Feature

พลังงานหรือประสบการณ์ : การปล่อยแข้งซีเนียร์ของ “มาเรสก้า” เป็นผลดีหรือผลเสียต่อ เชลซี ? | Main Stand

ในช่วงรอยต่อระหว่างก่อนเข้าฤดูกาล 2024-25 ไปจนถึงการประเดิมเกมพรีเมียร์ลีก นัดแรกของ เชลซี อาจกล่าวได้ว่า ทัพสิงห์บลูส์ มีขุมกำลังนักเตะมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของลีก จากข้อมูลของสื่อหลากสำนักที่ระบุว่าพวกเขามีนักเตะอยู่ในทีมชุดใหญ่มากถึง 40-50 ราย

 

แม้ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เฮดโค้ชของทีม จะออกมาปฏิเสธว่า นักเตะชุดใหญ่ภายในทีม จะมีเพียง 21 รายเท่านั้น และได้แยกนักเตะที่เขาคิดว่าไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมอีก 15 ราย แยกออกไปซ้อมกับทีมชุดสำรอง เพื่อรักษาความฟิตเตรียมย้ายสังกัด

ทว่าในลิสต์ 15 นักเตะในชุดดังกล่าว ต่างเต็มไปด้วยแข้ง “ซีเนียร์” หรือแข้งกำลังสำคัญในยุคก่อนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เบน ชิลเวลล์, เทรโวห์ ชาโลบาห์, เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า, จอร์จี้ เปโตรวิช รวมไปถึง คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ที่ทีมเพิ่งจะขายออกไปหมาด ๆ กับ โรเมลู ลูกากู ที่กำลังจากออกจากทีมไป

นี่ถือเป็นเรื่องข้อกังขามากพอสมควร สำหรับการปฏิบัติต่อแข้งในลิสต์ดังกล่าว เพราะพวกเขาส่วนใหญ่แทบทั้งหมดล้วนแต่เป็นนักเตะคนสำคัญของทีมมาโดยตลอด 

เรื่องราวนี้มีมูลเหตุอย่างไร ติดตามไปพร้อมกันได้ที่ Main Stand

 

ซื้อตัวไม่หยุด

อย่างที่ทุกคนทราบกันเป็นอย่างดี นับตั้งแต่การเข้ามาบริหารทีมของกลุ่มทุนใหม่สัญชาติอเมริกัน นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ แทนที่ โรมัน อบราโมวิช เชลซี กลายเป็นสโมสรที่เสริมทัพนักเตะไม่เว้นแต่ละวันในตลาดซื้อขาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการซื้อนักเตะดาวรุ่ง 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีนักเตะหลายรายที่ทาง เชลซี ไปดึงตัวมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 16 ปี อาทิ เคนดี้ ปาเอซ กองกลางดาวรุ่งชาวเอกวาดอร์ และ เอสเตเวา วิลเลี่ยน เพลย์เมคเกอร์ ดาวรุ่งชาวบราซิล ซึ่งสโมสรเลือกที่จะปล่อยยืมตัวกลับไปสโมสรเก่า ก่อนที่จะย้ายเข้ามาร่วมทีมเมื่อนักเตะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ตามกฎย้ายทีมของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า อีกทั้งสโมสรต้องการให้นักเตะดาวรุ่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากขึ้น

นอกเหนือจากนั้น ทีมสิงโตน้ำเงินคราม ยังมักที่จะใช้การปล่อยยืมตัว แข้งดาวรุ่งที่ซื้อเข้ามาร่วมทีม ไปให้กับทีมพันธมิตรอย่างสโมสร สตาร์สบูร์ก ทีมใน ลีก เอิง ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ อังเดร ซานโตส, อันเจโร่, ดีโอโก้ โมไรร่า และ เคเล็บ ไวลีย์ ในรายล่าสุด

แต่ถึงแม้จะมีการปล่อยยืมแข้งดาวรุ่งออกไปหลายราย แต่ขุมกำลังทีมชุดใหญ่ของ เชลซี ก็ยังถือว่ามีจำนวนที่เยอะมากพอสมควร ยิ่งในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะก่อนเปิดฤดูกาล 2024-25 พลพรรคทัพ สิงห์บลูส์ เสริมผู้เล่นเข้ามาร่วมทีมมากถึง 10 ราย และใช้เงินไปมากกว่า 150 ล้านปอนด์

ส่งผลให้ทาง เอ็นโซ่ มาเรสก้า จำเป็นที่จะต้องตัดแข้งส่วนเกิน ที่ไม่อยู่ใน แผนการทำทีมของเฮดโค้ชรายนี้ออกจากทีมมากถึง 15 ราย และสั่งให้นักเตะในลิสต์ดังกล่าว แยกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ 

แต่ที่น่าแปลกใจอย่างยิ่ง นั่นคือนักเตะในลิสต์ดังกล่าวต่างเต็มไปด้วย นักเตะ “ซีเนียร์” และเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมในยุคเฮดโค้ชรายเก่า ทั้ง โทมัส ทูเคิ่ล, แกรห์ม พอตเตอร์, แฟรงค์ แลมพาร์ด รวมถึง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ 

โดยนักเตะชื่อดังของทีมที่ถูกตัดออกจากทีม ได้แก่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เบน ชิลเวลล์, เทรโวห์ ชาโลบาห์, จอร์จี้ เปโตรวิช, อักเซล ดิซาซี่, คาร์นี่ย์ ชุควูเมก้า, โรเมลู ลูกากู, เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ฯลฯ ซึ่งก่อนหน้านั้น ยังมี คอเนอร์ กัลลาเกอร์ กองกลาง “ลูกหม้อ” ของทีมที่เพิ่งโดนปล่อยตัวออกไปในไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

เชื่อมั่นในลูกทีม

“ผมคิดว่าเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องที่โหดร้าย ผมพูดตามตรงและพูดซ้ำได้หากคุณฟังไม่ชัดเจน และผมได้พูดคุยกับ ราฮีม, ชิลเวลล์ และนักเตะบางคนที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของผม เป็นการส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว” 

“ผมบอกพวกเขาว่า ต้องทุ่มเทให้มากกว่านี้ เพื่อแย่งตำแหน่งของพวกเขาคืนมา และถ้าหากพวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องโหดร้าย ก็ขึ้นอยู่ที่เขาตัดสินใจ แต่ในมุมมองของผม ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่โหดร้าย มันเป็นวิถีของฟุตบอล และมันเป็นเรื่องของความ ตรงไปตรงมา” เอ็นโซ่ มาเรสก้า ตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับการตัดสินใจหั่นชื่อ นักเตะชื่อดังออกจากทีมหลายราย

นอกเหนือจากนั้น เอ็นโซ่ มาเรสก้า ยังได้ตอบคำถามสื่อ เกี่ยวกับขุมกำลังทั้งหมดของทีม ที่มีมากถึง 40-45 คน โดยอดีตกุนซือผู้พา เลสเตอร์ ซิตี้ เถลิงแชมป์ลีกรองเมื่อปีก่อนหน้า มองว่าไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใดที่ทีมมีขุมกำลังมากขนาดนั้น

“ผมไม่ได้ทำงานกับนักเตะ 40-45 คน ในทีมตอนนี้มีเพียงแค่ 21 คน ผมเห็นในภาพที่สื่อต่างมองกันว่าทีมของพวกเรามีนักเตะที่มากขนาดนั้น ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบกันแล้วว่า มีนักเตะจำนวน 15 คน ที่ต้องแยกออกไปซ้อม และไม่ได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่วุ่นวายเลยสักนิด พวกเรายังมีความสุข”

“ผมกำลังวางแผนแนวทางการเล่นให้กับลูกทีมทุกคน และผมเชื่อมั่นในศักยภาพที่มีของพวกเขา ผมจะไม่ให้ลูกทีมเล่นแบบเดิมไปตลอด ผมได้ใส่วิธีแบบแผนการเล่นทั้งในเกมรุก และเกมรับ รวมถึงการเล่นเพรสซิ่งใส่คู่ต่อสู้ และผมคิดว่าพวกเขาทำกันได้อย่างแน่นอน” 

แม้ว่าจะมีการหั่นชื่อนักเตะออกจากทีมไปหลายราย แต่ในปัจจุบัน เชลซี ก็ยังมีข่าวพัวพันกับนักเตะอยู่ไม่ขาดสาย เริ่มจากที่เพิ่งเซ็นสัญญาคว้าตัว เปโดร เนโต้ และ ชูเอา เฟลิกซ์ เข้ามาร่วมทีม และยังมีข่าวอย่างหนักกับ วิคเตอร์ โอซิเมน ศูนย์หน้าจอมถล่มประตูจาก นาโปลี 

รวมไปถึงยังมีข่าวกับผู้เล่นในตำแหน่งริมเส้นที่ทาง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ต้องการอยากได้ มาแทนที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซึ่งรายชื่อที่เป็นข่าวอยู่ในเวลานี้ ได้แก่ เฟเดริโก้ เคียซ่า หรือแม้แต่ เจดอน ซานโช่ 

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นกูรูฟุตบอล ได้ออกมาวิจารณ์ผ่าน Sky Sports เกี่ยวกับการเสริมทีมของเชลซี โดย คาร์ราเกอร์ มองว่าทัพสิงห์บลูส์ ไม่ควรซื้อนักเตะเข้ามาเพิ่มเติม เพราะเขามองว่าทีมมีปริมาณขุมกำลังที่เยอะมากจนนักเตะภายในทีมตอนนี้จะจำหน้ากันไม่ได้แล้ว 

“เชลซี ควรหยุดซื้อผู้เล่นได้แล้ว และผู้เล่นที่มีข่าวกับ เชลซี ก็ไม่ควรที่จะเซ็นสัญญา ผมอยากลองถามนักเตะภายในทีม พวกเขารู้จักกันครบทุกคนหรือยัง จำหน้ากันได้หรือ พวกเขามีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าในสนามซ้อมพอหรอในตอนนี้ ผมอยากลองถามเฮดโค้ช (มาเรสก้า) คุณมีเวลาในการฝึกซ้อมในครั้งเดียวได้ยังไง ในเมื่อคุณมีนักเตะมากขนาดนี้”

 

เชลซีในยุคดาวรุ่งยกทีม

แต่ถ้าหากย้อนกลับมาดูนักเตะในลิสต์ที่ทาง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ไม่เลือกใช้งาน และต้องการที่จะปล่อยตัวออกจากทีม โดยหนึ่งในปัจจัยหลักที่นอกเหนือจากการไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขา นั่นคือค่าเหนื่อยที่รับเป็นอันดับต้น ๆ ของทีมตอนนี้

อย่างเช่น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ โรเมลู ลูกากู เป็น 2 นักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุด ของทีมในเวลานี้ โดยรับกันอยู่ที่ 325,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ นอกเหนือจากนั้นในรายของ เบน ชิลเวลล์ และ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ก็เป็นอีก 2 แข้ง ที่ได้รับค่าเหนื่อยมากเป็นอันดับ ต้นๆ ของทีมในเวลานี้ โดยทั้ง 2 ต่างรับค่าเหนื่อยกันอยู่ที่ 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทางสโมสร ต้องการที่จะปล่อยตัวพวกเขาออกไปจากทีม เพื่อลดภาระค่าเหนื่อยลง 

ซึ่งหากปล่อยตัวนักเตะที่กล่าวมาข้างต้นออกจากทีมได้ทั้งหมด จะส่งผลให้ในทีม เชลซี ตอนนี้อาจไม่เหลือแข้งซีเนียร์อายุเยอะภายในทีมแม้แต่รายเดียว และเป็นที่มาให้ทัพสิงห์บลูส์ ขึ้นแท่นเป็นสโมสรที่มีค่าเฉลี่ยนักเตะน้อยที่สุด ในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024-25 ที่อายุเฉลี่ย 21-22 ปี

ในท้ายที่สุดต้องมารอรับชมไปพร้อมกันว่า เชลซี ในยุคของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า จะมีการเปลี่ยนแปลงทำให้ทีมกลับมาฟื้นอีกครั้งได้หรือไม่ 

เพราะตั้งแต่เข้าสู่ยุคการบริหารทีมนำโดย ท็อดด์ โบหลี่ย์ เชลซี กลายเป็นทีม “ยักษ์หลับ” มาโดยตลอด ยิ่งดูจากอันดับในตารางช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดเลยว่า พวกเขามีมาตรฐานที่ตกลงไปมากพอสมควร 

แต่หนึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนจากตัวของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า นั่นคือความเฮี้ยบในตัวเขา ที่ถือว่าเป็นคนตรงไปตรงมา ต่อให้นักเตะคนไหนจะเป็นคนสำคัญของทีมมาโดยตลอด แต่ถ้าหากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขา หรือเข้าไม่ได้กับสไตล์การเล่นของทีม เขาก็พร้อมที่จะตัดออกจากทีมในทันที

เวลาจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดี เกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ แต่ถ้าหากผลงานของทีมยังไม่พัฒนาไปมากกว่าเดิม เชื่อว่าการปล่อยตัวนักเตะซีเนียร์ภายในทีมก็คงจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกยกนำมาให้พูดถึงไม่น้อยไปกว่าประเด็นอื่น ๆ เป็นแน่แท้

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.independent.co.uk/sport/football/jamie-carragher-chelsea-transfers-update-b2598934.html
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cp8nzwdrel0o
https://www.nytimes.com/athletic/5508944/2024/06/07/kendry-paez-ecuador-chelsea-copa-america/
https://www.capology.com/club/chelsea/salaries/
https://www.transfermarkt.com/chelsea-fc/transfers/verein/631

Author

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ