Feature

สรุปเทรนด์ฟุตบอลปี 2024 : ลื่นไหล ทีมเวิร์ก และสมดุลระยะยาว | Main Stand

ปี 2024 กำลังจะจบลง และในตลอดช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็น และพบเจอเรื่องใหม่ ๆ ที่ก้าวขึ้นมาไล่หลังคลื่นลูกเก่า จนกระทั่งกลายเป็นเทรนด์ที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ในปีนี้ "ฟุตบอลเปลี่ยนไป" อย่างแท้จริง 

 

กางชื่อแชมป์ทุกลีก ฟุตบอลถ้วยยุโรป ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติในรอบปฏิทินปี 2024 มีเทรนด์อะไรเกิดขึ้นใหม่บ้าง ? ติดตามที่นี่ 

 

ระบบที่ชัดเจนสำคัญกว่าซูเปอร์สตาร์ 

ไม่จำเป็นว่าคุณต้องทุ่มซื้อซูเปอร์สตาร์ราคาแพงระยับ เพื่อทำให้ฟุตบอลของคุณเป็นฟุตบอลที่ดูสนุกและหวังผลได้ ทีมที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่ทำทีมโดย ชาบี อลอนโซ่ และ อตาลันต้า ที่นำทีมโดย จานปิเอโร่ กัสเปรินี่ 

ทั้ง 2 ทีมไม่มีซูเปอร์สตาร์ให้คุณได้ว้าวเลย แต่ถ้าคุณอยากจะถามหาความเอ็นเตอร์เทน พวกเขาสามารถทำให้คุณเห็นได้ด้วยเกมในสนาม พวกเขาสร้างวิธีการเล่นที่มีความสมดุลอย่างยอดเยี่ยม ด้วยความที่ไม่มีดารา พวกเขาเลยเล่นเกมรุกทั้งทีมและเล่นเกมรับทั้งทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เล่นเกมบุก ทีมเล็ก แต่ทรงประสิทธิภาพเหล่านี้กลับเล่นได้ดุดัน เอ็นเตอร์เทนคนดูได้เป็นเบอร์ต้น ๆ ในปี 2024 อย่างแท้จริง 

เรื่องนี้เกิดขึ้นจากกุนซือของพวกเขาที่เชื่อมั่นในการครองบอล และในการเล่นเกมรุก ทุกครั้งที่พวกเขาได้บอล พวกเขาตั้งเป้าหมายว่าจะต้องไปจบที่โอกาสการลุ้นประตู และทุกครั้งที่พวกเขาตัดบอลได้ พวกเขาจะเปลี่ยนรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว เพื่อโจมตีคู่แข่งในช่วงที่พื้นที่เปิดมากที่สุด 

พวกเขาไม่ชักช้า ไม่รอรี ... และการทำทีมของ เลเวอร์คูเซ่น กับ อตาลันต้า เป็นสิ่งยืนยันว่าคำพูดคลาสสิกที่บอกว่า "เกมรุกไว้ขายตั๋ว เกมรับมีเพื่อเป็นแชมป์" ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป

ถ้าคุณทำให้ทีมเกิดสมดุล และเปลี่ยนนักเตะในทีมให้มีทัศนคติ ความทุ่มเท ช่วยกันเล่นเกมรับให้เป็นทีม ลดภาระของนักเตะเกมรับให้ได้มากที่สุด และท้ายที่สุดเมื่อเสียประตู ก็ต้องพยายามยิงกลับให้ได้มากกว่าเพื่อเป็นผู้ชนะ

"มีภาษิตจีนในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาลว่าไว้ การป้องกันทำให้คุณเป็นผู้อยู่ยงคงกระพัน แต่ถ้าคุณอยากเป็นผู้ชนะ คุณจะต้องเป็นฝ่ายโจมตี" 

"อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่เคยมีคำว่าสิ้นสุดสำหรับฟุตบอล ตัวตนที่คุณสร้างขึ้นนั้นต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไล่แก้ไขลบจุดอ่อนที่ได้เห็นทุกวัน หากคุมไม่อยู่ และปล่อยให้มันเป็นไป คุณจะจบเห่ทันที สิ่งที่คุณสร้างมาจะค่อย ๆ พังทลายแบบไม่รู้ตัว" แนวคิดของ กัสเปรินี่ บอกทุกอย่างเกี่ยวกับทีมของเขาที่เล่นเกมรุกเป็นหลัก 

ขณะที่ อลอนโซ่ ก็มีแนวคิดคล้าย ๆ กันเรื่องการบริหารคนในทีม ทำให้ทุกคนพร้อมจะเสียสละเพื่อทีม เข้าใจสิ่งที่คุณจะสื่อ และสิ่งที่ต้องการจะให้พวกเขาเล่น ถ้าคุณซื้อใจนักเตะได้ พวกเขาก็จะวิ่งเพื่อคุณ แต่กลับกัน ต่อให้คุณเป็นโคตรโค้ชจอมแท็คติกที่พกข้อมูลทางทฤษฎีมาเป็นกระบุง แต่คุณซื้อใจนักเตะไม่ได้ คุณก็ยากที่จะเอาทฤษฎีเหล่านั้นมาใช้ในการแข่งขันจริงได้ 

"บทเรียนแรกที่ผมเรียนรู้ทันทีจากการเริ่มเป็นโค้ชคือ คุณต้องทำให้นักเตะเต็มใจจะเดินตามแนวทางของคุณ พวกเขาจะต้องเชื่อในสิ่งที่พวกเขาทำ พวกเขาจะต้องรู้ว่าการฝึกสอนของคุณจะทำให้พวกเขาพัฒนาขึ้น และคนที่จะทำให้พวกเขาเก่งกาจขึ้นได้คือคุณ กับความช่วยเหลือของคุณ" ชาบี อลอนโซ่ กล่าว 

 

ยืดหยุ่น ... คือสุดยอด 

ในยุคนี้แทบไม่เหลือทีมฟุตบอลที่ยึดมั่นในอัตลักษณ์ของตัวเองโดยไม่หมุนตามกระแสของโลกอีกต่อไปแล้ว ฟุตบอลเกมรับอย่างเดียวไม่มีทางทำให้คุณได้ผลการแข่งขันที่พอใจ และต่อให้คุณมีแนวคิดเรื่องการต่อบอล ครองบอลที่ดี แต่ขาดความรวดเร็ว เด็ดขาดและความเป็นทีม คุณก็ยากจะประสบความสำเร็จ 

ทีมชาติสเปนเล่นฟุตบอลคอนโทรลมาโดยตลอด และเคยประสบความสำเร็จมาก ๆ ในช่วงปลายยุค 2000s ถึงต้น 2010s ทว่าในช่วง 3-4 ทัวร์นาเมนต์หลัง การต่อบอลช้า ๆ ของสเปนฆ่าตัวพวกเขาเอง จนกระทั่งมาถึงยุคใหม่ในยูโร 2024 ที่ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ เฮดโค้ชทัพกระทิงดุ ปรับให้ทีมเล่นเร็วขึ้น โจมตีบอลสั้นสลับยาว และเน้นไปที่ปีกตัวริมเส้น ... จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นแชมป์ยุโรปด้วยวิธีการเล่นดังกล่าวที่ประยุกต์เอา DNA ของนักเตะสเปนมาผสมกับฟุตบอลสมัยใหม่ที่ต้องรวดเร็วเฉียบคม 

ไหนจะ Tiki-Taka ของ เป๊ป ที่ตายไปโดยสมบูรณ์แบบ ฟุตบอลเฮฟวี่เมทัลที่ทุกคนชอบใจของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ประสบความสำเร็จน้อยกว่าที่คิด เพราะด้วยความเข้มข้นของฟุตบอลยุคนี้ที่ทีมเล็ก ๆ ก็เล่นด้วยแท็คติกที่ยาก ซับซ้อน และอันตรายมากขึ้น ไหนจะเรื่องของโปรแกรมการแข่งขันที่เตะกันถี่ยิบ จนแท็คติกการไล่ล่าเอาบอลกับมา และใช้ร่างกายเยอะตลอด 90 นาที ไม่สามารถทำได้ในระยะยาว เพราะปัญหาความฟิตและนักเตะบาดเจ็บ 

กลับกัน คุณมาดูแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ประจำปี 2024 อย่าง เรอัล มาดริด ที่นำโดย คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้ทำทีมด้วยศาสตร์แห่งความยืดหยุ่น มีโครงหลักตั้งไว้เป็นของตัวเอง แต่กลยุทธ์ และวิธีการเล่นมีการปรับให้เหมาะสมกับคู่แข่งที่เจอ และกับความชุกการเตะถี่ของโปรแกรม

คุณจะสังเกตได้ว่าในซีซั่น 2023-24 ก่อนเกมที่ มาดริด จะลงเล่นเกมยุโรป พวกเขาจะใช้ตัวสำรองลงเล่นเกมลีกเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าคุณภาพจะขาดหายไปในแง่ของนักเตะรายตัว แต่พอ อันเชล็อตติ ใส่แท็คติกที่สอดคล้องกับนักเตะที่เขาจัดลงสนาม ลดความเร็วลงบ้าง เน้นในจังหวะที่เหมาะกับศักยภาพนักเตะที่มี พวกเขาก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ ต่อให้รูปเกมไม่สวย แต่สุดท้ายเมื่อได้ผลลัพธ์ แฟนบอลก็บ่นไม่ลง

ความหลากหลายและยืดหยุ่นของ เรอัล มาดริด ยังส่งผลชัด ๆ ในเกมยุโรปบางนัดที่พวกเขาต้องออกไปเยือน และต้องเจอกับทีมในระดับที่แข็งแกร่งเท่า ๆ กัน เรอัล มาดริด สามารถเล่นเกมรุกได้ทั้งแบบปูพรมในเวลาที่ต้องการสกอร์ เช่นเดียวกับตอนที่ผลการแข่งขันเข้าทางพวกเขาก็สามารถเล่นเกมด้วยวิธีการอุด 11 คนในแดนตัวเอง โดยใช้จังหวะสวนกลับที่แม่นยำได้ดี จนกลายเป็นอาวุธเด็ดที่พวกเขาลุยมาจนคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก

ส่วนล่าสุดสด ๆ ร้อน ๆ คุณได้เห็น ลิเวอร์พูล ของ อาร์เน่อ ชล็อต ที่เล่นแบบเก็บผลการแข่งขันเป็นหลักมาตั้งแต่ต้นซีซั่น ต่อให้ขาดความดุดัน บ้าพลังแบบยุคของ คล็อปป์ แต่พวกเขาได้ผลประโยชน์หลายด้าน ทั้งเรื่องการหมุนเวียนนักเตะ ทำให้ทุกคนไม่ล้าเกินไป ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ สวนทางกับทีมอื่น ๆ ที่ยังขาดความหลากหลายยืดหยุ่นอย่างพวกเขา 

และไม่ใช่ว่าพวกเขาเสียตัวตนของตัวเองไปเลย เพียงแต่เก็บมันไว้เป็นอาวุธเด็ด เอาไว้ใช้ตอนที่ทีมต้องการประตู ส่วนช่วงเวลาปกติที่ได้เปรียบ หน้าที่ของพวกเขาคือการประคองเกม เก็บ 3 แต้ม ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาทำได้ตามเป้าทั้งสิ้น ยืนยันด้วยการนำโด่งทั้งในลีกและถ้วยยุโรป ณ เวลานี้ 

 

ทุกคนในสโมสรต้องเป็นหนึ่งเดียว 

มีเงินทองมากมายแค่ไหน แต่ถ้าคนในสโมสรไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คุณก็อาจจะเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ และได้ทีมที่ไม่ได้เก่งขึ้นเลย ... และใช่ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เป็นต้นแบบของความล้มเหลวในแง่ขององค์กรเกี่ยวกับฟุตบอล ที่ลงทุนไปมาก แต่ดูเหมือนจะจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้เลย 

พวกเขาใช้ออปชั่นต่อสัญญาโค้ชที่ผลงานไม่ดีนัก แต่คว้าถ้วยแชมป์ 2 ซีซั่นติด อย่าง เอริก เทน ฮาก ออกไปถึง 2 ปี และให้งบทำทีมเพิ่มอีก 200 ล้านปอนด์ในตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปี 2024 ทว่าหลังผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งซีซั่นของฤดูกาล 2024-25 พวกเขาก็ปลด เทน ฮาก เสียเงินค่าปลดโค้ชและทีมงาน เสียเงินค่าแต่งตั้ง รูเบน อโมริม และทีมงานเข้ามาใหม่ โดยที่ฟุตบอลของพวกเขายังคงน่าผิดหวังจนกระทั่งวันสุดท้ายของปี 2024 

ภาพแบบนี้คุณจะเห็นชัดขึ้น ถ้าคุณเปรียบกับทีมเล็ก ๆ ทีมอื่นในพรีเมียร์ลีก ที่ทีมหลังบ้านเลือกโค้ชที่เหมาะกับทรัพยากรของทีม อีกทั้งยังเสาะหานักเตะมาเพื่อให้โค้ชได้ใช้ ซื้อคนที่โค้ชอยากได้ ไม่ใช่การซื้อแบบไม่ปรึกษากัน และมาหาทางแก้ยัดใส่แท็คติกเอาภายหลัง 

นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ บอกว่าไม่จำเป็นต้องเล่นเกมรุกเยอะในการทำ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เพราะเขาบอกว่านักเตะในทีมไม่มีศักยภาพพอถึงขั้นที่จะปูพรมบุกใส่ใคร เขาบอกว่าสิ่งที่เขาสั่งและสอนลูกทีมเพิ่มคือ การใส่เรื่องสมาธิ ในจังหวะที่ตั้งรับ เพื่อให้เกิดความผิดพลาดส่วนบุคคลให้น้อยที่สุด จากนั้นจึงจัดการกับโอกาสบุกของฝั่งตัวเอง ที่เกมหนึ่งอาจจะมีไม่กี่ครั้งให้รวดเร็ว แม่นยำที่สุด ด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่ายคือ คริส วู้ด พักบอล รอตัวสอดคนอื่น ๆ ขึ้นมาช่วยเล่นเกมรุกในไทมิ่งที่เหมาะสม ... วิธีนี้ทำให้พวกเขาเกาะท็อป 4 ได้ในวันสุดท้ายของปี 2024 ถ้าพูดแบบนี้ก่อนซีซั่นเริ่ม คงไม่มีใครอยากจะเชื่อ

นอกจากเคสการทำงานของ บอร์ดบริหาร กับโค้ชที่เหมาะสม รู้จักศักยภาพนักเตะเองเป็นอย่างดี อย่าง นูโน่ และ ฟอเรสต์ แล้ว ยังมีตัวอย่างให้ดูอีกหลายคน 

อันโดนี่ อิราโอล่า โค้ชของ บอร์นมัธ สร้างทีมที่ครองบอลเหนียวแน่น ไม่บุ่มบ่ามจะบุกท่าเดียว สวนกลับคม ๆ จนกลายเป็นจอมพิฆาตทีมใหญ่ไปอีกหนึ่งทีม ซึ่งนอกจาก บอร์นมัธ แล้ว เราอาจจะรวมถึง ฟูแล่ม ของ มาร์โก ซิลวา, เบรนท์ฟอร์ด ของ โทมัส แฟรงก์, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ของ เอ็ดดี้ ฮาว ... โค้ชเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากหลังบ้านเป็นอย่างดี และสร้างฟุตบอลในแบบที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่างบประมาณที่พวกเขามีด้วยซ้ำ 

เพราะฟุตบอลไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยส่วนใดส่วนหนึ่ง คนหาเงิน คนหานักเตะ คนทำฟุตบอล คนคุมซ้อม คนลงไปตะ ทุกคนที่กล่าวมาต้องมีเป้าหมายตรงกัน มองไปข้างหน้าด้วยทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ทีมมีประสิทธิภาพมากที่สุด ต่อให้จะมีขีดจำกัด พวกเขาก็จะมีลูกบู๊ ลูกสู้เข้ามาแทนที่ ทำให้คุณรู้สึกได้ว่าทีมเหล่านี้จะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง 

สรุปได้ว่าเทรนด์ของฟุตบอลยุค 2024 ได้เปลี่ยนไปหลายอย่าง เหนือสิ่งอื่นใดคือการสื่อสารที่สร้างความเข้าใจชัดเจนกันกับทุกคนในองค์กร ทฤษฎี อาจจะไม่ได้จำเป็นเสมอไปสำหรับโค้ชใหญ่ เพราะคุณสามารถจ้างผู้ช่วยหรือคนที่รู้จริงเข้ามาแก้เรื่องเหล่านี้ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการบริหารลูกทีม หรือคนในองค์กร เหมือนกับเหล่าทีมที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายดังที่เรายกตัวอย่างมาทั้งหมดในข้างต้น 

ฟุตบอลเดินหน้าไปเสมอ เหมือนเช่นทุกสรรพสิ่งในโลก ... อีก 1 ปีข้างหน้า เรามารอดูกันว่าเทรนด์ฟุตบอลในปี 2025 จะมีอะไรใหม่ หรือมีอะไรเก่า ๆ ที่ถูกนำมาปัดฝุ่นใช้อีกครั้งหรือไม่ ?  ไว้เราหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน 

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ