Feature

(แค่)วันเดอร์คิด หรือ ซูเปอร์สตาร์ : ทางแยกที่กำลังตั้งคำถามกับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ? | Main Stand

กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ขึ้นรุ่นมาพร้อม ๆ กันกับ บูคาโย ซาก้า และทั้งคู่กลายเป็นความหวังสำหรับริมเส้นทั้งสองฝั่งของทีมในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าเวลาที่ค่อย ๆ ผ่านไปกลับมีบางสิ่งเกิดขึ้น 

 


ซาก้า เริ่มโดดเด่นหาตัวจบยากชนิดที่ว่าการเจ็บไปของเขาในตอนนี้ยังใช้คำว่า "หาตัวแทนไม่ได้" แน่นอนเขากลายเป็นขุมกำลังเบอร์ 1 ของทีมชุดนี้ไปเรียบร้อย

แต่กลับกัน มาร์ติเนลลี่ ทางฝั่งซ้ายที่ดูจะมีโอกาสขึ้นมาเป็นสตาร์ไม่แพ้กันกับเริ่มโดนแฟนบอลติติงเรื่องพัฒนาการที่เหมือนไม่ได้มากขึ้นเลย หากเทียบกับปีที่ดีที่สุดของเขาในฤดูกาล 2022-23 

ว่ากันด้วยเรื่องของ มาร์ติเนลลี่ ล้วน ๆ เขาจะไปถึงระดับสตาร์ของทีมได้หรือไม่ ? หรือแค่ วันเดอร์คิดที่เจอทางตัน และสโมสรควรหาตัวแทน ?  ติดตามที่ Main Stand

 

พรสวรรค์แห่งศควรรษ 

การย้ายมาจากทีมเล็ก ๆ จาก บราซิล อย่าง อิทัวโน่ คงไม่ได้ทำให้ใครสนใจมากนักว่า กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ คือใครในตอนแรก 

ความคาดหวังคือก็แค่ดาวรุ่งบราซิลอีกคนที่สโมสรต้องการจับมาปั้นเพื่อ ส่วนจะดีไม่ดีก็แล้วแต่ดวงชะตาและความสามารถเหมือนบางคนที่เคยผ่านมาในอดีตเช่น เดนิลสัน, เวลลิงตันเนม, อเมารี บิชอฟ และไม่นานมานี้คือปีกชาวบราซิลอย่าง มาร์ควินญอส 

อย่างไรก็ตาม มาร์ติเนลลี่ นั้นแตกต่างออกไปจากคนอื่น ๆ ช่วงเวลาของเขาประจวบเหมาะด้วยการวนมาเจอรอบที่ มิเกล อาร์เตต้า เป็นกุนซือพอดิบพอดี และในเวลานั้นทีมก็อยู่ในช่วงที่สร้างขุมกำลังระยะยาว  

อาร์เตต้า ยอมแลกกับผลลัพธ์ในการแข่งขันที่ไม่ดีนัก เพื่อให้ทุกคนได้โอกาสลงสนามเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ส่วนใครจะคว้ามาได้ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาแสดงออกมา และบังเอิญว่า มาร์ติเนลลี่ ในวัย 19 ปี คว้ามาได้สำเร็จ จากโอกาสเล็ก ๆ น้อย ๆ ในฟุตบอลถ้วย จนกระทั่งขยับขึ้นมาเป็นตัวหลักด้วยอายุที่ยังไม่พ้นวัยทีน 

ย้อนกลับไปในตอนนั้น(ปี 2019) มาร์ติเนลลี่ ลงให้ อาร์เซน่อล ใน คาราบาว คัพ กับ ลิเวอร์พูล แม้ อาร์เซน่อล จะตกรอบ แต่ คล็อปป์ กลับประทับใจนักเตะของอาร์เซน่อลอย่าง มาร์ติเนลลี่ มาก ๆ และชื่นชมว่าคือปีกที่สามารถสร้างภัยคุกคามให้กับแบ็คทุกคนในลีกอังกฤษได้แน่นอนในอนาคต

"เขาคือนักเตะที่มีพรสวรรค์แห่งศตวรรษ เขาเป็นตัวรุกที่ยอดเยี่ยม เขาน่าเหลือเชื่อจริงๆ เขาอายุน้อยและดูเป็นผู้ใหญ่มาก เขาดูเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง ผมไม่อยากกดดันเขาด้วยสิ่งนี้ แต่ผมชอบดูการเล่นของนักเตะแบบเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักเตะที่เก่งมาก ๆ "  ไม่บ่อยครั้งที่ คล็อปป์ จะชมใครแบบนี้ 

หลังจากวันนั้น มิเกล อาร์เตต้า ก็วาง มาร์ติเนลลี่ ไว้ที่ตำแหน่งปีกซ้าย ที่ทำหน้าที่แบบฟุตบอลสมัยใหม่อธิบายว่า "Inside Forward" ซึ่งถ้าจะอธิบายอีกขั้นหนึ่งก็คือ ปีกที่ไม่ได้ยืนชิดริมเส้น รับหน้าที่เกาะ ๆ แถวริมเขตโทษ และใช้ความสามารถในการลากเลื้อย หรือชิงจังหวะการเล่นแบบเป็นทีมเพื่อทะลวงเข้าไปในพื้นที่สีเแดงที่พวกเขาสามารถมีโอกาสยิงประตูได้มากกว่าปีกธรรมชาติทั่วไป 

เรื่องนี้ต้องชม อาร์เตต้า ที่เขาค่อย ๆ หาและหยอดเมล็ดพันธ์ลงไปในแต่ละตำแหน่ง ทีละคน ทีละคน จนประกอบร่างออกมาทีมแห่งอนาคตและยกระดับอาร์เซน่อล ที่เคยเป็นทีมที่เต็มที่ก็หวังได้แค่ท็อป 4 ได้ขึ้นมามีบทบาทในการลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวในปี 2022-23 เป็นต้นมา และซีซั่นนั้นเองคือซีซั่นที่ มาร์ติเนลลี่ ร้อนแรงที่สุด 

หากยังจำการเล่นของ มาร์ติเนลลี่ ในปี 2022-23 คุณจะเห็นถึงความปราดเปรียวในแบบที่อาจจะไม่เหมือนกับตัวรุกบราซิลทั่วไป มาร์ติเนลลี่ ไม่ใช่พวกเล่นทริค เล่นลูกทักษะสวย ๆ อยู่บ่อย ๆ แต่จุดเด่นคือความฉลาดในการหาวิธีเอาชนะคู่แข่งด้วยความเร็ว และไหวพริบในการเล่นกับเพื่อนร่วมทีม 

เรียกได้ว่าถ้าเป็นคอมโบแบบเล่นร่วมกับเพื่อนในปีนั้น เราจะได้เห็นการเล่นร่วมกันของ "นักเตะฝั่งซ้าย" อย่าง มาร์ติเนลลี่, กรานิท ชาก้า และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ที่สลับสับเปลี่ยนตำแหน่ง และมีส่วนอย่างมากในเกมรุกของ อาร์เซน่อล เวลานั้น ทุกคนสามารถขึ้นมาเป็นตัวยิงในพื้นที่สุดท้ายได้แม้แต่แบ็คซ้ายอย่าง ซินเชนโก้

และการเล่นแบบนั้นทำให้ มาร์ติเนลลี่ อันตรายขึ้นมากเวลาที่เขามีเพื่อนคอยช่วยดึงตัวประกบ เพราะจังหวะทะลวงไส้ของเขาจะทำได้ง่ายขึ้น และเมื่อถึงช่วงเวลาที่เขากำลังมั่นใจ ไม่ว่าจะมุมแคบ จะยิงยากแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา มาร์ติเนลลี่ ยิงในลีกไปถึง 15 ประตู 5 แอสซิสต์  และส่วนใหญ่ มักจะมาจากลูกยิงในลักษณะของการเล่นร่วมกันตามที่ได้กล่าวมาทั้งสิ้น  ... ตอนนั้นเขาถูกยกให้เป็นตัวท็อปของลีกไปแล้วด้วยซ้ำ ทว่าช่วงเวลาหลังจากนั้นก็เกิดการเปลี่นแปลงบางอย่างที่ทำให้ มาร์ติเนลลี่ ไม่เหมือนเดิม ... ยืนยันได้จากจำนวนประตูที่ลดลงเป็นอย่างมาก 

 

2023-24 จุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลง 

เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับนักเตะดาวรุ่ง ถ้าคุณจบฤดูกาลได้ด้วยการแจ้งเกิดเต็มตัว ... ปีต่อมาคุณจะกลายเป็นเป้าที่คู่แข่่งไม่ยอมกระพริบตา ไม่ยอมให้คุณเล่นได้ง่าย ๆ อีกต่อไป 

จุดนี้สำคัญมากสำหรับนักเตะดาวรุ่ง เพราะมันคือการพิสูจน์ตัวเองอีกขั้นว่า หากถึงเวลาที่คุณถูกวางให้เป็นตัวหลักของทีม คนที่ทีมคาดหวังว่าคุณจะต้องเล่นได้ดีทุกเกม คุณจะสามารถรีดศักยภาพของตัวเองออกมาได้มากแค่ไหนจากข้อเรียกร้องที่มากขึ้นเรื่อย ๆ 

นอกจากที่เขาจะยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้นแล้ว มาร์ติเนลลี่ ยังแทบจะเปลี่ยนเพื่อนร่วมทีมที่เล่นร่วมกันเป็นหลักในฝั่งซ้าย ชาก้า ย้ายออกไปอยู่กับ เลเวอร์คูเซ่น โดยเริ่มแรกนำ ไค ฮาเวิร์ตซ์ มาเล่นเป็นกองกลางฝั่งซ้าย ส่วน ซินเชนโก้ ก็เริ่มเจ็บมากขึ้น ต้องใช้ตัวอื่นมาเล่นแทนทั้ง ยาคุบ คิวิออร์ และ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ ซึ่งถามเรื่องความเนียน ความเข้าขา ยังไม่เท่ากับเซ็ตปี 2022-23 

นอกจากนั้นอาจจะมีเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเรื่องของแท็คติกด้วย เพราะฮีตแมพในฤดูกาล 2023-24 ของ มาร์ติเนลลี่ ปรากฎว่าเขาถูกขอให้เล่นด้านกว้างของสนามมากขึ้น จากที่เคยยืนชิดริมเขตโทษ กลายเป็นยืนใกล้ริมเส้นมากกว่า 

แน่นอนว่าเมื่อเปลี่ยนคนที่เล่นร่วมและเปลี่ยนแนวทางการเล่นเขาอาจจะประสบกับการได้รับฟุตบอลที่คุณภาพต่ำลง การเล่นที่อาจจะติดขัดบ้างในบางจังหวะ และทำให้บริเวณที่เขาได้รับบอล ไม่สามารถเข้าคุกคามคู่แข่งได้โดยตรง เขาจึงห่างไกลจากการสร้างโอกาสำคัญ ๆ มีโอกาสปรากฎตัวในช็อตชี้เป็นชี้ตายน้อยลง 

เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของอาการบาดเจ็บด้วย เพราะในช่วงต้นซีซั่น 2023-24 แทนที่ มาร์ติเนลลี่ จะได้จูนกับเพื่อน ๆ กลับเป็นช่วงเวลาที่เขาเองได้รับบาดเจ็บที่แฮมสตริง จนต้องพักไปถึง 6 เกม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของ อาร์เซน่อล ในช่วงครึ่งซีซั่นแรก เพราะมีการเปลี่ยนนักเตะหลายตำแหน่ง จนนำมาสู้การจับต้นชนปลายที่สร้างความสับสนกันไปหมด 

และแน่นอนเมื่อปัญหามันเกิดขึ้น มันก็ส่งผลต่อเนื่องกันอย่างเลี่ยงไมได้ การเล่นที่เปลี่ยนแปลงวิธีการและเพื่อนร่วมทีม นำมาซึ่งความไม่คุ้นชิน และความไม่คุ้นชินนำมาซึ่งโอกาสการยิงประตูที่น้อยลง และโอกาสลุ้นที่น้อยลงย่อมจบด้วยการยิงประตูน้อยลง 

ซึ่งเลี่ยงไมได้ในข้อสุดท้ายคือหากคุณยิงได้น้อยลง เล่นแย่แบบที่แตกต่างจากช่วงที่เล่นได้ดีมาก ๆ อย่างเห็นได้ชัด คุณก็จะไม่รอดกับความกดดัน ซึ่ง ณ ตอนนี้ลากยาวมาจนถึงซีซั่น 2024-25 ... คุณสามารถบอกได้ว่า มาร์ติเนลลี่ ขาดความมั่นใจลงเยอะมาก 

จังหวะชี้เป็นชี้ตายที่เขาทำได้ตอนพีก เช่นการล็อกเข้าขวายิงตามตำรา การไปสุดเส้นหลังและยิงมุมแคบ และจังหวะดวล 1-1 ที่ชนะมากกว่าแพ้ ค่อย ๆ หายไป และถึงเวลาที่เขาต้องส่งบอลให้เข้าประตูเพื่อตัดสินในเกม 

สถิติทุกอย่างฟ้องอย่างเห็นได้ชัด ค่าเฉลี่่ยการยิงประตูของเขาลดลงเหลือเพียง 0.16 ลูกต่อ 90 นาที, โอกาสการยิงต่อ 1 เกมของเขาลดลงจาก 2.55 ครั้งต่อเกมเหลือ 2.18 ครั้ง  การยิงเข้ากรอบของเขาลดลงจาก 0.97 ครั้งต่อ 90 นาที เหลือเพียง 0.71 ครั้ง 

กล่าวโดยสรุปคือเขายิงน้อลงประมาณร้อยละ 15 ต่อ 1 เกม, เขายิงตรงกรอบลดลอง 20%  เขาได้รับบอลที่มีคุณภาพน้อยลง และเขายิงประตูได้ไม่คมเหมือนเดิมจากค่า Xg ที่ลดลงเกือบ 2 เท่า เขาก็พลาดมากขึ้นจนแฟนบอลหลายคนเริ่มบ่นว่าหรือ มาร์ติเนลลี่ จะจบแค่นี้แล้วจริง ๆ ? 

 

2024-25 ถึงเวลาพิสูจน์ตัวเอง

นับตั้งแต่เริ่มปี 2024 สถิติทุกอย่างบอกว่า มาร์ติเนลลี่ ดรอปลงไม่น้อย เรื่องนี้ มิเกล อาร์เตต้า เองก็เห็นจนหลายครั้งเขาได้ให้โอกาส เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงเล่นแทนไปเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย 

โชคไม่ดีที่ มาร์ติเนลลี่ เองก็เจ็บออด ๆ แอด ๆ หลังช่วงเดือนมีนาคม เขาเจ็บต้องพักราว ๆ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่่วงเวลาที่ ทรอสซาร์ ชิงโอกาสนั้นทำผลงานยอดเยี่ยม และเมื่อ มาร์ติเนลลี่ กลับมาฟิตก็ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งดูเพื่อออกสตาร์ท และบางครั้งก็สลับไปเล่นปีกขวาแทน ซาก้า ที่ได้พัก หรือบาดเจ็บด้วย ...ไม่ทันไรซีซั่นเก่าก็จบ ซีซั่นปัจจุบันก็เริ่มขึ้น โดยที่ มาร์ติเนลลี่ ยังมีอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ รบกวนเสมอ 

ตอนนี้ดูเหมือนความมั่นใจจะเป็นเหตุผลหลัก ๆ ของเขา เขาไม่ได้จับจอง 11 ตัวจริงตลอดทุกเกมอีกแล้ว การแข่งขันในทีมเข้มข้นขึ้นมาก เห็นได้ชัดจากสถิติที่ มาร์ติเนลลี่ ไม่สามารถยิงประตูหรือแอสซิสต์ได้นานถึง 7 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือน มีนาคม ปี 2024 จน กันยายน ปี 2024 ... กระทั่ง ณ ตอนนี้แม้เขาจะเริ่มยิงได้ แต่มันก็ยังน้อยกว่าที่่ทีมต้องการจากเขาอีกมาก 

มีแต่ มิเกล อาร์เตต้า และ มาร์ติเนลลี่ เท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมปีกที่เลี้ยงเป็นผ่าน ยิงเป็นเข้าถึงกลับมาอยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับการต่อยอดจากเดิมเลย ?

อย่างไรก็ตามฤดูกาลยังไม่จบก็อย่าเพิ่งนับศพทหาร ... มาร์ติเนลลี่ จะได้โอกาสสำคัญมาก ๆ ในช่่วงที่เหลือของฤดูกาลเนื่องจากว่า บูคาโย ซาก้า นั้นเจ็บยาวไปแล้ว ทำให้มันเป็นหน้าที่ที่ มาร์ติเนลลี่ จะต้องกระตุ้นและยกระดับตัวเองในยามที่ปีกเบอร์ 1 ของทีมไม่อยู่ นอกจากนี้เขาอาจจะได้รับบทบาทการเล่นในฝั่งขวาบ่อยขึ้นด้วย และมันอาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ในทางที่ดีขึ้นก็เป็นได้ 

ปัจจุบัน มาร์ติเนลลี อายุ 23 ปีแล้ว ถ้านับตามวัยก็น่าจะเป็น 1 ปีสุดท้ายของการเป็นดาวรุ่งแล้ว สิ่งที่ทุกคนต้องการจากเขาไม่ใช่ความหวือหวาน่าตื่นเต้น แต่คือความสม่ำเสมอและเป็นที่พึ่งพาของทีมได้ในเวลาที่ทีมต้องการ

มีนักเตะหลายคนที่มาเจอทางแยกนี้และไม่สามารถไปต่อได้ ไม่สามารถก้าวข้ามคำว่าวันเดอร์คิดสู่นักเตะระดับสตาร์ได้ ... มาร์ติเนลลี่ คือคนล่าสุดที่กำลังรับบททดสอบนี้ เขาจะผ่านไปได้หรือไม่ ? นั่นคือสิ่งที่เราทุกอยากจะเห็นเขาพิสูจน์ตัวเองในช่่วงเวลาที่เหลือหลังจากนี้ 


แหล่งอ้างอิง 

https://www.cannonstats.com/p/martinellis-cold-streak-bad-luck
https://www.reddit.com/r/Gunners/comments/18rxcbg/long_read_what_the_hell_has_happened_to_gabriel/?rdt=52565
https://arseblog.com/2024/06/gabi-role-martinellis-stuttering-season/
https://onefootball.com/en/news/saka-out-for-two-months-but-what-happened-to-martinelli-last-night-40491355
https://www.transfermarkt.com/gabriel-martinelli/leistungsdaten/spieler/655488

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ