ฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริก คัพ มีการคิดคะแนนเสมือนเกมอุ่นเครื่องนอกปฏิทินฟีฟ่า แต่ด้วยค่าสัมประสิทธิ์คะแนนที่ค่อนข้างน้อย ทำให้การแข่งขันในรายการชิงแชมป์อาเซียน ไม่ส่งผลดีในแง่ของอันดับโลกมากนัก
โดยการคิดคะแนนอันดับโลก จะคิดคำนวณจากความสำคัญเป็นหลัก โดยการแข่งขันแต่ละเกมในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน จะมีค่าสัมประสิทธิ์ความสำคัญเท่ากับ 5 ส่วนรายการอื่นๆ มีความสำคัญดังนี้ คะแนนที่ได้ มีค่าน้อยกว่าคะแนนจากเกมอุ่นเครื่องฟีฟ่าเดย์ 2 เท่า (สัมประสิทธิ์ =10) , น้อยกว่าฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 5 เท่า (สัมประสิทธิ์ =25) และน้อยกว่าฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ รอบสุดท้ายถึง 7 เท่า (สัมประสิทธิ์ =35) จึงทำให้คะแนนฟีฟ่าที่ได้ (หรือเสีย) ในแต่ละนัดมีจำนวนไม่มากนัก
อย่างเช่นการชนะเวียดนาม 1-0 ซึ่งเป็นทีมที่มีอันดับโลกดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ (อันดับที่ 96) เมื่อคำนวณคะแนนออกมา จะได้คะแนนฟีฟ่าเพิ่มเพียง 2.77 คะแนนเท่านั้น ซึ่งเทียบกับการชนะ ตรินิแดดและโตเบโก ในคิงส์ คัพ ซึ่งตรงตามปฏิทินฟีฟ่า เดย์ ทีมชาติไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นมา 5.2 คะแนน
นอกจากนี้ ด้วยระบบการคิดคะแนนที่คิดเป็นนัดต่อนัด ทำให้เมื่อทีมไทยเสมอกับทีมที่มีอันดับต่ำกว่า (เช่น อินโดนีเซีย) และแพ้ทีมอันดับต่ำกว่า (แพ้ มาเลเซีย) ทำให้ทีมชาติไทยมีเกมที่เสียคะแนนลงด้วย
เมื่อสิ้นสุดทัวร์นาเมนต์ หลังผ่าน 8 เกม และทีมไทยคว้าแชมป์ พบว่า ทีมไทยมีคะแนนสะสมฟีฟ่าเพิ่มขึ้นเพียง 5.12 คะแนน ทำให้ทีมชาติไทยยังอยู่ที่อันดับ 111 เช่นเดิม สาเหตุเนื่องมาจากคะแนนสะสมฟีฟ่าในรายการนี้มีจำนวนไม่มาก
ดังนั้น ทัวร์นาเมนต์หลังจากนี้ที่จะเป็นการเก็บคะแนนอันดับโลกที่ดีที่สุด คือ การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รวมถึงฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ และฟุตบอลอุ่นเครื่องในปฏิทินฟีฟ่า ซึ่งจะทำให้โอกาสที่ทีมชาติไทยจะก้าวไปติดท็อป 100 อีกครั้ง และเเซงขึ้นเป็นหมายเลข 1 ของอาเซียนในเชิงอันดับโลก เป็นความจริง
รายละเอียดความสำคัญของการคิดคะแนนฟีฟ่าเดย์ :