โชเซ่ มูรินโญ่ หนึ่งในกุนซือที่ขึ้นชื่อเรื่องความสำเร็จอยู่แล้วกับการพาทีมชั้นนำในยุโรปคว้าแชมป์มากมายอีกทั้ง ชื่อของ มูรินโญ่ ได้รับการกล่าวขานอย่างมากสมัยคุมทีม อินเตอร์ มิลาน เพราะว่าเขาสามารถพาทีมคว้าเทรเบิลแชมป์ได้เมื่อปี 2010 ยังใช้ความชำนาญในการเข้าถึงจิตใจนักเตะปลุกปั้นกองหน้ามาแล้วหลายต่อหลายรายไม่ว่าจะเป็นทั้ง , ซามูเอล เอโต้ , ดิเอโก้ มิลิโต้ และหนึ่งในนั้นคือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
โชเซ่ มูรินโญ่ และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช มีโอกาสทำงานร่วมกันเมื่อฤดูกาล 2008/09 ซึ่งในฤดูกาลนั้นมีเรื่องราวที่น่าจดจำสำหรับแฟนอินเตอร์ มิลาน เพราะว่า โชเซ่ มูรินโญ่ เคยตัดสินใจไม่เปลี่ยนตัวของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ออกจากเกม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเกม เซเรีย อา ที่ทัพงูใหญ่เปิดบ้านพบกับสโมสร เซียน่า เอฟซี ซึ่งเป็นนัดรองสุดท้ายในถิ่นซานซิโร่ การแข่งขันเดินทางมาสู่ช่วงครึ่งหลังและถึงแม้ อินเตอร์ มิลาน ยึดตำแหน่งจ่าฝูงพร้อมเถลิงแชมป์ลีกอิตาลีครั้งที่ 17 ไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า มูรินโญ่ ยังคงใส่สุดและต้องการให้ ซลาตัน ลงเล่นต่อไป ถึงแม้ตัวนักเตะจะเหนื่อยล้าและออกท่าทางหงุดหงิดกับการเล่นของทีมในครั้งนี้
ซลาตัน ทำท่าผายมือหลังเพื่อนๆ ส่งบอลเสีย และลงไปนั่งบนพื้นสนามหลายครั้ง แถมหันหน้ามาที่ซุ้มม้านั่งสำรองของทีมพร้อมกล่าวว่า “เอาผมออกที ผมเหนื่อยแล้ว”
แน่นอนว่าคนที่ ซลาตัน พูดด้วยนั้นคือ มูรินโญ่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สนใจคำพูดของลูกทีมพร้อมตอบกลับว่า “ไม่มีทาง นายต้องพยายามมากกว่านี้” แต่หลังจากนั้น มูรินโญ่ ทำสิ่งที่กองหน้าเท้าระเบิดรายนี้แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นั่นก็คือ การเปลี่ยนตัว ทว่ารายชื่อที่ถูกถอดออกนั้นไม่ใช่เขาแต่เป็น หลุยส์ ฟิโก้ นั่นเอง
สิ่งนี้ทำให้หน้า ซลาตัน แถบเหวอ พร้อมสวนกลับ มูรินโญ่ อีกครั้ง “เราชนะลีกไปแล้วนะ หยุดปั่นประสาทผมสักที” อย่างไรก็ตามกองหน้าชาวสวีเดนยังคงต้องทำหน้าที่อยู่ในสนามต่อ แต่กลับแสดงอาการเหนื่อยออกมาให้เห็นไม่ว่าจะเป็นทั้ง กุมหัวเข่า หยุดวิ่ง แถมหันมาขอเปลี่ยนออกอีกครั้ง
มูรินโญ่ ตัดสินใจใช้โควต้าเปลี่ยนตัวอีกครั้งแต่มันเหมือนเป็นตลกร้ายถึงแม้ว่าตลอดการแข่งขัน ซลาตัน จะส่งสัญญาณอยู่เป็นระยะแต่กุนซือชาวโปรตุเกสกลับใช้โควต้าครั้งนี้เปลี่ยนตัว มาริโอ บาโลเตลลี่ ออกแทน และทันนีที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เห็นเช่นนั้น เขาออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัดที่เจ้านายของเขาไม่ยอมให้เขาออกจากสนามไปพักเสียที พร้อมเปร่งเสียงออกจากลำคอใส่เฮดโค้ชชาวโปรตุเกสอีกครั้ง “บอส ผมช่วยคุณชนะลีกมานะ เคารพผมกันหน่อยสิ”
การตัดสินใจทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นอีกครั้งที่พลังแห่งจิตวิทยาของ มูรินโญ่ และมันได้ผลอย่างชัดเจน เพราะหลังจากกองหน้าลูกรักของเขาเพิ่งตะคอกเสียงและร้องขอเปลี่ยนตัวไปไม่นาน ซลาตัน ได้โอกาสโล่งๆ หน้าประตูพร้อมเบิร์กสกอร์ให้ตัวเองเพิ่มอีกหนึ่งลูกได้สำเร็จ และแน่นอนหลังจากยิงประตูได้แล้ว ซลาตัน ยังคงรู้สึกโล่งใจเป็นแน่และคิดว่ายังไงก็จะได้เปลี่ยนตัวออก
แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้กับคนอย่าง มูรินโญ่ เพราะเขาเลือกที่จะไม่เปลี่ยน ซลาตัน ออกอีกแล้ว แต่เป็นการเปลี่ยน ผู้รักษาประตู แทน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในโลกฟุตบอล เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ ซลาตัน ไม่เชื่อสายตาตัวเองอีกครั้ง “คุณต้องล้อผมเล่นแน่ๆ” ซลาตัน กล่าว หลังเห็น เปาโล ออร์ลันโดนี่ กำลังวิ่งลงมาแทนที่มือหนึ่งอย่าง ชูลิโอ เซซาร์ ในตอนนั้น
The Show Must Go ON ซลาตัน ยังต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป และมีโอกาสได้ทำประตูอีกครั้ง ก่อนจะพลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย แต่ด้วยความหงุดหงิดและเรื่องสุดปั่นป่วนตลอดทั้งเกมทำให้ กองหน้าชาวสวีเดน ออกอาการฉุนเฉียวอย่างมากจนประทับไปหนึ่งรอยเท้าบนป้ายโฆษณาด้านหลังประตูด้วยการ ’เตะ’
แม้จะดูเป็นเรื่องกวนประสาทแต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่ มูรินโญ่ ทำลงไปก็เพราะเขาไม่ต้องการให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช มีความคิดที่จะ ‘ยอมแพ้’ และมากไปกว่านั้น เขาต้องการให้นักเตะรายนี้ คว้ารางวัลส่วนตัวอีกด้วย และ ซลาตัน ก็ทำมันได้สำเร็จ หลังยิงได้ถึง 25 ประตู ในลีก คว้ารางวัลดาวซัลโว เซเรีย อา ประจำฤดูกาล 2008/09
เหตุการณ์ครั้งนั้นอาจทำให้ ซลาตัน แอบมีเคืองอยู่บ้างแต่ที่จริงทั้งเขาและ โชเซ่ มูรินโญ่ รักและเคารพกันเอามากๆ ขนาดที่ ซลาตัน เคยเปิดเผยว่าสิ่งเดียวที่เขารู้สึกเสียดายคือการได้ลงเล่นให้ มูรินโญ่ แค่ปีเดียวที่ อินเตอร์ มิลาน
อย่างที่ ซลาตัน กล่าวเอาไว้ ทั้งเขาและมูรินโญ่ ได้งานร่วมกันแค่ฤดูกาลเดียวเมื่อ 2008/09 แต่ด้วยเป้าหมายส่วนตัวที่ต้องการคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมป์ เปี้ยนส์ลีก ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพ บาร์เซโลน่า ในเวลาต่อมา
“นายกำลังตัดสินใจผิดพลาด เพราะนายคิดว่านายจะสามารถคว้ามแชมเปี้ยนส์ลีกได้ (กับบาร์ซ่า) แต่ไม่ เพราะพวกเรา (อินเตอร์ มิลาน) จะเป็นฝ่ายที่คว้าแชมเปี้ยนส์ลีกแทน”
มูรินโญ่ กล่าวเตือน ซลาตัน ก่อนที่นักเตะลูกรักของเขาจะเลือกไปที่ทัพต่างดาวอยู่ดี และสุดท้าย ก็เป็นทางทัพงูใหญ่ที่คว้าไปถึงสามถ้วยในฤดูกาลนั้นเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่บอสโปรตุกีสสามารถทำได้ตามที่เคยพูดไว้จริงๆ
แม้เส้นทางของกุนซือชาวโปรตุเกสและกองหน้าชาวสวีเดนจะจบลงเมื่อปี 2009 ทว่า ซลาตัน ก็ยังเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ มูรินโญ่ ชื่นชอบและรู้วิธีการใช้งาน และเมื่อ มูรินโญ่ มีโอกาสมาคุมทีมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กุนซือรายนี้ก็ดึงตัว ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กลับมาร่วมงานอีกครั้งหลังหมดสัญญากับ ปาีส แซงต์ แชร์กแมง และในฤดูกาล 2016/17 ทั้งคู่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการพาสโมสรคว้า 3 ถ้วยแชมป์ร่วมกันทั้ง คอมมูนิตี้ ชิลด์, อีเอฟแอล อัพ (คาราบาว คัพ) และ ยูโรป้า ลีก
ตอนนี้ มูรินโญ่ พึ่งเข้ารับงานใหม่กับสโมสรชื่อดังในลีกตุรกีอย่าง เฟเนบาห์เช่ หลังอำลาทัพหมาป่า โรม่า มาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่วนด้านของลูกรักของเขาอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กำลังรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาสำหรับฝ่ายอาวุโสและบริหารของ เอซี มิลาน อยู่ในขณะนี้ หลังอำลาเส้นทางอาชีพ 24 ปี 10 สโมสร กับ 558 ประตู ในนามทีมชาติและสโมสร