หากให้นึกถึงหนึ่งในดีลที่ล้มเหลวที่สุดของ เชลซี คงหนีไม่พ้น ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ ที่สโมสรยอมจ่ายเงินกว่า 40 ล้านปอนด์เพื่อกระชากเขามาจาก โมนาโก เมื่อปี 2017 เพราะหลังจากที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ลงจากเก้าอี้ และ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามาทำหน้าที่แทน ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ ก็หลุดจากทีมชุดใหญ่ของเชลซี อย่างช้า ๆ ก่อนจะต้องพเนจรถูกปล่อยยืมตัวกับหลายสโมสร
อย่างไรก็ตามตอนนี้ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ ที่สังกัดอยู่กับ ลอริยองต์ ในลีก เอิง ฝรั่งเศส ได้ออกมาเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนตัดสินใจย้ายมาอยู่ เชลซี พร้อมเผยสาเหตุที่ทำให้ตนเองต้องกลายเป็นแข้งส่วนเกิน ผ่าน L'Equipe สื่อแดนน้ำหอมชื่อดัง ว่า "ผมลังเลมากที่จะย้ายออกจากโมนาโก"
"ตอนนั้นผมคิดว่าผมจะปักหลักอยู่ในฝรั่งเศส กับทีมที่ดีที่สุดอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่ผมก็ยังอยากสัมผัสประสบการณ์ค้าแข้งต่างแดนมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อ เชลซี สโมสรที่ผมชื่นชอบรองจาก เปแอสเช โทรศัพท์มาหา มันก็ยากที่จะปฏิเสธพวกเขา"
"อันโตนิโอ คอนเต้ ต้องการผมจริง ๆ และติดตามผมตั้งแต่ที่เขาเป็นผู้จัดการทีมยูเวนตุส ฤดูกาลนั้น (ซีซัน 2017-18) เราจบอันดับที่ 5 ในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ และคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ตอนที่เขาอยู่ที่ยูเวนตุส เราจบอันดับที่ห้าในลีกและคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ผมได้รับสิ่งดี ๆ มากมายจากฤดูกาลของผม"
"จากนั้น เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็มาถึงพร้อมกับ จอร์จินโญ่ และเขาไม่คุยกับผมเลยแม้แต่คำเดียว ผมตระหนักได้ทันทีว่าผมคงย้ายออกจากทีม ผมจะอธิบายประสบการณ์ที่ เชลซี ได้อย่างไรหรอ? บางครั้งผมเองก็นั่งบนโซฟา คิดถึงอาชีพของตัวเองแล้วพูดกับตัวเองว่า 'ปัญหาคืออะไรกันแน่' "
สำหรับ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ เขาไม่ได้ลงสนามให้อีกเลยนับตั้งแต่ อันโตนิโอ คอนเต้ โบกมือลาสโมสร โดยฝากผลงานลงเล่น 43 เกม ยิง 3 ประตู 3 แอสซิสต์รวมทุกรายการ ก่อนจะโดนปล่อยยืมตัวไปอยู่กับเอซี มิลาน, โมนาโก, นาโปลี กระทั่งปัจจุบันกลับมาเล่นในบ้านเกิดกับ ลอริยองต์