ทุกคนรู้ว่าในวันที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ก้าวเข้ามาเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขาจะสามารถต่อยอดความสำเร็จจากที่เขาเคยสร้างมาได้แน่ ๆ แต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะโหดร้ายและทารุณกับกองหลังในพรีเมียร์ลีกได้ขนาดนี้
จากที่ใครหลายคนเคยมองว่าความโหด หนัก และเร็วของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะทำให้ฮาลันด์ต้องเจอกับปัญหาและใช้เวลาปรับตัวระดับหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าแค่ออกสตาร์ทเด็กนรกจากนอร์เวย์ก็วิ่งฉิวทำลายสถิติต่าง ๆ เป็นว่าเลน
ตั้งแต่ลีกนอร์เวย์ ลีกออสเตรีย ลีกเยอรมัน มาจนถึงลีกอังกฤษ ไม่มีสังเวียนไหนเลยที่เอาเขาลง ทำไมเด็กคนนี้จึงโหดราวกับเกิดมาจากนรกขนาดนี้ ?
ติดตามได้ที่ Main Stand
เลี้ยงแบบไหนโตแบบนั้น
หลายคนคงเคยได้รู้จักปูมหลังของเหล่านักเตะระดับโลกหลาย ๆ คนโดยเฉพาะกลุ่มนักเตะแถวหน้าจากอเมริกาใต้ นักเตะพวกนี้มักจะมีปูมหลังจากความยากจน ความลำบาก ที่ต้องต่อสู้มาด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก จนก้าวมามีวันที่ยิ่งใหญ่เป็นของตัวเอง นั่นพาลทำให้เราคิดว่าความลำบากและอดทนจะหลอมคนให้ทนทานนั้นดูเหมือนจะเป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริง
อย่างไรก็ตามสำหรับ เออร์ลิ่ง เบราต์ ฮาลันด์ นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง ครอบครัวของเขาสุขสบายดี เขาได้รับการเลี้ยงดูและเอาใจใส่แบบไม่มีขาดตกบกพร้องตั้งแต่ยังเด็ก เรียกกันง่าย ๆ ว่าเป็นลูกคนมีอันจะกินก็คงไม่ผิดนัก
ฮาลันด์ เกิดที่ประเทศอังกฤษ ตอนที่พ่อของเขา อัลฟ์ อิงเก้ ฮาลันด์ หรือ อัลฟี่ มาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งหากจะวัดกันที่ต้นทุนชีวิต ฮาลันด์ นั้นถือว่าได้เปรียบตั้งแต่จุดเริ่มต้น เนื่องจากทั้งพ่อและแม่ของเขาเป็นนักกีฬาอาชีพ พ่อของเขาเป็นนักฟุตบอลส่วนแม่เป็นนักกีฬากระโดดไกล นั่นทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี เติบโตมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ได้สัมผัสกับกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยจุดเริ่มต้นของ ฮาลันด์ ในโลกกีฬาไม่ใช่ฟุตบอลอย่างที่ใครหลายคนคิด
เรื่องราวในวัยเด็กของเขาคือเขามักจะตามแม่ของเขาไปที่สนามซ้อม และนั่นทำให้ฮาลันด์ได้ลองเล่นกีฬากระโดดไกล โดยมีสถิติกล่าวอ้างว่าในปี 2006 ว่าเขาเคยทำสถิติกระโดดไกลสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบได้ถึง 163 เซนติเมตร ... และนั่นคือสถิติโลก ณ เวลานั้น
ก่อนที่เขาจะหัดเล่นฟุตบอลด้วยการสนับสนุนของพ่อและค่อย ๆ เติบโตกับทีมในท้องถิ่นประเทศนอร์เวย์อย่าง บริน ซึ่งเป็นต้นสังกัดแรกของ อัลฟี่ ผู้เป็นพ่ออีกด้วย โดยการเล่นฟุตบอลในวัยเด็กของฮาลันด์นั้นคำนึงถึงความสนุกเป็นหลัก เพราะนอกจากฟุตบอลแล้วเขายังมีโอกาสได้เล่นกีฬาหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น แฮนด์บอล กรีฑาประเภทลู่และลาน ไปจนถึงการตีกอล์ฟ
ตัวผู้เขียนนั้นมีประสบการณ์การเป็นพ่อคนมาแล้ว และเข้าใจดีว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาอย่างถูกทาง กล่าวคือเป็นคนที่มีวินัย, ความฝัน, ความคิด และทัศนคติที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ซึ่งเรียนตามตรงว่าเรื่องเงินยังคงเป็นเรื่องสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ
สำหรับฮาลันด์ โชคดีที่นอกจากครอบครัวจะไม่ได้ลำบากเรื่องเงินแล้ว พ่อและแม่ของเขายังเอาใจใส่และตั้งใจเลี้ยงลูกชายคนนี้มาอย่างดี ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารการกินที่ทำให้ฮาลันด์มีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงเท่านั้น พวกเขายังค่อย ๆ สอดแทรกให้ลูกชายรักกีฬาทีละนิดโดยไม่ได้มีการบังคับและตั้งเป้าว่าฮาลันด์จะต้องเป็นนักฟุตบอลเท่านั้นตามที่กล่าวไป
อัลฟ์ อิงเก้ ฮาลันด์ พาลูกชายไปซ้อมหรือไปดูเขาลงแข่งขันในวันแข่งจริงเสมอตั้งแต่ตอนที่ฮาลันด์ยังเป็นเด็ก และแม่ของเขาก็พาเขาไปออกกำลังกายในแบบของนักกีฬาประเภทลู่-ลาน สลับ ๆ กันไป แล้วเด็กที่เติบโตมากับการเห็นมืออาชีพทำงานหนักทุกวันจะไม่ซึบซับได้อย่างไร ?
และอย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นคือฟุตบอลไม่ใช่กีฬาที่พ่อและแม่ยัดเยียดให้กับลูกชายเพียงอย่างเดียว เขาปล่อยให้ฮาลันด์ค่อย ๆ เรียนรู้และหาสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุด ซึ่งมาตกผลึกเอาตอนอายุ 9-10 ขวบว่าเขา "ชอบฟุตบอลที่สุด" และเมื่อลูกชายเริ่มชัดเจนขึ้น หน้าที่ของพ่อและแม่หลังจากนั้นก็คือการผลักดัน คุณจึงได้เห็นในทุกวันนี้ว่าฮาลันด์มีความเป็น "ปีศาจ" โดยธรรมชาติ กล่าวคือ เขามีร่างกายสูงใหญ่แข็งแรง, มีความเร็วในแบบฉบับของนักกีฬาอาชีพ, มีทักษะที่ยอดเยี่ยม และเหนือสิ่งอื่นใดคือมีทัศนคติของผู้ชนะที่ชอบความท้าทาย
โดยพ่อของเขาเคยบอกกับสื่อตอนที่ลูกชายยังเล่นให้กับทีม เรดบูล ซัลซ์บวร์ก ว่า "เออร์ลิ่งถูกสร้างมาเพื่อฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเร็วจะช้าเขาจะต้องไปที่นั่นแน่นอน" ซึ่งหลังจากที่พ่อพูดแบบนั้นได้ไม่ถึง 4 ปี ลูกชายของเขาก็มาหลอกหลอนกองหลังในพรีเมียร์ลีกได้จริง ๆ ณ ตอนนี้
1 ต่อ 2 ไม่ถือว่ารุม
หลังจากได้รับการปลูกฝังมาจาก 2 นักกีฬาอาชีพ ฮาลันด์จึงเริ่มหัดสู้ด้วยตัวเองบ้าง นับตั้งแต่วันที่เขาเลือกฟุตบอล นั่นหมายความว่าต่อจากนี้เขาจะต้องทุ่มเทและใส่ทุกอย่างที่มีให้กับมัน เขาคิดและตัดสินใจแบบนั้นได้เองจริง ๆ คนที่ยืนยันเรื่องนี้ได้คือ อัลฟ์ เบิร์นท์เซ่น โค้ชทีมชุดอคาเดมีของบริน
เบิร์นท์เซ่นยอมรับว่าฮาลันด์ในวัยเด็กไม่ได้แค่มีความพร้อมที่เกิดจากการเลี้ยงดูเท่านั้น บังเอิญว่าเขามีสิ่งที่เรียกว่า "พรสวรรค์" ติดมาด้วย สำหรับพรสวรรค์ของฮาลันด์ที่เบิร์นท์เซ่นบอกคือ "การยิงประตู"
"ผมเจอเออร์ลิ่งมาตั้งแต่ตอนที่เขาอายุ 5 ขวบแล้ว ตอนนั้นเด็กอายุระดับนี้จะต้องเล่นสนามในร่มเพื่อความสนุกโดยไม่มีการสอนเยอะแยะมากมาย แต่ผมเห็นฮาลันด์เล่นกับลูกฟุตบอลอยู่ 2-3 จังหวะก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้มันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริง ๆ แม้ว่าเขาจะไม่เคยมาเล่นเป็นทีมเลยก็ตาม" เบิร์นท์เซ่น กล่าว
"ตอนแรกผมส่งเขาลงเล่นในระดับอายุของตัวเองนั่นแหละ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วันผมมองเห็นแล้วว่าเด็กรุ่นเดียวกันเอาเขาไม่อยู่แน่ ๆ ผมก็เลยให้เขาแบกอายุขึ้นมาเล่นกับรุ่นพี่ ซึ่งบังเอิญว่าเขาดันสนุกกับมันมากกว่าเดิมเสียอีก ทุกสุดสัปดาห์เออร์ลิ่งจะมาที่สนามในร่มและเล่นฟุตบอลกับรุ่นพี่วันละหลาย ๆ ชั่วโมงเลย"
"ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง ในช่วงแรก ๆ ที่เขาแบกอายุเขาอาจจะประสบปัญหาเรื่องขนาดตัวที่เล็กกว่าบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นมาตั้งแต่ตอนที่เขา 5 ขวบมาจนทุกวันนี้คือ ไม่ว่ากองหลังจะอายุเยอะและตัวใหญ่กว่าแค่ไหน ฮาลันด์ก็จะยังทำประตูได้เสมอ ทีมงานของเรามานั่งคิดและวิเคราะห์ถึงตัวเขาอย่างจริง ๆ จัง ๆ ตอนที่เขามุ่งจะเอาดีทางฟุตบอลอย่างเดียวตอนช่วงอายุสัก 11-12 ขวบ ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่าเด็กคนนี้จะไปได้ไกลแน่นอน เขาคาดหวัง ณ ตอนนั้นว่าเขาจะโตขึ้นและก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับทีมชาติได้แน่นอน" โค้ชวัยเด็กของเขากล่าว
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดเดา ฮาลันด์ติดทีมชาติครั้งแรกในทีมชาตินอร์เวย์รุ่นยู-15 ในปี 2015 ตอนนั้นแมวมองจากทั่วประเทศมาที่นี่และได้เห็นว่าเขาเป็นเด็กระเบิดตัวจริง เพราะอายุแค่ 15 ปีฮาลันด์ก็ไปเล่นเกมระดับทีมสำรองของบรินแล้ว นั่นเปรียบได้กับการขึ้นเวทีแบบไร้รุ่นน้ำหนัก นักเตะในทีมสำรองนั้นไม่มีการจำกัดอายุ แต่ถึงอย่างนั้นฮาลันด์ก็ยิงได้ 18 ประตูจาก 14 เกม ... คุณคิดว่าจะมีเด็กอายุ 15 ปีคนไหนบ้างที่แบกอายุแต่ยังคงประสิทธิภาพได้เหมือนกับตอนที่เล่นกับเด็กรุ่น ๆ เดียวกันได้แบบนี้ ?
นอกจากพรสวรรค์แล้ว สิ่งที่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เป็นและเลียนแบบได้ยากมาก ๆ คือการรับมือกับคู่แข่งและความกดดันจากสิ่งรอบข้างที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละช่วงอายุ วันที่เขาอายุ 10-11 ปี แทบจะไม่มีแมวมองทีมไหนมาสนใจเขา แต่พอตอนที่เขาอายุ 15 ปี และเล่นในระดับอาชีพ แมวมองและแฟนบอลเข้าสนามมามากมายและตั้งความหวังว่าจะได้เห็นความมหัศจรรย์ตามคำบอกกล่าวที่ส่งต่อ ๆ กันมา...
ประเด็นคือไม่ว่าจะตอนอายุ 11 หรือ 15 ปี ฮาลันด์ก็ยังโชว์ฟอร์มในสนามได้อย่างน่าเหลือเชื่อเหมือนเคย ความกดดัน ความคาดหวัง และคู่แข่งฝั่งตรงข้ามไม่มีผลกับเขามากนัก เขาแค่โฟกัสกับตัวเองและสิ่งที่ตัวเขาสามารถทำได้
"ฮาลันด์เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เขาไม่เคยสนใจว่าใครกำลังจับตาดูเขาอยู่ เขาไม่สนใจว่าเขาลงสนามไปด้วยจุดประสงค์เพื่อการเล่นสนุก ๆ หรือลงเล่นเกมระดับชาติ จิตใจของเขามันน่าเหลือเชื่อ เพราะเขาไม่เคยกลัวอะไรสักอย่าง ... เขาเคารพคู่แข่งของเขาเสมอ แต่อีกด้านหนึ่งคือเขาไม่เคยสนใจว่าคู่แข่งของเขาจะเป็นใคร" กุนนาร์ ฮัลเล ผู้ช่วยโค้ชของโมลด์ ทีมที่ 2 ในอาชีพของฮาลันด์ พูดถึงนักเตะของเขา
"ผมพูดตรง ๆ นะ ผมไม่ค่อยเห็นเขากลัวอะไรเท่าไหร่ เขามักจะฝึกซ้อมคนเดียวตั้งแต่ยังเด็ก พอโตขึ้นหน่อยก็มาเข้ายิมครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ตั้งเป้าให้ตัวเองสูงขึ้นทุกวัน ตอนนั้นผมถามเขาว่าเป้าหมายของนายคืออะไร ? เขาตอบผมว่า ผมมีเป้าเดียวในใจเสมอนั่นคือการไปให้ถึงจุดสูงสุดของโลกนี้ ... เหลือเชื่อไหมล่ะ ? เด็กคนนี้ไม่จำเป็นต้องให้พ่อแม่และโค้ชเป็นคนผลักดันอีกแล้วในวันที่ผมเจอเขา เขารู้แน่ชัดและเอาจริงมาก ๆ กับการเป็นนักเตะอาชีพ" ฮัลเล กล่าว
พรสวรรค์ที่ถูกเสริมกำลังด้วยวินัยและเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้ฮาลันด์เริ่มกลายเป็นปีศาจเต็มตัว ตอนเขาอายุ 17 ปีลีกนอร์เวย์ก็เล็กเกินไปแล้วสำหรับเขาแล้ว ฮาลันด์ย้ายออกจาก โมลด์ ไปอยู่กับ ซัลซ์บวร์ก และทุกอย่างยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงเดินหน้าทำลายล้างแนวรับคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง เขาไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ... ไม่ มาจนถึงทุกวันนี้ วันที่เขาอยู่กับทีมที่ดีที่สุดในโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สมองดี ความคิดเยี่ยม
การเลี้ยงดู พรสวรรค์ วินัย และทัศนคติ เราได้กล่าวไปแล้ว สิ่งที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้คือเรื่องของ "สมอง" ซึ่งสำคัญไม่แพ้สิ่งไหนหากคุณอยากจะเป็นนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก
ฮาลันด์ คือนักเตะตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าแบบคลาสสิก เรียกกันอีกชื่อว่า "ตำแหน่งหมายเลข 9" ซึ่งในตำแหน่งนี้นับวันยิ่งมีความสำคัญน้อยลงในโมเดิร์นฟุตบอล เพราะกองหน้าตัวเป้านั้นไม่ได้มีความหลากลายและตอบโจทย์มากนักในแง่ของแทคติกที่ลึกลับซับซ้อนของฟุตบอลสมัยนี้
ดังนั้นการจะเป็นกองหน้าเบอร์ 9 ที่ดีคุณจะต้องทำได้มากกว่าแค่ยิ่งประตู คุณจะต้องเก็บบอลได้ มีทักษะในการอ่านเกมอ่านจังหวะ วิ่งตัวเปล่าหาพื้นที่ได้ตลอดทั้งเกม และเล่นเพื่อเป็นตัวเชื่อมจังหวะกับเพื่อนร่วมทีม การเล่นเพื่อเปิดพื้นที่ หรือแม้กระทั่งการช่วยวิ่งไล่บอลในแดนหน้า คุณสมบัติเหล่านี้เราได้เห็นนักเตะเบอร์ 9 ระดับโลกอย่าง แฮร์รี่ เคน, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี และ คาริม เบนเซม่า ... ซึ่งฮาลันด์ก็กำลังไต่ระดับไปให้ถึงจุดนั้นในแง่ของความสม่ำเสมอ
สิ่งที่ทำให้ฮาลันด์ไม่ตกยุคคือเขาสามารถทำให้ตัวเองอันตรายได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งเวลาที่อยู่นอกกรอบหรือในกรอบเขตโทษ จะตอนมีบอลอยู่กับตัวหรือตอนที่ไม่มีบอล โฟกัสของเขาอยู่กับเกมตลอดเวลา
ประตูที่เขายิงได้กับ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ คุณจะเห็นได้ว่ามีจังหวะแปง่าย ๆ หรือการแทปอินในกรอบ 6 หลาหลายประตู ... มันเหมือนจะเป็นลูกยิงง่าย ๆ แต่มันคือทักษะการอ่านเกมและจังหวะการเล่นเกมบุกของทีม
ฮาลันด์เหมือนกับผีที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาหลอนกองหลัง หากคุณเผลอหลุดสายตาจากเขาไปไม่กี่วินาที ฮาลันด์ก็จะเริ่มวิ่งโยกเข้าสู่พื้นที่ว่าง และเมื่อเขาเข้ามาประจำการ ณ จุดนั้น ลูกฟุตบอลก็จะมาหาเขาเหมือนกับเขาเป็นแม่เหล็ก
ส่วนเวลาอยู่นอกกรอบเขตโทษนั้น ฮาลันด์ก็ยังมีทักษะที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน เขามีส่วนอย่างมากในการสร้างเกมรุกของทีมไม่ว่าจะตอนอยู่กับโมลด์, ซัลซ์สบวร์ก, ดอร์ทมุนด์ หรือ แมนฯ ซิตี้ โดยเฉพาะจังหวะที่ดูเหมือนการเตะทิ้งหรือเตะสาดขึ้นหน้าของนักเตะเกมรับ ฮาลันด์จะใช้การอ่านเกม ทักษะการเล่นกับบอล และความแข็งแกร่งของร่างกายเข้ามาเก็บบอลได้ทุกทีไป
เรื่องนี้เว็บไซต์บุนเดสลีกาเคยวิเคราะห์ถึงฮาลันด์ตอนเล่นกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ว่า "จังหวะการพิงของฮาลันด์คือทักษะที่เรามักจะได้เห็นนักเตะตัวเล็ก ๆ ใช้อยู่บ่อยครั้ง เขาจะย่อตัวให้ต่ำลงเพื่อรักษาจุดศูนย์กลางของร่างกายให้สมดุลมากขึ้น และเมื่อคนตัวใหญ่อย่างฮาลันด์ใช้เทคนิคนี้ มันก็ยากมากที่ใครจะเอาบอลไปจากการบังของเขาได้"
"ตัวของฮาลันด์ใหญ่มาก สะโพกและแกนกลางของร่างกายของเขาก็แข็งแรง และถ้าเขาได้บังบอลก็เหมือนกับคุณพยายามจะวิ่งชนกับกำแพง ซ้ำร้ายกว่านั้นเมื่อบอลถึงตัวเขา เขายังสามารถเล่นกับลูกบอลได้ดีแม้จะมีเวลาให้คิดเพียงเสี้ยววินาที จากนั้นเขาก็จากฝากบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม ก่อนจะเข้าสู่หลักสูตรการวิ่งตัวเปล่าเพื่อเพิ่มทางเลือกในการจ่ายบอลให้กับกองกลางคนอื่น ๆ ในทีม นอกจากนี้ฮาลันด์ยังเป็นกองหน้าที่จ่ายบอลได้แม่นมาก เขามีค่าเฉลี่ยการจ่ายบอลสำเร็จอยู่ที่ 72.3% (ปีที่แล้วกับดอร์ทมุนด์) ซึ่งถือว่าเยอะเกินเกณฑ์เฉลี่ยของกองหน้าทั้งลีก"
สิ่งที่เราพยายามจะบอกคือ ฮาลันด์สามารถเปิด "บีสต์โหมด" ได้ทันทีกับ แมนฯ ซิตี้ เพราะเขามีคุณสมบัติที่รอบด้านทั้งเรื่องร่างกาย, สมอง และทักษะ ยิ่งเมื่อเขาได้เล่นกับทีมที่เปิดเกมรุกและเอาลูกฟุตบอลขึ้นหน้าตลอดทั้งเกมอย่าง แมนฯ ซิตี้ ยิ่งเหมาะและง่ายสำหรับเขามากขึ้น เพราะจะมีผู้เล่นคนอื่น ๆ คอยวิ่งทำทางและสร้างโอกาสให้เขาตลอดทั้งเกม ยิ่งเพื่อนร่วมทีมวิ่งมากเท่าไหร่ ฮาลันด์ก็จะมีช่องว่างที่จะทำประตูได้มากขึ้นเท่านั้น
สำหรับนักเตะวัย 22 ปี ฮาลันด์กำลังเปลี่ยนโลกของกองหน้าใหม่อีกครั้ง กองหน้าที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องช้า ทื่อ และรอเล่นในกรอบเขตโทษเท่านั้น เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเรื่องของกายภาพ ทักษะ และทัศนคติ สามารถเปลี่ยนความเชื่อโบราณ ๆ ได้เป็นอย่างดี
จากนี้ไปต่างหากที่น่าสนใจ เพราะนอกจากฮาลันด์จะโดดเด่นทั้งด้านกายภาพและเทคนิคแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวกว่าเดิมคือ "ทัศนคติ" ที่ดูเหมือนว่ามันยังคงเป็น เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ คนเดิมเสมอ
เราได้เห็นนักเตะอายุน้อยส่วนใหญ่ที่ชื่อเสียงโหมกระหน่ำอย่างรวดเร็วมักจะเริ่มมีเรื่องอื่น ๆ มาเกี่ยวข้องกับชีวิตมากขึ้น เช่นการสัก การซื้อรถยนต์ราคาแพง หรือผู้หญิง เราไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้คน ๆ หนึ่งเป็นคนที่แย่ลง แต่มันอาจส่งผลต่อสมาธิของนักเตะได้เป็นอย่างดี ดังคำที่ว่า เมื่อคุณโฟกัสที่สิ่งไหน คุณก็จะได้รับสิ่งนั้น
สำหรับ ฮาลันด์ เขายังคงบ้าฟุตบอลและยังคงเรียบง่ายกับการใช้ชีวิตประจำวันเสมอ เขายังคงมองฟุตบอลว่าไม่ได้เป็นแค่งานแต่เป็นเรื่องท้าทายและความสนุก ... สิ่งนี้แหละที่ทำให้เขาน่ากลัว เพราะเมื่อเวลาผ่านไปฮาลันด์ก็จะยิ่งสนุกกับเกมฟุตบอลมากขึ้น และมันอาจจะทำให้เขาโหดระดับนรกแตกยิ่งกว่าที่เราเห็นในทุกวันนี้ก็เป็นได้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง
https://www.eurosport.co.uk/football/premier-league/2021-2022/he-is-a-real-beast-erling-haaland-is-a-really-good-signing-for-manchester-city-says-liverpool-boss-j_sto8919641/story.shtml
https://www.sportbible.com/football/alfinge-haalands-response-after-being-handed-son-city-shirt-20220614
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/transfer-news/erling-haaland-man-city-alfinge-24211247
https://www.nottinghamforest.news/2019/11/06/nottingham-forest-alf-inge-haaland/
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-7517371/Alf-Inge-Haalands-son-Erling-quickly-risen-fame-famous-kids.html
https://www.goal.com/story/erling-haaland-unstoppable-rise/
https://touchlinetheory.com/how-to-make-your-strikers-play-like-erling-haaland-part-one/
https://breakingthelines.com/player-analysis/player-analysis-erling-haaland/