จากดาวยิงผู้ถูกยกให้เป็นทายาท อลัน เชียเรอร์ สู่ข่าวลือการย้ายไปลิเวอร์พูล ทำไม อเล็กซานเดอร์ อิซัค ถึงอยากอำลานิวคาสเซิ่ล ?
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทั้งเบื้องหลัง ความจริงหลายด้าน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ติดตามกับ Main Stand
อิซัค และ นิวคาสเซิ่ล
ในช่วงฤดูกาลตลาดซื้อขายนักเตะ ข่าวลือมากมายมักปรากฎออกมาให้แฟนบอลได้เห็นเสมอ และในซัมเมอร์ปี 2025 เรื่องราวกาารแตกหักระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และนักเตะที่ดีที่สุดในสโมสรพวกเขาอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค คือ ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ หมายเลข 1 อย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่า ๆ แล้วที่ อิซัค ต่อต้านทุกอย่างกับสโมสรแห่งนี้ ทั้ง ๆ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาเพิ่งพาทีมคว้าแชมป์แรกในรอบ 70 ปี ด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในนัดชิง คาราบาว คัพ และใจความของเรื่องการต่อต้าน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เขาอยากจะย้ายทีมเพื่อไปสู่อีกระดับของอาชีพ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ในโลกฟุตบอล ... อิซัค คิดว่า นิวคาสเซิ่ล เล็กเกินไปแล้วสำหรับเขาในตอนนี้
ณ ตอนนี้ เป็นการเถียงกันระหว่าง 2 ฝั่ง ที่ อิซัค บอกว่าเขาควรได้ย้ายทีม จากการที่เคยตกลงกับทีมเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขากล่าวว่าคนใหญ่คนโตในสโมสรสัญญากับเขาว่า ฤดูกาล 2025-26 เขาจะได้ย้ายออกจากทีม
ข่าวจากฝั่งอิซัคออกมาได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ฝั่งนิวคาสเซิ่ลก็ออกมาโต้แถลงว่า "ไม่มีข้อสัญญาดังกล่าว" และสโมสรจะถือผลประโยชน์ของทีมเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเสมอ
ข่าวลือมากมายเกิดขึ้นจากนั้น อิซัค สัญญากับใคร ? บ้างก็ว่าเป็นการสัญญากับอดีตผู้บริหารเก่าอย่าง อแมนด้า สแตฟลี่ย์ ที่ออกไปแล้ว แต่หากเราจะว่ากันตามข้อเท็จจริง ตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นความจริง 100% นั่นคือ "อเล็กซานเดอร์ อิซัค ยังคงเป็นนักเตะของนิวคาสเซิ่ล และมีสัญญาอีก 3 ปี กับทีม"
ซึ่งจากข้อเท็จจริงข้อนี้ ทำให้ นิวคาสเซิล ออกมายืนยันหนักแน่นว่า อิซัค ไม่ได้มีไว้ขาย แต่เรื่องที่น่าสนใจคือ ณ ตอนที่ปัญหานี้เริ่มในช่วงปี 2024 นิวคาสเซิล ไม่ได้มีผู้อำนวยการกีฬาประจำตำแหน่ง ซีอีโอของพวกเขาก็กำลังจะออกจากตำแหน่ง
ดังนั้นการตัดสินใจที่สำคัญในเวลานี้ขึ้นอยู่กับกลุ่ม PIF จากซาอุดีอาระเบีย ที่ถือหุ้นใหญ่ของสโมสร ซึ่งทำให้ฝั่ง นิวคาสเซิล ยืนกรานในเวลานี้ เพราะ อิซัค ถือเป็นนักเตะคนโปรดของ ยาซีร์ อัล-รูมายยาน ประธานสโมสร และเป็นคนที่สโมสรจะยึดไว้เป็นศูนย์กลางสู่การพัฒนาต่อยอดในอนาคต
นิวคาสเซิ่ล ยึดถือข้อเท็จจริงข้อนนี้ ที่ทำให้พวกเขาถือไพ่เหนือกว่า อิซัค ทว่าการยืนกรานไม่ขาย และปล่อยให้นักเตะไม่ได้ลงเล่นต่อไปเรื่อย ๆ เป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน และการตัดสินใจของสโมสรสำคัญมากกับทิศทางที่รออยู่ในอนาคต
สุดท้ายคือแยกย้าย
เป็นที่แน่ชัดว่ามาถึงตรงนี้ จากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน กลายเป็นความบาดหมางที่ยากจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมสำหรับ นิวคาสเซิ่ล และ อิซัค ซึ่งต่อจากนี้การหาทางออกเหลือเวลาอีกราว ๆ ไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนตลาดปิด
อิซัค ไม่เคยกล่าวถึงปลายทางและสโมสรใหม่ที่เขาอยากจะไป แต่หลายคนต่างรู้ดีว่า สโมสรนั้นคือ ลิเวอร์พูล ที่เคยมีข่าวกับเขาอย่างหนาหูเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้ และจากข่าวดังกล่าวทำให้ อิซัค ไม่ยอมไปอุ่นเครื่องที่เอเชียกับทีม หรือแม้กระทั่งการไม่รายงานตัวฝึกซ้อมกับทีมตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม ฝั่งลิเวอร์พูลยืนยันว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการที่อิซัคแสดงความแตกหักกับต้นสังกัด แต่ก็อีกเช่นเคย ทุกคนต่างรู้ดีว่าการที่หงส์แดง เคยยื่นข้อเสนอระดับสถิติเกาะอังกฤษด้วยราคา 120 ล้านปอนด์ เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่าข้อเสนอนี้เองที่ทำให้อิซัคเริ่มเปลี่ยนใจ หลังมีข่าวลือมาพักใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้เปิดเผยกับสื่ออย่าง The Athletic ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะเขาเคยบอกนิวคาสเซิ่ลแล้วว่าฤดูกาลที่แล้วจะเป็นปีสุดท้าย เขาอยากไปสโมสรที่มีโอกาสคว้าแชมป์รายการใหญ่ ๆ
ทั้งหมดนี้เกิดจากหลายปัจจัย ตั้งแต่กฎ PSR ที่ทำให้นิวคาสเซิลต้องเร่งขายนักเตะเมื่อซัมเมอร์ก่อน ไปจนถึงการปรับโครงสร้างบริหารใหม่โดยมี พอล มิตเชลล์ เข้ามาเป็นผู้อำนวยการกีฬา เขาเลือกชะลอการต่อสัญญาอิซัค แม้ว่าตอนนั้นดาวยิงสวีดิชเพิ่งยิงเกิน 20 ประตูในพรีเมียร์ลีก
ในมุมมองของ มิตเชลล์ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเศรษฐศาสตร์ เพราะ ณ ช่วงเวลาซีซั่นที่แล้ว อิซัคยังเหลือสัญญา 4 ปี และรับค่าเหนื่อยกว่า 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หากเพิ่มค่าเหนื่อยให้เขา อาจทำให้แข้งสำคัญคนอื่นเรียกร้องตามมา ซึ่งจะเกินกำลังสโมสร
อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงตรงนี้ "บางคนในสโมสร" แสดงความคิดเห็นว่าการชะลอการต่อสัญญาแบบนี้คือ "ความผิดพลาด" เพราะมันทำให้นักเตะตัวหลักระดับกระดูกสันหลังของทีมอย่าง อิซัค รู้สึกไม่ได้รับการให้คุณค่า
แม้ปัจจุบันนิวคาสเซิ่ลจะมีสถานะการเงินดีขึ้นแล้ว และพร้อมจะยื่นสัญญาที่ทำให้อิซัคเป็นนักเตะค่าจ้างสูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร หากเขายังต้องการอยู่ต่อ ทว่าตอนนี้ทุกอย่างแตกต่างออกไปจากปีที่แล้ว ความเปลี่ยนแปลงของท่าทีและบรรยากาศเมื่อเทียบกับยุคของ อแมนด้า สแตฟลี่ย์ ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ท่าทีของอิซัคแข็งกร้าวขึ้น
หาทางลงให้ดี
ปัจจุบัน นิวคาสเซิ่ลไม่มีความจำเป็นทางการเงินที่จะต้องขายอิซัคเลย โดยอ้างอิงจากปากคำของ เอ็ดดี้ ฮาว ที่บอกว่า "เราอยู่ในระดับที่ยังคุมชะตาอนาคตของเขาได้ ความปรารถนาของผมคือเขาอยู่ต่อ แต่ผมไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจทั้งหมดสำหรับเรื่องนี้"
สำหรับ อิซัค แม้ว่าเขาจะอ้างสัญญาลูกผู้ชาย หรืออะไรในลักษณะนั้น แต่ความจริงก็คือ สัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรมันบอกว่า เขายังเป็นนักเตะของนิวคาสเซิ่ล ซึ่งสัญญาฉบับนี้เขาเป็นคนเซ็นเองด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับ
เรื่องนี้สามารถชัดเจนขึ้นกว่าเดิมได้ หาก อิซัค ยืนยันกับสโมสรบอกว่า "ขอขึ้นบัญชีขาย" ( Transfer Request) แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งคาดกันว่าอาจเป็นเพราะมีเงินโบนัสความจงรักภักดี (Loyalty Bonus) ก้อนโต ซึ่งเงินก้อนนี้เขาจะได้รับก็ต่อเมื่อ เขาย้ายออกจากสโมสรโดยที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากความต้องการของตัวเอง ซึ่ง ณ ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น
เขาอาจจะตกลงสัญญาเรื่องที่บอกว่า หากเล่นดี และได้รับข้อเสนอจากทีมที่โปรเจ็กต์ใหญ่กว่า สโมสรจะต้องขายเขาออกจริงก็ได้ แต่หลักฐานที่ยืนยันสิ่งนั้นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้เปิดเผยออกมา ณ ตอนนี้ ซึ่งมันอาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้
ดังนั้นต่อให้ อิซัค จะเล่นแง่แค่ไหน แต่ นิวคาสเซิ่ล ก็สามารถใช้ไม้แข็ง ยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นจากสัญญาที่มี ให้ อิซัค อยู่กับทีมต่อไป และลงเล่นในฤดูกาลนี้ ซึ่งหากอิซัค ไม่ปฏิบัติตามสัญญา สโมสรก็ยังสามารถฟ้องร้องหรือปรับเงินได้ ถ้าผู้เล่นไม่ยอมลงสนามโดยไม่มีเหตุอันควร
จริงอยู่ที่ความจริงของโลกฟุตบอลคือ "ไม่มีใครใหญ่เกินสโมสร" แต่สำหรับกรณีนี้ อิซัค และ เอเย่นต์ ทำให้ทุกอย่างลำบากเองอย่างช่วยไม่ได้ หากเขาปฏิบัติตัวในกฎระเบียบ ทำตามข้อตกลง เช่นการมารายงานตัวซ้อมกับทีม หรือกลับมาเคลียร์เรื่องนี้ให้ชัดเจน แทนที่จะหลบอยู่อีกที่ และโพสต์ข้อความผ่านโซเชี่ยลมีเดียที่ไร้ซึ่งหลักฐาน ซึ่งจุดยืน ณ ตอนนี้มันไม่ได้ช่วยให้เขาย้ายทีมง่ายขึ้นเลย
ยกกรณีศึกษาเมื่อปี 2022 ตอนที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ นักเตะระดับท็อป 3 ของโลก อยากจะย้ายออกจาก เปแอสเช จนนักเตะเลือกจะปฏิเสธการต่อสัญญาเพราะต้องการเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ กรณีนี้ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ ประธานสโมสรของพวกเขาถึงกับลงมาเคลียร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง และว่ากันว่ามีคนใหญ่คนโตนอกสโมสรเข้ามาช่วยเคลียร์เรื่องนี้ด้วย
ณ เวลานั้น เอ็มบัปเป้ ก็ทำคล้าย ๆ กับ อิซัค เพียงแต่ไม่เคยออกมาพูดด้วยตัวเองถึงปัญหาภายใน แต่ที่แน่ ๆ ฝั่ง เปแอสเช เด็ดขาด และเปิดโต๊ะคุยกับนักเตะอย่างจริงจังที่สุด และสุดท้าย เอ็มบัปเป้ ที่เคยถูกถอดชื่อจากปรีซีซั่นและสั่งแยกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ก็ตัดสินใจแบบกลับตาลปัตรหลังจากเคลียร์ครั้งนั้น เขาต่อสัญญาฉบับใหม่ถึงปี 2024 กลับมาซ้อมกับทีม และอยู่กับทีมต่อไป
แหล่งข่าวระบุว่าเหตุการณ์จบลงแบบปกติได้ ก็เพราะว่าทั้งสองฝ่ายตั้งโต๊ะคุยกันครั้งนั้น และหาทางออกร่วมกันอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งท้ายที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายก็ถอยคนละก้าวฝั่ง เอ็มบัปเป้ ยอมสละ Loyaty Bonus ก้อนโต ขณะที่สโมสรก็พร้อมเปิดเงื่อนไขย้ายทีมในอนาคต
ซึ่งในระหว่างนี้ เปแอสเช ก็หาทางลง ด้วยการเตรียมพร้อมกับการที่จะไม่มีเอ็มบัปเป้ ในอนาคต ซึ่งพวกเขาก็ทำสำเร็จภายใต้การนำทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ กับระบบการเล่นที่ไม่ต้องพึ่งพาใครคนใดคนหนึ่งอีกต่อไป และอย่างที่เรารู้กัน เปแอสเช กลายเป็นทีมที่ดีกว่าเดิม ยิ่งกว่าตอนที่มี เอ็มบัปเป้ ด้วยซ้ำ
หลายสโมสรต่างเคยผ่านจุดนี้ จุดที่นักเตะตัวเก่งของทีมยืนกรานจะย้ายออก ซึ่งตอนจบส่วนใหญ่มักเป็นการแยกทางกัน แต่ก็แตกหักกันทั้งสองฝ่ายก่อนแยกย้ายทั้งสิ้น ... แต่สิ่งสำคัญที่สุดของเรื่องคือการหาทางออกให้เร็วที่สุด เพราะยื้อกันต่อไปแบบยืนกระต่ายขาเดียว ผมไม่ผิด คุณไม่ผิดแบบนี้ ต่างฝ่ายก็จะเสียผลประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ ... คำถามคือ นิวคาสเซิ่ล กับ อิซัค จะคุยกับแบบที่ เปแอสเช คุยกับ เอ็มบัปเป้ ได้หรือไม่
ยิ่งเคลียร์จบไว ทุกอย่างก็จะชัดเจน ต่างฝ่ายต่างไปต่อบนเส้นทางของตัวเอง ไม่อย่างนั้นผลเสียจะเกิดขึ้น ซึ่งมันไม่คุ้มที่ปล่อยให้มันยืดเยื้อแบบนี้แน่ เพราะ ณ ตอนนี้ก็เริ่มมีการรายงานว่านักเตะของนิวคาสเซิ่ลก็มีความคิดแบ่งเป็น 2 ฝั่ง บางฝั่งอยู่ข้างสโมสร บางฝั่งอยู่ข้างอิซัค
ดังนั้นถ้าเรื่องนี้ไม่จบสักที ... ปัญหาจากนักเตะคนเดียว อาจจะกระทบถึงผู้เล่นทั้งทีมก็เป็นได้
แหล่งอ้างอิง
https://www.nytimes.com/athletic/6522319/2025/07/30/alexander-isak-newcastle-transfer-contract/
https://www.nytimes.com/athletic/6563682/2025/08/19/alexander-isak-newcastle-transfer-statement/
https://www.nytimes.com/athletic/5279329/2024/02/16/kylian-mbappe-psg-exit-why/