ย้อนกลับไปหลังจบฤดูกาล 2010-11 ชื่อของ อังเดร วิลลาส-โบอาส ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส ได้กลายเป็นที่ต้องการของสโมสรชั้นนำทั่วโลก เนื่องจากเขาสามารถพา ปอร์โต้ กวาด 3 แชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ลีกในประเทศ, รายการบอลถ้วย รวมถึงยูฟ่า ยูโรปา ลีก
จนทำให้ทีมที่กระหายความสำเร็จอย่าง เชลซี จัดการดึงตัวเขามารับหน้าที่กุนซือในฤดูกาล 2011-12 อย่างไรก็ตาม อังเดร วิลลาส-โบอาส กลับต้องลงจากตำแหน่งหลังอยู่กับสโมสรไม่ถึงหนึ่งปีดี และต้องระเห็จออกจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมกับมีข่าวว่าโดนลูกทีมของตนเองคว่ำบาตร
ความขัดแย้งระหว่าง อังเดร วิลลาส-โบอาส และนักเตะเชลซี เกิดขึ้นได้อย่างไร ... ติดตามได้ที่ Main Stand
หลังจากที่ได้รับเลือกเข้าหอเกียรติยศพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ประจำปี 2024 จอห์น เทอร์รี่ ตำนานปราการหลังกัปตันทีมเชลซี ในวัย 46 ปี ได้ออกมาเล่าเรื่องราวที่หลายคนอยากรับทราบ เกี่ยวกับ อังเดร วิลลาส-โบอาส ว่าช่วงเวลานั้นเหล่าแข้งซีเนียร์ของ "สิงห์บลูส์" ไม่ลงรอยกับผู้จัดการทีมรายนี้จริงหรือไม่
ซึ่ง จอห์น เทอร์รี่ ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้กับ ไซมอน จอร์แดน เจ้าบ้านของ talkSPORT ว่า อังเดร วิลลาส-โบอาส ล้มเหลวในการครองใจนักเตะทันทีตั้งแต่วันแรก เพราะในไฟลท์ที่นักเตะเชลซี ต้องเดินทางไปลุยโปรแกรมปรีซีซัน ก่อนเปิดฤดูกาล 2011-12 ณ ฮ่องกง ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส ได้ทำบางอย่างที่ไม่เข้าท่า โดยให้นักเตะซีเนียร์นั่งเครื่องบินชั้นประหยัด พร้อมกับจัดที่นั่งเฟิร์สคลาสให้บรรดาดาวรุ่ง แล้วค่อยสลับกันระหว่างขาไปและขากลับ
จอห์น เทอร์รี่ เผยว่า "เมื่อ อังเดร วิลลาส-โบอาส เข้ามา เรามีโปรแกรมปรีซีซันที่ฮ่องกง ถ้าผมจำไม่ผิด ผมคิดว่านั่นเป็นวันแรกในการเป็นผู้จัดการทีมเชลซี ของเขา เราทุกคนขึ้นเครื่องบินและผมก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่นั่งชั้นประหยัด บนเที่ยวบินที่ใช้เวลาราว 13 ชั่วโมง"
"ตอนนั้น เชลซี มีดาวรุ่งที่ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่อย่าง จอช แม็คเอคแครน, นาธาเนียล ชาโลบาห์ และนักเตะดาวรุ่งอีกสองสามคน แต่พวกเขาได้ที่นั่งระดับเฟิร์สคลาส"
"คำพูดบางส่วนของ อังเดร วิลลาส-โบอาส ประมาณว่า 'ไม่มีนักเตะคนไหนในทีมที่ใหญ่กว่าผม ทุกคนต้องเท่าเทียมกันทั้งหมด' และผลที่ได้คือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ได้นั่งขาไปด้วยที่นั่งเฟิร์สคลาส ส่วนผมจะได้นั่งเฟิร์สคลาส ในตอนขากลับ เขามีความคิดที่ว่าหากคุณเดินทางขาไปด้วยที่นั่งเฟิร์สคลาส ขากลับจะต้องนั่งชั้นประหยัด"
"แต่โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่เขาคิดและปฏิบัติมันไม่เข้าท่าเลย ผมจึงพูดไปว่า 'ไม่ ๆ เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าพวกดาวรุ่งจะกลับไปนั่งในชั้นประหยัด และเอานักเตะชุดใหญ่ที่สร้างสโมสรแห่งนี้ขึ้นมา จนมาถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ กลับมายังที่นั่งเฟิร์สคลาส"
"ขณะนั้นเรากำลังอยู่บนเครื่องบิน ผู้โดยสารก็เดินขึ้น ๆ ลง ๆ แล้ว อังเดร วิลลาส-โบอาส ก็เดินเข้ามาถามผมว่า 'มีปัญหาอะไรหรือ?' ก่อนที่ผมจะตอบไปว่า 'เราจะไม่เดินทางไปไหนทั้งนั้นจนกว่านักเตะรุ่นเยาว์พวกนี้จะย้ายที่นั่ง"
"และด้วยความยุติธรรมพวกนักเตะอายุน้อยจึงก็พูดว่า 'ฟังนะ เจที ผมว่านี่มันอึดอัดสำหรับผมจริง ๆ และจะกลับไปยังที่นั่งชั้นประหยัด' ผมเลยบอกน้อง ๆ ไปว่า 'ไม่ มันไม่ใช่การตัดสินใจของนายหรอก มันเป็นหน้าที่ของเขา (อังเดร วิลลาส-โบอาส)' และนี่เป็นโมเม้นต์แรก ๆ ของเขาต่อหน้านักเตะเชลซี ทุกคน"
"สุดท้ายเครื่องบินก็ออกตัว นักเตะชุดใหญ่ทุกคนได้นั่งเฟิร์สคลาส ผู้เล่นดาวรุ่งนั่งชั้นประหยัด นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น พวกดาวรุ่งมีความมุ่งมั่นเพื่อจะมาถึงจุดที่เราเป็น"
"อังเดร วิลลาส-โบอาส พยายามจะแสดงแนวทางตั้งแต่วันแรก แต่กลับล้มเหลวในทันที เพราะผมสาบานเลยว่าเครื่องบินจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และถ้ามันยังเป็นแบบนั้นอยู่ เครื่องบินลำดังกล่าวก็จะไม่มีผม, แฟรงค์ แลมพาร์ด รวมถึง ดิดิเยร์ ดร็อกบา"
หลังจากเหตุการณ์นี้เพียง 8 เดือน อังเดร วิลลาส-โบอาส ถูกปลดพ้นเก้าอี้กุนซือ สังเวยผลงานเก็บชัยได้เพียง 20 เกม และแพ้ไปถึง 10 เกม จาก 40 เกมที่ลงแข่งขัน พร้อมกับทำการแต่งตั้ง โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ก่อนที่เขาจะพา เชลซี คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึง เอฟ เอ คัพ ในเวลาต่อมา
สุดท้ายเคสนี้แสดงให้เห็นว่าหากสโมสรใดได้ผู้จัดการทีมที่มี DNA ไม่ตรงกับสโมสรหรือนักเตะภายในทีม ไม่ช้าก็เร็วสิ่งต่าง ๆ จะต้องพังลงอย่างแน่นอน