You'll Never Walk Alone อาจเป็นประโยคที่คุ้นหูแฟนบอล ลิเวอร์พูล แต่สำหรับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 27 ประโยคที่สะท้อนหัวใจเขามากที่สุดอาจเป็น "Howay the Lads" คำขวัญประจำทีม "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สโมสรที่เขาผูกพันและติดตามมาเกือบ 50 ปี ตั้งแต่เกิดที่เมืองนิวคาสเซิ่ลจนถึงวันนี้
Main Stand มีโอกาสพูดคุยกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไทย แฟนบอลพันธุ์แท้ของนิวคาสเซิ่ล ที่เฝ้าติดตามทีมรักมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี เกี่ยวกับมุมมองของเขาที่มีต่อนิวคาสเซิ่ลทั้งในอดีตและปัจจุบัน และเขายังคงเชื่อมั่นว่าทีมรักของเขาจะสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้หรือไม่ ?
มาติดตามบทสัมภาษณ์ที่ กระชับ-ตรงประเด็น-สุดพิเศษ ได้เเล้วที่นี่กับ Main Stand
นิวคาสเซิ่ลยุคใหม่ไฉไลกว่าเดิม
ปัจจุบันเเฟนบอลนิวคาสเซิ่ลเริ่มที่จะมีรอยยิ้มกันได้บ้างเเล้วหลังจากที่ทีมรักของพวกเขาสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ภายใต้การนำทีมของกุนซือ เอ็ดดี้ ฮาว พาไปเล่นทั้งถ้วยยุโรปเเละพาเข้าชิงชนะเลิศในรายการ ลีกคัพ เเถวยังอยู่ในกลุ่มหัวตารางของพรีเมียร์ลีก
เรื่องราวเกือบ 50 ปี ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้เห็นการเปลี่ยนเเปลงของทีมหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ทีมหมดยุคของยอดกุนซืออย่าง เควิน คีแกน ส่งผลให้ทีมพยายามอย่างหนักที่จะกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง
ในช่วงของ เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน (Sir Bobby Robson) แม้ว่าจะสามารถพาทีมไปเล่นในระดับสูงของยุโรปได้ ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เเม้เเต่ครั้งเดียว ด้วยทีมที่ยังคงขาดเสถียรภาพ และเริ่มเผชิญกับปัญหาภายในสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ปัญหาการบริหารที่ไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง รวมถึงความขัดแย้งระหว่างเจ้าของทีมกับแฟนบอล สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ทีมขาดทิศทางที่แน่นอนมานานเกือบ 20 ปี
แต่แล้วจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็มาถึงเมื่อ กลุ่มทุน PIF (Public Investment Fund) จากซาอุดีอาระเบีย เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้
นิวคาสเซิ่ลก้าวจากทีมที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น กลายมาเป็นทีมที่ลุ้นพื้นที่ยุโรป ได้ภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
อภิสิทธิ์ได้มีการเล่าถึงช่วงเเรกของกลุ่มทุน PIF ไว้ว่า ในช่วงเเรกนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะมากว่า กลุ่มทุน PIF อาจจะเป็นกลุ่มทุนที่เข้ามาเพื่อทุ่มเงินซื้อนักเตะ แต่อภิสิทธิ์ได้หยิบยกประเด็นเรื่องกฎ Financial Fair Play (FFP) มาเสริมว่า กฎนี้ส่งผลให้ทีมอย่างนิวคาสเซิ่ลสามารถบริหารได้อย่างรอบคอบมากขึ้น อภิสิทธิ์กล่าวเสริมไว้ว่า
"ผมมองว่านี่เป็นเรื่องดี เพราะผมชอบแนวทางการสร้างทีมแบบค่อยเป็นค่อยไป มากกว่าการทุ่มซื้อนักเตะดัง ๆ แล้วหวังให้พวกเขาแบกทีมเพียงลำพัง"
"อีกเรื่องที่ผมสังเกตคือ กลุ่มทุน PIF แสดงให้เห็นถึงแนวทางการบริหารที่มีแบบแผน และรับฟังความคิดเห็นของแฟนบอล"
"ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาสนามแข่งที่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของสโมสร หรือการตัดสินใจด้านธุรกิจที่ไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของทีม"
อภิสิทธิ์ พอใจกับการที่ได้กลุ่มทุนใหม่เข้ามาพัฒนาสโมสรพร้อมเปรียบกับยุคเจ้าของเก่าอย่าง ไมค์ แอชลีย์ ที่ถูกเเฟน ๆ สาลิกาดงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
"ในปัจจุบันต่างจากบางยุคที่เจ้าของทีมพยายามเปลี่ยนชื่อสนามเพื่อผลประโยชน์ทางพาณิชย์ และถูกต่อต้านอย่างหนักจากแฟนบอล แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าตอนนี้นิวคาสเซิ่ลกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง"
ทิศทางที่ถูกต้อง ?
การเดินทางของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ถ้าไม่ใช่เเฟนคลับที่ติดตามจริง ๆ อาจได้คำตอบเเบบครึ่งๆ กลางๆ เกี่ยวกับทิศทางที่ถูกต้องของทีม ซึ่งเชื่อว่าเเฟน ๆ นิวคาสเซิ่ลที่ตามเชียร์ทีมมาโดยตลอดเองบางคนก็อาจจะมีประเด็นที่คิดว่า ทีมของพวกเขานั้นกำลังเดินทางมาถูกต้องเเล้วหรือยังในปัจจุบัน
ย้อนกลับไปตั้งเเต่การเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ของเอ็ดดี้ ฮาว เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2021 จนถึงวันนี้ อภิสิทธิ์ ได้เห็นวิธีการทำทีมของกุนซือรายนี้และได้ให้ทรรศนะถึงทิศทางของทีมภายใต้ยุค เอ็ดดี้ ฮาว ไว้ด้วยเช่นกัน โดยมีใจความสำคัญว่า
"ตั้งเเต่ เอ็ดดี้ ฮาว เข้ามาทำทีม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมก็น่าจะมีทิศทางที่ถูกต้องเเล้ว เพราะ เอ็ดดี้ ฮาว ไม่เคยที่จะทิ้งใครไว้ข้างหลังเลย เขาพยายามที่จะพัฒนาผู้เล่นที่มีอยู่เดิม ให้ดีขึ้นซึ่งบางคนก็เล่นดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาจริงๆ"
เอ็ดดี้ ฮาว ไม่เพียงแต่พัฒนานักเตะที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวของผู้เล่นใหม่ที่ย้ายเข้ามา ทีมไม่ได้ดึงสตาร์ดังมาหวังพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวเพียงอย่างเดียว แต่เน้นให้พวกเขาเรียนรู้ระบบการเล่นก่อนถึงจะได้รับโอกาสลงสนาม ยกตัวอย่างเช่น ซานโดร โตนาลี ที่เเม้จะถูกเเบนไปนานเกือบ 1 ปี เเต่สุดท้ายก็กลับมาเล่นได้ดีอีกครั้งภายใต้การนำทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว หรือนักเตะคนอื่นๆ ที่ต้องใช้เวลาปรับตัวก่อนจะรับโอกาสลงเล่นในสนามอย่างต่อเนื่อง เช่น อเล็กซานเดอร์ อิซัค, บรูโน่ กิมาไรส์, แอนโธนี่ กอร์ดอน เเละ ติโน่ ลิฟราเมนโต้
"ส่วนทางด้านการซื้อผู้เล่นคนใหม่เข้ามาผมสังเกตว่า เขาก็ไม่หยิบมาลงโดยทันทีเลย ต้องมาปรับตัวเข้ากับระบบก่อนถึงจะได้ลงสนาม ผมคิดว่านี่ก็น่าจะเป็นวิธีการที่มีความมั่นคงระดับหนึ่งสำหรับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด"
"ส่วนมาตรฐานของทีมถ้าจะต้องไปเเข่งในบอลถ้วย มันก็มีทีมที่มีผู้เล่นที่น่าเกรงขาม มาตราฐานสูงอยู่เยอะ ซึ่งก็จะเป็นความท้าทายต่อไปว่า เอ๊ะ … ถ้ามันยังอยู่ระดับนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เเฟนบอลจะเริ่มหงุดหงิดไหม ว่าทำไมมันยังไม่ชนะอีก"
โอกาสครั้งที่ 3 กับการคว้าแชมป์
ปี 2025 เป็นอีกหนึ่งปีที่เป็นโอกาสของทีมอย่างนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เเม้จะมีเข้าชิงชนะเลิศอยู่บ้าง อย่างล่าสุดในปี 2023 ที่สาลิกาดงต้องพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ เเต่ก็จบลงด้วยความพ่ายเเพ้ของพวกเขา 0-2 หรือถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นอีก นิวคาสเซิ่ลก็เคยเข้าชิง ลีก คัพ มาแล้ว 1 ครั้ง ในปี 1976 ซึ่งในครั้งนั้นก็พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2
จากเรื่องราวดังกล่าวยิ่งทำให้ในปี 2025 การกลับมาเข้าชิงถ้วยนี้อีกครั้งกับลิเวอร์พูล ก็ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ นิวคาสเซิ่ลจะสามารถคว้าแชมป์ ลีก คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้สำเร็จ
ตัดภาพมาที่ อภิสิทธิ์ ที่มีความหวังกับทีมรักของเขาที่จะกลับมาคว้าเเชมป์ได้หลังจากที่รอมาอย่างยาวนาน โดยอภิสิทธิ์ได้เเสดงทัศนะต่อเรื่องราวที่ทีมรักของเขาเข้าชิงชนะเลิศในรายการ ลีก คัพ หรือที่ชื่อ คาราบาว คัพ ในปัจจุบันนี้ ไว้ว่า
"ครั้งนี้นักเตะของทีมจะมีประสบการณ์มากขึ้น และรับมือกับความกดดันได้ดีขึ้นกว่าเดิม" อภิสิทธิ์ กล่าว
"รู้ว่าไม่ง่ายหรอกครับ แต่ก็ต้องมีความหวัง เเละก็หวังว่าครั้งนี้นักเตะจะมีประสบการณ์มากขึ้นบทเรียนมากขึ้น กว่ากับที่เคยชิงมาเมื่อ 2 ปีก่อน จะได้ไม่เกร็งเหมือน 2 ปีที่เเล้ว"
"จริง ๆ หลังจากที่เข้าชิงคราวที่เเล้ว เเล้วก็ไปเเชมป์เปียนลีกได้ ก็คิดว่าเป็นไปได้ เเต่ถ้าถามปีหนึ่งก่อนหน้านั้นคงนึกไม่ออกเลยว่าจะมาถึงจุดนี้ได้"
และหากถามว่า หลังจากนี้ คาดหวังว่านิวคาสเซิ่ลจะเป็นยังไงต่อไป หวังถึงเเชมป์หรือไปเเค่เเชมเปี้ยนส์ลีก อภิสิทธ์ตอบอย่างหนักแน่นว่า
"ก็ต้องการเห็นการพัฒนาที่ต่อเนื่อง และหวังว่าจะมีลุ้นแชมป์อะไรสักทีหนึ่ง โดยอาจจะมองถึง บอลถ้วยก่อนเเละก็อาจจะมองไปถึงเรื่องของ พรีเมียร์ลีก เเละก็จริง ๆ ต้องพยายามเป็นทีมซึ่งคนมองเเล้วต้องคาดหวังว่าอยู่ในยุโรปได้ทุกปี เเต่ว่าจะถ้วยไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง"
ในฐานะแฟนบอลนิวคาสเซิ่ลมาอย่างยาวนาน อภิสิทธิ์ เผยเเนวคิดออกมาถึงยุคของทีมสาลิกาดงในอดีต ที่มีความเหมือนกับทีมปัจจุบันอย่างลงตัว ด้วยสาเหตุหลักที่เป็นเรื่องของคำว่า ใกล้เคียงเเชมป์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกือบจะดีที่สุดในฐานะเเฟนบอลของยอดทีมสาลิกาดง เเละทิ้งท้ายว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดอาจจะเป็นยุคปัจจุบันก็เป็นได้ ถ้าทีมของเขาคว้าเเชมป์ คาราบาว คัพในวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2568
"จริง ๆ ตอนนี้น่าจะใกล้เคียงกับยุคของ เควิน คีแกน ที่เราเล่นสนุกมากและเฉียดแชมป์ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ดีที่สุดของทีม ถ้าตอนนี้ทีมได้แชมป์ มันอาจจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดก็ได้"
Howay the Lads! ท้ายที่สุดแฟนบอลนิวคาสเซิ่ลทั่วโลกยังคงรอวันแห่งความสำเร็จ และดูเหมือนว่าวันนั้นอาจอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป เเละนี่เป็นภาพรวมทั้งหมดที่ Main Stand ได้เอามาสรุปย่อยให้อ่านเข้าใจง่าย เเละคุณล่ะคิดว่า นิวคาสเซิ่ล จะก้าวไปสู่เเชมป์รายการใดเป็นรายการเเรกของพวกเขากัน
นอกจากความหวังของนิวคาสเซิ่ลที่กำลังเดินหน้าสู่อนาคต แฟนบอลไทยยังสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของค่ำคืนสุดพิเศษใน ศึกคาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ "สาลิกาดง" ในการลุ้นคว้าแชมป์ที่รอคอยมายาวนาน
Main Stand ขอเชิญแฟนบอลร่วมกิจกรรม "เชียร์วิทมี เชียร์บาวคัพ ไฟนอล อิน พัทยา" ที่ NEW OSCAR พัทยาใต้ วันที่ 16 มีนาคม นี้ เต็มอิ่มไปกับบรรยากาศการเชียร์ฟุตบอลแบบเข้มข้น พร้อมเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายกีฬา พี่ยักษ์ Main Stand, พี่เม้ง ซัมเมอร์ฮิลล์, พี่มหาสมปอง นครไธสง และทีมพากย์ระดับคุณภาพที่จะมาสร้างสีสันให้กับค่ำคืนแห่งฟุตบอล
บัตรราคา 100 บาท สามารถแลกรับเครื่องดื่มเย็น ๆ ภายในงาน ลงทะเบียนร่วมกิจกรรม ได้ตั้งแต่วันนี้ - 15 มีนาคม (ก่อนเวลา 23:59 น.) สถานที่ NEW OSCAR พัทยาใต้
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Main Stand หรือสอบถามข้อมูลที่ 065-235-7605