ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวงการมวยปล้ำระดับโลกในช่วงเวลานี้ ไม่มีค่ายไหนร้อนแรงไปกว่า WWE อีกแล้ว โดยเฉพาะเมื่อ พอล เลเวสก์ หรือ Triple H นักมวยปล้ำดาวร้ายตลอดกาล กุมบังเหียนอยู่ในปัจจุบัน
นับตั้งแต่รีไทร์เลิกปล้ำเพราะโรคหัวใจเมื่อปี 2022 และผันบทบาทไปคุมงานหลังฉากเต็มตัว HHH ได้ทำงานในส่วนของครีเอทีฟ กำกับบทบาทของนักมวยปล้ำ งานไลฟ์อีเวนต์ และดูแลนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ กระนั้นเวลาจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก็ต้องรอให้ วินซ์ แม็คแมน ประธานของ WWE เปิดไฟเขียวเสียก่อน ทำให้หลายครั้งไอเดียของเขาถูกปัดตก และเป็น วินซ์ แม็คแมน ที่เข้ามาจัดการเปลี่ยนบทหน้างานจนล่มไม่เป็นท่าเสียหมด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ วินซ์ แม็คแมน ต้องลงจากตำแหน่งเพราะข่าวอื้อฉาวเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศอดีตพนักงานหญิงของบริษัท ประกอบกับการที่ Endeavor เข้ามาเทคโอเวอร์ดูแลกิจการของ WWE ก็ทำให้ HHH ได้ถูกผลักดันขึ้นมาเป็นประธานฝ่ายครีเอทีฟ ดูแลงานครีเอทีฟ (COO) แบบเต็มตัว นั่นเท่ากับว่าเขาจะได้มีอำนาจในการกำหนดบทบาท เนื้อเรื่อง และโชว์ของ WWE แต่เพียงผู้เดียว ไม่มี วินซ์ แม็คแมน คอยล้วงลูกอยู่ด้านหลังอีกต่อไป
ที่ผ่านมา แฟนมวยปล้ำสายคุณภาพจะรู้กันดีว่า WWE ยุคที่ วินซ์ แม็คแมน มีอิทธิพลอยู่หลังฉาก มักมีเนื้อเรื่องห่วยแตก ไม่สมเหตุสมผล แถมยังเสื่อมทราม (เช่นให้ ริค แฟลร์ ตำนานมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่ มีสัมพันธ์สวาทกับนักมวยปล้ำหญิงรุ่นลูกอย่าง เลซีย์ อีแวนส์) หรือดันทุรังยัดเยียดนักมวยปล้ำที่มีสเป๊คแบบที่ตัวเองชอบ ตัวสูงใหญ่ รูปร่างดี แต่ปล้ำไม่ได้เรื่องให้แฟนๆ ต้องทนดู ส่วนคนที่ปล้ำดี เทคนิคล้ำเลิศ มักถูกมองข้ามหรือไม่ก็ถูกจับให้เป็นจ๊อบเบอร์ โดนนักมวยปล้ำคนโปรดของ วินซ์ กระทืบทุกสัปดาห์ จนบางคนสู้ต่อไม่ไหว ยอมแพ้และรอรับซองขาวเพื่อออกไปหาชีวิตที่ดีกว่า
แต่ WWE ยุคของ HHH ไม่เป็นแบบนั้น เมื่อเขาขึ้นเป็นหัวหน้าครีเอทีฟแบบเต็มตัว ก็เริ่มลงมือแก้ไขในสิ่งไม่ดีที่ วินซ์ ทำไว้แบบค่อยเป็นค่อยไป อาทิ เปิดโอกาสให้นักมวยปล้ำในค่ายเสนอไอเดียหรือบทบาทที่อยากเล่นได้ ตัวอย่างก็คือ ดรูว แม็คอินไตย์ นักมวยปล้ำร่างใหญ่ชาวสกอต ที่ผันตัวมาเป็นอธรรม และใช้ โซเชียล มีเดีย โพสต์จิกกัดแซะชาวบ้านเป็นประจำโดยได้รับจากอนุญาตจาก HHH เรียบร้อย แล้วมันก็ได้ผลเมื่อแฟนๆ ชื่นชอบ ดรูว แม็คอินไตย์ เวอร์ชั่นปากแซ่บนี้มากๆ บวกกับทักษะบนเวทีที่ครบเครื่องทั้งการปล้ำและสกิลไมค์ จนทำให้เขาได้รับสัญญาฉบับใหม่จาก WWE ไปเรียบร้อย จากเดิมที่เคยถูกคาดว่าจะโดนปล่อยออกจากสมาคมหลังหมดสัญญา
ประการต่อมาคือ HHH ใส่ใจกับคุณภาพของโชว์มวยปล้ำมากขึ้น โดยเฉพาะการปล้ำที่เปิดโอกาสให้นักมวยปล้ำในค่ายโชว์สกิลได้เต็มที่ ปล้ำกันจริงจังมากขึ้น โชว์ท่าเหินฟ้าเสี่ยงอันตราย หัวแตกเลือดอาบออกทีวีได้ในบางโอกาส หรือได้เห็นท่าที่ถูกแบนกลับมาอีกครั้งเช่น เซมี่ เซน ที่ได้โชว์ท่า Brainbustahh ในตำนานใส่ กุนเทอร์ ใน WrestleMania 40 พร้อมกับแจ้งนักมวยปล้ำว่าตอนนี้พวกเขาสามารถบอกตัวเองว่าคือ Wrestler นักมวยปล้ำตัวจริงเวลาโปรโมทตามสื่อต่างๆ ได้แล้ว ไม่ต้องเรียกตัวเองว่า WWE Superstars ที่ชวนจั๊กจี้หูเหมือนในยุคของ วินซ์ อีกต่อไป
ส่วนเรื่องยอดคนดูในสนาม ยอดวิวทางออนไลน์ ก็เพิ่มขึ้นแบบถล่มทลายในยุค HHH เช่นกัน เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2023 เมื่อเขาพา CM Punk นักมวยปล้ำเจ้าปัญหากลับสู่ WWE แม้จะมีเสียงตอบรับทั้งแง่บวกแกับแง่ลบจากแฟนมวยปล้ำหรือคนในสมาคม แต่ก็ได้กระแสพูดถึงแบบถล่มทลายบนโลกโซเชียลฯ หรือช่วงที่ เดอะ ร็อก รีเทิร์นกลับมาเป็นตัวโกง The Final Boss กระทืบ โคดี้ โรดส์ แบบเลือดอาบเละเทะใน RAW ก็ส่งเสริมแรงกระตุ้นให้แฟนมวยปล้ำหลายคนไม่อาจนอนดูทีวีอยู่บ้านได้อีกต่อไป ยอมควักเงินซื้อตั๋วมาดูโชว์ในสนามจน Sold Out หลายครั้ง พร้อมกับทำให้ชื่อของ WWE ผงาดเป็นเบอร์ 1 ในวงการมวยปล้ำแบบไม่มีสมาคมไหนสู้ได้
แล้วเมื่อมาถึงศึก WrestleMania 40 เมื่อวันที่ 6-7 เมษายน 2024 นี่คือ WrestleMania ครั้งแรกที่ HHH ได้คุมงานแบบ 100% แล้วมันก็ปิดฉากลงอย่างงดงามทั้งในเรื่องโชว์มวยปล้ำที่มีคุณภาพเกือบ 100% ตลอดทั้งสองวัน ชนิดที่ เดฟ เมลเซอร์ นักข่าวสายมวยปล้ำชื่อดัง แจกเกรด 4 ดาวให้ในหลายคู่ รวมถึงฉากจบที่ดีที่สุดในรอบหลายปีเมื่อ โคดี้ โรดส์ จัดการ Finished the Story คว้าแชมป์โลกจาก โรมัน เรนส์ มาครอบครองได้สำเร็จ ส่งแฟนมวยปล้ำและกองเชียร์ของ The American Nightmare กลับบ้านไปอย่างมีความสุข
HHH ประกาศในศึก WrestleMania 40 คืนแรกว่า WWE เข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัวแล้ว ยุคที่ "The Game" ประกาศกร้าวว่าจะมอบโชว์มวยปล้ำคุณภาพ ไปพร้อมกับเรื่องราวต่างๆ ที่สมเหตุสมผลมากขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสให้นักมวยปล้ำฝีมือดีทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหม่ และรุ่นใหญ่ ได้โชว์ฝีมือให้คนดูทั่วโลกเห็น สังเกตุได้จากการผลักดันนักมวยปล้ำจาก NXT ขึ้นมาฉายแสงใน RAW กับ Smackdown! มากขึ้นทั้ง ทิฟฟานี่ สแตรตตัน, บรอน เบรคเกอร์, อิลยา ดรากูนอฟ, คาร์เมโล เฮยส์ หรือกระทั่งนักมวยปล้ำค่ายหลักที่ถูกกดบทบาทมาตลอดในยุคของ วินซ์ อย่าง ริโคเช่, บรอนสัน รีด, แชด เกเบิล ฯลฯ ก็ได้โชว์ฝีมือความเก่งกาจให้ทุกคนได้เห็นมากขึ้น ไม่โผล่มาโดนกระทืบไปวันๆ อีกแล้ว
อีกเรื่องสำคัญของ WWE ที่เกิดขึ้นในยุคของ HHH ก็คือการประกาศจับมือกับ Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งภาพยนตร์และซีรีส์ระดับโลก ที่เตรียมนำโชว์มวยปล้ำและคอนเทนต์ต่าง ๆ ของ WWE มาสตรีมผ่านทาง Netflix ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ภายใต้สัญญา 10 ปี มูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนั่นจะทำให้มวยปล้ำของ WWE เข้าถึงผู้ชมทั่วโลกยิ่งขึ้นกว่าเดิม จากปกติที่ฉายแค่ในสถานีทีวีสหรัฐอเมริกา หรือไม่ก็อัพโหลดวีดีโอไฮไลท์ลง Youtube ที่ตัดมาแค่สั้น ๆ ดูไม่เต็มอิ่ม เช่นเดียวกับสินค้าต่างๆ ที่ผลัดเปลี่ยนกันมาเป็นสปอนเซอร์ค่ายกันต่อเนื่องทั้ง Slim Jim, Mountain Dew หรือ PRIME น้ำดื่มเพิ่มความสดชื่นของ โลแกน พอล ยูทูปเบอร์ชื่อดังที่ตอนนี้มาเป็นนักมวยปล้ำของ WWE แล้ว
กุนเธอร์ นักมวยปล้ำของ WWE เจ้าของตำนานแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลนานที่สุด 666 วัน เผยว่าเขารู้สึกดีใจที่ได้ทำงานร่วมกับ HHH เพราะหากเป็นยุคของ วินซ์ แม็คแมน เขาคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้ "WWE ก่อนยุคของ HHH ไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบ ผมไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น ผมอยากเป็นตัวของตัวเอง ผมต้องมีเวลาบนสังเวียนและมีแมตช์ที่ใส่ได้เต็มที่ สิ่งนี้คงไม่เกิดขึ้นถ้ายังอยู่ในยุคเก่า แต่เพราะ HHH มองเห็นสิ่งที่ดีในตัวผมเสมอ เขามีวิสัยทัศน์ในตัวผม โชคดีที่หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในอาชีพของผม เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมแบบนี้"
ทั้งนี้ ไม่มีอะไรจะการันตีได้ว่า WWE ในยุคของ HHH จะทำโชว์ออกมาได้ดีตลอดไป แฟนมวยปล้ำบางคนยังแอบเผื่อใจว่าวันหนึ่ง WWE ยุคของ HHH อาจพลาดทำเนื้อเรื่องแย่ๆ หรือผลักดันนักมวยปล้ำฝีมือห่วยๆ มาเสิร์ฟให้คนดูเห็นก็ได้ แต่นั่นคือเรื่องของอนาคตเพราะยังไงเสียในเวลานี้ WWE ยุคของ HHH ได้ยกสถานะตัวเองกลายเป็นสมาคมมวยปล้ำอันดับ 1 ที่ไม่มีใครต่อกรได้ไปแล้ว (ส่วนฝั่ง AEW คู่ปรับตัวฉกาจที่แข่งกันมาตั้งแต่ 2020 ตอนนี้ก็เสียหลักไปแล้วจากการทำสตอรี่ไลน์บ้งๆ ของ โทนี่ ข่าน เจ้าของสมาคม)
จากความสำเร็จบนเวทีและตัวเลขทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นแบบไม่หยุดหย่อน รวมถึงคำชมจากแฟนมวยปล้ำที่หลั่งไหลมาทั่วทุกสารทิศ ดังนั้นมารอดูกันว่า WWE ในยุคของ HHH จะสยายปีกแห่งคุณภาพอย่างยิ่งใหญ่แบบนี้ไปได้ไกลขนาดไหน
