การคว้าตั๋วฟุตซอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอัฟกานิสถาน นับว่าสร้าง Impact ต่อวงการฟุตบอลโลกใบนี้ได้ไม่มากก็น้อย
นี่คือทีมที่ไร้ซึ่งความสำเร็จในเวทีฟุตบอลสนามใหญ่ไม่ว่าจะชุดเยาวชนหรือแม้กระทั่งชุดใหญ่ (ปัจจุบัน อันดับ 151 โลก)
ผลพวงจากสงครามทำให้นักเตะกระจัดกระจายไปตามประเทศต่างๆ มาเตะแต่ละครั้งต้องรวมกันเฉพาะกิจนั่นจึงทำให้ฟุตบอลของอัฟกานิสถานไม่เคยประสบความสำเร็จในรายการใดๆ
แต่กลับกีฬาฟุตซอลนั้นอัฟกานิสถานกลายเป็นทีมชั้นนำของทวีปเอเชียอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาสร้างผลงานสถานเอเชียแต่ย้อนกลับไปในฟุตซอลชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปีเมื่อปี 2019 พวกเขาสร้างผลงานเอาชนะทีมชาติไทยในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 3-2 ซึ่งผู้เล่นในวันนั้นคือผลผลิตในการไปฟุตซอลโลกในวันนี้ของอัฟกานิสถานด้วย
พวกเขาเกือบสร้างผลงานคว้าถ้วยรายการแรกในประวัติศาสตร์เอเชียแต่ แพ้ ญี่ปุ่น ในรอบชิงชนะเลิศ 1-3
การไปฟุตซอลโลกของอัฟกานิสถานไม่ใช่เพราะฟลุคอย่างแน่นอนเพราะพวกเขามีการเตรียมทีมมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันฟุตซอลรายการอุ่นเครื่องนานาชาติในประเทศไทย หลายรายการ สร้าง
มายิด มอสตาซาอี เฮดโค้ชชาวอิหร่าน เข้ามาวางรากฐานและปูระบบทีมตั้งแต่ต้นปี 2022 ใช้เวลาวางรากฐานทีมแข่งขันรายการชิงแชมป์เอเชียกลางจนคว้ารองแชมป์มาครองรวมไปถึงผ่านการคัดเลือกเข้าสู่ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชียได้สำเร็จ พร้อมเบียดคูเวตซึ่งเป็นตัวเต็งไปฟุตซอลโลกอีกหนึ่งทีมตกรอบแรกอีกด้วย
“ถึงวินาทีนี้ ไม่มีอะไรต้องเสีย เราพร้อมจะสร้างประวัติศาสตร์ไปฟุตซอลโลก” นี่คือสิ่งที่ มอสตาซาอี บอกไว้ก่อนเกมชิงดำกับคีร์กีซสถาน
สุดท้ายพวกเขาทำได้สำเร็จและสร้างประวัติศาสตร์อีกหนึ่งก้าวสู่เวทีโลก แม้ฟุตบอลสนามใหญ่พวกเขาจะตามชาติชั้นนำในเอเชียอยู่มาก แต่กับฟุตซอล นี่คือสิ่งที่สร้างผลงานสุดมหัศจรรย์ให้กับชาติที่มีภาวะสงครามได้มีความสุขอย่างยิ่ง
"อัฟกานิสถานเคยสร้างประวัติศาสตร์บนเวทีโลกคือการคว้าเหรียญทองแดงสองสมัยติดต่อกันของนักเทควันโดในโอลิมปิก อย่าง โรฮาลาห์ นิกไพ ที่ทำได้ในปี 2008 และ 2012 นี่คือประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจของพวกเขากับการมีตัวตนในโลกกีฬาเช่นกัน”