
ยศ "อัศวิน" ที่ผู้ได้รับสามารถเติมคำนำหน้าชื่อว่า "เซอร์" สำหรับผู้ชาย และ "เดม" สำหรับผู้หญิง คือเกียรติสูงสุดที่ราชวงศ์อังกฤษมอบให้บุคคลผู้สร้างคุณูปการแก่ประเทศ
แต่สำหรับ เดวิด เบ็คแฮม เขาได้รับเกียรตินั้นมานานแล้ว จากหัวใจของแฟนบอลทั่วโลก
จากเด็กหนุ่มผู้ถูกสาปแช่งในฟุตบอลโลก 1998 สู่สุภาพบุรุษผู้ทำให้คำว่า "ฟุตบอล" และ "ความเป็นมนุษย์" เดินเคียงกันได้อย่างสง่างาม
เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกประดับยศด้วยเหรียญ แต่ด้วยความรัก ความศรัทธา และความเคารพจากผู้คนทั้งโลก
อัศวิน ... จากความศรัทธา
ในสหราชอาณาจักร การได้รับพระราชทานยศ "อัศวิน" ถือเป็นเกียรติสูงสุดของพลเมืองธรรมดา เกียรติยศนี้ถูกสงวนไว้ให้กับบุคคลผู้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ สังคม หรือกีฬา ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้ขึ้นแท่นอัศวินในชีวิตจริง จากการแต่งตั้งด้วยดาบอาญาสิทธิ์ของราชวงศ์
และในบรรดานักฟุตบอลหรือคนในวงการฟุตบอลอังกฤษทั้งหมด นับตั้งแต่ยุค เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน, เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน, เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช หรือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ละคนที่ได้ยศ เซอร์ เหล่านี้ ต่างสร้างความสำเร็จไว้มากมาย ในยุคที่ฟุตบอลอังกฤษยังไม่ได้ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ความนิยมและรายได้แบบนี้

ว่ากันว่ามันเป็นเรื่องของความรู้สึกและความศรัทธาของผู้คนในประเทศ คนที่จะไปถึงจุดนั้นได้ต้องเป็นคนที่ต่อให้คุณจะชอบพวกเขาเหล่านี้หรือไม่ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนต่างยกย่องและยอมรับในความสามารถ รวมถึงทุก ๆ ความสำเร็จที่ยอดคนเหล่านี้ได้สร้างไว้ จนเราแทบมองไม่ออกเลยว่า หลังจากที่ฟุตบอลเข้าสู่ยุคทุนนิยม จะมีนักฟุตบอลคนไหนบ้างทื่ดีพอที่จะก้าวไปถึงจุดนั้น ... จนกระทั่งโลกได้รู้จักกับ "เดวิด เบ็คแฮม"
จากนักเตะหนุ่มแห่งอีสต์ลอนดอน ที่มีเพียงความฝัน ความมุ่งมั่น และลูกฟรีคิกอันเฉียบคม เบ็คแฮมค่อย ๆ เติบโตจากนักฟุตบอลดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมอย่างมหาศาล เขาไม่เพียงแค่ "เล่นฟุตบอลเก่ง" เท่านั้น แต่ยังเข้าไปอยู่ในชีวิตของผู้คน ผ่านทั้งสไตล์ การวางตัว และพลังบวกที่เปลี่ยนภาพของนักฟุตบอลอังกฤษให้สง่างามกว่าเดิม
เบ็คแฮม คือหนึ่งในไม่กี่คนที่หลอมรวมโลกกีฬา แฟชั่น และสังคมให้กลายเป็นภาพเดียวกัน ภาพของ "สุภาพบุรุษอังกฤษยุคใหม่" ที่โลกจดจำอย่างแท้จริง
ก้าวสำคัญของมนุษย์ ... ตอบโต้ หรือ เติบโต ?
หากจะบอกว่าเส้นทางของ เบ็คแฮม โรยด้วยกลีบกุหลาบคงเป็นอะไรที่เกินจริง เพราะไม่มีชีวิตของมนุษย์คนไหนที่สวยหรูและไร้ซึ่งรอยด่างพร้อย แต่สิ่งสำคัญคือภาพรวม แม้ความดีอาจจะลบล้างความผิดไม่ได้ แต่การทำสิ่งที่ดี ๆ อย่างสม่ำเสมอ ก็อาจจะทำให้เรื่องแย่ ๆ ที่ตัวเราเคยทำในวันก่อน ถูกมองด้วยความเจือจางลง ... ซึ่งเรื่องแบบนี้ เบ็คแฮม ก็ผ่านมาแล้วเช่นกัน
หากยังจำกันได้ ครั้งหนึ่ง เขาเคยตกเป็นจำเลยของชาติ หลังใบแดงในฟุตบอลโลก 1998 ที่อังกฤษพ่ายให้กับอาร์เจนตินา จนตกรอบ 16 ทีมไปอย่างน่าเสียดาย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาวอังกฤษทั้งประเทศโกรธเขาชนิดที่ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ เขาถูกสื่อรุมด่า ถูกแฟนบอลเผาหุ่นจำลอง และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลว

หากใครดูสารคดีชีวิตของ เบ็คแฮม ที่อยู่ใน Netflix คุณจะพบว่า ช่วงเวลาดังกล่าวสำหรับเขาเหมือนโลกถล่มลงมาใส่เขาทั้งใบ มีแต่ วิคตอเรีย แฟนสาวผู้กลายเป็นภรรยาของเขาคนเดียวเท่านั้นที่เขากล้าพูดคุยแบบเปิดใจ ส่วนคนอื่น ๆ รอบตัวแม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เบ็คแฮม ก็ยังไม่กล้าสู้หน้าเลยด้วยซ้ำ
ความเสียใจและผิดหวังเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่คุณสามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกหนีหรือเผชิญหน้าและปล่อยให้มันเป็นไป ... เบ็คแฮม บอกว่า เขาใช้ช่วงเวลาทำใจอยู่เป็นเดือน ๆ กว่าที่เขาจะค้นพบสัจธรรมจากความทุกข์ครั้งนั้น และคำตอบที่เขาได้รับจากกรตกผลึกทางความคิดก็คือ ... แทนที่จะตอบโต้ เบ็คแฮมเลือกจะ "เติบโต"
และการพิสูจน์เรื่องการเติบโตครั้งนี้ ก็ถูกยืนยันได้จากผลงานในสนาม ฟุตบอลจะฆ่าเขาได้ฉันใด ... ฟุตบอลก็คืนชีวิตอันรุ่งโรจน์ให้เขาได้ฉันนั้น
เพียงพริบตา เขากลับมาด้วยความมุ่งมั่นเกินมนุษย์ พา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้า "เทรเบิลแชมป์" ในปี 1999 และกลายเป็นฮีโร่ของแฟนบอลอีกครั้งในเวลาไม่ถึงปี หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยหันหลังให้กับความพยายามอีกเลย

ไม่ว่าจะย้ายไป เรอัล มาดริด, ลอสแอนเจลิส กาแล็กซี่, เอซี มิลาน หรือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทุกที่ที่ เบ็คแฮม ไป เขาไม่เพียงสร้างผลงานในสนาม แต่ยังสร้าง "แรงบันดาลใจ" ให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ในทุกมุมโลก
และสิ่งที่ทำให้เขาเหนือกว่าใคร ไม่ใช่เพียงลูกฟรีคิก หรือการครอสบอลที่แม่นราวเครื่องจักร แต่คือ วิธีที่เขาจัดการกับความกดดัน ความผิดพลาด และชื่อเสียง ด้วยความสุภาพ และการแสดงให้เห็นว่าต่อให้เขาจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม แต่เขาก็พร้อมจะทุมเทและอยู่ในกฎระเบียบของทีมอย่างเคร่งครัด ... ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
เรียกได้ว่าจากชายที่เคยถูกโห่ในสนาม และโดนขู่ฆ่า เบ็คแฮม ผ่านร้อน ฝน และหนาว จนก้าวขึ้นมาเป็นชายที่ทั้งประเทศยืนขึ้นปรบมือให้ นั่นคือคำจำกัดความของ "อัศวิน" ในความหมายที่แท้จริง
สุภาพบุรุษผู้ทำงานเพื่อผู้คน มากกว่ารางวัล
สำหรับเรื่องในสนามฟุตบอล เดวิด เบ็คแฮม อาจจะไม่ได้เป็นนักเตะที่ถูกยกย่องให้เก่งที่สุดในโลก แม้กระทั่งทุกวันนี้ บางครั้งเมื่อมีการจัดอันดับทีมยอดเยี่ยมของโลก หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด เบ็คแฮม ก็อาจจะไม่มีชื่อใน 11 ตัวจริงด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดของยศ "เซอร์" ที่ เบ็คแฮม ได้ประดับนั้น ส่วนหนึ่ง หรืออาจจะเป็นส่วนมากของรางวัลนี้ มันคือเรื่องนอกสนาม ที่ เบ็คแฮม คือแบบอย่างของคำว่า "มืออาชีพ" และคนที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบข้างให้ดีขึ้น โดยที่คนภายนอกสามารถรับรู้ได้ว่าเขาทำจากใจจริง ไม่ได้มีการสร้างภาพ หรือหาแสงให้เกิดกระแสมวลชนใด ๆ ทั้งสิ้น

เขาอุทิศเวลามากมายให้กับการกุศล เป็นทูตของ UNICEF มายาวนานกว่าสองทศวรรษ ช่วยระดมทุนและสร้างโอกาสให้เด็กยากไร้ทั่วโลก รวมถึงยังเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ผลักดันให้กรุงลอนดอน บ้านเกิดของเขา เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในปี 2012 งานที่ยกระดับภาพลักษณ์ชาติอังกฤษในสายตาชาวโลก
และมันคงไม่มีความหมายอะไรเลย หากคุณยิ่งใหญ่คับโลก แต่เป็นคนที่ไม่เคยหันหน้าให้กับครอบครัว ... สำหรับ เบ็คแฮม ในอีกแง่หนึ่ง เขาคือ "พ่อ" และ "สามี" ที่แฟน ๆ ยกย่อง เขาไม่เคยสร้างภาพ แต่ใช้ชีวิตจริงให้ลูกเห็นถึงความสำคัญของความอ่อนน้อมและการทำงานหนัก ตลอดจนเลี้ยงดูลูก ๆ เป็นอย่างดี ซึ่งจุดนี้สำคัญที่สุดของเรื่อง เพราะสถาบันครอบครัว คือสถาบันที่เล็ก แต่สำคัญที่สุดในการพัฒนาสังคม และ เดวิด เบ็คแอม เริ่มต้นนับ 1 ตั้งแต่บ้านของเขาเองอย่างแท้จริง

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ โลกก็เชียร์ให้เขาถูกเรียกว่า "เซอร์ เดวิด เบ็คแฮม" มานานแล้ว เพราะในใจแฟนบอล เขาได้รับยศนั้นตั้งแต่วันที่เขาเลือกจะลุกขึ้นจากความผิดพลาดด้วยศักดิ์ศรีของนักกีฬา และใช้ชื่อเสียงของตัวเองเพื่อทำสิ่งดี ๆ ให้ผู้คนอีกมากมาย
แม้กระทั่งเรา ๆ ท่าน ๆ ที่ไม่ใช่คนอังกฤษ ก็ยังสามารถเข้าใจถึงแรงบันดาลใจที่ เดวิด เบ็คแฮม ส่งต่อให้กับแฟนบอลทั้งโลกได้อย่างไม่ซับซ้อน เชื่อเหลือเกินว่าชื่อของ เบ็คแฮม จะไม่ใช่แค่นักเตะในดวงใจของใครหลายคนเท่านั้น บางทีเขาอาจจะเป็นสุภาพบุรุษที่ผู้ชายหลายคนเลือกให้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตเลยก็ว่าได้
เดวิด เบ็คแฮม ถือเป็นบุคคลที่ไร้ข้อโต้แย้ง และสมควรได้รับยศอัศวิน จนโลกพร้อมเรียกเขาว่า "เซอร์ เดวิด เบ็คแฮม" อย่างแท้จริง
แหล่งอ้างอิง
https://www.espn.co.uk/football/story/_/id/45463170/david-beckham-knighthood-king-charles-birthday-honours-explained
https://www.bbc.com/news/articles/cvgwpn7r021o
https://www.theguardian.com/football/2025/nov/04/arise-sir-david-beckham-knighted-by-king-charles-windsor-castle