Feature

คัดจากหลักพันเหลือหลักสิบใน 2 วัน : อคาเดมีลูกหนังไทยเลือกนักเตะอย่างไร ? | Ball Thai Stand

การคัดเลือกนักฟุตบอลระดับเยาวชนของโรงเรียนชั้นนำ อคาเดมีหรือสโมสรอาชีพในเมืองไทย เป็นบันไดขั้นแรกของการเฟ้นหาช้างเผือกจากทั่วประเทศเข้ามาสู่ทีม เพื่อต่อยอดก้าวไปเป็นนักเตะอาชีพในอนาคต 

 

แน่นอนว่าในการเปิดคัดเลือกแต่ละครั้งย่อมมีเจ้าหนูนักล่าฝันตบเท้าเข้ามาประลองเชิงลูกหนังกันเพียบ 

บางที่มีจำนวนผู้มาคัดเลือกตัวหลักพัน ไปจนถึงหลักร้อยคน แต่กระบวนการคัดเลือกนักเตะกลับใช้เวลาเพียง 2-3 วัน คัดเลือกนักเตะหลักพันให้เหลือหลักร้อย และหลักสิบได้

แล้วการคัดเลือกมีวิธีการยังไงบ้างถึงทำได้อย่างรวดเร็ว ไปติดตามได้กับ BallThaiStand 


ดูเบสิคแล้วเลือกตามสเป็ก

ท่ามกลางเปลวแดดที่ร้อนแรงท้าทายความอดทนของเจ้าหนูนักเตะที่ต้องการล่าฝันก้าวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพ 

ทุกคนหอบความหวังและกำลังใจเต็มเปี่ยมจากคนข้างหลังที่เรียกว่าครอบครัวบางคนเดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร เพื่อหวังก้าวไปเติมฝันเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

แต่นักเตะทุกคนต้องเจอบททดสอบสำคัญที่อคาเดมีหรือสโมสรวางขั้นตอนไว้ ไล่ตั้งแต่การดูเบสิคพื้นฐานเลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง จากนั้นโค้ชจะดูแววนักเตะจากการลงทีมแบบสมอลไซด์แบบ 5 ต่อ 5 6 ต่อ 6 หรือ 7 ต่อ7 

รวมไปถึงการลงทีม 11 คน เพื่อดูนักเตะแต่ละตำแหน่งอย่างละเอียด ตั้งแต่ผู้รักษาประตู ไปถึง กองหน้า

นอกจากฝีเท้าของนักเตะแล้ว ทีมงานสเก๊าท์ ของแต่ละทีมจะมีสเป็กนักเตะที่ต้องการแตกต่างกันไป หากมีคุณสมบัติครบถ้วน สามารถเอามาพัฒนาต่อยอดเป็นนักฟุตบอลที่ดีได้

วิทยา เลาหกุล ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ ชลบุรี หนึ่งในอคาเดมีฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย 

ผ่านการคัดเลือกตัวนักเตะและปั้นดินสู่ดาว ก้าวไปติดทีมชาติไทยหลายคน เปิดเผยว่า การคัดเลือกนักเตะเราต้องมีทีมงานที่พอเพียง โค้ชแต่ละคนจะรู้ว่านักเตะที่เลือกต้องมีคุณสมบัติ 5 A คือ ความเป็นนักกีฬา (Athletelisium), ความสามารถ (Ability), ทัศนคติ (Attitude), ไหวพริบ (Awareness) และ มีลักษณะพิเศษ (Attribute)

“ถ้ามีคุณสมบัติไม่ครบก็จะไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก การคัดเลือกเราก็จะมีกระบวนการดูอย่างละเอียด ตั้งแต่เบสิคพื้นฐาน จากนั้นก็เอามาลงทีม 5-5 บ้าง 6-6 บ้าง หรือ 7-7 จากนั้นก็มาดูว่าเขาเล่นตำแหน่งไหน สามารถพัฒนาได้ไหม”

“อย่างเช่น ผู้รักษาประตูต้องรูปร่างสูงใหญ่ ถ้าตัวเล็กก็ยากที่จะเล่นตำแหน่งนี้ได้กระบวนการแบบนี้มันเป็นเบสิคพื้นฐาน อย่างจะคัดเอานักว่ายน้ำ เขาจะดูช่วงหัวไหล่ ช่วงหัวไหล่ใหญ่ กว้าง ก็มีแววพัฒนาต่อได้”



ผู้ปกครองมีผลต่อการพิจารณา

แน่นอนว่าโฟกัสทีมงานสเก๊าท์ของการคัดเลือกนักเตะต้องอยู่ในสนาม เพื่อพิจารณาฟอร์มการเล่นของนักเตะแต่ละคนว่าตรงตามสเป็กที่ต้องการหรือไม่ 

อย่างไรก็ตามปัจจัยนอกสนามมีความสำคัญไม่แพ้กัน อย่างเช่นเรื่องของผู้ปกครอง 

อย่าลืมว่าครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญและเป็นครูคนแรกของนักเตะแต่ละคน การดูพฤติกรรมของพ่อแม่หรือผู้ปกครองเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการคัดเลือกเด็ก โดยเฉพาะในเรื่องของกายภาพ 

ตัวอย่างเช่น ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชอาจมองนักเตะบางคนรูปร่างผอมเตี้ย แต่หากนักเตะคนนั้นเดินทางมาคัดตัวกับผู้ปกครอง ทีมงานอาจดูสรีระของคุณพ่อคุณแม่ได้ว่าเป็นอย่างไร หากพ่อและแม่มีรูปร่างที่สูงใหญ่ ในอนาคตเด็กคนนั้นอาจเพิ่มความสูงหรือความใหญ่ได้

นอกจากนี้พฤติกรรมการสั่งเด็ก ดูแลเด็ก พฤติกรรมข้างสนามอื่นๆ ของผู้ปกครองยังสามารถบ่งบอกนิสัยของเด็ก สามารถรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วการมาคัดเลือกตัวของนักเตะเป็นความต้องการของนักเตะหรือว่าเป็นความต้องการของผู้ปกครอง

“เราไม่ได้มองแค่นักเตะอย่างเดียว ผมจะมองผู้ปกครองด้วย” โค้ชเฮง กล่าว

“หากนักเตะคนไหนรูปร่างเล็ก แต่พ่อแม่รูปร่างดี สูงใหญ่ อนาคตเด็กคนนั้นอาจเติบโตมาเป็นนักเตะที่รูปร่างดีได้ เราต้องมองให้รอบด้าน”

“ผมยังดูผู้ปกครองด้วย เพราะบางทีเด็กไม่ได้อยากเล่นฟุตบอล แต่ผู้ปกครองอยากให้เล่น บางทีมันฝืนความรู้สึก”

“ถ้าเขามีใจรักฟุตบอลจริงๆ แบบนี้พัฒนาได้ พัฒนาง่าย เพราะนักเตะจะมีแพชชั่นและความตั้งใจสูง” 

 

2-3 วันอาจไม่พอ 

การคัดเลือกนักเตะจากหลักพันสู่หลักร้อยจนมาถึงหลักสิบโดยใช้เวลา 2-3 วัน บางทีคงไม่พอ เพราะแค่เข้าตามฐานดูเบสิคเลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง อาจจะใช้เวลาทั้งวัน 

วันต่อมาก็จะเป็นการเล่นบอลสมอลไซด์ และให้ผู้เล่นลงสนามแข่งขันทีมละ 11 คน เพื่อดูการเล่นตามตำแหน่งที่ถนัด หากคนมาคัดเลือกเยอะเวลาคงไม่พอ

หากสโมสรไหนมีความพร้อมมากก็จะให้นักเตะที่ผ่านการคัดเลือกไปฝึกซ้อมกับสโมสรอีก 2-3 วัน เพื่อเป็นการเช็กอย่างละเอียดว่านักเตะคนนั้นสามารถพัฒนาฝีเท้าได้ไหม หรือเวลาเล่นเป็นทีมจะสามารถเล่นได้ไหม 

“นักเตะหลายๆ คนที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรกก็จะเข้าสู่กระบวนการฝึกซ้อมกับสโมสร เพื่อเรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอลที่สูงขึ้นไปอีก” โค้ชเฮง กล่าว

“เราจะมีวิธีการฝึกซ้อมและดูนักเตะอย่างละเอียด บางคน 50-50 ต้องมาดูให้ชัด อย่าลืมว่าเด็กบางคนมีพัฒนาการที่ช้า อย่าง กฤษดา กาแมน เป็นหนึ่งในนั้น”

“เขาจะไม่เหมือนพวก ยิม วรชิต หรือ หนึ่ง ชาญณรงค์ พวกนี้ฉลาดและเซนต์บอลที่แสดงออกมามันชัดเจน แต่ กฤษดา ตอนนั้นอยู่ในข่ายที่พัฒนาได้”

นอกจากนี้โค้ชระดับ โปรไลเซนส์ ท่านหนึ่ง ได้มีการเปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคัดเลือกนักเตะว่า ต้องดูอย่างละเอียด บางทีอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว

“จริงๆ แล้วการคัดเลือกนักเตะในระดับเบื้องต้น 2-3 วันอาจจะเห็นได้ไม่หมด และต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์เพื่อเฟ้นหานักเตะให้ครบทุกมิติ” กุนซือระดับโปรไลเซนต์กล่าว 

“คือแต่ละสโมสรหรือแต่ละอคาเดมี มีการเลือกและมีการล็อกสเป็กนักเตะไม่หนีกันมาก คือจะดูพื้นฐาน จ่ายบอล ส่งบอล รับบอล ยิงบอล การคิดล่วงหน้าว่าจังหวะต่อไปจะทำอย่างไร ซึ่งโค้ชทุกคนจะดูแนวทางเหล่านี้”

“แต่ในรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งต้องดูดีๆ เช่น กองกลางต้องมีวิชั่นการจ่ายบอล การเล่นจังหวะต่อไปเป็นอย่างไร”

“กองหลังยืนตำแหน่งเป็นยังไง เข้าบอลพรวดไหม นักเตะเวลาไม่มีบอลทำยังไง ริมเส้นเวลาเลี้ยงดวล 1 ต่อ 1 ผ่านไหม การจ่ายบอลพื้นที่สุดท้ายทำได้กี่ครั้ง ซึ่งรายละเอียดค่อนข้างเยอะ นี่แค่เบื้องต้นเท่านั้น” 


เตรียมตัวยังไงให้พร้อมสำหรับการมาคัดตัว

เชื่อว่าเมื่อมีใจรักฟุตบอล ทุกคนต้องมีการเตรียมพร้อมที่ดี ทั้งการดูแลร่างกายให้สมบูรณ์ มีความฟิต และพร้อมสำหรับการคัดตัว แน่นอนว่าทุกคนจะต้องแข่งกับตัวเอง และแข่งขันเพื่อนๆ ที่มาคัดเลือกอีกหลายคน 

นอกจากการเตรียมตัวให้พร้อมแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากคือ ความกล้า ไม่ว่าจะเป็นการกล้าเล่นตามจังหวะฟุตบอลของตัวเอง 

กล้าที่จะเรียกบอลจากเพื่อน ที่สำคัญต้องวิ่งไล่บอล ไม่เฉื่อยชา มีความกระหาย ตื่นตัวตลอดเวลา

“นักเตะทุกคนมีดีแตกต่างกันไป สิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ทุกคนต้องกล้า และกระหาย เสียบอลต้องวิ่งไล่แย่งบอลคืน” โค้ชเฮง กล่าว 

“ผมไม่ค่อยชอบคนที่เล่นไป ยิ้มไป เฉื่อยชา แบบนี้ไม่ได้ ทุกคนต้องกระตือรือร้น พยายามสู้ทุกจังหวะ นั่นเป็นทัศนคติที่ดีของนักฟุตบอลอาชีพ” โค้ชเฮง กล่าวปิดท้าย

กระบวนการคัดเลือกนักฟุตบอลเบื้องต้นทุกทีมต่างมีสเป็กนักเตะในใจอยู่แล้ว นั่นเป็นวิธีย่นเวลาในการคัดเลือกนักเตะเข้าสู่ต้นสังกัด

สุดท้ายอยู่ที่นักเตะเองจะเตรียมพร้อมและแสดงขีดความสามารถออกมามากแค่ไหน เพื่อชนะใจทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชที่เฝ้ามองอยู่ 

หากคุณเก่ง กล้า กระหายจริง โอกาสมีชื่อติดไปอยู่ในอคาเดมีเปิดกว้างแน่นอน

Author

ศุภฤกษ์ สีทองเขียว

หนุ่มแดนหมอแคน ผู้คลั่งไคล้ในฟุตบอล