8 กันยายน 2022 (ตามเวลาท้องถิ่น) สหราชอาณาจักรและประเทศในเครือจักรภพต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เสด็จสวรรคต ณ ปราสาทบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ ด้วยพระชนมายุ 96 พรรษา สิ้นสุดการครองราชสมบัติไว้ที่ 70 ปี พร้อมกับการถูกจารึกว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่พระองค์เสด็จพระราชสมภพในปี 1926 จนถึงเสด็จสวรรคตในปี 2022 ทุกสรรพสิ่งบนโลกก็ล้วนแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี การเมือง หรือแม้แต่กีฬาซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ของผู้คนทั้งโลก
ด้วยวาระนี้ Main Stand ขอพาทุกคนไปรำลึก 70 ปี ที่โลกกีฬาได้แปรผันไปนับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสตรีที่ชื่อว่า "ควีนเอลิซาเบธที่ 2"
ความรักในกีฬา
ขี่ม้าถือเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ และยังเป็นกีฬาชนิดแรกที่พระองค์หลงรักตั้งแต่วัยเยาว์ โดยพระองค์ได้รับม้าตัวแรกเป็นม้าสายพันธุ์เกาะ Shetland อายุ 4 ปี พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า "เป๊กกี้" (Peggy) ก่อนที่พระองค์จะเลือกขี่ม้าเป็นกีฬาแรกในชีวิต และเข้าชมการแข่งขันขี่ม้าเป็นประจำมาตั้งแต่ปี 1950
ไม่ใช่เพียงแค่กีฬาขี่ม้าอย่างเดียว เพราะในช่วงแรกของการครองราชย์พระองค์ยังได้เข้าร่วมพิธีการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ทั้งในฐานะผู้ชมและประธานการแข่งขัน เช่น เป็นประธานการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันในปี 1957 ซึ่งเป็นปีแรกที่นักกีฬาผิวดำคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จคือ อัลเธีย กิบสัน ในประเภทหญิงเดี่ยว
และในอีก 2 ปีต่อมา พระองค์ทรงเข้าร่วมการแข่งขัน เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศปี 1959 ณ สนามเวมบลีย์ โดย น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เป็นฝ่ายเอาชนะ ลูตัน ทาวน์ 2-1 ซึ่งพระองค์เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับ แจ็ค เบอร์กิตต์ กัปตันทีม ฟอเรสต์ ด้วยมือของตน ทั้งนี้ พระองค์เข้าร่วมชม เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1949 จนถึงครั้งสุดท้ายในปี 1976
โลกาภิวัฒน์
ในช่วงทศวรรษ 1950 ซึ่งเป็นช่วงต้นแห่งการครองราชย์ของพระองค์ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกส่วนมากเป็นชาติจากโลกตะวันตกครองความเป็นใหญ่ แต่ทุกวันนี้โอลิมปิกได้เป็นพื้นที่ของมวลมนุษยชาติ เช่นเดียวกับฟุตบอลโลกที่ปัจจุบันมีชาติเจ้าภาพครบ 6 ทวีปไปแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้น จากช่วงทศวรรษ 1950 สเตียรอยด์และสารต้องห้ามต่าง ๆ ที่เคยถูกใช้กันอย่างแพร่หลายกับทุกกีฬาในเวลานั้นก็ค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลาดั่งเช่นในทุกวันนี้ที่มีองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WHO)
รวมถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกอย่างคอมพิวเตอร์ก็ได้เข้ามามีบทบาทกับกีฬามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ การจัดการ และการพัฒนา เรียกได้ว่านับตั้งแต่ช่วงที่พระองค์ครองราชย์ตั้งแต่ 1950 - 2022 โลกของกีฬาได้เปลี่ยนไปจากจุดตั้งไข่ไปจนถึงจุดสูงสุดอย่างเห็นได้ชัด
และเนื่องจากกระแสการเคลื่อนไหวและการขยายตัวของโลกในช่วงทศวรรษ 1960 จนถึงปี 1990 เราเริ่มเห็นการควบรวมลีกกีฬาชั้นนำในสหรัฐอเมริกาจนนำไปสู่ "Big Four" ลีก อันได้แก่ NBA, NFL, NHL และ MLB แต่สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เมื่อนึกถึงอเมริกันเกมส์นั่นก็คือ "ซูเปอร์โบวล์" ที่เริ่มแมตช์แรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 1967 หรือเพียง 15 ปีหลัง ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ครองราชย์นั่นเอง
โลกฟุตบอล
พระราชินีทรงอยู่ในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของสหราชอาณาจักร นั่นคือการมอบถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกและครั้งเดียวของอังกฤษให้กับ เซอร์ บ็อบบี้ มัวร์ ในฟุตบอลโลกปี 1966 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ
นอกจากนี้ บทบาททางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของควีนเอลิซาเบธคือการตระหนักถึงการต่อสู้ของนักฟุตบอลหลายคนด้วยการมอบเกียรติยศอัศวินให้กับพวกเขา โดย เซอร์ สแตนลีย์ แมตธิวส์ เป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้รับพระราชทานยศอัศวินในรัชสมัย ตามมาด้วยบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลอีกมากมาย เช่น เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์, เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, เซอร์ เจฟฟ์ เฮิร์สต์, เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน, เซอร์ เทรเวอร์ บรูคกิ้ง, เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช
ด้วยเวลาที่ผ่านไป แม้ว่าช่วงหลังพระองค์จะไม่เสด็จไปทอดพระเนตรการแข่งขันฟุตบอลเหมือนเดิม แต่พระองค์ยังคงส่งมอบกำลังใจให้กับทีมชาติอังกฤษอยู่เสมอ เช่นในศึก ยูโร 2020 เมื่อปีที่ผ่านมาก็ยังมอบพระบรมราโชวาทแก่นักเตะก่อนนัดชิงชนะเลิศด้วยว่า
"เมื่อ 55 ปีที่แล้ว ฉันโชคดีที่ได้มอบถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกแก่ บ็อบบี้ มัวร์ และเห็นว่ามันมีความหมายต่อผู้เล่น ฝ่ายบริหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนทุก ๆ คนในการเข้าถึงและคว้าชัยชนะของการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติที่สำคัญ"
"ฉันต้องการส่งความยินดีของฉันไปถึงคุณทุกคนที่ไปถึงรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป และส่งความปรารถนาดีของฉันสำหรับวันพรุ่งนี้ด้วยความหวังว่าประวัติศาสตร์จะบันทึกไม่เพียงแต่ความสำเร็จของคุณ แต่ยังรวมถึงจิตวิญญาณ ความมุ่งมั่น และความภาคภูมิใจ ที่เจ้าได้กระทำด้วยตัวเจ้าเอง"
ปีต่อมาในศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์ยุโรป 2022 ที่อังกฤษคว้าแชมป์ พระองค์ยังทรงมอบพระบรมราโชวาทแก่นักฟุตบอลเหมือนดั่งเช่นเคย ซึ่งนี่เป็นการมอบครั้งสุดท้ายของพระองค์ก่อนเสด็ตสวรรคต
นอกจากนี้ ตลอดการครองราชย์ 70 ปีของพระองค์ยังเกิดเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในฟุตบอลอังกฤษ เริ่มตั้งแต่ยุค น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ครองความยิ่งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1970 คาบเกี่ยวกับยุค ลิเวอร์พูล ครองโลกในช่วงทศวรรษที่ 1970-80 ก่อนจะก้าวเข้าสู่แห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของฟุตบอลอังกฤษก็คือการรีแบรนด์ลีกสูงสุดอังกฤษ ก่อตั้ง พรีเมียร์ลีก ในปี 1992 ซึ่งนี่เป็นการผลัดใบเข้าสู่ยุคทองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทีม "ปีศาจแดง" คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้ 18 สมัย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย พร้อมด้วย เอฟเอ คัพ 9 สมัย
อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์ที่ขาดไปไม่ได้เลยนั่นคือการกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปี ของ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาล 2019-20 เรียกได้ว่าพระองค์อยู่ในทุกช่วงเวลาและผ่านการเชยชมทีมฟุตบอลที่หมุนเวียนขึ้นมาครองเจ้าบัลลังก์กันหลายทีม
อยู่ในทุกช่วงเวลา
สมเด็จพระราชินีควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นประมุขที่ให้ความสำคัญกับกีฬาไม่แพ้เรื่องใด ๆ พระองค์ทรงอยู่ในทุกช่วงเวลา ทุกการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละสมัย และอยู่ร่วมแสดงความยินดีกับนักกีฬาของสหราชอาณาจักรและชาติเครือจักรภพที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ
และเมื่อใดที่อังกฤษได้เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬา พระองค์จะทรงรับพระราชทานกาญจนาภิเษกในพิธีเปิดการแข่งขันทุกครั้งไป ดังเช่น พิธีเปิดมหกรรมกีฬาเครือจักรภพในปี 2002 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ หรือที่จดจำได้มากสุดคงหนีไม่พ้นบทบาทสำคัญในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2012 ที่พระองค์แสดงในภาพยนตร์สั้นร่วมกับ เจมส์ บอนด์ (แดเนียล เคร็ก) ก่อนปรากฏพระวรกายด้วยการกระโดดร่มลงมาในสนามกีฬา จากนั้นพระองค์ก็ทรงประกาศเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
ในมหกรรมกีฬาเครือจักรภพ 2022 ที่ผ่านมาไม่นาน พระองค์ได้เข้าร่วมอีกครั้งโดยเป็นผู้มอบคบเพลิงให้กับ คาดีนา คอกซ์ นักกีฬาพาราสปอร์ตเป็นผู้ถือคบเพลิงวิ่งเป็นคนแรก ซึ่งไม่มีใครทราบเลยว่านี่จะเป็นการปรากฏพระวรกายต่อหน้าประชาชนครั้งสุดท้ายในอีเวนต์กีฬาของพระองค์ ก่อนเสด็จสวรรคตในเดือนกันยายนปี 2022 นับเป็นการปิดฉากอย่างสมเกียรติ และส่งให้พระราชกรณียกิจด้านกีฬาต่าง ๆ ที่สมเด็จพระราชินีควีนเอลิซาเบธที่ 2 ได้สร้างไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะยังคงถูกกล่าวถึงสืบต่อไปอีกนานแสนนาน
แหล่งอ้างอิง :
https://www.si.com/extra-mustard/2015/09/09/queen-elizabeth-england-reign-sports-history
https://bleacherreport.com/articles/1211063-greatest-developments-in-sports-during-elizabeths-reign
https://theconversation.com/taking-a-look-back-at-the-evolution-of-sport-during-queen-elizabeths-platinum-jubilee-184119
https://www.goal.com/en/lists/queen-elizabeth-ii-relationship-with-football-arsenal-west-ham-and-love-for-lionesses/blt19c0ec340cb1a671#csae6aa9f96cc92b10
https://www.bbc.com/news/uk-61585886
https://www.bbc.com/sport/42430154