Feature

นับ 1 มาจากบ้าน : ต้นกำเนิด ค็อบบี้ ไมนู เด็ก 18 ปีที่แบกแผงมิดฟิลด์ปีศาจแดง | Main Stand

"ผมไม่ได้บอกว่าทั้ง 2 คนเหมือนกัน หรือ ค็อบบี้ ไมนู เป็นนักเตะที่เก่งระดับเดียวกันนักเตะคนนั้นคนนี้ ... แต่ ไมนู ทำให้ผมนึกถึง คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ"  ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานกองหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าแบบนั้น 

 

การลงสนามของกอกลางในวัน 18 ปี อย่าง ค็อบบี้ ไมนู กลายเป็นหนึ่งในความ "ใจฟู" ของแฟน ๆ ปีศาจแดง ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเสียเหลือเกินในซีซั่น 2023/24

เราได้เห็นเด็กในวัยทีนเอจวิ่งแบกเกมแดนกลางอย่างมุ่งมั่น แข็งแกร่ง และมีประสิทธิภาพเกินอายุ ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องนี้มีที่มา และ Main Stand จะพาไปยังต้นกำเนิดของเขา ... "ค็อบบี้ ไมนู" 

 

ความสำคัญของสถาบันครอบครัว 

มีคำกล่าวว่า ชีวิตเราเป็นของเรา การที่ใครคนหนึ่งจะเก่งกาจ ย่ำแย่ ห่วยแตก แสนดี หรือ เลวร้าย มันขึ้นอยู่กับแนวคิดและวิธีปฏิบัติตัวของเขาพวกเขาล้วน ๆ 

นั่นอาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เพราะอันที่จริงแล้วนักกีฬาหลายคนบนโลกนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ภายใต้การเติบโตพร้อมกับความอบอุ่นของครอบครัว การถูกผลักดันและส่งเสริมศักยภาพที่ตัวเองมีได้อย่างเต็มกำลัง คือเบื้องหลังของอาชีพอันประสบความสำเร็จของพวกเขา ซึ่ง ค็อบบี้ ไมนู เป็นหนึ่งในนั้น 

ชื่อเต็มของเขาคือ ค็อบบี้ บัวเต็ง ไมนู แน่นอนว่าจากชื่อนี้มันแสดงให้เห็นว่าเขามีเชื้อสายแอฟริกันอยู่ในตัว พ่อ เฟลิกซ์ ไมนู และแม่ของเขา อาเบน่า เฮโรลด์ ถือเป็นกลุ่มครอบครัวอพยพชาวกานาที่มาอยู่ในอังกฤษตั้งแต่ที่พวกเขายังเด็ก แม้การตั้งตัวในแดนศิวิไลซ์นั้นจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การตั้งหน้าตั้งตาทำงาน สร้างครอบครัว และมองอนาคตของลูก ๆ ทำให้ทั้งสองคนสร้างฐานะขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว หนีพ้นออกจากความยากจนได้ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ลูก ๆ ของทั้งคู่เติบโตพอดี 

ไมนู มีพี่น้อง 3 คน เขาเป็นคนกลาง โดยมีพี่ชาย และน้องสาว การที่ครอบครัวของเขาไม่ขัดสน มันช่วยให้หลายอย่างต่อยอดไปได้ง่ายกว่า ค็อบบี้ ไมนู รักฟุตบอล และเรื่องมันก็เป็นเรื่องง่าย ๆ เพียงแค่เพราะความรักนี้ ก็มากพอแล้วที่ครอบครัวของเขาจะพยายามผลักดันให้ ไมนู เดินไปในทางที่ตัวเองมีแพชชั่น 

ไมนู เล่าว่าพ่อของเขาคือลมใต้ปีกที่แท้จริง เป็นตัวอย่างของคนที่ทำงานหนักและได้ผลลัพธ์จากสิ่งนั้น เขาจะเป็นคนตามไปรับ-ส่ง ในยามที่มีการแข่งขันหรือต้องไปซ้อมกับทีมท้องถิ่นตอนที่เขายังเป็นเด็ก และหลังจากนั้นก็จะเป็นกิจกรรมของครอบครัว ที่ทุกคนจะรวมตัวกันทำอะไรสักอย่าง เพื่อสร้างช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมอง ซึ่งสำหรับ ไมนู การพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดถือเป็นการส่งต่อทัศนคติดี ๆ ให้กับเขา และสิ่งนี้ก็สำคัญมาก ๆ ที่ทำให้เขาได้เข้าไปเป็นสมาชิกของอคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด 

สภาพครอบครัวที่อบอุ่น แม้จะเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ในเมืองแมนเชสเตอร์ ได้สร้างเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ปลายทางเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่หากนับกันแค่ตอนนี้ เป็นเด็กดี ที่ใช้ชีวิตด้วยทัศนคติที่ดีอยู่เสมอ และมันยิ่งส่งเสริมกันไปอีก

ในเมื่อท้องคุณอิ่ม มีบ้านให้หลับนอน มีคนให้คนคอยให้คำปรึกษา และมีคนที่พยายามผลักดัน มันทำให้คุณสามารถทำสิ่งที่คุณรักได้ดีขึ้น ซึ่งจากปากคำบอกเล่า ค็อบบี้ ไมนู เล่นฟุตบอลเก่งตั้งแต่อายุยังน้อย

LifeBlogger สอบถามหาข้อมูลไปยังคนที่เคยทำงานกับ ไมนู ตั้งแต่อายุยังน้อย มีการบอกเล่าว่า ไมนู เป็นเด็กที่โดดเด่นตั้งแต่แรก รวดเร็ว แข็งแกร่ง และมีทักษะที่ยอดเยี่ยม เรียกได้ว่ามีความแตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกัน 

ขณะที่นอกสนาม อดีตโค้ชของเขาอธิบายว่า เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยพูด นิสัยน่ารัก แต่มีความสงบในตัว บุคลิกภาพทางร่างกายและบุคลิกทางด้านอารมณ์ของเขาถือว่ามีพร้อม สำหรับการจะไปเจอความกดดันมหาศาลในอุตสาหรรมฟุตบอลของอังกฤษ 

การเป็นเด็กเมือง แมนเชสเตอร์ ในห้วงเวลา 10-20 ปีที่ผ่านมา มีเรื่องใหญ่ที่คุณต้องตัดสินใจหากคุณเป็นเด็กที่เล่นฟุตบอลเก่ง มีความพิเศษเกินคนอื่น นั่นคือคุณจะต้องเลือกว่าคุณจะอยู่ฝั่งไหนของเมือง แดง หรือ ฟ้า ? ยูไนเต็ด หรือ ซิตี้ ? 

แน่นอนว่าในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ภาษีของฝั่ง ซิตี้ โดดเด่นกว่าในแง่ของพัฒนานักเตะดาวรุ่ง เนื่องจากพวกเขาลงทุนกับการสร้างอคาเดมี่จากเงินทุนก้อนมหึมา อีกทั้งเรื่องของความสำเร็จ ฝั่งสีฟ้าก็โดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นมันจึงเป็นปัญหามาก ๆ ถึงขนาดที่ว่า มีรายงานจากสื่อท้องถิ่นอย่าง Manchester Evening News ระบุว่า แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่เป็นต่อในการคว้าตัวนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีมาเข้าสู่สังกัด ไม่ว่าจะจากผลงานหรือพัฒนาในเชิงโครงสร้าง

ไมนู เองก็เป็นคนที่ต้องเลือก และบางครั้งคนเรานั้นก็แปลก เพราะบางครั้งเรารู้แก่ใจว่าสิ่งไหนดีกว่า มีคุณภาพมากกว่า ถ้าเราเลือกสิ่งนี้อาจจะมีสิ่งดี ๆ ตามมาอีกมาย ทว่าบางครั้งหัวใจมันใหญ่กว่าสมอง ทำให้หลายคนต้องเลือกสิ่งที่หัวใจเรียกร้องก่อนอยู่ร่ำไป และ ไมนู เองก็เลือกแบบนั้น 

เขาเลือก แมนฯ ยูไนเต็ด ตอนอายุ 9 ขวบ เหตุผลเดียวคือเขาเป็นแฟนสโมสรแห่งนี้ ง่าย ๆ แค่นั้น ... และหลังจากนั้นการเดินทางของ ไมนู กับ ยูไนเต็ด ก็เริ่มขึ้น 

 

ขีดจำกัด ใครจำกัด 

อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น ค็อบบี้ ไมนู ถูกจัดเรตให้เป็นดาวรุ่งระดับหัวแถวของรุ่นอายุมาตลอด ตั้งแต่รุ่น U-9, U-11, U-13 เรื่อยมาจนถึง U-23 ในแต่ละช่วงอายุก็มีเรื่องราวที่มากมายหลากหลายเกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะหนักไปทางคำชมเสียมากกว่า โค้ชเยาวชนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไมนู นั้นเป็นเพชรเม็ดงามของสโมสร 

เพื่อให้คุณเห็นภาพง่ายขึ้น นีล วู้ด อดีตโค้ชทีมชุดอคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด อธิบายว่า ค็อบบี้ ไมนู นั้นโดดเด่นเกินอายุ ในแบบเดียวกับที่รุ่นพี่อย่าง เมสัน กรีนวูด กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ เป็น กล่าวคือนักเตะเหล่านี้จะถูกดันไปเล่นในรุ่นอายุที่มากกว่าตัวเองเสมอ หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "แบกอายุเล่น" เช่น เมื่อพวกเขาอายุ 13 ปี พวกเขาขยับไปเล่นทีม U-16 พวกเขาอายุ 16 ถูกขยับขึ้นไปเล่น U-18 อะไรอย่างนี้เป็นต้น 

"นักเตะอย่างไมนู คือเด็กที่คุณรู้ได้ทันทีเลยว่าเติบโตมาจากการเลี้ยงดูอย่างดี ตั้งแต่ที่บ้าน จนมาถึงการมาอยู่ในทีมชุดอคาเดมี่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด" นีล กล่าวเปิดหัว

"ผมมีประสบการณ์ตรงกับเขามากมายในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม ผมยังจำได้ว่าเขาต้องแบกอายุเล่นตลอด และครั้งหนึ่งตอนที่เขาอายุ 16 ปี เราเกิดความคิดที่ว่าอยากจะลองส่งเขาลงสนามที่แข็งกว่าปกติของรุ่นอายุอย่างเขา นั่นคือการให้เขาขึ้นไปเล่นในรุ่นอายุ 21 ปี เพื่อทดสอบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขาดูหน่อย"

แน่นอนว่าการเอาเด็กอายุ 16 ปี ไปโยนใส่ทีมชุด U-21 มันยากมากที่จะแสดงอะไรออกมา รุ่นอายุที่แตกต่าง ร่างกายที่ยังไม่เติบโต และประสบการณ์ที่ยังไม่เทียบเท่า ไมนู เสียทรงเล็กน้อยในวันนั้น เขาถือว่ายังสอบไม่ผ่าน จนทีมต้องส่งเขากลับมาลงเล่นในรุ่น U-16 และ U-18 อีกครั้ง การถอยหลังครั้งนี้เหมือนด่านทดสอบจิตใจ เด็กที่ถูกมองว่าเก่ง และมหัศจรรย์ สร้างความผิดพลาด และได้รับการพูดถึง เขาจะรับมือกับมันยังไงต่อไป ? 

"เราส่งเขากลับมาเล่นชุดที่อายุน้อยกว่านั้น หลักสำคัญคือเราอยากจะให้เขาคืนความมั่นใจที่เสียไปให้ได้ เขาพลาดในเวลาที่ต้องเจอกับเด็กอายุมากกว่า 4-5 ปี" นีล กล่าว

หากเป็นคนถอดใจ อาจจะคิดว่าขีดจำกัดของตัวเองมีแค่นี้ก็เป็นได้ ? แต่คำว่า "ขีดจำกัด" แท้จริงแล้วใครเป็นคนจำกัดกันแน่ ? ไมนู ตอบเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง นั่นคือเขาพยายามจะสร้างมาตรฐานตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อกลับไปเวทีที่เขาเคยแพ้ 

เขาจะยกระดับขีดจำกัดของตัวเอง โดยไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าเขาเก่งได้แค่นี้เป็นอันขาด  

ทราวิส บินเนี่ยน โค้ชทีมชุดยู 21 ของ ยูไนเต็ด บอกว่า ไมนู ไปยืนจ้องข้อความหน้าทางเข้าประตูอคาเดมี่ของทีม ป้ายนั้นมีข้อความที่ว่า "ผู้ชนะทุกคนล้วนเคยเป็นมือใหม่" (Every winner was once a beginner.) และใต้ตัวหนังสือนั้นเป็นภาพใบหน้าของความภูมิใจของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, พอล สโคลส์, เดวิด เบ็คแฮม และมาร์คัส แรชฟอร์ด ประดับอยู่บนทางเดิน ... คนหัวไวอย่าง ไมนู รับรู้ได้ทันทีว่า ตอนนี้เส้นทางของมือใหม่สำหรับเขาได้เริ่มขึ้นแล้ว 

"จุดแข็งของ ค็อบบี้ ไมนู ที่ผมเห็นมาตลอดคือกล้าหาญ และสงบนิ่ง เขามีหัวใจของผู้ชนะซ่อนอยู่ เขาเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ง่าย อย่างเรื่องที่ทุกคนต้องเจอที่ว่านักเตะดาวรุ่งล้วนต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยกันทั้งนั้น” 

“หากจะรอดก็ต้องกระโดดเข้าหาความท้าทายนั้น ถ้าคุณเป็นกองกลาง คุณต้องตามความเร็วของเกมในระดับสูงให้ทัน, การวิ่งไล่แย่งบอล การออกบอล และการเปลี่ยนจากรับเป็นรุก หรือ รุกไปรับ มันต้องทำได่โดยอัตโนมัติเลย"

"ไมนู จะเก่งมาก ๆ ตอนที่เขาได้ครองบอล ถ้าคุณให้เขาอยู่หน้าปากประตูคู่แข่งเขาจะครองบอลได้ และถ้าคุณเล่นเกมรับและให้เขาอยู่ในเขตโทษของเรา เขาก็จะเป็นนักแย่งบอลที่กัดไม่ปล่อยเหมือนกัน" บินเนียน กล่าว

อีกสิ่งหนึ่งที่ บินเนี่ยน ชม ไมนู คือการทำงานหนักภายใต้ฉากหลัง โดยเขาแจกแจงว่า "ไมนู อาจจะเป็นคนเงียบ ๆ แต่ภายใต้ความเงียบคือความมั่นใจ เขาสงบและคิดถึงสิ่งรอบตัวตลอดเวลา เขาพัฒนาสิ่งเหล่านี้ตลอด และเขาไมได้ป่าวประกาศให้ใครรู้ ... เขาเป็นคนเงียบ ๆ แต่จะแสดงออกแตกต่างเมื่ออยู่ในสนาม" บินเนียน บอกแบบนั้น

ในเมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดคือการตั้งสมาธิและเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น ค็อบบี้ ไมนู เคยไปไม่เป็นกับฟุตบอลระดับ U-21 ... แต่หลังจากผิดพลาด เขากลับไปเรียนรู้และยกระดับขีดจำกัดของตัวเองใหม่ คำถามคือ และในวันที่เขาต้องไปเล่นกับทีมชุดใหญ่ เวทีที่ไม่จำกัดอายุและเต็มไปด้วยของจริงทั้งสนาม ค็อบบี้ ไมนู แสดงตัวตนของเขาให้ "รอด" ในทีมชุดใหญ่ได้อย่างไรกันล่ะ ?

 

ขยับแต่ละก้าวอย่างมีคุณภาพ 

ฟุตบอลระดับทีมชุดใหญ่คือโลกอีกใบที่นักเตะดาวรุ่งบางคนก้าวข้ามไม่ได้ ในทีมชุดใหญ่จะไม่มีใครมาทบทวนเรื่องทักษะ หรือเบสิกอะไรให้คุณอีกแล้ว ทุกอย่างนี้คุณต้องมีติดตัว จากนั้นจะไปเน้นกันละเอียดเรื่องการฝึกซ้อมและแท็คติก ซึ่งอย่างที่โค้ชทุกคนบอก ค็อบบี้ ไมนู มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว สิ่งนี้ทำให้เขาพร้อมจะโตไปอีกขั้น นั่นคือขั้นตอนของการเติบโตจากการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม 

ค็อบบี้ ไมนู ได้โอกาสจาก เอริก เทน ฮาก ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ เพื่ออุดในตำแหน่งกองกลางตัวรับ หมายเลข 6 ในช่วงเวลาที่ คาเซมิโร บาดเจ็บไม่พร้อมลงสนาม สิ่งที่ เทน ฮาก ชม ไมนู ในฐานะนักเตะที่ปล่อยลงสนามและทำผลงานได้ดีทันทีคือ การเป็นนักเตะที่มีเซนส์ดี สามารถเล่นไปคิดไปได้ คุณสมบัตินี้ทำให้เขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และถึงตอนนี้เขาใช้เวลาในทีมชุดใหญ่ไม่ถึง 10 นัด แต่ก็ได้กลายมาเป็นตัวหลักของทีมเรียบร้อยแล้ว 

"ไมนุ คือนักเตะที่พิเศษ ความพิเศษของเขาคือเขาพัฒนาขึ้นในทุก ๆ เกมที่ผมเห็นเขา สิ่งที่เขาต้องทำจากนี้ไม่ได้ยากอะไรเลย”

“นั่นคืออยู่กับตัวเอง อย่าตกเป็นทาสอารมณ์และปล่อยใจมากเกินไปนัก เรื่องเหล่านี้เขาทำได้มาตลอดจนถึงวันนี้ เขาเป็นเด็กที่ตั้งเป้าหมายส่วนตัว มีความมุ่งมั่น มีคาแรคเตอร์ที่ดีอยู่แล้ว ผมมั่นใจนะว่าเขาจะเป็นคนที่ต่อยอดได้เรื่อย ๆ" เอริก เทน ฮาก กล่าวหลังจากที่ ไมนู ลงมาสังหารประตู 4-3 ในเกมที่ ปีศาจแดง ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 4-3 

คาร์ล อังกา นักเขียนของ The Athletic อธิบายฟอร์มของ ไมนู ในเวลานี้ว่า "ไมนู เป็นกองกลางที่ดีที่สุดของ ยูไนเต็ด แล้ว" โดยเพิ่มเติมว่า 

"ทักษะการเอาตัวรอดภายในสภาวะที่กดดันถือเป็นทักษะขั้นสูงที่นักเตะแบบ บ้อกซ์ ทู บ้อกซ์  ต้องมี ความเข้าใจเกม และการมีคาแรคเตอร์ที่สงบ เป็นผู้ใหญ่เกินอายุ ทำให้เราได้เห็นสถิติที่น่าเหลือเชื่อต่าง ๆ มากมายในแต่ละเกม ไม่ว่าจะเป็นอัตราการจ่าบอลสำเร็ว การสัมผัสบอล การดวลภาคพื้นดิน สถิติของเขาดีแทบทุกเกม" อังกา เขียน

คำถามจากนี้ไม่ต้องถามแล้วว่า ค็อบบี้ ไมนู พร้อมลงสนามเป็นตัวหลักหรือยัง แต่ควรจะถามว่านักเตะคนไหนในทีม ยูไนเต็ด เหมาะกับการเป็นคู่หูของ ไมนู มากกว่า ซึ่ง ณ ตอนนี้ การเล่นตัวต่ำของ คาเซมิโร่ ดูจะช่วย ไมนู ได้เป็นพิเศษ

สิ่งที่ อังกา อธิบายด้วยสถิติยังไม่จบแค่นั้น มีการวิเคราะห์ของเขาที่น่าจะตรงใจแฟน ๆ ยูไนเต็ด นั่นคือ ไมนู เป็นคนที่เลือกจังหวะวิ่งได้อยากถูกที่ถูกเวลา กล่าวให้เห็นภาพคือ เขาไม่ใช่คนวิ่งไปเรื่อยไม่มีจุดหมาย จนทำให้ตัวเองเสียตำแหน่ง และกลายเป็นจุดทีให้คู่แข่งโจมตี ... ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพแบบใจร้ายหน่อย ก็คือ ไมนู ไม่ทำในสิ่ง เฟร็ด และ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ทำให้เห็นอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง

"ในระดับพรีเมียร์ลีกสปีดเกมนั้นสูงมาก ผู้เล่นหลายคนปวดหัวกับความเร็ว 100 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ ไมนู นั้นรู้คุณค่าในการเลือกเวลาที่จะขยับตัวและออกวิ่งในแต่ละครั้ง คุณสมบัติของกองกลางที่่อ่านสถานการณ์ออกแบบนี้ จะช่วยให้ทีมของคุณเป็นผู้ชนะได้" อังกา กล่าว และเป็นอันสรุปได้เป็นอย่างดีว่าทำไม ค็อบบี้ ไมนู จึงกลายเป็นตัวหลักของ ยูไนเต็ด ไปแล้วในตอนนี้ 

สิ่งที่รออยู่จากนี้จะเป็นเรื่องที่ยากพอกับการแจ้งเกิดของเขา นั่นคือการรักษามาตรฐานการเล่นในสนาม และรับมือกับเรื่องราวนอกสนามมากมายที่กำลังจะมาพร้อมกับชื่อเสียงที่โด่งดังขึ้น

นักเตะบางคนแพ้ให้สองสิ่งนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สำหรับ ค็อบบี้ ไมนู ดูเหมือนว่าอาจจะได้เปรียบนิด ๆ กับการรับมือกับสิ่งเหล่านี้ เพราะความพร้อมที่ถูกเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ครอบครัว และการเติบโตอย่างมีแบบแผน มีคนให้คำปรึกษา ไม่แน่การรักษามาตรฐานที่เราพูดถึงนี้ เขาอาจจะทำได้ง่าย ๆ เหมือนกับการก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของ แมนฯ ยูไนเต็ด จากการพิสูจน์ตัวเองไม่กี่นัด เหมือนกับที่เป็นในเวลานี้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/kobbie-mainoo-brave-elite-ball-28202690
https://www.thesun.co.uk/sport/24861917/who-is-kobbie-mainoo-man-utd/
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/kobbie-mainoo-told-former-coach-28495066
https://theathletic.com/5235552/2024/02/01/wolves-3-4-manchester-united-kobbie-mainoo/
https://theathletic.com/5246144/2024/02/02/kobbie-mainoo-man-united-goal/
https://lifebogger.com/kobbie-mainoo-childhood-biography-story-facts/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น