Your’ll Never Walk Alone กลายเป็นประโยคที่ไม่ใช่แค่ชื่อเพลงหรือวลีประจำสโมสรลิเวอร์พูลเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยคที่ใช้ได้ในการเดินทางเพื่อทำตามความฝันของ “จูน” ณัฐลดา สมสุข และ “มาย” อังคนา นรากรณ์ สองสาวแฟนบอลลิเวอร์พูลชาวไทยที่ตัดสินใจออกเดินทางไปเชียร์ทีมรักที่แอนฟิลด์พร้อมค้นหาประสบการณ์ใหม่ด้วยการจัดทริปเองแบบไม่พึ่งทัวร์
เธอทั้งสองคนตัดสินใจลางานและเก็บของแพ็คใส่กระเป๋าเดินทางไปยังประเทศอังกฤษเพื่อเก็บเกี่ยวรสชาติและบรรยากาศการเชียร์ฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ รวมถึงสานฝันของตัวเองในการเดินทางไปสนามในฝันอย่างแอนฟิลด์
ประสบการณ์การเดินทางร่วมสองสัปดาห์เพื่อไปดูบอลที่ประเทศอังกฤษและเติมเต็มความฝันกับการดูลิเวอร์พูลลงแข่งขันจะเป็นอย่างไรติดตามเรื่องราวของ จูน และ มาย ได้ที่ Main Stand
ความฝันที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อกล่าวถึง ลิเวอร์พูล อาจเป็นที่คุ้นหูสำหรับแฟนฟุตบอลอังกฤษและทั่วโลกอยู่แล้ว เพราะว่านี่เป็นหนึ่งในสโมสรของอังกฤษที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และอัดแน่นไปด้วยผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสในทุกยุคสมัย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในมนต์ขลังของสนามแห่งนี้คือการร่วมใจกันเดินทางเข้ามาร่วมชมการแข่งขันในสนามแอนฟิลด์กว่าหกหมื่นคน และยังร่วมประสานเสียงร้องเพลง Your’ll Never Walk Alone ก่อนเริ่มการแข่งขัน จนทำให้สาวก เดอะ ค็อป ทั่วโลกล้วนอย่างเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งสักครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าความฝันเช่นนี้ก็เกิดขึ้นกับ “จูน” ณัฐลดา สมสุข และ “มาย” อังคนา นรากรณ์ เช่นเดียวกัน
เธอทั้งคู่มีความฝันที่จะเดินทางมายังสนามแอนฟิลด์ หลังได้เพียงแต่เฝ้ามองผ่านหน้าจอโทรทัศน์ จนท้ายที่สุดเธอทั้งสองคนได้มาเห็นสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดกับตาของตัวเองแล้ว
จูน : “เราได้มาอยู่ในสนามที่เราเห็นผ่านทีวีมาตลอดเราได้ร้องเพลง You’ll Never Walk Alone ในสนาม คือน้ำตาคลอเลยนะ เหมือนมันจะเวอร์มากแต่รู้สึกว่าแฟนลิเวอร์พูลถ้าได้มาแอนฟิลด์แล้วได้ฟังเพลงนี้ในสนามคือมันสุดยอดมากๆแล้ว”
จูน ณัฐลดา ย้อนความรู้สึกขณะที่เธอได้เดินทางไปยังประเทศอังกฤษและมีโอกาสเข้าไปรับชมเกมการแข่งขันใน แอนฟิลด์ ร่วมกับมาย ท่ามกลางเหล่า เดอะ ค็อป หลายหมื่นคน
จูน : “ความที่เราอยากนี่แหละ มันจะทำให้เราไปถึง มันเป็นทริปที่ใช้เงินก้อนใหญ่จริงแต่เชื่อว่าความชอบของคนคนหนึ่งสามารถผลักดันให้ทำสำเร็จ เราเองยังไม่คิดว่าจะทำสำเร็จ”
จูน : “จริงๆแค่ได้มาประเทศอังกฤษมันก็เกินความคาดหมายของเราแล้ว มันเป็นประเทศที่เราอยากมาตั้งแต่เด็ก บวกกับเราได้มาดูฟุตบอล มาสนามทีมที่เราชอบ ดูแข่งทีมที่เราชอบ และเราได้ไปอีกหลายๆ สนาม ทำให้เราได้เห็นประเทศที่คนซัพพอร์ตฟุตบอลจริงๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเราดีใจมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่ง”
จูน : “เราชอบมาเดินใน Google Map เรามาเดินกันบ่อยมาก แต่พอในวันที่เรามาถึงจุดนั้นจริงๆ เราก็คุยกันว่า เฮ้ย ! ตรงนี้เราเคยเดินมา ตรงนั้นเราเคยเห็น มันทำให้เราตื่นเต้นกันมากๆ” มาย อังคนา กล่าวเสริม
ก่อนที่ความฝันของเธอทั้งสองคนจะสำเร็จในวันนี้ อันที่จริงเธอทั้งคู่ชื่นชอบทีมลิเวอร์พูลเหมือนกันและมีความตั้งใจที่จะเดินทางมาดูฟุตบอลที่สนามแอนฟิลด์ตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยความพร้อมในหลายๆด้านที่ยังไม่ลงตัว ทำให้การเดินทางดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น
จูน : “เราคุยกันมานานมากแล้ว พอถึงจุดหนึ่งเรารู้สึกว่ามันช้ากว่านี้ไม่ได้ มันคือจังหวะที่นักฟุตบอลสามารถเลิกเล่นได้ตลอดเวลา แล้วเราก็ไม่รู้ว่านักเตะจะเปลี่ยนหน้าไปถึงยุคไหน”
จูน : “เราเองก็มานั่งคิดว่าทำยังไงก็ได้ ให้เราไปตรงนั้นให้ไวที่สุด ไม่ได้ยึดติดว่านี่คือยุคที่ดีที่สุด แต่ขอแค่ว่าเราพร้อมแล้ว มีงานทำ ไม่ใช่วัยเรียนที่ทำได้แค่วาดฝันกันทั้งคู่” จูน ณัฐลดา เผย
เธอทั้งคู่กลับมาจริงจังกับการบินลัดฟ้าสู่แอนฟิลด์อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ จูน พลาดโอกาสเดินทางมายังสนามแอนฟิลด์เพื่อมาดูนักเตะที่ชื่นชอบที่สุดอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไปแล้วหนึ่งครั้งและการพูดคุยกันในครั้งนั้นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาเริ่มต้นวางแพลนเพื่อทำตามความฝันสูงสุดของตัวเอง
จูน : “มันเป็นทริปที่ใช้เงินก้อนใหญ่จริง แต่เชื่อว่าความชอบของคนคนหนึ่งสามารถผลักดันให้ทำสำเร็จ เราเองยังไม่คิดว่าจะทำสำเร็จ” จูน แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าวันนี้ฝันของเขาเป็นจริง
ขอไปแบบไม่พึ่งทัวร์
การเดินทางไปดูฟุตบอลที่อังกฤษคงไม่ใช่เรื่องยากในปัจจุบัน เนื่องจากมีการจัดทัวร์ที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลทุกอย่างตลอดการเดินทาง ทว่า จูน กับ มาย ตัดสินใจที่จะไม่เลือกใช้บริการทัวร์และเลือกที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์การดูฟุตบอลครั้งนี้จากความตั้งใจของพวกเขาเอง
จูน เผยว่าเหตุผลที่ตัดสินใจร่วมกับ มาย ว่าจะเลือกที่จะเดินทางมายังประเทศอังกฤษแบบไม่พึ่งทัวร์เพราะอยากเดินทางมาดูฟุตบอลด้วยตัวเองสักครั้งด้วยงบประมาณที่จำกัด
มาย : “เรารู้สึกว่าทำไมมันถึงดูไปยากสำหรับเรา ปกติถ้าไปกับทัวร์มันก็อาจจะแพง ซึ่งพอเรามีแพสชั่นบวกกับการศึกษาหาข้อมูลเลยทำให้เรารู้ว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น”
มาย : “การที่เราไปเอง เราได้ความอิสระ เราสามารถทำอะไรก็ได้ ค่าใช้จ่ายไม่ต้องบวกเพิ่ม เราสะดวกจ่ายแค่ไหน อะไรไม่จำเป็นก็ตัดออก เราสามารถจัดการเวลาได้ด้วยตัวเอง”
และนั่นเท่ากับว่าก่อนเดินทาง จูน และ มาย ต้องการบ้านกันอย่างหนักในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทำวีซ่า จองที่พัก หรือสมัครสมาชิกของสโมสรเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมเกมในแต่ละแมตช์ที่ต้องการเข้าไปชมการแข่งขัน
จูน : “การเลือกที่พักก็เป็นเรื่องยากในทริปนี้ ซึ่งเราเองก็เป็นผู้หญิงและมาเที่ยวไกลด้วย ถ้าเราต้องจำกัดให้งบไม่บานปลายและมีความปลอดภัย นี่คือเรื่องที่มีความท้าทายมาก”
จูน : “อีกหนึ่งอย่างที่ตื่นเต้นคือการซื้อตั๋ว เราสมัครเว็บสโมสรทุกทีมที่อยากไปเพื่อซื้อตั๋ว มันตื่นเต้นมากเพราะฟุตบอลอังกฤษจะมีการเปิดจำหน่ายตั๋วเป็นระยะ ตอนที่ซื้อเอฟเวอร์ตัน เขาจะประกาศว่าตั๋วจะขายให้สมาชิกตั๋วปีก่อน แล้วถัดมาก็จะให้แฟนบอลทั่วไป”
จูน : “เราเองก็จะตั้งเวลาเอาไว้เพื่อที่จะมากด เราต้องเตรียมตัวว่าเขาจะเปิดขายเวลาไหน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเวลาขายที่อังกฤษจะขายตอนไหน เราก็จะโฟกัสอยู่กับหน้าจอว่ากดได้หรือยัง”
ทริปนี้พวกเธอวางแพลนเพื่อเดินทางมาดูฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษและตั้งใจที่จะมาดูทีมรักอย่าง ลิเวอร์พูล โดยเฉพาะ และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาสองสัปดาห์
ตลอดระยะเวลาในประเทศอังกฤษ จูน และ มาย เดินทางดูฟุตบอลแบบจัดเต็มสมดั่งความตั้งใจ ซึ่งเธอทั้งสองคนมีโอกาสชมการแข่งขันของทีมลิเวอร์พูลถึง 3 แมตช์ด้วยกัน ทั้งในเกมเหย้าและเกมเยือน พร้อมทั้งแบ่งเวลาเดินทางไปรับชมการแข่งขันคู่อื่นๆอย่างเช่นทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่างเอฟเวอร์ตัน,เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หรือแม้กระทั่งไปทัวร์สนามฟุตบอลในลอนดอนทั้ง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม , เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และ สแตมฟอร์ด บริดจ์
นอกเหนือจากความตื่นเต้นในสนามแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่สัมผัสได้คือความคลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอลของผู้คนในเมืองลิเวอร์พูลอีกด้วยเช่นกัน
จูน : “ช่วงวันปกติที่เมืองลิเวอร์พูลคือเงียบมาก แต่ว่าในวันที่มีแข่งเหมือนทุกคนตั้งตารอช่วงเวลาที่มีแข่ง มันคือเสน่ห์ของประเทศที่คลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอล มันสุดยอดมาก”
มาย : “ทริปนี้มันคือการไปยุโรปครั้งแรก เราเองก็ตื่นเต้นเพราะว่ารู้ว่าสภาพแวดล้อมหรือผู้คนที่นั่นจะเป็นอย่างไร รู้สึกว่าที่นั่นอาจจะอินกับฟุตบอลมากๆ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ วันที่ไม่มีบอลเตะคือใช้ชีวิตปกติ แต่พอมีแข่งคือทุกคนก็ออกมาเชียร์ เราเองก็ตื่นเต้น ในเมืองก็ครึกครื้นด้วย”
ต้องมีครั้งที่สอง
ความตื่นเต้นของการเดินทางไปดูฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษและทีมรักครั้งแรกของเธอทั้งสองคนแบบไม่พึ่งทัวร์ในครั้งนี้ทำให้ มาย อังคนา นรากรณ์ ตัดสินใจที่จะนำเรื่องราวตลอดการเดินทางมาแชร์ให้ทุกคนที่มีแพสชั่นในการเดินทางไปดูฟุตบอลในต่างแดนได้รับชมกันผ่านเพจเฟซบุ๊ก untitled journey
หน้าเพจนี้ มาย ได้สร้างโพสต์ขึ้นมาเพื่อแชร์ทริคในการเดินทางของตัวเองสำหรับการไปเชียร์ลิเวอร์พูล
เธอยังย้อนให้ได้รับฟังอีกว่าใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ในการรวบรวมข้อมูลก่อนที่จะนำมาเขียนแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ออกไป ทุกครั้งที่เธอเปิดรูปและค้นหาข้อมูลเพื่อนำมาแชร์ให้ทุกคนที่มีความฝันเช่นเดียวกัน กลับพาเธอย้อนนึกถึงเหตุการณ์สุดประทับใจนี้อีกครั้ง
มาย : “เราตั้งใจเขียนโพสต์ขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ในทริปนี้ ซึ่งโพสต์ที่เราเขียนออกไปเหมือนสร้างแรงบันดาลใจให้เรากลับไปอีก เพระทริปที่เราไปมันผ่านมาหนึ่งปีแล้ว” มาย กล่าวว่าทริปที่เธอไปกับ จูน เกิดขึ้นเมื่อปี 2023
มาย : “คุยกับจูนตลอดว่าเราอยากไปดูบอลทั่วโลกไม่ใช่แค่ลิเวอร์พูล อยากไปดูบรรยากาศ ถ้ามีเวลาว่างก็อยากไปดูทีมอื่นๆ เหมือนเราหลงรักบรรยากาศที่ผู้คนที่รักฟุตบอลเหมือนกัน” มาย เผย
จูน : “เราต้องมาอีก ทุกอย่างมันดีมาก เราเป็นเด็กที่เชียร์ฟุตบอลจากประเทศไทย แล้วเรามาถึงที่นี่ได้ เรารู้สึกว่าเราต้องมาอีก” จูน กล่าวเสริมทิ้งท้าย
การเดินทางไปดูฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษเพื่อเชียร์ทีมรักแบบติดริมสนามในทริปนี้อาจไม่เกิดขึ้นในวันนี้ หากมิตรภาพของพวกเธอนั้นไม่เกิดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 มิตรภาพของทั้งคู่ได้ก่อตัวขึ้นที่งานมีตติ้งแห่งหนึ่ง เธอทั้งสองคนเดินทางเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้เพียงลำพังก่อนที่จะมีโอกาสร่วมพูดคุยกัน หากยังจำได้ดีในช่วงปีดังกล่าว ลิเวอร์พูล มีโปรแกมเดินทางมาพรีซี่ซั่นที่ประเทศไทยก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2013/14
ความบังเอิญในการเจอกันครั้งนั้น ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์และมิตรภาพจากความหลงใหลใน “ลิเวอร์พูล” ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสเดินทางไปร่วมเชียร์ฟุตบอลในประเทศไทย ก่อนแที่ทั้งคู่ร่วมกันเติมเต็มความฝันอันแสนยิ่งใหญ่ในการเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษเพื่อส่วนหนึ่งที่ได้อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก่อนที่เขาจะอำลาทีมในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้
แม้ว่าในตอนนี้ จูน และ มาย จะเดินทางมาถึงแอนฟิลด์ได้สำเร็จแล้ว แต่เชื่อว่าเสียงหัวใจของพวกเธอยังคงเรียกร้องให้กลับมาสนามแห่งนี้อีกครั้งและการเดินทางของเธอจะไม่เดียวดายอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะผ่านกี่ยุคกี่สมัยก็ตาม