ ที่มีคนมีตั๋วแค่ 5,000 คน แต่ละคนใส่เสื้อทีม โบกธง และตะโกนร้องเพลงกันอย่างคึกคักเลย บรรยากาศมันสนุกและเป็นพลังบวกมาก ๆ”
“พอวันแข่งผมไปที่แฟนโซนตั้งแต่เที่ยง ผมเตรียมธงชาติไทยไปด้วยแล้วเอาปากกาหัวม้าเขียนข้อความบนธงว่า WESTHAM THAILAND พร้อมติดสติ๊กเกอร์กลุ่มที่แอดมินให้มา ก็มีชาวต่างชาติมาถ่ายรูปด้วยไม่ต่ำกว่า 10 คน บางคนจำธงชาติเราได้ บางคนเคยมาเมืองไทย ก็เข้ามาทักเรามาพูดคุยกัน เราก็เล่าให้ฟังว่าก่อนมาถึงเราต้องทำอะไรมาบ้าง”
“เขาแฮปปี้นะ เห็นใส่เสื้อทีมเหมือนกันเขาก็รับเป็นพวก ฟุตบอลมันเกินเรื่องเชื้อชาติไปแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะจบประโยคกับเราว่า Respect นะที่พวกผมเดินทางมาเชียร์ทีมในครั้งนี้ มันเป็นพลังงานที่ดีมาก ๆ” เอก เล่าถึงบรรยากาศที่ไม่มีวันลืม
ตลอด 90 นาทีในสนาม ทั้งคู่ได้สัมผัสถึงพลังของแฟนบอลต้นตำรับที่พร้อมใจกันส่งเสียงเชียร์นักเตะอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนต่างสบถพร้อมกันทุกครั้งที่ทีมเสียประโยชน์ วินาทีที่ทีมยิงเข้าทุกคนต่างกระโดดกอดกันทั้งอัฒจันทร์โดยไม่สนว่าคนข้าง ๆ จะเป็นใคร แม้แต่ตอนที่ทีมเสียประตูทุกคนก็นิ่งสนิทโดยไม่ได้นัดหมาย
เศร้าไปด้วยกัน เฮไปด้วยกัน จนวินาทีที่ทั้งคู่หลั่งน้ำตาออกมาเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดยาว เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมรักของพวกเขาเป็นฝ่ายชนะ 2-1 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ … แชมป์เมเจอร์ครั้งแรกของทีมในรอบ 43 ปี … แชมป์ที่ทั้งคู่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นในชีวิต
“มันเหมือนคอมพลีตแล้ว มันเริ่มมาจากเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ทีมจะเข้าชิง แล้วมันก็ไต่มาเรื่อย ๆ เราก็ตามเชียร์ทุกนัดนะ จนวันนี้พอเราได้มา หาตั๋วได้ ได้อยู่ในสนาม มันมีความสุขมาก การเชียร์ฟุตบอลทีมหนึ่งแล้วได้เห็นเขาเติบโตจนเป็นแชมป์ มันน้ำตาไหลเลยครับ” เอก ทิ้งท้าย
เชื่อได้เลยว่าแชมป์นี้จะอยู่ในใจของ “เดอะ แฮมเมอร์ส พันธุ์แท้” อย่างทั้งคู่ตลอดไปแน่นอน