Feature

บรัดเล่ย์ บาร์โคล่า : แข้งเด็กธรรมดา ที่โตมาเป็นตัวแทน คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ เปแอสเช | Main Stand

"บรัดเล่ย์ บาร์โคล่า ในตอนนี้กับตอนเด็กเป็นคนละเรื่องกันเลย ไม่มีใครจินตนาการได้ว่าเขาจะมาถึงจุดที่ดีขนาดนี้ ... แต่กับสิ่งที่เขาเป็น ผมว่าเด็กคนนี้จะดียิ่งกว่าที่เป็นอยู่ได้อีก"  ฌอง ฟรองซัวส์ วูลลิเอซ อดีตหัวหน้าอะคาเดมี่ของ ลียง กล่าวถึงเด็กอดีตลูกทีมของเขาที่ปัจจุบันเป็นดาราแถวหน้าของ เปแอสเช ทีมที่เก่งที่สุดในประเทศฝรั่งเศส 

 

ทำไมอดีตหัวหน้าอคาเดมี่ ลียง ถึงบอกว่าเมื่อก่อน บาร์โคล่า เป็นเด็กธรรมดา ๆ ไม่น่าเก่งได้ขนาดนี้ ? ระหว่างทาง ปีกรายนี้ที่ถูกเรียกว่า "ตัวแทน เอ็มบัปเป้" ไปเจออะไรมา ทำไมจึงเก่งได้แบบก้าวกระโดด ?

ติดตามเรื่องราวทั้งหมดที่ Main Stand

 

พรสวรรค์อาจไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุด

บรัดเล่ย์ บาร์โคล่า ถือเป็นนักเตะแบบพิมพ์นิยมที่มีมากมายในวงการฟุตบอลฝรั่งเศส กล่าวคือเป็นตัวริมเส้นผิวดำ ที่มีจุดเด่นเรื่องสปีด และความคล่องแคล่ว 

เขาเล่นสไตล์แบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่เล่นให้กับอคาเดมี่ของ โอลิมปิก ลียง ซึ่งด้วยความที่ตำแหน่งดังกล่าวมีคู่แข่งและคู่เปรียบจำนวนมาก บาร์โคล่า จึงไม่ใช่นักเตะระดับแถวหน้าในช่วงเวลาเริ่มต้นของเขา และคนที่ยืนยันเรื่องนี้ของ ฌอง ฟร็องซัวส์ วูลิเอซ อดีตหัวหน้าอคาเดมี่ของ ลียง เอง 

บาร์โคล่า นั้นโดนขวางทางโดยรุ่นพี่อย่าง คาร์ล โตโก เอคัมบี ซึ่งขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่และยึดตำแหน่ง 11 ตัวจริงได้ก่อน โดย ณ เวลานั้นกุนซือของ ลียง อย่าง โลรองต์ บล็องก์ ได้ตัดสินใจด้วยตัวเองแล้วว่า เอคัมบี คือนักเตะที่พร้อมมากกว่า ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และไอคิวด้านฟุตบอล 

ดังนั้นการที่เขาจะเก็บดาวรุ่งไว้ในทีมสำรอง และได้ลงเล่นแต่ในฟุตบอลถ้วย จึงไม่ใช่แนวทางพัฒนานักเตะที่ดีนัก บล็องก์ จึงตัดสินใจประกาศให้ บาร์โคล่า อยู่ในลิสต์นักเตะยืมตัว และเจ้าตัวก็พร้อมจะเก็บข้าวเก็บของไปเล่นในลีกสวิตเซอร์แลนด์แบบยืมตัวอยู่แล้ว ... จนกระทั่งเกมเปลี่ยน

"บล็องก์ บอกว่าควรปล่อยให้เขาได้มีโอกาสลงเล่น และ บาร์โคล่า ก็เข้าใจเรื่องนั้นดี ทว่าทุกอย่างก็เกิดจุดเปลี่ยนเมื่อ เอคัมบี บอกว่าเขาอยากจะย้ายทีมออกไปในฤดูกาล 2022-23 และตอนนั้น บล็องก์ ก็เริ่มมองว่าบางทีการเก็บ บาร์โคล่า ไว้จะเป็นสิ่งทีดีกว่า และตั้งแต่วันนั้นเขาก็แสดงสิ่งที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นในตัวของเขาออกมา" อดีตหัวหน้าทีมอคาเดมี่ของ ลียง เล่าย้อนความ

ทำไม วูลิเอซ ถึงพูดแบบนั้น เพราะสิ่งที่เราเห็นจาก บาร์โคล่า ในเวลานี้ มันพอจะพูดได้ว่าเขาน่าจะเป็นเด็กแถวหน้าของประเทศตั้งแต่จุดเริ่มต้น การจะบอกว่าเขาเป็นเด็กธรรมดา ๆ ไม่โดดเด่นอะไร ไม่น่าชวนเชื่อมากนัก จากสิ่งที่เขาทำให้ เปแอสเช ในเวลานี้ ? 

"ผมรู้จัก บาร์โคล่า ตั้งแต่ยังเด็ก เขาไม่ใช่พรสวรรค์ระดับชาติในช่วงวัยนั้น เขาเหมือนกับเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่เคยระเบิดฟอร์มเกินรุ่นอายุมากมายนัก ไม่ใช่นักเตะที่สามารถแบกอายุขึ้นมาในรุ่นที่ใหญ่กว่าได้เหมือนกับที่นักเตะอย่าง อองรี หรือ เอ็มบัปเป้ เคยทำในช่วงวัยทีนเอจ ผมไม่ได้บอกว่าเขาไม่เก่งนะ แต่เขาไม่ใช่คนแบบที่ผมเอ่ยชื่อไปข้างต้น เขาก็เหมือนนักเตะอีกหลาย ๆ คนที่เติบโตตามกระบวนการพัฒนาแบบปกติ"

"ที่ ลียง เราเองก็ใช้ความพยายามและอดทนกับเขามากพอสมควร เพราะเรารู้ว่าข้อดีของเขาคือการมีทักษะที่ดี แต่หลายสิ่งในเวลานั้นของเขายังไม่พร้อม นั่นคือเรื่องการเติบโตทางร่างกายและจิตใจ ถ้าเขาปรับตรงนี้ เขาจะเติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีใครการันตีเรื่องนั้นได้เมื่อครั้งอดีต" วูลิเอซ ว่าต่อ

อย่างที่ วูลิเอซ บอกนั่นแหละ นักเตะบางคนไม่ได้แสดงอะไรมากมายในช่วงวัยแห่งการเป็นดาวรุ่ง แต่เมื่อเขาได้โอกาส ได้รับประสบการณ์จากการแข่งขันจริง เขากลับเป็นคนที่ซึมซับอะไรได้เร็ว เห็นจุดอ่อนของตัวเอง และเมื่อรู้จุดอ่อน การแก้ไขปัญหาก็จะทำได้ง่ายและเร็วขึ้น เผลออีกที พัฒนาการของเขาก็ก้าวกระโดด ไม่ตรงกับข้อมูลที่เคยบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ในช่วง 5 ปีหลัง 

บาร์โคล่า ที่ถูก บล็องก์ เรียกขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ ออกสตาร์ทให้ทีมในลีก 6 นัดแรกและยิงไปถึง 4 ประตู และมันรวมถึงการยิงประตูใส่ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ในสนามเหย้า ปาร์ก เดอ แปรงซ์ ด้วย ฟอร์มดังกล่าวทำให้ทีมงาน ลียง อธิบายตรงกันว่า บาร์โคล่า เป็นนักเตะที่เรียนรู้จากเกมการแข่งขันจริงได้ดีกว่าการถูกสอนในสนามซ้อม 

เหมือนกับลูกจระเข้ที่อาจจะกัดใครไม่เป็นเมื่ออยู่ในบ่ออนุบาล แต่เมื่อปล่อยเขาลงแหล่งน้ำ สัญชาตญาณของเขาก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นอย่างง่ายดาย และเรื่องนี้มีคำตอบที่ซ่อนอยู่ 

 

จุดเด่นคือสัญชาตญาณ

ประสบการณ์การลงเล่น เจอกับคู่แข่งจริง ๆ กองหลังที่อายุมากกว่า ประสบการณ์สูงกว่า ที่พร้อมจะเตะเขาทั้งคนทั้งบอล มันทำให้ บาร์โคล่า แสดงจุดแข็งของเขาออกมา นั่นคือเรื่องของไอคิวฟุตบอล

"เขาเจอจุดแข็งของตัวเอง และพัฒนาไอคิวด้านฟุตบอลของตัวเอง นั่นคือกุญแจสำคัญของเรื่องนี้  มันไม่ใช่แค่เรื่องความคล่อง ความเร็ว และร่างกายที่ทำให้เขาชนะคู่แข่งง่าย ๆ แต่เราก็เพิ่งเข้าใจว่าเด็กคนนี้มีความสามารถสแกนทั้งสนามได้ดีมาก รับรู้การเคลื่อนไหวรอบตัว และใช้พื้นที่ที่มีได้อย่างเก่งกาจ ส่วนนี้สำคัญไม่แพ้พรสวรรค์หรือร่างกายเลย" วูลิเอซ อธิบายต่อ 

จากสมองที่ดี นำมาสู่การลงเล่นในเกมระดับสูงที่ต่อเนื่อง และนำมาสู่การพัฒนาจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือร่างกายของเขา ... บาร์โคล่า ในตอนอายุ 18 ปี เริ่มเข้าหลักสูตรพัฒนากล้ามเนื้อแบบเต็มรูปแบบ และเริ่มเอาสิ่งที่มีในสมองและร่างกายมารวมกัน นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเขาจึงเป็นนักเตะที่ผสมผสานระหว่างความสามารถเชิงเทคนิค และความสามารถในเชิงกายภาพได้ดี กลายเป็นคนที่วิ่งเร็วเหมือนกับลมพัด และคล่องแคล่วพอที่จะแหวกทุกด่านที่ขวางหน้า 

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เขาแจ้งเกิดกับ ลียง ได้ทันทีที่ลงเล่นชุดใหญ่แบบเต็มตัว ก็คือการเล่นที่เข้าใจบทบาท เป็นคนที่ไม่เคยมีปัญหาในการรับฟังข้อติเตียนจากโค้ช และแก้ไขมันตามคำสั่ง ซึงเรื่องนี้ โลรองต์ บลองก์ บอกด้วยด้วยตัวเองว่า

"ผมชอบเขาเพราะเขาเป็นคนฉลาดและรับฟัง เมื่อคุณเป็นโค้ชและเจอนักเตะแบบนี้ คุณจะจัดการกับเขาได้ง่ายขึ้นมาก ๆ เพราะไม่ว่าคุณวางแท็คติกแบบไหน เขาก็จะเป็นคนที่สามารถปรับตัวกับกลยุทธ์ที่คุณวางไว้ได้ไม่ยาก ยิ่งคุณส่งเขาลงเล่นมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเก่งขึ้นไวเท่านั้น"

"ความฉลาดนี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อนักเตะมาถึงจุดหนึ่งในช่วงอายุ 17-18 ปี ถ้าพวกเขาไม่มีไอคิวฟุตบอลที่ดี ก็ยากที่พวกเขาจะมีมันได้ในช่วงอายุที่มากขึ้น นั่นแหละคือเหตุผลที่ทำไมการพัฒนาด้านความฉลาดของ บรัดเล่ย์ จึงถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในการเปลี่ยนแปลงของเขา" อดีตกุนซือ ลียง ว่าเช่นนั้น

หลังจากจบฤดูกาล 2022-23 บาร์โคล่า ยิงไป 7 ประตู และ 7 แอสซิสต์ จาก 31 เกม ในวัย 19 ปีเท่านี้ก็มากพอที่ เปแอสเช จะจ่ายเงิน 45 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวเขาไปร่วมทีมในฤดูกาล 2023-24 ในฐานะตัวสำรองของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ 

เจ้าของหมายเลขเสื้อเบอร์ 29 ที่ได้อิทธิพลมาจาก อเล็กซ์ ฮันเตอร์ ในเกม FIFA โหมด The Journey พูดถึงตัวเองที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดแบบที่สรุปความคิดเห็นจากทุกคนเอาไว้ในประโยคเดียวว่า 

“สำหรับผม เป้าหมายนั้นเรียบง่าย นั่นคือ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ แมตช์แล้วแมตช์เล่า ผมไม่คิดมาก ผมทุ่มสุดตัวในสนาม และที่เหลือก็จะตามมาเอง” จากนั้นการพิสูจน์ตัวเองที่ เปแอสเช ก็เริ่มแสดงให้เห็นว่า "เขาพูดจริง" 

 

ตัวสำคัญในทุกกลยุทธ์ของ เอ็นริเก้ 

อย่างที่ทุกคนรอบข้างยืนยันมาตลอดว่า บาร์โคล่า คือสุดยอดนักเตะที่เข้าใจเรื่องวิถีของทีมได้เสมอ ไอคิวฟุตบอลของเขาทำให้เขาลื่นไหลไปตามกลยุทธ์ของโค้ชได้สบาย ๆ และ หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือของ เปแอสเช ก็เข้าใจแบบนั้น ... ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านักเตะที่พร้อมจะลงเล่นและทำตามสิ่งที่โค้ชบอกได้อีกแล้ว 

ในช่วงฤดูกาล 2023-24 หรือปีแรกกับ เปแอสเช บาร์โคล่า ก็ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องในทันทีแบบแทบไม่ต้องต่อคิว จากเดิมที่ถูกวางไว้เป็นตัวสำรองของ เอ็มบัปเป้ กลายเป็นว่า เอ็นริเก้ ก็เกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง บางเกมเลือกส่ง บาร์โคล่า เล่นเป็นตัวรุกฝั่งซ้าย และใช้ เอ็มบัปเป้ เป็นตัวสำรองพลิกเกม นอกจากเหตุผลที่ เอ็นริเก้ ต้องการลองทีมล่วงหน้าเมื่อ เอ็มบัปเป้ เตรียมลาทีมหลังจบซีซั่นแล้ว ยังมีอีกเหตุผลที่ว่า เมื่อ บาร์โคล่า ลงสนาม นักเตะเกมรุกคนอื่น ๆ ในทีมจะทำหน้าที่ได้ง่ายขึ้น

และอย่างที่ได้กล่าวไป นักเตะอย่าง บาร์โคล่า เป็นพวกที่ยิ่งได้เล่น และยิ่งมีคนรอบข้างที่เก่งรวมถึงมีคุณภาพมากขึ้น เขาก็ยิ่งพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้นด้วย จากนักเตะที่เกือบจะโดนปล่อยไปเล่นในลีกสวิส ในเวลาห่างกันแค่ปีเดียว เขากลายเป็นตัวหลักของ เปแอสเช ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะในการแข่งขันระดับ ลีก เอิง หรือ แชมเปี้ยนส์ ลีก 

"การได้ลงเล่นในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกต่อเนื่องเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็ทำได้ แถมยังแสดงให้เห็นว่าตัวเองยังมีจุดที่พัฒนาไปได้อีกมาก โดยเฉพาะเรื่องร่างกายของเขา ผมมั่นใจว่าในตอนที่เขาอายุ 24-25 ปี เขาจะเป็นนักเตะที่เก่งขึ้นกว่านี้อีก โดยเฉพาะเรื่องการจบสกอร์ ที่ต้องอาศัยประสบการณ์" หลุยส์ เอ็นริเก้ บอกแบบนั้น 

จบซีซั่น 2023-24 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ นักเตะหมายเลข 1 ของทีมลาไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ก็เป็นช่วงเวลาของ บาร์โคล่า แบบเต็ม ๆ เขากลายเป็นตัวหลักที่ได้ออกสตาร์ทมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในแนวรุกของ เปแอสเช รองจาก อุสมาน เดมเบเล่ สิ่งที่ เอ็นริเก้ พูดเกิดขึ้นจริงทันทีหลังซีซั่นเริ่ม นั่นคือเรื่องของการจบสกอร์ จากที่เคยยิงได้แค่ 4 ลูกในปีที่แล้ว บาร์โคล่า ยิงรวมไปแล้ว 18 ประตูในซีซั่นนี้ ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่บทบาทหน้าที่หลักของเขาที่ เอ็นริเก้ มอบให้ด้วยซ้ำ 

ในเกมเจอกับทีมเล็ก ๆ ในลีกเราคงไม่ต้องพูดกันแล้ว เพราะ บาร์โคล่า พัฒนาตัวเองไปถึงขั้นที่เขาโจมตีทุกคนได้สบาย ๆ แล้ว แต่เกมที่เขาพัฒนาขึ้นก็คือเกมใหญ่ ๆ ระดับแชมเปี้ยนส์ลีก ที่หน้าที่ของเขาชัดเจนมากขึ้น และกลายเป็นตัวสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ เปแอสเช ชุดนี้ และจะมีเกมไหนยกตัวอย่างได้ดีไปกว่าการเจอกับ ลิเวอร์พูล ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เพราะ เปแอสเช แทบจะเป็นทีมเดียวที่เอาชนะในเชิงกลยุทธ์เหนือทีมหงส์แดงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด 

โดยในเกมแรกที่ เปแอสเช แพ้ในเกมเหย้า บาร์โคล่า ถูกวางไว้ให้เล่นเป็นปีกขวา และทำหน้าที่ปั่นป่วนเกมรับของ ลิเวอร์พูล ได้ตลอดทั้งเกม เพียงแต่ฟอร์มของเขายังไม่ได้พูดถึงมากนัก เพราะบอลแพ้ เรื่องก็จะเงียบหน่อย แต่เกมต่อไปที่ แอนฟิลด์ คือการแสดงตัวตนของเขาอย่างแท้จริง

ในเกมนั้น Eurosport สรุปว่า เอ็นริเก้ ส่ง บาร์โคล่า ลงมาเพื่อดึงตัวประกบของเขาออกจากตำแหน่ง ในหลายครั้งเขาพา เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ รวมถึง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน หลุดออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ ทำให้นักเตะที่ดูเงียบ ๆ ในเกมแรกอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ และ ควิช่า ควารัตสเคเลีย ได้เล่นระหว่างไลน์มากขึ้น และกลายเป็นอาวุธหลักที่ เปแอสเช เล่นงาน ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะส่วนร่วมของ บาร์โคล่า ที่เขามีส่วนในการสร้างจังหวะการทำประตูของเดมเบเล่ในนาทีที่ 12 โดยเริ่มจากการประสานงานกับ ชูเอา เนเวส ก่อนที่ เดมเบเล่ จะยิงเข้าไป

ตำแหน่งที่แท้จริงของเขาคือนักเคลื่อนที่ตัวยง ตรงกับที่ วูลิเอซ บอกว่าเขาเห็นสิ่งนี้ในตัวของ บาร์โคล่า ตั้งแต่อายุ 17 ปี มันแสดงให้เห็นว่า บาร์โคล่า เติบโตและมั่นใจขึ้นเมื่อเล่นในเกมระดับสูง สามารถปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นของ เปแอสเช ได้ในทุกสไตล์ไม่ว่าจะเปิดเกมรุกเต็มอัตรา หรือเล่นแบบตั้งรับและสวนกลับในเกมที่เจอคู่ต่อสู้แข็ง ๆ ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก และนี่คือหนึ่งในสิ่งที่ เปแอสเช แตกต่างกับปีที่แล้ว ๆ มา เพราะพวกเขามีตัวเปิดพื้นที่ชั้นยอดอย่าง บาร์โคล่า ที่สามารถ ชงเอง กินเอง หรือจะเป็นตัวทำลายจังหวะก็ได้ทั้งนั้น 

ตอนนี้เขาอายุ 22 ปีเท่านั้น หลุยส์ เอ็นริเก้ บอกว่าเขาจะเข้าใกล้ร่างทองตอนอายุ 24-25 ปี ขณะที่ ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ อดีตนักเตะ เปแอสเช ก็บอกว่า บาร์โคล่า จะเป็นคนที่สร้างความแตกต่างได้ไม่แพ้กับที่ เอ็มบัปเป้ เคยทำเอาไว้ ... ถ้าพูดในช่วงต้นฤดูกาลก็คงยากจะเชื่อ ทว่าในตอนนี้ สิ่งที่ทั้งคู่ทำนายไว้ ดูใกล้เคียงกับการเกิดขึ้นจริงมากเข้าไปทุกทีแล้ว 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.skysports.com/football/story-telling/11096/13252606/replacing-kylian-mbappe-the-rise-of-bradley-barcola-at-psg-nobody-could-have-imagined-this
https://clublegacyz.com/blogs/news/bradley-barcola-a-journey-of-football-passion-and-inspiration?srsltid=AfmBOopOkp1dd3KZO2UMFfibma1ExPpl5EFSwogD0fZ2JQSJv98rW56V
https://en.wikipedia.org/wiki/Bradley_Barcola
https://www.getfootballnewsfrance.com/2024/bradley-barcolas-deteriorating-relationship-with-luis-enrique-could-see-endanger-psg-contract-extension-talks/
https://www.reuters.com/sports/soccer/no-extra-pressure-in-form-barcola-says-psg-boss-enrique-2024-11-01/
https://www.uefa.com/uefachampionsleague/news/028c-1ac64cfabc51-2b7b01207088-1000--paris-s-bradley-barcola-on-his-heroes-his-upbringing-and-the/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ