หากพูดถึงสตาร์ฝีเท้าเยี่ยมที่ได้มาลุยศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แล้วได้เป็นแกนหลักของทีมที่มีอายุใกล้แตะหลักสี่ แฟนบอลส่วนใหญ่คงพุ่งเป้าไปที่ ไอคอนนิค จอมสร้างคอนเทนต์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้
แต่ใครเลยจะเชื่อว่า ทีมชาติบราซิล ตัวเต็งเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก 5 สมัย ที่มีผู้เล่นชั้นยอดให้เลือกใช้จนล้นมือ ขนาดที่หลายชาติยังรู้สึกอิจฉารายชื่อผู้เล่นที่ตัดทิ้งไปยังเลือกไว้ใจชายที่ชื่อว่า ติอาโก้ ซิลวา กองหลังจากสโมสรเชลซี ให้มีชื่อติดทีมเข้ามา แถมยังเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งกองหลังตัวกลางอีกด้วย
แนวรับรายนี้มีดีอะไร ? ทำไมเขาถึงยังค้าแข้งอยู่ในระดับสูงได้แบบไม่เคอะเขิน แถมยังได้รับความไว้วางใจจาก ติเต้ กุนซือที่นักเตะแซมบ้าเคารพกันสุดหัวใจ และอยู่ร่วมกับนักเตะรุ่นน้อง ๆ ได้แบบไม่ตกยุค ติดตามได้ที่นี่กับ Main Stand
การอดทนต่อเสียงวิจารณ์ เน้นใช้ผลงานตอกหน้าสื่อ
ผู้เล่นตำแหน่ง เอาต์ฟิลด์เพลเยอร์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งกองหลัง กองกลาง หรือกองหน้า ล้วนมีอายุสั้นกว่าตำแหน่งผู้รักษาประตู ต่อให้พยายามดูแลร่างกายตัวเองดีแค่ไหนเฉลี่ยอายุการใช้งานทั่วไปในการค้าแข้งบนลีกสูงสุดแบบไม่เสียรังวัดก็มักไม่เกิน 35 ปี
เฉพาะในตำแหน่งปราการหลังที่ต้องใช้ความเร็วและความคล่องตัวในการดวลกับผู้เล่นแนวรุกฝ่ายตรงข้าม แบบพลาดเพียงครั้งเดียวก็จะกลายเป็นภาพจำติดตาแฟนบอลไปตลอดจนแทบไม่มีทางลบฝันร้ายไปได้
เพราะสื่อบนโลกออนไลน์ทุกวันนี้มีการจับภาพวิดีโอการเล่นทั้งดีและแย่มาเผยแพร่เพื่อความบันเทิงและเรียกยอดไลก์ยอดวิว สร้างรายได้เข้าบัญชีกันแทบทุกนาที แต่สภาพร่างหลังผ่านช่วงอายุ 28-32 ปี ซึ่งเป็นช่วงพีกสุดของการค้าแข้งย่อมลดทอนศักยภาพให้พ่ายต่อเรื่องสังขารไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นผู้เล่นที่มีความต้องการค้าแข้งอยู่ในระดับสูงต่อไปและได้รับความไว้วางใจจากผู้จัดการทีมจะต้องแสดงความพิเศษของตัวเองขึ้นมาทดแทนสิ่งที่หายไป เช่นเดียวกับตัวของซิลวาในช่วงที่ออกจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาอยู่กับ เชลซี ที่โดนสื่อจอมสับฟันธงว่าแก่เกินแกงที่จะเล่นบนเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ซิลวาเลือกที่จะให้สัมภาษณ์แบบสั้น ๆ และเรียบง่ายตอนช่วงเปิดตัวกับทีมใหม่ว่า
"ถ้าผมไม่มีความทะเยอทะยานและความฝัน ผมคงไม่มีทางเลือกย้ายมาอยู่กับเชลซี"
"ผมเลือกมาอยู่ที่นี่เพราะมีความปรารถนาที่จะลงเล่นและเก็บชัยชนะ เพื่อเติมเต็มเกียรติประวัติของผมด้วยถ้วยรางวัลเพิ่มมากขึ้นไปอีก"
เหตุการณ์คล้ายคลึงกันนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัยที่เขาย้ายจาก เอซี มิลาน มาอยู่กับ เปแอสเช ด้วยสนนราคาราว 42 ล้านยูโร ซึ่งทำให้เขากลายเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกทันที แล้วเมื่อเทียบดีกรีต่าง ๆ ที่เคยเป็นแชมป์ลีกอิตาลีและบอลถ้วยแค่อย่างละ 1 สมัยก็เป็นดีลที่ดูแพงเกินจริงไปสักหน่อย
อย่างไรก็ตามซิลวาอยู่รับใช้เปแอสเชเป็นเวลาถึง 8 ฤดูกาล ยืนหนึ่งเป็นตัวเลือกในแผงหลัง สถิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของเกมรับแทบจะหาคนมาเทียบเคียงได้ยากเอามาก ๆ การันตีด้วยถ้วยแชมป์ลีก เอิง 7 สมัย, เฟรนช์ คัพ 5 สมัย และ เฟรนช์ ลีก คัพ 6 สมัย น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ขาดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ สโมสรโลก ที่จะช่วยเติมเต็มให้เส้นทางของเขาสมบูรณ์แบบ
แต่แล้วเมื่อได้ย้ายมาอยู่กับ สิงโตน้ำเงินคราม แบบไม่มีค่าตัวในวัยย่าง 36 ปี ซิลวาก็ใช้เวลาเพียงแค่ซีซั่นเดียวคว้าแชมป์ทั้งสองรายการที่ขาดมาครองได้ จนกลายเป็นเซนเตอร์แบ็กระดับตำนานของวงการลูกหนังที่ประสบความสำเร็จในอาชีพมากที่สุดคนหนึ่ง เหลือเพียงแค่แชมป์ ฟุตบอลโลก รายการระดับชาติถ้วยเดียวเท่านั้น ซึ่งก็ยังมีลุ้นอยู่ในเส้นทางตอนนี้
จริงอยู่ที่สภาพร่างกายของเขาไม่ได้มีความเร็วไล่กวดแนวรุกแบบเดิม ซิลวาเลือกที่จะอ่านเกมแล้วเร่งสปีดในจังหวะที่จำเป็น ปรับมาเลือกยืนปักหลักเพื่อดักทางและคุมโซนให้แน่นเพื่อกลบจุดอ่อน หากจังหวะไหนที่สามารถลุ้นชิงเล่นก่อนแนวรุกคู่แข่งได้ค่อยวัดใจวิ่งไปตัดหน้าชิงเล่นก่อน และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการแข่งขันทุกวินาที
หากวัดกันเรื่องของความคุ้มค่าและผลงานในสนาม ซิลวาที่เป็นของฟรีที่เชลซีจ่ายแค่ค่าเหนื่อยแบบปีต่อปีแทบไม่ได้เป็นรองกองหลังค่าตัวแพงแดนผู้ดีหลายรายที่ย้ายมาและพาทีมประสบความสำเร็จไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ต้องมองไปที่ไหนไกลนอกจาก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เจ้าของตำแหน่งกองหลังค่าตัวแพงสุดในโลก จากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นต้นแบบความผิดพลาดได้ดีที่สุด
ประสบการณ์สอนให้เป็น ผู้แพ้ ก่อนเป็น ผู้ชนะ
ก่อนที่ซิลวาจะประสบความสำเร็จแบบทุกวันนี้ได้ เขาต้องพบกับความผิดหวังมานับครั้งไม่ถ้วนตามแบบฉบับของนักเตะจากประเทศบราซิลที่มีกีฬาฟุตบอลเป็นกิจกรรมฆ่าเวลายามว่างยอดนิยม แล้วสามารถพัฒนาตัวเองเพื่อแข่งขันกับคนอื่น ๆ ต่อยอดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ในอนาคต
ซิลวา ในวัย 14 ปีเคยได้รับเทียบเชิญให้ไปทดสอบฝีเท้ากับ ฟลูมิเนนเซ่ แต่กลับไม่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งตัวเขาก็ไม่ได้ลดละความพยายาม เดินหน้าเข้ารับคัดเลือกกับอีกหลายสโมสร ทั้งในลีกสูงสุดและทีมในลีกรอง แต่ก็มีจุดจบไม่ต่างกัน
จนมาเจอจุดเปลี่ยนในการแข่งขันในเมือง เซา เปาโล ซิลวาได้ลงลงโชว์ศักยภาพด้วยการแข่งขันจริงที่เป็นบันไดปูทางให้เขาได้ย้ายไปอยู่กับ อาร์เอส ฟุตบอล ก่อนจะไปต่อยอดกับ ยูเวนตูเด้ ทีมที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา
ซิลวาถูกปรับตำแหน่งจากกองกลางตัวรับให้มายืนเป็นกองหลังตัวกลาง แล้วผลงานก็พัฒนาจนไปเตะตา เอฟซี ปอร์โต้ ทีมจอมปั้นจากโปรตุเกส ที่ดึงตัวเขาไปเล่นในยุโรปเป็นสโมสรแรก แต่ซิลวากลับไม่ได้รับโอกาสให้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่แม้แต่เกมเดียว ก่อนปล่อยให้ไปพเนจรกับ ดินาโม มอสโก สโมสรในลีกรัสเซีย
อย่างไรก็ตามชีวิตของซิลวาไม่ต่างกับโดนโชคชะตาเล่นตลก เขาเกิดป่วยหนักจากอาการติดเชื้อในปอดจนต้องฉีดยาฆ่าเชื้อวันละ 4 รอบ กินยาวันละ 10-15 เม็ด และใช้เวลารักษายาวนานกว่า 6 เดือน จนเกิดความคิดที่จะยอมแพ้กับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่เป็นแม่ของเขาเองที่กล่อมให้เขากลับมาฮึดสู้ได้อีกครั้ง
จากการผ่านช่วงเวลาอันแสนยากลำบาก ซิลวาได้รับโอกาสจาก ฟลูมิเนนเซ่ สโมสรที่เขาใฝ่ฝันจะเล่นให้มาตั้งแต่เป็นนักเตะระดับเยาวชน แม้ว่าจะยังมีข้อกังขาเรื่องอาการป่วยที่อาจตามมาหลอกหลอนในภายหลังได้ก็ตาม
ซิลวาใช้เวลาเพียงแค่เกือบสองปีพิสูจน์ตัวเองจนมีชื่อเข้าชิงกองหลังยอดเยี่ยม จากผลงานพาทีมจบอันดับที่ 4 ในลีกบ้านเกิด บวกกับการเป็นแชมป์บอลถ้วย โกปา โด บราซิล ที่เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทุกเกมจนถึงนัดชิง น่าเสียดายที่ผลโหวตจากแฟนบอลไม่เป็นใจ เลยได้แค่อันดับสองมาครองต่อจาก เบรโน่
อย่างน้อยช่วงเวลาอันน่าประทับใจเหล่านั้นทำให้ชื่อของซิลวาถูกบรรจุเข้าสู่ขุนพลทีมชาติชุดใหญ่ ได้ไปลุยรายการสำคัญ ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาได้รับเหรียญรางวัลจาก มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ติดไม้ติดติดมือเป็นเหรียญทองแดง ในปี 2008 และ เหรียญเงิน ในปี 2012 ก่อนจะมาคว้าแชมป์เมเจอร์แรกในระดับชาติได้ในทัวร์นาเมนต์ ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่น คัพ 2013 ต่อด้วย โกปา อเมริกา ในปี 2019
ความพ่ายแพ้มาตลอดเกือบทั้งชีวิตของซิลวาสอนให้เขาดำเนินชีวิตด้วยการเป็นนักสู้ที่ไม่ถอดใจกับอะไรง่าย ๆ จนกว่าตัวเองจะก้าวไปประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าทุกอย่างขอแค่มีความเชื่อมั่นและความพยายาม อย่าเลิกล้มไปกลางคันก็พอแล้ว
ตัวแทนของโค้ชในสนาม
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของซิลวาคงเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมให้กับรุ่นน้องในทีมชาติแบบไร้ข้อสงสัย ผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน เจอกับอุปสรรคขวากหนามมากมาย กว่าจะมายืนอยู่ในจุดสูงสุดด้วยการเป็นแชมป์
ปฏิเสธได้ยากว่า ขุนพลทีมชาติบราซิล รวบรวมเอาสตาร์ตัวท็อปมากองไว้รวมกัน การจัดการกับเรื่องของความมั่นใจและอีโก้ของแต่ละคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย
นอกจากเทรนเนอร์หัวเรือที่ได้รับความเคารพแล้ว กัปตันทีมก็เป็นตำแหน่งที่มองข้ามไม่ได้ ทีมต้องมอบปลอกแขนให้กับคนที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งคน ๆ นั้นต้องมีคาแร็กเตอร์ของความเป็นผู้นำ มีคุณวุฒิและวัยวุฒิ รวมถึงโปรไฟล์ที่ทุกคนในทีมยอมรับ
จริงอยู่ที่ เนย์มาร์ อาจเป็นสตาร์เบอร์หนึ่งของทีม เป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก แต่แนวทางการใช้ชีวิตและการเล่นของเขายังดูมีความเด็ก ผ่อนคลายมากจนเกินไป และมองทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นไปเสียหมด เห็นได้จากหลายคลิปบนสื่อโซเชียล เขาคงไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าไว้วางใจสักเท่าไร
แต่เมื่อมองมาที่ ซิลวา ในวัย 38 ปี การดูแลสภาพร่างกายให้อยู่ในจุดที่ฟิตสมบูรณ์ มีความมุ่งมั่น ความนิ่ง และความเป็นผู้นำ ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพอย่างที่สุด ซึ่งตัวของ ติเต้ นั้นเห็นคาแร็กเตอร์สำคัญตรงจุดนั้นจึงพร้อมมอบตำแหน่งนี้ให้ด้วยความเต็มใจ
ก่อนหน้าที่ฟุตบอลโลกจะลงทำการแข่งขัน ติเต้เคยอธิบายถึงความพิเศษของซิลวาเอาไว้ว่า
"เขาจะเป็นโค้ชที่ดีได้แน่ในอนาคต และเขาเป็นคนที่ทำให้เกมฟุตบอลดูแย่"
"พวกคุณรู้ไหมว่าเหตุผลคืออะไร ? เพราะเขาทำให้ทุกอย่างมันดูง่ายสำหรับตัวเขาไปเสียหมด ทั้งที่มันเป็นเรื่องยากแสนยากยังไงล่ะ"
"เขาทำให้ทุกอย่างมันดูชัดเจนแจ่มแจ้งสุด ๆ จากการตัดสินใจที่แน่วแน่ ซึ่งมันมีที่มาจากเทคนิคการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขา"
ย้อนกลับไปในช่วงยุคที่เกมฟุตบอลยังไม่ได้เข้าสู่ยุคโมเดิร์นแบบทุกวันนี้ บางทีมเลือกที่จะใช้ระบบผู้เล่นผู้จัดการทีมที่ควบรวมทำงานสองตำแหน่งไปพร้อม ๆ กัน เหมือนในยุคที่ เชลซี มีทาง จานลูก้า วิอัลลี่ ทำหน้าที่นั้น
สิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดในการเลือกบริหารแบบนี้คือผู้จัดการทีมสามารถลงไปถ่ายทอดแทคติกของตัวเองให้กับผู้เล่นแต่ละคนในสนามได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเรียกมาติวที่ข้างสนามแบบคนต่อคน
แถมยังแสดงให้เห็นได้ด้วยว่าโค้ชไม่ใช่แค่ออกคำสั่งเฉย ๆ แต่ลงมาทำให้เห็นเอง มาเจอกับสถานการณ์เดียวกัน แล้วพร้อมฝ่าฟันไปกับลูกทีม แม้ว่าจะเป็นเกมที่ยากแค่ไหน ไม่ว่าบทสรุปเกมนั้นจะลงเอยแบบใดก็สามารถทำให้ลูกทีมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ แพ้ไปด้วยกัน ชนะไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตามสภาพร่างกายของ ติเต้ เทรนเนอร์ของทีมเซเลเซาวัย 61 ปี คงไม่เอื้ออำนวยให้เขาทำแบบนั้นได้แน่นอน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดีอย่างมากหากจะมีนักเตะอย่างติอาโก้ที่สามารถถ่ายทอดความคิด แนวทางการวางแทคติก และแสดงออกมาให้เห็นภาพได้แบบเรียลไทม์
ในช่วงเวลาที่ทีมต้องเจอกับสถานการณ์ที่บีบหัวใจ วันที่เกมการเล่นที่วางแผนไว้ล่วงหน้าออกมาคนละทางแบบไม่เป็นดั่งใจ หากอ้างอิงจากคำสัมภาษณ์ของติเต้ คนที่จะเรียกความเชื่อมั่นและรวมใจให้ทีมกลับมามีสมาธิด้วยจิตใจที่ไม่เคยย่อท้อ คงไม่มีใครเหมาะไปกว่าซิลวาอีกแล้ว เพราะเขาเคยผ่านทัั้งการเป็นผู้ชนะและผู้แพ้มาอย่างโชกโชนบนเวทีการแข่งระดับสูงที่น้อง ๆ บางรายยังไม่เคยไปถึง
ประสบการณ์ที่เคยร่วมงานกับผู้จัดการทีมชั้นนำมากมาย ยกตัวอย่างเช่น มักซิมิลิอาโน่ อัลเลกรี, คาร์โล อันเชล็อตติ, โลร็องต์ บล็องก์ และ โธมัส ทูเคิล คงถูกนำมาปรับใช้ในแนวทางของซิลวา เพื่อถ่ายทอดสาส์นออกไป และสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับทีมได้แน่
ซึ่งบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้คงเป็นสมัยสุดท้ายของซิลวาก่อนโบกมือลาทีมชาติ สังเหตได้จากบทสัมภาษณ์ที่เคยกล่าวถึงอนาคตของตัวเองเอาไว้ว่า
"เป้าหมายของผมคือการเล่นฟุตบอลไปจนถึงอายุ 40 ปี โดยที่ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นการเล่นในระดับสูงแบบเดียวกันนี้หรือไม่"
"ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผลงานของสโมสรในซีซั่นนี้ รวมไปถึงทีมชาติบราซิลในฟุตบอลโลก แน่นอนว่ามันรวมไปถึงการเคารพสัญญาที่เพิ่งถูกขยายออกไปด้วย แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือผมตั้งเป้าจะเล่นไปจนถึงอายุ 40 ปี"
ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายของบราซิลจะจบลงด้วยความสำเร็จในรายการนี้ตามที่คาดหวังไว้ได้จริงหรือไม่ การเลือกเอาซิลวามาเป็นแกนหลักของติเต้ คงไม่เป็นการเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะประโยชน์ของเขานั้นมีมากกว่าการเล่นในสนามเพียงอย่างเดียว
เผลอ ๆ ในอนาคตอันใกล้ ติอาโก้ ซิลวา อาจจะเดินต่อในเส้นทางสายผู้จัดการทีม และเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมสตาฟของทีมชาติ แล้วเขายังอาจได้ร่วมงานกับคนคุ้นเคยทั้งนักเตะและผู้จัดการทีม ซึ่งโปรไฟล์ของเขาก็ได้รับการยอมรับอย่างเต็มหัวใจจากทุกคนที่เคยร่วมงานกันมาก่อนอยู่แล้ว
แหล่งอ้างอิง
https://www.sportbible.com/absolute-chelsea/tite-thiago-silva-chelsea-brazil-20220923
https://www.si.com/soccer/chelsea/news/thiago-silva-reveals-how-he-managed-to-reach-his-elite-level
https://www.si.com/soccer/chelsea/news/brazil-coach-tite-makes-interesting-claim-about-chelseas-thiago-silva
https://bleacherreport.com/articles/1633129-why-paris-st-germains-thiago-silva-is-the-worlds-best-defender
https://en.wikipedia.org/wiki/Thiago_Silva