Feature

เปิดตำนาน "แมนยู 5 พอลลล์" : ป๊อปคัลเจอร์ของ "ยูไนเต็ด" ที่กลายเป็นมีมฮิตในวันนี้ | Main Stand

แทบทุกครั้งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใกล้จะลงแข่งขัน มีม "แมนยูห้าพอลลล์" มักจะถูกเอามาเล่นเป็นประจำ และนี่เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นบนโลกโซเชี่ยลยุคใหม่

 

เราจะกลับไปหาต้นตอของมีมสุดคลาสสิกนี้ ผ่านความยิ่งใหญ่ของสโมสรฟุตบอล ที่มักจะถูกสื่อบันเทิงหรือโซเชี่ยลมีเดียหยิบมาพูดถึงเสมอตลอดช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา

 

ยุค ยูไนเต็ด ครองโลก 

คงไม่ต้องอธิบายกันเยอะว่าทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จึงกลายเป็นทีมที่แฟนบอลตัวเองรักสุดหัวใจ ขณะที่แฟนทีมอื่นก็เกลียดสุดขีด เหตุผลที่ไม่ต้องหาคำตอบให้ยืดยาวก็คือ ปีศาจแดง ในช่วงนั้น (ยุค 1990s-2000s) "ตึงจัด" พร้อมเจอได้ทุกทีมบนโลกใบนี้  

แม้จะไม่ใช่ทีมที่ชนะทุกนัด แต่ทุกครั้งที่ทีมนี้ลงสนาม มันมีเสน่ห์มากมายเกิดขึ้นที่สะท้อนมากกว่าการแข่งขัน เรื่องคาแร็คเตอร์ของนักฟุตบอลที่ต่อให้คนไม่ดูฟุตบอลก็รู้จักชื่อ ไล่ตั้งแต่อย่างยุค เดวิด เบ็คแฮม จนกระทั่งยุคของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่วนเรื่องคาแร็คเตอร์ยอดนักสู้ของทีมก็พุ่งพล่านชนิดที่ว่าต้องอธิบายด้วยประโยคสั้น ๆ ว่า "ดูแมนยู ต้องดูให้จบ" ... และถ้าคุณเกิดทันยุคนั้น คุณจะพบว่าสิ่งที่เราอธิบายไป ไมได้เกินเลยความจริงไปแม้แต่น้อย 

ความเก่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด และสตอรี่ที่พวกเขาสร้างในแต่ละเกม แต่ละถ้วย แต่ละแชมป์ ทำให้พวกเขากลายเป็น 1 ในป๊อปคัลเจอร์ของยุคสมัยนั้น หากมีใครสักคนพูดถึงแมนยู ความหมายที่จะสื่อถึงย่อมเป็นเรื่องของทีมฟุตบอลสักทีมที่เก่งกาจ ลงสนามเมื่อไหร่มีโอกาสชนะสูงมาก 

โดยในเมืองไทยนั้น ทั้งในวงการบันเทิงบ้านเราก็มีอะไรให้กล่าวถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ยุคนั้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้อิทธิพลมาจากความดัง และความยิ่งใหญ่ของสโมสรที่แมสในวงกว้างแบบสุด ในช่วงต้นยุค 2000s ก็เคยมีเพลง "เด็กผี" ที่ร้องโดย นิคกี้ (ปัจจุบันเป็น นิคกี้ 9 นิ้ว) ที่ได้อิทธิพลจากยุค 3 แชมป์ปี 1999 ขณะที่ในภาพยนตร์หรือละครยิ่งเห็นภาพชัดกว่า เพราะหนังหรือละครหลายเรื่องที่มีส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการพนันฟุตบอล ชื่อของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จะถูกยกขึ้นมาเป็นเคสของทีมที่ "แทงแล้วได้เงินแน่" อยู่เสมอ ไม่ว่าจะในเรื่อง Goal Club เกมล้มโต๊ะ (พ.ศ. 2544 หรือปี 2001) สายล่อฟ้า (พ.ศ. 2547 หรือปี 2004) และยังมีอีกหลายเรื่องที่ถ่ายทอดถึงความเก่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคนั้น 

เช่นเดียวซีนที่กลายมาเป็น "มีมตำนาน" เกี่ยวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเวลานี้อย่าง "แมนยูห้าพอลลล์" ด้วย

 

เริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง 

ภาพที่ อี๊ด ก้านยาว (เปิ้ล - นาคร ศิลาชัย) กำลังชวน จ๊อด แฮนด์ลิง (หม่ำ จ๊กมก - เพ็ชรทาย วงษ์คําเหลา) แทงบอลในวงเหล้าจากเรื่อง "สูบคู่กู้โลก" (พ.ศ. 2555 หรือปี 2012) คือภาพสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลง และกลายเป็นมีมที่หลายคนมักจะใช้แซว แมนฯ ยูไนเต็ด ยุคนี้ ด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ 

อย่างแรก เหตุการณ์ในหนังเกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2010-11 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เจอกับ บาร์เซโลน่า แน่นอนว่าในเวลานั้น แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในช่วงปลายยุคสมัยของ เฟอร์กี้ แล้ว ขณะที่ บาร์เซโลน่า ก็กลายเป็นทีมที่สร้างเทรนด์ฟุตบอลของยุคใหม่อย่าง Tiki-Taka โดยมี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือ พร้อมด้วยนักเตะแห่งยุคที่นำโดย ลิโอเนล เมสซี่ ... เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองทีมเริ่มเดินสวนทางกัน บาร์ซ่า กำลังก้าวขึ้นมา ขณะที่ ยูไนเต็ด เริ่มถอยลงทีละนิด 

สูบคู่กู้โลก เอาเหตุการณ์ในวันนั้นมาเล่นได้ตรงจุด เพราะก่อนเกมไม่มีใครคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะแพ้ทุกกระบวนท่าแบบนั้น ว่ากันแบบไม่โลกสวยด้วยเรื่องของเรตราคาในเกมนั้น ยูไนเต็ด ก็เป็นฝั่งบอลรอง ที่ดูแล้วมีเหลี่ยมที่จะเอาชนะได้จากฟุตบอลเน้นรับแล้วสวนกลับแบบโป้งป้าง นั่นจึงเป็นที่มาของมีมในตำนาน "แมนยูห้าพอลลล์" 

ความมั่นใจว่า แมนยู จะสู้ได้ในเวลานั้นชัดถึงขนาดที่ว่าหลังจากที่ อี๊ด ก้านยาว โทรไปบอกกับโต๊ะบอลว่า "แมนยูห้าพอลลล์" จ๊อด ถึงกับแทรกขึ้นมาทันทีว่า "5 พันเอาไปซื้อถั่วงอกผัดเหรอไอ้ชิบหาย จัดไป 2 แสน 5" 

แน่นอนว่าเกมนั้นจบลงด้วยการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ไป 1-3 แม้จะได้ลุ้นเล็ก ๆ ตอนตีเสมอ 1-1 จากประตู ของ เวย์น รูนีย์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็แพ้ไป 1-3 และหลังจากนั้น ยูไนเต็ด ก็ไม่เคยเข้าใกล้ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกมากเท่านี้อีกเลย 

 

เอามาใช้ได้จนทุกวันนี้ 

หลังจากพลาดแชมป์ยุโรปในปีนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย และอย่างที่รู้กันในวันนี้ก็คือมาตรฐานของพวกเขาตกลงไปไม่น้อย 

ทว่าฐานแฟนบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีอยู่มากในประเทศไทย และในโลกโซเชี่ยลแบบนี้ บางครั้งการคุยกันแบบเพื่อนกับเพื่อน หรือแบบที่สนทนาผ่านเพจฟุตบอลเพจไหนก็ตาม ต่อให้รู้ว่าเป็นรอง แต่ก็ยอมเรื่องการเถียงไม่ได้ เราจึงได้เห็นความมั่นใจของแฟนบอลปีศาจแดงเป็นระยะ ๆ ซึ่งบ่อยครั้งในช่วงนี้มันจบด้วยความพ่ายแพ้ จนกลายเป็นภาพจำของคนที่มั่นใจอะไรมาก ๆ แต่ตอนจบกลับแหกโค้งลงข้างทาง จบเกมต้องหน้าเจื่อนรับกรรมกับสิ่งที่ทำลงไปก่อนเกม ... ซึ่งมันแทบจะตรงกับสถานการณ์ของ "แมนยูห้าพอลล์" ในเรื่อง สูบคู่กู้โลก อย่างแท้จริง 

จริง ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ แมนฯ ยูไนเต็ด แค่ทีมเดียวที่โดนหยิบยกเรื่องฟอร์มในสนามเอามาล้อในสื่อบันเทิงหรือป๊อปคัลเจอร์ต่าง ๆ ในช่วง 10-20 ปีก่อน ลิเวอร์พูล ก็โดนแซวผ่านสื่อประจำ อย่างหนังเรื่อง "หลวงพี่เท่ง" (พ.ศ. 2548 หรือปี 2005) เป็นต้น

ฉากในตำนานของการเสียบอลของผีพนันที่ไม่เข็ดหลาบ แทงแต่ลิเวอร์พูลทั้ง ๆ ที่ทีมก็แพ้ จนกลายเป็นประโยค "เอะอะอะไรก็ หงส์แดง หงส์แดง ทำไมโยมไม่คิดถึง อาร์เซน่อล" ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งมุกในทุกวันนี้ที่มักจะถูกเอามาเล่นในวันที่ ลิเวอร์พูล แพ้เช่นกัน แต่ที่แตกต่างและทำให้  "แมนยูห้าพอลลล์" แมสกว่า ก็เพราะว่าปัจจุบัน ปีศาจแดง นั้นมักจะได้ผลการแข่งขันที่ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังบ่อยกว่า จนมีมถูกหยิบเอามาใช้บ่อยครั้ง จนที่สุดแล้วก็กลายเป็นมีมยอดฮิตในโซเชี่ยล ที่แม้แต่คนไม่เคยดูหนังเรื่องสูบคู่กู้โลก ก็ยังเก็ตมุกนี้ได้ทันที 

ทุกวันนี้ฟุตบอลกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจความบันเทิงที่แมสและทำเงินได้อย่างมหาศาล ด้วยความที่ผลการแข่งขันมีอิทธิพลต่อผู้คนในวงกว้าง ไม่แปลกเลยที่เมื่อทีมฟุตบอลทีมดัง ๆ แพ้ จะต้องถูกหยิบยกออกมาแซวบนโซเชี่ยลมีเดีย ... เพียงแต่ว่าโชคร้ายของฝั่งแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ดันมาอยู่ในช่วงขาลง ในยุคที่โซเชี่ยลมีเดียบ้านเราบูมถึงขีดสุดพอดิบพอดี 

และกฎในการรับมือกับคำแซวในโลกโซเชี่ยลมีเดียนั้นไม่มีอะไรยาก นั่นคือ "ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย" ... ไม่แน่วันไหนที่ ยูไนเต็ด กลับมาผงาด มีม  "แมนยูห้าพอลลล์" อาจจะถูกตีความไปอีกแบบ ในแง่ของความไร้เทียมทาน และทำให้พวกเขาเอามีมนี้กลับไปล้อคู่อริหรือแฟนบอลคู่แข่งบนโซเชี่ยลมีเดียก็เป็นได้

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ