Feature

Rhea Ripley : หญิงแกร่งผู้สยบเสียงบูลลี่ จนเป็น "Mami" แห่ง WWE | Main Stand

นับตั้งแต่ WWE สมาคมมวยปล้ำระดับโลกจากอเมริกา ทำการปฏิวัติวงการมวยปล้ำหญิงของตัวเองในยุค Women's Revolution ปี 2015 ส่งผลให้ลีกมวยปล้ำหญิงของ WWE คับคั่งไปด้วยนักมวยปล้ำหญิงฝีมือดี ที่มีทั้งความแข็งแกร่ง ทักษะการปล้ำที่ดี มีเสน่ห์น่าดึงดูด และโชว์ฟอร์มบนสังเวียนอย่างโดดเด่นในคราเดียวกันให้คนดูประทับใจ ไม่ได้เอาแต่ขายภาพลักษณ์หรือความสวยเซ็กซี่แบบสมัยอดีต ล้างภาพเดิมจนหมดสิ้น

 


และหากถามว่าใครคือนักมวยปล้ำหญิงตัวท็อปที่สุดของ WWE ยุคนี้ คำตอบคือ รีอา ริปลี่ย์ นักมวยปล้ำหญิงจากออสเตรเลีย ที่ครบเครื่องทั้งเรื่องฝีมือบนเวที สกิลไมค์ ภาพลักษณ์ บุคลิกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำให้เธอได้รับการยอมรับจากสื่อและแฟนมวยปล้ำว่าเป็นนักมวยปล้ำหญิงรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ WWE และได้รับการยกสถานะให้เป็นตัวท็อปของวงการอย่างไม่มีใครโต้เถียง

กว่าจะมาเป็นซูเปอร์สตาร์หญิงของ WWE รีอา ริปลี่ย์ ต้องเดินทางและผ่านการต่อสู้กับสิ่งใดมาบ้าง นี่คือเรื่องราวที่ Main Stand นำมาฝากกัน

 

เด็กจากแอดิเลดที่โดนบูลลี่

รีอา ริปลี่ย์ หรือชื่อจริง "เดมี่ เบนเน็ตต์" เป็นเด็กสาวจากเมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย ชีวิตวัยเด็กของเธอต่างจากเด็กผู้หญิงทั่วไปนิดหน่อย เพราะไม่ได้เป็นเด็กรักสวยรักงาม หรือใช้ชีวิตแบบผู้หญิงมากนัก แต่กลับหลงใหลในกีฬาที่เร้าใจ อาทิ ฟุตบอล เน็ตบอล รักบี้ คาราเต้ หรือกีฬาที่มีการปะทะ รวมถึง มวยปล้ำ ที่เธอหลงเสน่ห์มันอย่างจัง เมื่อได้ดูการต่อสู้ของชายร่างใหญ่สองคนผ่านทีวี

"การได้ดูมวยปล้ำ และสัมผัสถึงความดุเดือดของมันบางครั้ง มันทำให้ฉันอินไปกับมันมาก ๆ ฉันชอบอาวุธ แล้วก็อะไรที่เกิดขึ้นในนั้น จะบอกว่าฉันชอบความรุนแรงก็ได้นะ (หัวเราะ) ฉันเป็นคนที่ชอบความรุนแรงมากเลย" รีอา พูดถึงความรักที่มีต่อมวยปล้ำในวัยเด็ก

ถึงอย่างนั้น การเป็นผู้หญิงที่ทำตัวไม่ค่อยสมหญิง ประกอบกับร่างกายที่ตัวใหญ่กว่าผู้หญิงทั่วไป (ปัจจุบันข้อมูลระบุว่า เธอสูง 5 ฟุต 7 นิ้ว หรือ 170 เซนติเมตร) บุคลิกแมน ๆ คล้ายผู้ชาย ทำให้ รีอา บอกว่าเธอไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก รู้สึกแปลกแยก และมักถูกเพื่อนที่โรงเรียนเอาไปล้อเลียน บูลลี่ ปฏิบัติกับเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ "สมัยนั้นฉันเป็นเด็กที่ค่อนข้างตัวใหญ่ มีกล้าม ไหล่กว้าง เลยเข้ากับใครไม่ค่อยได้ แล้วก็ถูกเลือกปฏิบัติเพราะเป็นแบบนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนคนนอก"

กระนั้น เดมี่ เบนเน็ตต์ จัดการเสียงรบกวนทั้งหมดในชีวิตวัยรุ่น ด้วยการเอาพละกำลังไปลงใส่กีฬา กิจกรรมนอกบ้าน โดยเฉพาะการเรียนมวยปล้ำ และการศึกษามวยปล้ำผ่านทีวี อันเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบ โดยมี ทริปเปิล เอช (HHH) ดาวร้ายตลอดกาลของ WWE ยุคมิลเลนเนียม เป็นไอดอล และแรงบันดาลใจส่วนตัว

"ทริปเปิล เอช คือเหตุผลที่ทำให้ฉันเริ่มดูมวยปล้ำ ฉันดูแมตช์ที่เขาปล้ำกับ ริค แฟลร์ แต่ความดุเดือดในแมตช์นั้นมันโดดเด่นมาก ฉันก็เลยรู้สึกแบบ โอเค ต้องออกไปลองแล้ว ฉันอยากทำมัน" รีอา ริปลี่ย์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นสู่การเป็นนักมวยปล้ำของตัวเอง

โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันหนึ่ง ไอดอลในดวงใจ จะกลายเป็นเจ้านายของเธอในอนาคต ...

 

ร็อคสตาร์หญิงจาก NXT

รีอา ริปลี่ย์ เริ่มต้นเส้นทางมวยปล้ำของตัวเองด้วยชื่อจริงว่า เดมี่ เบนเน็ตต์ ฝึกฝนฝีมือและสั่งสมประสบการณ์ตามสมาคมอินดี้ที่ต่าง ๆ ในออสเตรเลีย ตั้งแต่ปี 2013 ด้วยหน่วยก้านที่เข้ากับการเล่นมวยปล้ำ มีทักษะ บุคลิกที่ดี และความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ทำให้ เดมี่ เบนเน็ตต์ กลายเป็นที่รู้จักของแฟนมวยปล้ำท้องถิ่น ฝีมือพัฒนาอย่างก้าวหน้า จนกระทั่งโอกาสสำคัญมาถึงเมื่อ WWE สมาคมมวยปล้ำยักษ์ใหญ่ของโลก มาจัด Try Out หานักมวยปล้ำหน้าใหม่ที่ออสเตรเลีย

กระนั้น เดมี่ เบนเน็ตต์ ถูกปฏิเสธจากทีมงาน WWE เพราะเธออายุเพียง 17 ปี ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ WWE กำหนดว่าคนที่มา Try Out ต้องมีอายุอย่างน้อย 20 ปี แต่ทีมงาน WWE ก็ให้เธอได้ลองโชว์ความสามารถในกิจกรรม Try Out ถึงจะไม่ได้รับการเซ็นสัญญา ทว่าอย่างน้อยก็ทำให้ทีมงาน WWE เห็นว่า เดมี่ มีความสามารถเพียงใด ก่อนบอกให้มาเจอกันใหม่เมื่ออายุครบกำหนด โดยระหว่างนั้น เดมี่ ก็ไปฝึกฝีมือเพิ่มเติมที่ญี่ปุ่น เพิ่มความเก่งให้ตัวเอง รอเวลากลับไปแสดงความสามารถให้ทีมงาน WWE ชมอีกครั้ง ซึ่งการไปฝึกที่ญี่ปุ่น ทำให้ เดมี่ รับเอาสไตล์การปล้ำแบบญี่ปุ่นที่สมจริงและแข็งแรงมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง แม้จะยอมรับว่ารู้สึกเหนื่อยสาหัสจนคิดอยากเลิกเป็นนักมวยปล้ำอยู่ช่วงหนึ่งก็ตาม

คราวนี้สำเร็จ เดมี่ เบนเน็ตต์ ได้เซ็นสัญญากับ WWE เปิดตัวปล้ำครั้งแรกในรายการ Mae Young Classic ในปี 2017 เธอปรากฏตัวด้วยเสื้อสีชมพู กางเกงดำ ผมบลอนด์ยาว เป็นลุคแบบเดียวกับสมัยปล้ำกับสมาคมอินดี้ที่บ้านเกิด พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "รีอา ริปลี่ย์" โดยชื่อ "รีอา" มาจากชื่อของเทพเจ้ากรีก ส่วน "ริปลี่ย์" ก็คือชื่อตัวเอกหญิงสุดไอคอนิคจากหนังสยองขวัญเรื่อง Alien ซึ่งทั้ง "รีอา" และ "ริปลี่ย์" ล้วนเป็นตัวแทนของหญิงแกร่ง และสะท้อนบุคลิกของเธอเป็นอย่างดี

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับมือใหม่ เมื่อต้องปล้ำออกทีวี ต่อหน้าคนดูในสหรัฐฯ ทำให้ รีอา รู้สึกประหม่าอย่างแรง และกดดันว่าจะทำผิด ขายขี้หน้า แต่โชคดีที่แมตช์แรกของเธอไปได้สวย และจบลงด้วยดี "ฉันกลัวมากเลย เหมือนเป็นวัยรุ่นอายุ 20 ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโลก ฉันไม่เคยปล้ำออกทีวี ไม่เคยอยู่ในโปรดักชั่นขนาดใหญ่ ฉันไม่อยากพลาด ไม่อยากล้มเหลว ฉันไม่ชอบสิ่งนี้ ฉันเลยกดดันตัวเอง และรู้สึกตื่นตระหนกกับมันมาก"

WWE ประทับใจกับลีลาการปล้ำ และบุคลิกที่มีเสน่ห์ของ รีอา ริปลี่ย์ อย่างมาก ทำให้เธอได้เข้าไปฉายแสงใน NXT ค่ายพัฒนาทักษะนักมวยปล้ำดาวรุ่ง ที่มี ทริปเปิล เอช ไอดอลของเธอดูแลค่ายอยู่ในเวลานั้น ซึ่งถูกมองว่าเป็นแบรนด์ลำดับ 3 ของ WWE รองจาก RAW และ Smackdown และเป็นเวทีแรกที่เหล่านักมวยปล้ำหน้าใหม่ ใช้เป็นสถานที่ขัดเกลาบ่มทักษะ ทั้งการปล้ำ การพูดโปรโม การดึงดูดคนดู เจียระไนตัวเองให้โดดเด่น เพื่อโอกาสถูกผลักดันไปสู่แบรนด์ที่ใหญ่ขึ้นอย่าง RAW กับ Smackdown ตามรอยรุ่นพี่นักมวยปล้ำหญิงที่เคยผ่านเวที NXT ก่อนไปเฉิดฉายบนแบรนด์ใหญ่มาแล้ว อาทิ ชาร์ล็อตต์ แฟลร์, เบ็คกี้ ลินช์, เบย์ลี่, ซาช่า แบงค์ส, อเล็กซ่า บลิส, อาซึกะ ฯลฯ

NXT ไม่เพียงแต่เป็นเวทีที่ รีอา ริปลี่ย์ ใช้เจียระไนฝีมือการปล้ำ แต่ยังขัดเกลาภาพลักษณ์ตัวเองใหม่ วัยรุ่นหญิงผมบลอนด์จากเมืองแอดิเลด ออสเตรเลีย ค่อย ๆ เปลี่ยนตัวเอง ตัดผมสั้น ปรับคอสตูมมาเป็นเสื้อ กางเกงหนังขายาวแบบชาวร็อค ตามรสนิยมของเธอที่ชอบฟังเพลงร็อค เมทัล แต่งหน้าทาปาก เจาะหู กันคิ้ว จนกลายเป็นนักมวยปล้ำหญิงมาดร็อคสตาร์ เท่และโดดเด่นไม่เหมือนใคร ขณะเดียวกัน ยังประสบความสำเร็จบนเวที คว้าแชมป์หญิง NXT และถูกดันให้ขึ้นปล้ำ ศึกใหญ่ที่สุดของสมาคม WrestleMania เป็นครั้งแรกในชีวิต ป้องกันแชมป์กับ ชาร์ล็อตต์ แฟลร์ คู่แข่งรุ่นพี่ในปี 2020

แมตช์นั้นจบลงที่ รีอา ริปลี่ย์ เสียเข็มขัดแชมป์หญิง NXT ให้ ชาร์ล็อตต์ แฟลร์ ในสนามที่ว่างเปล่าไม่มีคนดูเพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เหนืออื่นใด รีอา เผยว่ารู้สึกโล่งใจที่แมตช์ WrestleMania ครั้งแรกในชีวิตของเธอ จบลงด้วยดีพร้อมกับคำชมจากทีมงานหลังฉาก จนเธอถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา เป็นการระบายความเครียดที่สั่งสมเอาไว้มาตลอดตั้งแต่ช่วงเตรียมแมตช์ การฝึกซ้อม จนถึงวันที่ต้องขึ้นปล้ำจริง

"ฉันจำได้ว่าพอจบแมตช์ แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นอย่างที่ต้องการ แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก" รีอา เผย "มันเป็นวันที่ฉันเครียดมาก คุณไม่มีทางรู้หรอก ฉันจำได้ว่าเมื่อมันจบแล้ว พอกล้องดับ ฉันก็ร้องไห้ออกมาเลย ฉันมีความสุขมาก เพราะเหมือนอะไรบางอย่างหลุดออกจากบ่าไปแล้ว ฉันเครียด แต่ก็มีความสุขไปด้วย เพราะมันคือ WrestleMania มันมีความหมาย และฉันก็มีความสุขที่เราทำได้ดี"

ถึงจะเสียเข็มขัด แต่ รีอา ริปลี่ย์ ก็ยังไม่เสียโมเมนตั้ม เธอยังเป็นดาวเด่นของ NXT ได้ปล้ำแมตช์ใหญ่ๆ ของแบรนด์ และเมื่อสุกงอมได้ที่ WWE ก็ตัดสินใจผลักดัน รีอา ริปลี่ย์ ขึ้นสู่แบรนด์อันดับ 1 ของค่ายอย่าง RAW เป็นทางการในปี 2021 ให้ร็อคสตาร์หญิงสุด Brutal คนนี้ อาละวาดให้แฟนมวยปล้ำได้เห็นกันทั่วโลก

 

"Mami" ตัวโกงที่คนดูรัก

"ตอนที่เข้ามาอยู่ใน RAW ฉันรู้สึกเหมือนต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แม้ว่าจะมีชื่อเสียงมาจาก NXT แต่ที่ RAW ทุกอย่างมันใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น และทุกคนเก่งมาก ดังนั้น คุณต้องพิสูจน์ว่าคุณสมควรอยู่ที่นี่" รีอา ริปลี่ย์ พูดถึงตอนที่ได้เลื่อนชั้นจากค่ายพัฒนาทักษะอย่าง NXT มาเป็นนักมวยปล้ำในแบรนด์ RAW แบรนด์หลักของ WWE ที่มีแฟนมวยปล้ำติดตามชมอยู่ทั่วโลกเมื่อปี 2021 และมีคนดูมากกว่า NXT หลายเท่า

ช่วงแรกของการเลื่อนชั้น รีอา ริปลี่ย์ ได้รับการโปรโมทอย่างดี กระชากแชมป์โลกหญิงของ RAW มาจาก อาสึกะ ในศึกใหญ่ WrestleMania 37 ปีเดียวกัน ทว่าถือแชมป์ได้เพียง 3 เดือน ก็ต้องเสียเข็มขัดให้กับ ชาร์ล็อตต์ แฟลร์ คู่ปรับเก่าในศึก Money in the Bank ปีนั้น ก่อนถูกส่งไปอยู่ลีกแท็กทีมหญิง จับคู่กับ นิคกี้ ครอส และ ลีฟ มอร์แกน จุดนี้ทำให้สื่อและแฟนมวยปล้ำหลายคนมองว่า รีอา กำลังถูกลดระดับจากเส้นเรื่องแชมป์โลก มาเป็นลีกรองที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ ประกอบกับช่วงนั้น รีอา รับบทเป็นนักมวยปล้ำสายธรรมะ ขัดกับบุคลิกที่ดูเป็นแบดวูแมน ร็อคสตาร์ ทำให้เธอไม่โดดเด่นเท่าที่ควรในแบรนด์ใหญ่แบบ RAW เมื่อเทียบกับคนอื่น

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงเมื่อ เอดจ์ (Edge) ซูเปอร์สตาร์รุ่นเก๋าของ WWE ที่เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายอธรรม ชักชวนเธอมาร่วมทีม The Judgement Day ร่วมกับ เดเมี่ยน พรีสต์ เพื่อนร่วมค่าย และเปลี่ยนบทมาเป็นตัวโกง พร้อมกับปรับภาพลักษณ์ให้ดูดุดันขึ้น เพิ่มรอยสักที่แขนและขา คอสตูมสีดำทะมึน แต่งหน้าทาปากเป็นสายดาร์คเต็มตัว อันเป็นสิ่งที่อยากทำมานานแล้ว ซึ่งเธอให้เครดิตกับ เอดจ์ อย่างมาก ที่ให้โอกาส และผลักดันเธออย่างเต็มที่ จนเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่สำหรับอาชีพของตัวเอง

"ฉันอยู่ในช่วงที่รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลง ต้องรีเซ็ตตัวเองใหม่ ขณะที่ เอดจ์ เข้ามาคุยกับฉัน แล้วบอกว่า เธอมีพลังบางอย่างที่ยังไม่ได้ใช้ ฉันเลยรู้ว่านี่แหละคือโอกาสที่ฉันจะได้แสดงด้านมืดของตัวเองออกมา" รีอา พูดถึงการเทิร์นฮีลครั้งสำคัญ ที่ส่งผลต่ออาชีพของเธอในด้านบวก

การร่วมทีม The Judgement Day ทำให้ รีอา ริปลี่ย์ ฉายแสงเปล่งปลั่งเต็มที่ในฐานะตัวโกงฝ่ายหญิง เปิดโอกาสให้เธอได้เล่นบทฮีลอย่างโดดเด่น ทั้งการเล่นงานนักมวยปล้ำหญิงทุกคนที่ขวางหน้า ปั่นป่วนครอบครัวของ เรย์ มิสเตริโอ จนล้างสมอง โดมินิค มิสเตริโอ ลูกชาย ให้ย้ายฝั่งมาเป็นตัวโกงด้วยกันในทีม The Judgement Day และเรียกตัวเองว่า "Mami" คอยดูแล โดมินิค ให้เป็นคนโฉดโดยสมบูรณ์

และแทนที่เป็นตัวโกงแล้วจะมีแต่คนเกลียด กลายเป็นว่า รีอา ริปลี่ย์ ในกิมมิคใหม่ ชื่อเรียกใหม่ว่า "Mami" และมาพร้อมกับวลีเด็ดที่ว่า "Mami's Always on Top (คุณแม่ เหนือกว่าคนอื่นเสมอ)" ได้เสียงตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากแฟนมวยปล้ำ ไม่ใช่แค่คนดูผู้หญิง แม้แต่แฟนมวยปล้ำชายก็ชื่นชอบ ก่อนยกสถานะเป็นนักมวยปล้ำหญิงแถวหน้ารุ่นใหม่ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของสมาคม WWE แบบไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นคนไหนดังเทียบเท่า

 

เอาชนะความกลัว จนเป็นตัวท็อป

นอกจากการปล้ำกับสกิลไมค์ที่ทำได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว อีกปัจจัยที่ส่งให้คาแรกเตอร์ "Mami" ของ รีอา ริปลี่ย์ ประสบความสำเร็จสูงสุด นั่นคือการที่ WWE ผลักดันเธอแบบสุดขั้น ให้สอดคล้องกับกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากคนดู ทั้งการเป็นผู้ชนะ Royal Rumble ปี 2023 ได้ไปแก้แค้น ชาร์ล็อตต์ แฟลร์ จนทวงแชมป์โลกหญิงกลับคืนมาใน WrestleMania 39 ปีเดียวกัน พร้อมกันนั้นยังให้ รีอา ริปลี่ย์ มีบทบาทอยู่ในเนื้อเรื่องเด่น ๆ ของ WWE มากมาย แม้มีช่วงหนึ่งที่เธอได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา จากการผิดคิวกับ ลีฟ มอร์แกน จนต้องสละเข็มขัดแชมป์ไปรักษาตัว แต่ความนิยมของเธอก็ไม่ตกหล่นไปไหน เพราะติดลมบนไปเรียบร้อย

ถึงภายนอกจะดูเป็นนักมวยปล้ำหญิงสุดแกร่ง ชนิดที่มีคนแซวว่าคงหานักมวยปล้ำหญิงรุ่นใหม่มาสู้ด้วยไม่ได้แล้ว เพราะฝีมือห่างกันเกินไป (บ้างถูกแซวว่า WWE ปั้นเธอจนกลายเป็น ไชน่า นักมวยปล้ำหญิงสุดแกร่งแห่งยุค Attitude ภาคสอง) แต่ถึงอย่างนั้น รีอา ริปลี่ย์ ก็ยอมรับว่าเธอยังมีจุดอ่อนที่ยังต้องพยายามต่อสู้อยู่ด้วยเสมอ นั่นคืออาการแพนิค ความกลัว และความกดดันที่ถาโถมเข้ามาทุกครั้งเมื่อถึงเวลาที่ต้องปล้ำแมตช์ใหญ่ แมตช์สำคัญต่อหน้าคนดูในสนามหลักครึ่งแสนคน

ย้อนกลับไปในศึกใหญ่ WrestleMania 40 เดือนเมษายน 2024 รีอา ริปลี่ย์ ขึ้นเวทีป้องกันแชมป์กับ เบ็คกี้ ลินช์ ในแมตช์เปิดรายการ วันนั้นเธอยอมรับว่ารู้สึกกลัว มือสั่น และกังวลอย่างแรง ขนาดว่าตอนนั้นเธอผ่านแมตช์ใหญ่ทั้งโชว์รายสัปดาห์ หรืออีเวนต์รายเดือนมาแล้ว แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับ WrestleMania ศึกมวยปล้ำที่มีคนดูมากที่สุดในโลก แต่เธอก็พยายามรวบรวมสมาธิจนกลับมา ด้วยเสียงเพลงเปิดตัว Demon in Your Dreams จากวง Motionless In White และออกไปปล้ำบนเวทีด้วยฟอร์มที่ดีที่สุด จนป้องกันแชมป์ไว้ได้

รีอา เล่าถึงช่วงก่อนปล้ำแมตช์แห่งความทรงจำกับ เบ็คกี้ ลินช์ ที่ได้ 4.25 ดาว จาก เดฟ เมลเซอร์ กูรูมวยปล้ำชื่อดังว่า "ฉันเกือบสติแตกในช่วง 2 ชั่วโมงก่อนเดินออกไปหน้าม่าน ตอนนั้นฉันตัวสั่น ประหม่าอย่างแรง แต่ถ้าคุณไม่เป็นแบบนั้น แสดงว่าคุณยังรักในสิ่งที่ทำไม่มากพอ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด ฉันดีใจที่ตัวเองมีความรู้สึกกังวลอยู่ แต่ขณะเดียวกัน มันก็ครอบงำร่างกายฉัน อย่างไรก็ตาม เมื่อฉันก้าวขึ้นเวทีพร้อมกับวง Motionless In White ความกังวลที่มีก็หายเป็นปลิดทิ้ง"

นอกจากนี้ รีอา ริปลี่ย์ ยังอธิบายถึงบุคลิกของตัวเอง โดยเฉพาะในร่างของ Mami ว่ามีส่วนเสริมให้เธอมีความมั่นใจกับสิ่งที่ทำ และใช้มันเป็นแรงผลักดันตัวเองเวลาทำงาน มากกว่าตอนเป็นเด็กสาวผมบลอนด์จากแอดิเลดที่ชื่อ เดมี่ เบนเน็ตต์ คนนั้น

"ตอนที่ฉันเป็น เดมี่ เบนเน็ตต์ ฉันไม่ค่อยมีความมั่นใจอะไรนัก รีอา คือด้านที่มั่นใจของฉัน ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจมากเท่าไหร่เวลาใช้ชีวิตประจำวัน เป็นคนที่ค่อนข้างวิตก และก็มีอีกหลายอย่าง ดังนั้นฉันก็เลยชอบที่จะเป็น รีอา ริปลี่ย์ และชอบแสร้งว่าเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นนั้นอยู่"

ทั้งนี้ รีอา ยอมรับไม่คิดว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จในสายงานมวยปล้ำขนาดนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปจากจุดเริ่มต้นตอนปล้ำให้สมาคมอินดี้ที่บ้านเกิด กระนั้น เธอก็ภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการทุ่มเททำงานหนัก และตั้งใจที่จะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม เพื่อทำให้คนดูมวยปล้ำทั่วโลกเห็นว่า รีอา ริปลี่ย์ คือสุดยอดนักมวยปล้ำหญิงของ WWE ที่ทุกคนต้องจดจำในฝีไม้ลายมือ และคาแรกเตอร์ที่ไม่เหมือนใคร

"ฉันมาที่นี่เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ ฉันเติบโตที่แอดิเลด เซาธ์ออสเตรเลีย ที่นั่นฉันมักถูกบอกเสมอว่าการได้มาอยู่ที่ WWE คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งแค่การที่ฉันได้มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่การได้ทำ แกรนด์ สแลม (คว้าแชมป์หญิงทุกเส้นของ WWE) มันก็สุดยอดมาก ฉันภูมิใจกับตัวเองและเส้นทางของฉันใน WWE"

"ฉันอยากให้ชี่อของฉันถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดไป และฉันก็บอกได้เลยว่า ฉันทำสำเร็จแล้ว" Mami แห่ง WWE และแฟนมวยปล้ำทั่วโลก กล่าว

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.loudersound.com/features/classic-rhea-ripley-interview?
https://www.wrestlinginc.com/news/2019/11/rhea-ripley-on-trying-out-for-wwe-at-17-662591
https://www.wrestlezone.com/news/1566677-rhea-ripley-explains-why-she-didnt-think-success-was-possible
https://www.sescoops.com/news/wwe/rhea-ripley-on-how-she-felt-after-her-wrestlemania-36-match/
https://www.wrestlezone.com/news/1362785-rhea-ripley-im-here-to-make-history-i-want-to-etch-my-name-in-the-history-books?
https://nypost.com/2024/04/09/sports/rhea-ripley-reveals-she-had-panic-attack-hours-before-wrestlemania/
https://www.f4wonline.com/news/wwe/rhea-ripley-on-her-wwe-character-its-the-confident-side-of-me/

Author

วัลลภ สวัสดี

ฟังไปเรื่อย ดูไปเรื่อย เขียนไปเรื่อย

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ