Feature

โนอาห์ ไลล์ส : ชายที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ผู้เกิดจากเถ้าถ่านของโรคซึมเศร้า | Main Stand

โนอาห์ ไลล์ส คือนักวิ่งที่เร็วที่สุดในโลก ณ เวลานี้ หลังจากคว้าทั้งแชมป์โลกในปี 2023 และต่อด้วยเหรียญทองในรายการรวมปีศาจอย่าง 100 เมตรชาย ในโอลิมปิก ปารีส 2024

 

อย่างไรก็ตาม นอกจากความสำเร็จ คือสตอรี่ นี่คือหนึ่งในนักกีฬาที่มีความสุดในตัวเอง หนึ่งในนั้นคือการเปิดศึกกับบาสเกตบอล NBA จนเหล่าดาราดังแห่งวงการแม่นห่วง ต้องไปนั่งดูการวิ่งชิงเหรียญทองของ ไลล์ส ก่อนจะต้องลุกออกจากสนามด้วยความเซ็ง เมื่อคนที่พวกเขาแช่ง ดันชนะ 

เรื่องราวทั้งสุข เศร้า เหงา และปั่น เกิดกับ โนอาห์ ไลล์ส ทั้งหมดติดตามที่ Main Stand 

 

กำเนิด โนอาห์ ไลล์ส "อัจฉริยะสร้างได้" 

นักกีฬาหลายคนมักมีจุดเริ่มต้นในการเล่นกีฬาจากเรื่องง่าย ๆ ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต นั่นคือเรื่องสุขภาพในวัยเด็กที่ไม่ดีนัก เช่นปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ คล้ายกับเป็นหอบหืด ซึ่งเรื่องนี้โชคดีมาก ๆ ที่พ่อและแม่ของเขาช่วยได้และเข้าใจปัญหาในทันที 

"แน่นอนว่าโรคหอบหืดส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งที่ผมทำ ทั้งในแง่ของสุขภาพ, การออกกำลังกาย หรือบางครั้งก็ส่งผลแม้กระทั่งด้านอารมณ์ เพราะหากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าในทางอารมณ์ ระบบภูมิคุ้มกันของคุณก็จะทำงานแย่ลงด้วย" ไลล์ส อธิบายเรื่องปัญหาสุขภาพในวัยเด็กของเขา ก่อนที่พ่อแม่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ 

พ่อของแม่เขาไม่ใช่หมอ แต่นายและนางไลล์ส เป็นนักวิ่งของมหาวิทยาลัย Seton Hall และมีชื่อเสียงระดับท็อปในช่วงเวลานั้น เควิน ไลล์ส ผู้เป็นพ่อ คืออดีตนักวิ่งผลัด 4×400 เมตรทีมชาติสหรัฐอเมริกา ดีกรีแชมป์โลกเมื่อปี 1995 ขณะที่คุณแม่อย่าง เคอิชา เคน บิช็อป ก็เป็นอดีตนักกรีฑาด้วยเช่นกัน

"เขาไม่สามารถกินอะไรได้โดยไม่ไอ เขาเล่นอะไรไม่ได้เลย แล้วคุณภาพชีวิตเขาก็ย่ำแย่" แม่ของเขาอธิบาย

ทั้งคู่รู้ว่าการออกกำลังกายจะช่วยรักษาโรคหอบหืดได้ดีมาก ยิ่งถ้าใช้ร่วมกับการกินอาหารที่เหมาะสม เป็นอาหารเฉพาะทางที่แพทย์ระบุว่าแก้อาการโรคหอบหืดได้ดี อาการของ ไลล์ส จะกลับมาเป็นเด็กปกติที่ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาได้อย่างรวดเร็ว

คิดได้ดังนั้น พวกเขาก็จับ โนอาห์ ไลล์ส ลงลู่วิ่งตั้งแต่ยังเด็ก และเล่นกรีฑาอีกหลากหลายประเภทเพื่อต้านภัยโรคหอบหืด ซึ่งนั่นกลายเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับเขา 

เพราะแม้ในเวลาต่อมา พ่อและแม่ของเขาแยกทางกันในช่วงที่ ไลล์ส เป็นวัยรุ่น แต่เขาก็กลายเป็นเด็กที่มีพื้นฐานด้านกรีฑาที่ดี แถมมีร่างกายที่แข็งแรง และฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะทางสำหรับการเป็นนักวิ่งระยะสั้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว นั่นทำให้เขามีเข็มทิศที่ชัดเจนมากพอ แม้จะต้องเสียใจที่ต้องย้ายที่อยู่อาศัยเพราะการหย่าร้าง แต่อย่างน้อยพ่อและแม่ของเขาก็ปั้นให้ โนอาห์ ไลล์ส แข็งแกร่งจนได้รับทุนเรียนฟรีในระดับไฮสคูลที่ TC Williams High School (ปัจจุบันคือ Alexandria City High School ) ซึ่งที่นั่นเอง เป็นการผลักดันการวิ่งระยะสั้นของเขาไปอีกระดับ ... จากเด็กวิ่งเร็ว สู่การเป็นนักวิ่งระดับปีศาจของประเทศ

 

ผมจะเป็นแชมป์โลก

เด็กหนุ่มอย่าง โนอาห์ ไลล์ส ที่เคยผ่านช่วงยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก มีภูมิต้านที่ดีในเรื่องของความมั่นใจและการเผชิญหน้าในการแข่งขันที่มีความกดดันสูง ๆ เนื่องจากเคยผ่านศึกระดับ "มีผลต่อชีวิต" มาก่อน ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร 

ในช่วงไฮสคูล ไลล์ส จึงเป็นตัวแทนของโรงเรียนในแทบทุกการแข่งขันไล่ตั้งแต่การวิ่งระยะสั้น วิ่งระยะกลาง ไปจนถึงขั้นการแข่งขันประเภทลานอย่างกระโดดสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยการฝึกและมัดกล้ามที่สร้างมาเพื่อเป็นนักวิ่งระยะสั้น เมื่อร่างกายเป็นหนุ่มเต็มตัว ทุกคนจึงรู้ว่า แทนที่จะส่งเขาแข่งไปหลายอย่าง ๆ สู้เอามาพัฒนาการเป็นนักวิ่งระยะสั้นอย่างเดียวจะดีต่อเขามากกว่า 

เมื่อถูกปรับเข้าสู่โหมดการเป็นนักวิ่งระยะสั้น ไลล์ส สร้างสถิติใหม่ในการแข่งขัน New Balance Nationals Indoor ในปี 2016 ทั้งในระยะ 100 เมตร (ทำเวลาได้ 10.17 วินาที) และ 200 เมตร (20.48 วินาที) หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เขากลายเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งระยะสั้นได้เร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยการเอาชนะในรายการ USA Junior Championships ด้วยการวิ่ง 100 เมตร และทำเวลาไว้ที่ 10.08 วินาที นั่นคือสถิติที่เขาทำไว้ตอนอายุ 18 ปี 

เขารู้ดีว่าตัวเองจะไปได้ไกลแน่หากมีวินัยและมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองบนทางสายนี้ต่อ เพราะเขาใกล้จะทำลาย "กำแพง 10 วินาที" ที่ว่ากันว่าเป็นเส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างนักวิ่งชั้นเยี่ยมกับนักวิ่งระดับปีศาจ ซึ่งกำแพง 10 วิที่ว่านี้ นับตั้งแต่ที่ จิม ไฮน์ส ลมกรดชาวอเมริกัน ทำได้สำเร็จเป็นคนแรกเมื่อปี 1968 มีนักวิ่งเพียง 156 คนเท่านั้นที่ทำลายกำแพงดังกล่าวได้สำเร็จ ... โนอาห์ ไลล์ส คิดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เขาจะเป็นคนต่อไป ซึ่งเขาก็ทำได้จริง ๆ 

"ตอน โนอาห์ อายุได้ 16 ปี เขาบอกกับผมและตัดสินใจแล้วว่าเขาจะเป็นนักวิ่งอาชีพหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย เขาบออกกับผมแบบนี้ ซึ่งผมคิดว่าเขาท่าจะบ้าไปแล้ว ผมพยายามห้ามเขาเพื่อหาหลักประกันที่ดีกว่าอย่างการเรียนมหาวิทยาลัย นั่นคือสิ่งที่ผมคิด" เคน บิช็อป ผู้เป็นพ่อกล่าว ก่อนจะยอมรับว่าเขาคิดผิดที่พยายามห้ามลูกชายในตอนนั้น 

"จริง ๆ ถ้าย้อนกลับไปได้ ผมน่าจะต้องขอโทษเขา ผมรู้ดีว่าเราไม่ควรตัดสินใครจากมุมมองของตัวเอง ไม่ควรบอกเขาว่าไม่มีสิทธิ์ฝัน มันไม่แฟร์เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโนอาห์ที่พยายามทุ่มอย่างสุดตัวเพื่อที่จะทำฝันนั้นให้สำเร็จ พวกเขาเต็มใจที่จะใส่สุดชีวิตเพื่อสิ่งนี้นั้น" 

ไลล์ส เข้าสังกัดทีมวิ่งอาชีพโดยเซ็นสัญญากับ อาดิดาส แล้วการฝึกแบบรากเลือดก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น ณ ช่วงเวลาดังกล่าว เขาก็ได้รู้เหมือนกันว่าโลกของความเป็นมืออาชีพนั้นกดดันขนาดไหน และคำว่า "ผมจะเป็นแชมป์โลก" ที่เคยลั่นวาจาไว้ในวัยรุ่น มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำกันง่าย ๆ อย่างที่พูดออกมา 

 

พ่ายแพ้ ซึมเศร้า

ความกดดันของการเป็นมืออาชีพนั้นรุนแรงมหาศาล ไม่มีใครจดจำที่ 2 และ โนอาห์ ไลล์ส ก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี 

แม้ ไลล์ส จะคว้ารางวัลและสร้างสถิติมากมาย แต่โลกเพื่อการเป็นเบอร์ 1 ของเขามันแตกต่างจากที่เคยคิดเอาไว้ เมื่อเขาไปถึงจุดนั้น เขาคิดว่ามันไม่มีความหมายอะไรถ้าไม่สามารถรักษามันไว้ได้ การเป็นเบอร์ 1 คือการต้องชนะ ชนะ และชนะต่อไปเรื่อย ๆ การแพ้เพียง 1 ครั้งทำให้สมองของเขาคิดลบทันที และจากความเครียดนั้นก็ก่อตัวเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งทำให้เขาเกือบเลิกเป็นนักวิ่งมาแล้ว 

นอกจากเรื่องกดดันตัวเองแล้ว นิสัยมั่นหน้ามั่นกระโหลกของ โนอาห์ ก็มีส่วนเหมือนกัน เพราะเขามักจะเป็นนักแข่งที่ไม่ค่อยมีกองเชียร์ ... หนักไปทางกองแช่ง เพราะพฤติกรรมปากพาจนในหลาย ๆ ครั้ง และการทำอะไรที่สุดโต่งจนกลายเป็นที่สนใจของสื่อ เรียกได้ว่าทำให้คนอื่นหมั่นไส้ จนเมื่อถึงเวลาแพ้ เขาก็จะโดนล้อเลียนหนักกว่าใครนั่นเอง 

เรื่องดังกล่าวหนักข้อและเกิดขึ้นในระหว่างการระบาดของ โควิด-19 ที่ทำให้โอลิมปิก โตเกียว 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ต้องเลื่อนออกไปหนึ่งปี ในช่วงเวลานั้น โลกหยุดชะงัก มันทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเมื่อต้องหยุดแข่ง ร่างกายจะไม่ดีเหมือนเดิม และจะไม่สามารถรักษาการเป็นเบอร์ 1 ของตัวเองได้ 

"ความกดดันและวิตกกังวลเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในจิตใจของผม แต่ก็ยังดีที่มันยังไม่ถึงขั้นที่ผมควบคุมมันไม่ได้ ผมต้องกินยาต้านซึมเศร้า มันทำให้ผมน้ำหนักหายไปอย่างฮวบฮาบ และมันส่งผลต่อการวิ่งของผมด้วย นั่นทำให้ผมยิ่งเครียดไปใหญ่" เขาเล่าย้อนความ

โชคยังดีที่ ไลล์ส เป็นคนที่แก้ปัญหาได้ถูกจุด เขาเข้าพบกับนักจิตวิทยาและแพทย์เรื่องสภาพจิตใจถึง 2 คน และตัวของเขาก็เข้าบำบัดเกี่ยวเรื่องนี้ตลอดเวลา ซึ่งการได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญ ทำให้จิตใจของเขาเลิกกลัว และเลิกกังวลได้มาก เขาใช้เวลา 1 ปีก่อนโตเกียวเกมส์ กินยาซึมเศร้า เข้าบำบัดอย่างสม่ำเสมอ และ ไลล์ส ก็กลับมาเป็นคนที่มั่นใจอีกครั้ง

ไดอาน่า แมคแน็บ นักจิตวิทยาที่รักษาไลล์ส บอกว่า มีการวางแผนและวางจิตวัตรต่าง ๆ ก่อนแข่งอย่างชัดเจน ทำให้เขากังวลน้อยลง และทำให้เขาเข้านอนแบบปกติ หลับลึกจนไม่ต้องคิดอะไร จากนั้นค่อยมาโฟกัสเรื่องที่ต้องทำในตอนเช้าของวันใหม่ 

แม็คแน็บจะคุยกับไลล์สในคืนก่อนแข่งเสมอ มีการฝึกหายใจและจิตนาการถึงชันชนะที่รออยู่โดยใช้คีย์เวิร์ดว่า "เสียงระฆังแห่งเซน (สำหรับผู้ชนะ) จะดังขึ้นมาเสมอ" ซึ่งนั่นทำให้จิตใจของ ไลล์ส สงบและพร้อมแข่งด้วยความมุ่งมั่นมากขึ้น 

"ฉันบอกกับเขาเสมอ ลองย้อนกลับไปว่าคุณคือเด็กชายโนอาห์ในวัย 12 ปี ... เด็กคนนั้นไม่กลัวอะไรเลย หัวเราะอย่างสนุกสนาน และพุ่งไปข้างหน้าในทุกการแข่งขัน คุณจะเป็นแบบนั้น ... วิ่งไปตามลู่ของฉัน ไม่มีใครจะหยุดฉันได้ ฉันร้องแรงเกินจะต้าน และฉันคือลูกรักที่พระเจ้าประทานสิ่งที่ไม่มีใครอื่นได้รับ" แม็คแน็บ อธิบายบทสนทนาคร่าว ๆ 

 

ก่อนถึงเส้นชัย

โนอาห์ ไลล์ส กลับมาเป็นคนเดิมที่ไม่สนโลก และสนแค่ตัวเองให้สนุกกับสิ่งที่ต้องเผชิญมากที่สุด เขาไม่กลัวที่จะต้องพูดอะไรต่อหน้าสื่อ หรือทำอะไรที่ตัวเองอยากจะทำอีกแล้ว ทุกอย่างเป็นอิสระ ถึงแม้บางครั้ง ปากและพฤติกรรมของเขายังคงหาแสง หาเรื่อง เรียกทัวร์และกองแช่งได้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

โนอาห์ ไลล์ส แสดงออกถึงความหลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทั้งมังงะ อนิเมะ และการ์ดเกม อย่างชัดเจนเข้าไปใหญ่ ไม่ว่าจะปล่อยท่า "พลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้า" จาก Dragon Ball หรืองัดการ์ด Yu-Gi-Oh มาโชว์ แต่ก็มองได้เช่นกันว่า เป็นการเล่นกับแฟน ๆ และลดความกดดันให้ตัวเองก่อนแข่ง

ขณะเดียวกัน เจ้าตัวก็ใช้ปากหาแสงสร้างซีนได้อีก โดยหลังคว้า 3 เหรียญทอง ในกรีฑาชิงแชมป์โลก 2023 เจ้าตัวก็เอ่ยปาก สร้างศัตรูกับเหล่าสตาร์ดังแห่งบาสเกตบอล NBA เสียอย่างนั้น

"บอกเลยว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหัวเสียมากที่สุด คือเวลาดูบาสเกตบอล NBA แล้วเห็นคำว่า 'แชมป์โลก' ... แชมป์โลกอะไรวะนั่น ? อย่าเข้าใจผมผิด ผมรักประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สหรัฐอเมริกาไม่ใช่โลกนะ"

แม้จะสร้างความขัดแย้งให้หมู่ผู้คนไม่น้อย โดยเฉพาะกับเหล่าสตาร์ NBA ที่ถึงกับต้องมาดูผลงานให้เห็นกับตา กะแช่งเต็มที่ ก่อนต้องผิดหวังกลับไป เมื่อ ไลล์ส คว้าเหรียญทอง วิ่ง 100 เมตร แต่บางที นี่แหละ คือหนทางสู่เหรียญทองโอลิมปิกในแบบของเขา

"โอ๊ย ผมรู้แล้วว่านี่ไม่ใช่ปี 2021 ผมไม่ใช่คนเดิมแล้วล่ะ ผมก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ผมคิดว่า ถึงเวลาที่ผมต้องบอกว่า นี่คือรอบชิงชนะเลิศ และผมจะต้องทำสำเร็จแน่ ... ผมจะพูดแบบนี้เมื่อถึงเวลา"

"ผมเคยทำอะไรที่แย่กว่านี้มาแล้ว ... เหรียญทองแดงในโอลิมปิกรอบที่แล้ว (จาก วิ่ง 200 เมตร) จุดไฟให้ผมลุกขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่วันนั้น ผมกลับมาเป็นตัวเองและคว้าเหรียญทองได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ผมกลายเป็นคนที่ทำลายสถิติของอเมริกา ... ทุกชัยชนะ คือเป้าหมายของผม และผมยืนยันได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ"

"ผมวางแผนเพื่อสิ่งนี้มานาน ยิ่งกว่าเหรียญทองโอลิมปิกครั้งนี้ ผมจะทำให้ทุกคนรู้จักผมมากกว่าแค่นักวิ่ง ผมจะเป็นคนดังของโลกไม่ใช่แค่เรื่องกีฬาเท่านั้น ... ผมสร้างแบรนด์ให้ตัวเอง แต่อย่างไรเสีย ตำแหน่งชายที่เร็วที่สุดในโลกมันก็เท่ไม่หยอกใช่ไหมล่ะ ?" 

อะไรที่รอเขาอยู่น่ะเหรอ ? โนอาห์ ไลล์ส ผู้อหังการ กำลังมองไปยังที่เป้าต่อไป ...และเป้านั้นใหญ่สุด ๆ ชนิดที่ว่าคนที่ได้ยินต้องเลิกคิ้วสงสัยว่า เขาจะเอาจริงเหรอ ? สิ่งนั้นคือการทำลายสถิติโลกของ ยูเซน โบลท์ ที่ทำไว้ 9.58 วินาที

"ถึงผมจะบอกว่าผมเป็นนักสร้างแบรนด์ชั้นยอด แต่ผมก็อยากเป็นนักกีฬากรีฑาที่เก่งที่สุด" ไลลส์กล่าว "ผมยังอยากเป็นนักกีฬากรีฑาที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาด้วย"

โรคซึมเศร้าคงทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว จากนี้ไป เราต้องมาลุ้นกันว่า ไลล์ส จะไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่ ? 

 

แหล่งอ้างอิง : 

https://www.usatoday.com/story/sports/columnist/dan-wolken/2024/08/04/noah-lyles-2024-paris-olympics-gold-medal/74668088007/
https://time.com/7007700/noah-lyles-paris-olympics-100-m-win/
https://www.usatoday.com/story/sports/olympics/2024/08/03/noah-lyles-usa-track-2024-paris-olympics/73413385007/
https://au.sports.yahoo.com/inside-story-noah-lyles-incredible-003449808.html
https://en.wikipedia.org/wiki/10-second_barrier

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น