
ในปัจจุบัน “คลินิกภูมิแพ้” กลายเป็นสถานที่ที่หลายคนให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการจามบ่อย น้ำมูกไหล คันตา หรือหอบเหนื่อยเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ หลายคนอาจสงสัยว่าหากไปตรวจที่คลินิกภูมิแพ้ แพทย์จะตรวจอะไรบ้าง และต้องเตรียมตัวยังไง บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจ วิธีการวินิจฉัย ไปจนถึงแนวทางรักษา เพื่อให้คุณพร้อมก่อนเข้ารับบริการ
ขั้นตอนแรก : ซักประวัติอาการอย่างละเอียด
เมื่อเข้าพบแพทย์ในคลินิกภูมิแพ้ แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติอย่างละเอียด ทั้งอาการที่เป็นอยู่ ระยะเวลาที่เริ่มมีอาการ ปัจจัยกระตุ้น เช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์ อาหาร หรือการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ รวมถึงประวัติการแพ้ของคนในครอบครัว เพราะภูมิแพ้มีแนวโน้มถ่ายทอดทางพันธุกรรม การซักประวัติอย่างละเอียดนี้ช่วยให้แพทย์คัดกรองได้ว่าอาการเข้าข่ายโรคภูมิแพ้ชนิดใด เช่น ภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้อาหาร หรือภูมิแพ้ผิวหนัง
ขั้นตอนที่สอง : ตรวจร่างกายเบื้องต้น
หลังซักประวัติ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ตรวจโพรงจมูก คอ ปอด และผิวหนัง เพื่อประเมินลักษณะอาการ หากพบว่ามีอาการผิดปกติที่ชัดเจน เช่น เยื่อบุจมูกบวม ผื่นคัน หรือมีเสียงหายใจวี้ด อาจบ่งชี้ว่าภูมิแพ้มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจหรือผิวหนัง ซึ่งจะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้น
ขั้นตอนที่สาม : ตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ (Allergy Test)
นี่คือขั้นตอนสำคัญที่สุดของการไปคลินิกภูมิแพ้ โดยมีวิธีตรวจหลัก ๆ อยู่ 2 แบบ ได้แก่
• การทดสอบทางผิวหนัง (Skin Test) เป็นการหยดสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ ลงบนผิวหนังแล้วใช้เข็มสะกิดเบา ๆ หากบริเวณใดเกิดผื่นแดงหรือตุ่มนูน แสดงว่ามีโอกาสแพ้สารนั้น วิธีนี้ใช้เวลารวดเร็วและทราบผลภายใน 15–20 นาที
• การตรวจเลือด (Blood Test) ใช้กรณีผู้ป่วยไม่สะดวกตรวจทางผิวหนัง เช่น เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคผิวหนัง โดยการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิคุ้มกัน IgE ต่อสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด
ทั้งสองวิธีนี้จะช่วยระบุได้อย่างแม่นยำว่า ผู้ป่วยแพ้อะไร เช่น ฝุ่นเกสร ขนแมว อาหารทะเล หรือแม้แต่น้ำหอมบางชนิด
ขั้นตอนที่สี่ : วางแผนการรักษาและดูแลต่อเนื่อง
เมื่อทราบผลตรวจแล้ว แพทย์จะอธิบายผลลัพธ์และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคน ซึ่งอาจประกอบด้วย
• การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่ตรวจพบ
• การใช้ยาลดอาการ เช่น ยาแก้แพ้ ยาพ่นจมูก หรือยาลดการอักเสบ
• การทำภูมิคุ้มกันบำบัด (Allergen Immunotherapy) ซึ่งเป็นการฉีดหรืออมสารก่อภูมิแพ้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวและลดการตอบสนองต่อสิ่งที่แพ้
วิธีเตรียมตัวก่อนเข้าคลินิกภูมิแพ้
เพื่อให้การตรวจมีความแม่นยำ ควรงดยาแก้แพ้อย่างน้อย 3–7 วันก่อนเข้ารับการตรวจ หลีกเลี่ยงการทาครีมหรือโลชั่นบริเวณท่อนแขน รวมถึงแจ้งแพทย์หากกำลังใช้ยาควบคุมโรคประจำตัว เช่น ยาสเตอรอยด์ หรือยาความดันโลหิต เพราะอาจมีผลต่อผลตรวจ
การดูแลหลังเข้ารับการรักษา
หลังจากตรวจและรับคำแนะนำจากแพทย์แล้ว ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่น ทำความสะอาดห้องนอนเป็นประจำ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ ใช้เครื่องฟอกอากาศ และหมั่นสังเกตอาการตัวเองว่าดีขึ้นหรือไม่ การรักษาโรคภูมิแพ้ต้องอาศัยความต่อเนื่องและการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
การเข้ารับการตรวจที่คลินิกภูมิแพ้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นก้าวสำคัญในการเข้าใจสาเหตุของอาการและรับการรักษาอย่างถูกวิธี ด้วยกระบวนการตรวจที่ครบถ้วนและคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง คุณจะสามารถควบคุมอาการแพ้ได้ดีขึ้น ใช้ชีวิตได้อย่างสบาย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว