หากพูดถึงลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คงหนีไม่พ้น 5 ลีกใหญ่ของยุโรปเป็นแน่แท้ แต่ลีกฟุตบอลจากสหรัฐอเมริกาอย่าง เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ หรือ MLS (Major League Soccer) ก็กำลังยกระดับขึ้นมาเทียบเคียงกับหลายลีกของยุโรปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในขณะที่ MLS กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเติบโตเหล่านั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้นกับทีมชาติสหรัฐอเมริกา
หนำซ้ำลีกฟุตบอลในประเทศที่ได้รับการส่งเสริมจนกลายเป็นหนึ่งในลีกฟุตบอลที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ลีกใหญ่ในยุโรปกลับไม่ได้เป็นลีกที่เปิดโอกาสให้แก่นักเตะท้องถิ่นตัวเองได้พัฒนาฝีเท้าเพื่อก้าวสู่การเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติสหรัฐอเมริกามากนัก
เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น ติดตามได้ที่ Main Stand
ปูมหลังทางประวัติศาสตร์
ฟุตบอล ถือเป็นกีฬาขวัญใจเบอร์หนึ่งของผู้คนหลายประเทศทั่วโลก แต่สำหรับสหรัฐอเมริกา "ฟุตบอล" ของพวกเขาแตกต่างจากที่อื่น เพราะพวกเขาจะใช้ชื่อนี้เรียกกีฬาอย่างอเมริกันฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่ใช้มือเล่น
แม้ว่าโลกจะเรียกเกมกีฬาลูกหนังที่ใช้เท้าเล่นส่วนใหญ่ว่า "ฟุตบอล" (Football) แต่ผู้คนอเมริกันกลับรู้จักเกมกีฬาลูกหนังนี้ในชื่อของ "ซอคเกอร์" (Soccer)
ถึงคำว่าซอคเกอร์ แท้จริงแล้วอังกฤษ ประเทศผู้ทำให้กีฬาฟุตบอลถือกำเนิดขึ้นมาอย่างเป็นทางการในช่วงศตวรรษที่ 19 จะเป็นคนตั้งชื่อนี้ขึ้นมา และใช้สลับสับเปลี่ยนกันบ้างกับคำว่าฟุตบอลเพื่อเรียกกีฬาชนิดนี้ก็ตาม
แต่หลังจากที่พวกเขาได้นำซอคเกอร์ไปเผยแพร่ยังสหรัฐอเมริกา บวกกับการที่ทั้งสองชาติบาดหมางกันเนื่องมาจากผลกระทบที่ต่างกันที่ทั้งสองได้รับในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษเจ็บหนักในด้านเศรษฐกิจจากสงครามครั้งนี้ ส่วนสหรัฐอเมริกากลับสูญเสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทำให้อังกฤษเลือกที่จะไม่ใช้คำว่าซอคเกอร์เพื่อเรียกกีฬาที่พวกเขาให้กำเนิดอีกต่อไป
ด้านสหรัฐอเมริกา ที่พวกเขานิยมเรียกเกมลูกหนังนี้ว่า ซอคเกอร์ นั่นเป็นเพราะในตอนแรกที่อังกฤษได้นำกีฬาชนิดนี้เข้ามาเผยแพร่ก็นำคำนี้มาใช้อย่างถาวร และจากความบาดหมางกับอังกฤษทำให้สหรัฐฯ มีอคติกับกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้จะมีความพยายามของเหล่าคนที่คลั่งไคล้กีฬาชนิดนี้ในการส่งเสริมให้ซอคเกอร์เป็นหนึ่งในกีฬาที่มีความนิยมในหมู่คนอเมริกันก็ตาม แต่มันก็ไม่เป็นผล
ค่านิยมฟุตบอลในสหรัฐฯ
หลังจากที่พวกเขาได้ตั้งแง่ในทางลบกับกีฬาฟุตบอล ชาวอเมริกันก็ได้เลือกที่จะมองข้ามกีฬาชนิดนี้ที่เป็นกีฬาจากยุโรปแล้วไปให้ความสนใจกับกีฬาที่มีพื้นเพอยู่ในภาคพื้นอเมริกาเหนือซึ่งเป็นถิ่นฐานของพวกเขามากกว่า เช่น อเมริกันฟุตบอล, บาสเกตบอล, ฮ็อกกี้น้ำแข็ง และ เบสบอล
ความคลั่งไคล้ของชาวอเมริกันที่มีต่อกีฬาเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าอเมริกันเกมส์ขึ้นมา โดยแบ่งออกมาหลัก ๆ เป็น อเมริกันฟุตบอล (NFL), บาสเกตบอล (NBA), ฮ็อกกี้น้ำแข็ง (NHL) และ เบสบอล (MLB)
เมื่อคนอเมริกันมีสิ่งที่เรียกว่าอเมริกันเกมส์ให้ได้รับชมอยู่ตลอด ฟุตบอลที่เดิมทีก็เป็นกีฬาสัญชาติอังกฤษ และเป็นกีฬาของคนนอกจึงยากที่จะสามารถเข้าไปอยู่ในใจของคนอเมริกันได้
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 1994 และทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้กระแสความคลั่งไคล้ฟุตบอลเกิดขึ้นอีกครั้งในสหรัฐฯ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการก่อตั้งลีกฟุตบอล MLS ขึ้น
MLS เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่วันนั้น จากการลงทุนที่มากขึ้นในทุก ๆ ปีเพื่อแย่งชิงความสำเร็จกันของทีมในลีกฟุตบอลสหรัฐอเมริกา การคว้าตัวนักฟุตบอลฝีเท้าดีจากนอกประเทศเข้ามาร่วมทีมเกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย พร้อมกับให้ค่าเหนื่อยจำนวนมหาศาล ทำให้ MLS สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นลีกฟุตบอลที่ไม่ต่างกับลีกชื่อดังในยุโรปที่แต่ละสโมสรในลีกต่างก็ลงเม็ดเงินเพื่อนำเข้านักเตะคุณภาพที่พวกเขาต้องการ
แต่การทำเช่นนี้ก็มีผลเสียเช่นกัน เพราะว่าค่านิยมดังกล่าวส่งผลต่อโอกาสในการพัฒนานักเตะในประเทศ เพื่อส่งต่อให้ทีมชาตินำไปใช้งานต่อไป
การผลักดันฟุตบอลรากหญ้าที่ไม่เห็นผล
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า MLS ถือเป็นลีกที่มีการยกระดับตัวเองอย่างต่อเนื่องจนสามารถก้าวขึ้นไปเป็นลีกที่น่าจับมองลีกหนึ่งของโลก
แต่กระนั้นพวกเขากลับไม่ได้เปิดโอกาสมากนักสำหรับนักเตะท้องถิ่นที่ต้องการจะโลดแล่นในวงการลูกหนัง เนื่องจากการเข้ามาอย่างต่อเนื่องของนักเตะฝีเท้าคุณภาพในลีก MLS ทำให้ทีมชาติสหรัฐอเมริกาไม่สามารถคาดหวังที่จะได้นักเตะที่เป็นเพชรที่ถูกเจียระไนจาก MLS มาใช้งานได้
แม้ว่า MLS จะพยายามผลักดันเหล่านักเตะสายเลือดอเมริกันให้มีพื้นที่ได้แสดงศักยภาพของพวกเขาบนเวทีลูกหนังในประเทศด้วยการร่วมมือกับ USL (United Soccer League) ที่เป็นลีกรองของประเทศ และเป็นพื้นที่สำหรับเหล่านักเตะท้องถิ่นที่ต้องการจะโชว์ฝีเท้าให้โลกได้เห็น จนกระทั่งทีมใน MLS เห็นแววของพวกเขาแล้วค่อยดึงพวกเขาไปร่วมทีม
แต่อย่างไรก็ตามด้วยระบบการเลื่อนชั้นตกชั้นที่ไม่มีอยู่จริงในสารบบของลีกฟุตบอลแห่งสหรัฐอเมริกา ทำให้ความเข้มข้นของการแข่งขันใน USL นั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดินเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่า การคว้าแชมป์ USL ไม่ได้ทำให้ทีมของพวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นใน MLS และต่อให้แพ้ทุกเกมในลีก พวกเขาก็ไม่มีวันตกชั้น
ทำให้การแข่งขันใน USL นั้นเต็มไปด้วยความอับเฉา ขาดทั้งแรงบันดาลใจและแรงผลักดันในการพัฒนาฝีเท้าของเหล่านักเตะสายเลือดอเมริกัน ซึ่งไม่ตรงตามจุดประสงค์ที่ MLS ได้ตั้งเอาไว้ มันเหมือนกับพวกเขาแค่ลงไปเล่นฟุตบอลไปวัน ๆ อย่างไร้ความหมาย และจากตอนแรกที่ USL ถูกวางไว้เป็นพื้นที่ในการแสดงความสามารถที่มีของนักเตะท้องถิ่น มันกลับกลายเป็นพื้นที่สำหรับนักเตะชาวอเมริกันที่ MLS ไม่ต้องการแทน
ดังนั้นความเป็นไปได้ที่เราจะได้เห็นนักเตะชาวอเมริกันจาก USL ขึ้นมาเฉิดฉายใน MLS จึงมีน้อยมาก หากมองตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลของสหรัฐฯ
ตราบใดที่พวกเขายังละเลยและไม่มีการดำเนินการวางแผนผลักดันนักเตะชาวอเมริกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง การเติบโตไปด้วยกันของ MLS กับฟุตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้จริง
แม้ MLS จะไม่เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการควานหานักเตะเข้าสู่ทีมชาติถึงจะมีนักเตะชาวอเมริกันที่เล่นในลีกแห่งนี้บางคนได้รับโอกาสลงเล่นให้กับทีมชาติก็ตาม เช่น เฆซุส เฟร์เรย์รา กองหน้าของเอฟซี ดัลลัส ที่ซัดไป 18 ประตู ใน MLS ฤดูกาลล่าสุด
ฟุตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาก็ยังคงมีขุมกำลังที่ดีจากนักเตะที่ประสบความสำเร็จในการได้ไปค้าแข้งในต่างแดน เช่น คริสเตียน พูลิซิส ที่เล่นให้เชลซี, เวสตัน แมคเคนนี กับยูเวนตุส หรือ จิโอวานนี เรย์นา กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
ซึ่งนักเตะเหล่านี้ล้วนเป็นนักเตะที่เริ่มต้นการค้าแข้งในสหรัฐอเมริกาแล้วได้โอกาสย้ายทีมไปเล่นให้ทีมดังในลีกยุโรป หากพวกเขาไม่ได้เลือกที่จะออกเดินทางเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับการลงเล่นกับทีมในลีกยุโรปแล้วเลือกที่จะอยู่ในเซฟโซนกับการไขว่คว้าหาโอกาสลงเล่นใน MLS ตอนที่พวกได้โอกาสไปยุโรป พวกเขาอาจจะไม่ได้แจ้งเกิดในวงการฟุตบอลเฉกเช่นทุกวันนี้ก็เป็นได้ เนื่องจากโอกาสอันน้อยนิดของนักเตะชาวอเมริกันที่จะได้โอกาสลงเล่นใน MLS ซึ่งถูกจับจองด้วยนักเตะนำเข้าจากต่างประเทศแทบทั้งหมดแล้ว
นอกจากนี้พวกเขายังมีภารกิจสำคัญในการนำกระแสฟุตบอลฟีเวอร์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสหรัฐฯ กลับมาอีกครั้งผ่านการสร้างผลงานที่น่าประทับใจในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ รวมถึงเป็นกำลังสำคัญในฟุตบอลโลก 2026 ที่ประเทศของพวกเขาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับแคนาดาและเม็กซิโกอีกเช่นกัน
แต่ในตอนนี้พวกเขาต้องอยู่กับปัจจุบันและทำมันให้ดีที่สุดก่อนในฟุตบอลโลกครั้งที่จะมาถึงนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นี่จึงเป็นความจริงอันน่าเศร้าที่ฟุตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาต้องหวังพึ่งแต่กับนักเตะที่เล่นในลีกต่างประเทศ ทั้งที่พวกเขาควรจะได้ภาคภูมิใจกับการได้ใช้งานนักเตะชาวอเมริกันจากลีกภายในประเทศของพวกเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันไม่เกินความสามารถของ MLS อย่างแน่นอนหากว่าพวกเขาต้องการจะทำเพื่ออนาคตของฟุตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาอย่างยั่งยืน
แหล่งอ้างอิง
https://bleacherreport.com/articles/924861-5-major-problems-with-the-mls
https://phillysportsnetwork.com/2021/02/22/soccer-in-america/
https://the18.com/en/soccer-entertainment/good-game-uneven-relationship-between-major-league-soccer-and-usl
https://www.transfermarkt.com/major-league-soccer/marktwerte/wettbewerb/MLS1