News

เอดิน เทอร์ซิช จากแฟนบอล "เสือเหลือง" ตัวยงสู่คนที่พา ดอร์ทมุนด์ เข้าชิงฯ UCL

ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ฤดูกาล 2023-24 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สามารถเอาชนะ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ด้วยสกอร์ 1-0 ทั้งไปและกลับ (สกอร์รวม ดอร์ทมุนด์ ชนะ 2-0) ผ่านเข้ารอบชิงชนะลิศได้แบบเหนือความคาดหมายของใครหลาย ๆ คน

 


ซึ่งนอกจากนักเตะที่ลงไปเล่นอย่างสุดกำลังจนได้รับคำยกย่องแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ากุนซือของทีมอย่าง เอดิน เทอร์ซิช ก็เป็นคนที่ควรได้รับเครดิตเช่นกัน เพราะเมื่อ 12 ปี ที่แล้วเขายังเป็นส่วนหนึ่งของ "The Yellow Wall" อยู่เลย

Main Stand ขอพาทุกคนไปความรู้จักกับ เอดิน เทอร์ซิช ชายที่จะพา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปทำศึกรอบชิงชนะเลิศ UCL ณ เวมบลีย์

เอดิน เทอร์ซิช เติบโตในเมืองเมนเดน ห่างจาก ดอร์ทมุนด์ ไปทางตะวันออก 40 กิโลเมตร ซึ่งภูมิหลังของเขาเรียกว่าน่าเศร้าอยู่ไม่น้อยเพราะพ่อและแม่พา เอดิน เทอร์ซิช อพยพมาจากยูโกสลาเวีย แต่โชคร้ายที่ลูกพี่ลูกน้องรวมถึงลุงของเขาถูกจับเป็นเชลยและเสียชีวิต ส่วนเส้นทางลูกหนังของเขาเริ่มต้นจากการโลดแล่นในลีกระดับกึ่งอาชีพ เพื่อที่จะนำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่มหาวิทยาลัยรูห์ร ใน โบคุม และยังเป็นแฟนบอลดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่เด็ก ๆ อีกด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน เอดิน เทอร์ซิช ได้มีโอกาสรู้จัก ฮันเนส วูล์ฟ เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมนีชุดรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี คนปัจจุบัน เวลาต่อมา เอดิน เทอร์ซิช และ ฮันเนส วูล์ฟ ก็ได้เริ่มทำงานที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดย เอดิน เทอร์ซิช ผ่านการอบรมใบอนุญาต เอ ไลเซนส์ ตั้งแต่อายุยังน้อย

"ผมศึกษาฟุตบอลอย่างจริงจังเพื่อคว้าใบอนุญาต เอ ไลเซนส์ และในเวลานั้นผมก็ได้พบกับหัวหน้าแมวมองของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กระทั่ง 2-3 เดือนต่อมาเขาก็โทรหาผมและเสนองานให้ผม ในปี 2010 ผมตัดสินใจหันหลังให้การเป็นนักฟุตบอล และเริ่มทำงานกับดอร์ทมุนด์ " เอดิน เทอร์ซิช กล่าว

และในปี 2010 นั้นเองที่ทำให้ เอดิน เทอร์ซิช ได้เรียนรู้วิชาลูกหนังของจริงจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเขาเริ่มต้นด้วยการช่วยงาน ฮันเนส วูล์ฟ ในฐานะทีมงานแมวมอง ก่อนที่จะค่อย ๆ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ชุดเล็กทั้งรู่น U-17, U-19 และ U-23

เอดิน เทอร์ซิช รับหน้าที่ระบุดาวรุ่งที่จะสามารถพัฒนาขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ นั่นทำให้เขามีโอกาสได้เห็นการฝึกซ้อมของทั้งชุดเล็กและชุดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการคุมทีมสุดเอนเตอร์เทนของ เยอร์เก้น คล็อป์ ที่ใช้ มาริโอ เกิทเซ่ เป็นหัวหอก, มัตส์ ฮุมเมลส์ คุมแผงหลัง และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่ยิงระเบิดทั้งในประเทศ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ในช่วงหน้าร้อนปี 2013 เอดิน เทอร์ซิช ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าโค้ชโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ รุ่นอายุ 16 ปี ได้แจ้งสโมสรถึงข้อเสนอที่เขารู้สึกว่าดีเกินกว่าจะปฏิเสธ โดยต้นสายปลายเหตุของข้อเสนอนี้ เกิดขึ้นในปี 2012 ขณะ เอดิน เทอร์ซิช ไปทำงานสเก๊าท์ให้กับ "เสือเหลือง" พร้อมรับประทานอาหารเย็นร่วมกับ สลาเวน บิลิช ผู้จัดการทีมชาติโครเอเชีย ณ ขณะนั้น

โดย เอดิน เทอร์ซิช เล่าว่า "ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยกระทั่งอยู่ในสวีเดน และ 3 วันก่อนเกมชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เมื่อปี 2012 ผมก็ได้รับโทรศัพท์"

"ตอนนั้นผมไม่ตอบ จากนั้นก็มีโทรศัพท์อีกสายติดต่อมาอีกและผมก็ไม่ตอบกลับเหมือนเดิม สุดท้ายมีข้อความเด้งมาขึ้นมาว่า 'กรุณาโทรกลับด้วย ของแสดงความนับถือ สลาเวน บิลิช’ ผมเลยตัดสินใจโทรกลับ และนี่คือเรื่องราวที่ผมได้เจอกับเขาในปี 2012"

และทันทีที่ สลาเวน บิลิช ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมเบซิคตัส เขาก็หนีบ เอดิน เทอร์ซิช มาเป็นผู้ช่วยด้วย และร่วมงานกันเรื่อยมาจนถึงเมืองลอนดอนประเทศ อังกฤษ ในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนจะระดมสมองช่วยกันวางแผนพา "ขุนค้อน" จบอันดับที่ 7 ของพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ในฤดูกาล 2015-16

กระทั่งเดือนธันวาคม ปี 2017 สลาเวน บิลิช โดน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไล่ออก ส่งผลให้ เอดิน เทอร์ซิช ต้องระเห็จออกตามไปด้วย ซึ่งคราวนี้เขาได้กลับมายัง ซิกนอล อิดูน่า ปาร์ค ในฐานะผู้ช่วยของ ลูเซียง ฟาฟร์ ก่อนจะได้รับส้มหล่นเป็นรักษาการกุนซือ แทน ผู้จัดการชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่โดนเด้งในเดือนธันวาคม 2020

แต่กลายเป็นว่า เอดิน เทอร์ซิช พลิกสถานการณ์ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จากหน้ามือเป็นหลังมือ มีผลงานที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ DFB Cup และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2020-21

ซึ่งความสำเร็จนั้นมาจากสไตล์การบริหารของ เอดิน เทอร์ซิช ที่สามารถเค้นศักยภาพนักเตะอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, จาดอน ซานโช่ และ มาร์โก รอยส์ กัปตันทีม ซ้ำเขายังสร้างความสามัคคีในห้องแต่งตัวให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกด้วย

"เอดิน เทอร์ซิช ทำหน้าที่ได้ดีมาก เขาเข้ามาคุมทีมในเดือนธันวาคม ตอนที่ทีมเกือบตายและเขาก็ทำให้ทีมมีชีวิตขึ้นมา” ฮานส์-โยอาคิม วัตซ์เค ซีอีโอของดอร์ทมุนด์กล่าว ขณะที่นักเตะอย่าง จิโอ เรย์นา ก็บอกว่า "เราเล่นด้วยความเข้มข้นสูง ด้วยพลังใหม่และชีวิตใหม่"

ในปี 2021-22 เอดิน เทอร์ซิช ได้ขยับตำแหน่งขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคคนใหม่ และขยายสัญญาจนถึงปี 2025 โดยมี มาร์โก โรส เข้ามารับหน้าที่กุนซือ แต่ทว่าอดีตผู้จัดการทีม โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค กลับต้องเก็บข้าวของออกจากสโมสรหลังทำหน้าที่ได้เพียงฤดูกาลเดียว ซึ่งทางบอร์ดบริหาร แฟนบอล ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า ประสบการณ์ระยะยาวของ เอดิน เทอร์ซิช ที่สโมสร จะช่วยให้ทีมสามารถแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในฤดูกาลถัดไป (2022-23)

ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างที่หลายคาดหวังในตัว เอดิน เทอร์ซิช เพราะในฤดูกาล 2022-23 "เสือเหลือง" ไล่บี้ "เสือใต้" จนถึงเกมสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่นัดส่งท้ายฤดูกาล โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำได้เพียงเสมอ ไมนซ์05 2-2 ทั้งที่แต้มเท่ากับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ 71 คะแนน แต่ลูกได้เสียแย่กว่า

และในฤดูกาล 2023-24 เอดิน เทอร์ซิช ก็สร้างความสุขให้แฟนบอลอีกครั้งด้วยการพา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หักปากกาเซียน ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ในรอบรองชนะเลิศทั้งขาไปและขากลับ เข้าไปรอชิงดำเจ้ายุโรป

นี่คือเรื่องราวดุจเทพนิยายของชายชื่อ เอดิน เทอร์ซิช ผู้ที่เคยอยู่บนอัฒจันทร์ “เสือเหลือง” เมื่อปี 12 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นกุนซือที่จะพา ดอร์ทมุนด์ ไปถึง แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

Author

รณกฤต ตุลยะปรีชา

วัยรุ่นคู้บอน

Graphic

วิสุทธา วงค์หน่อแก้ว

หนุ่มน้อยผู้คลั่งรัก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดหัวใจ