มีนักเตะเอเชียเพียงหยิบมือที่ย้ายมาเล่นในยุโรปและได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรีเมียร์ลีก ที่มีนักเตะซูเปอร์สตาร์ค่าตัวแพงจำนวนมากจนแทบจะเดินชนกัน
ซน ฮึง มิน เดินทางไปถึงจุดนั้นด้วยคาแร็คเตอร์แบบเฉพาะตัว นี่คือนักเตะจากเอเชียที่มีความเป็นผู้นำในแบบที่ทุกคนยอมทำตามโดยไม่ต้องตะโกนด่าหรือต่อว่าใคร
เพื่อให้ได้เป็นผู้นำแบบนั้น ซน ฮึง มิน เปลี่ยนตัวเองจากเด็กขี้อาย ขึ้นมาเป็นกัปตันของสเปอร์สและพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปได้อย่างไร ? ... นี่คือเรื่องราวความยอดเยี่ยมของเขา
เริ่มที่ตัวเอง
ซน ฮึง มิน ไม่ได้เป็นแค่ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเอเชียในระดับโลก แต่ยังเติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำที่ได้รับการเคารพมากที่สุดทั้งในทีมชาติเกาหลีใต้และในระดับสโมสรกับท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ โดยการเป็นผู้นำของเขาไม่ได้มาจากเสียงตะโกนหรือการสั่งการ แต่เป็นความเป็นผู้นำที่แฝงอยู่ใน “ตัวอย่าง” ที่เขาทำให้ทุกคนเห็นและสัมผัสได้
ประการแรก ความเป็นผู้นำในแบบของเขาเกิดขึ้นตามสไตล์วัฒนธรรมของชาวตะวันออก ที่เกาหลีใต้ทุกคนต่างรู้ว่าคาแร็คเตอร์ของผู้คนในประเทศนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่ไม่ใช่แค่การเป็นนักฟุตบอลอย่างเดียวเท่านั้น ชาวเกาหลีใต้เชื่อการจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในสายงาน พวกเขาต้องให้ความสำคัญกับวินัย ความเคารพ และความอ่อนน้อม
ซึ่ง ซน ฮึง มิน โตมาแบบนั้นจากการเลี้ยงดูของ ซน อึง จอง พ่อที่เคี่ยวเข็ญเขาอย่างดุดันจริงจังแบบชนิดที่ว่าบางครั้งมันก็โหดเกินเส้นกั้นของคำว่า "พ่อ-ลูก" แต่ถึงอย่างนั้น ซน ฮึง มิน ไม่เคยว่าร้ายถึงพ่อของเขาเลยสักครั้ง แม้เรื่องที่เขาเล่าจะดูโหดมากสำหรับเด็กที่โดนจับฝึกฟุตบอลตั้งแตจำความได้ ท่ามกลางโปรแกรมสุดโหด ซน กลับมีวินัยในการซ้อม ให้ความเคารพพ่อที่เป็นคนสอน และอ่อนน้อมอย่างไม่มีข้อแม้ในช่วงเริ่มต้น
การเสียสละตนทำให้เขาได้ย้ายมาเยอรมนีตั้งแต่อายุ 16 ปี เพื่อเข้าอะคาเดมีของฮัมบูร์ก แม้พ่อของเขาจะติดตามมาอยู่ด้วยในช่วงปีแรก แต่กำแพงวัฒนธรรม และความโดดเดี่ยวของผู้มาใหม่ก็ทำให้ ซน ฮึง มิน ปรับตัวยากอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าภูมิต้านทานเรื่องการมีน้ำอดน้ำทนในทุกสถานการณ์ และการอยู่ในระเบียบวินัย ทำให้ ซน ฮึง มิน เริ่มปรับตัวได้ เพราะเขาเชื่อว่าทุกการก้าวข้ามอุปสรรค สิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมีคือเรื่องของความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะทำได้ และทุ่มสุดตัวเพื่อไปให้ถึงจุดที่เราตั้งเป้าหมาย
"ตอนที่ได้สัญญา ผมเองก็สงสัยอยู่ว่าผมจะอยู่ที่เยอรมันได้ยังไงเมื่อตัวเองอายุแค่ 16 ปี ผมยอมรับว่ากลัวนิดหน่อย แต่มาถึงตรงนี้ก็ต้องลุยอย่างเดียวเท่านั้น" ซน เล่าถึงจุดตั้งต้นของเขา
ความมุ่งมั่นและการฝึกซ้อมอย่างหนักที่เขาพยายามทำเพื่อตัวเอง กลายเป็นออร่าที่เผยออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว นักเตะฮัมบูร์กในชุดนั้นต่างพูดถึง ซน ฮึง มิน เอาไว้แบบไม่ต่างกันว่า เรื่องความขยันซ้อม และปฎิบัติตัวอย่างเป็นมืออาชีพทุกกระเบียดนิ้วทำให้ทุกคนเริ่มสนใจในตัวเด็กหนุ่มจากเกาหลีใต้ และมันเริ่มกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนเริ่มให้ความเคารพเขาจากจุดนั้น
นอกจากความมีวินัย อุปนิสัยอ่อนน้อมแบบคนเอเชียก็เป็นเสน่ห์อีกแบบในความเป็นผู้นำแบบ ซน ฮึง มิน ซึ่งเรื่องนี้พ่อของเขาสอนมาตั้งเด็กแล้ว … "จงเข้าหาคนอื่นด้วยทัศนคติที่ดี" คำสอนนี้ได้เอามาใช้ที่เยอรมันอย่างเต็มที่ และเมื่อเวลาผ่านไป เขากลายเป็นที่รักของคนในสโมสรฮัมบูร์ก และที่หลายคนไม่รู้ก็คือ ช่วงชีวิตที่เยอรมนี เป็นช่วงชีวิตที่เขามีเพื่อนมากกว่าตอนที่อยู่เกาหลีใต้มา 16 ปีด้วยซ้ำ
"การมาเยอรมนี มีอะไรที่เหนือความคาดหมายของผมเยอะเลยนะ ตอนอยู่เกาหลีใต้ ผมไม่มีเพื่อนสักคน เพราะผมซ้อมตลอดเวลา แต่ตอนที่มาอยู่กับทีมเยาวชนของฮัมบูร์ก มันเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่องเลย ผมเข้าหาคนอื่น ๆ ได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ร่วมทีม แบบที่ไม่เคยทำมาเลยตลอดชีวิต" ซน ว่าไว้
เหนือสิ่งอื่นใด นอกจากเรื่องนิสัยและฝีเท้า ซน ฮึง มิน ไม่เคยมาตรฐานตกเรื่องการทำตัวอยู่ในกรอบของมืออาชีพ โดยเขาเป็นคนบอกว่า “ผมพยายามเป็นคนแรกที่มาถึงสนามซ้อม และเป็นคนสุดท้ายที่กลับบ้าน” ความมุ่งมั่นและการฝึกซ้อมอย่างหนักคือสิ่งที่ทำให้เขาได้รับความเคารพจากเพื่อนร่วมทีมตั้งแต่ยังอายุน้อย
คนเก่งที่สามารถเอาเป็นแบบอย่าง
ซน ฮึง มิน ย้ายจาก ฮัมบูร์ก ไปอยู่กับ เลเวอร์คูเซ่น เรื่องสังคมรอบตัวของเขาไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงนี้ แต่ระเบียบวินัยและความสม่ำเสมอคือจุดแตกต่าง ที่ทำให้จากเดิมที่อาจจะมีแค่เพื่อนนักเตะอายุไล่เลี่ยกันให้ความเคารพเขา และมองเขาเป็นเหมือนกับผู้นำของทีม กลายเป็นการที่เขาได้รับความเคารพจากนักเตะรุ่นพี่ที่ เลเวอร์คูเซ่น มากขึ้น
ไม่มีใครมองข้ามเขาเพราะเห็นเขาเป็นนักเตะเอเชีย หรือด้วยวัยวุฒิ แม้แต่ โรเจอร์ ชมิดท์ เฮดโค้ชเลเวอร์คูเซ่นในขณะนั้นยังเคยออกมาพูดว่าอยากจะให้นักเตะทุกคนทำแบบที่ ซน ฮึง มิน ทำ … โฟกัสกับเรื่องในสนาม พยายามทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นในทุกวัน และจากนั้นทุกคนจะเริ่มให้ความเคารพคุณจากความสม่ำเสมอนั้นเอง
“ซนไม่ใช่แค่นักเตะที่มีพรสวรรค์ เขาคือคนที่ทุ่มเทสุดขีดทั้งในและนอกสนาม และคุณจะเห็นว่าเขา ‘ไม่เคยเลือกเกม’ ไม่ว่าเจอทีมใหญ่อย่างบาเยิร์นหรือทีมเล็ก เขาก็วิ่งไม่มีหยุด .... ผมไม่แปลกใจเลยที่เขาจะกลายเป็นผู้นำในอนาคต เพราะเขานำคนอื่น ๆ ด้วยการเป็นแบบอย่าง" ชมิดท์ กล่าว
เลเวลการเป็นผู้นำของเขาเพิ่มขึ้นที่นั่น เพราะ ณ เวลานั้นเขาเป็นดาวเตะระดับวันเดอร์คิด ความเก่งกาจแทบไม่ต่างจากนักเตะยุโรปหรืออเมริกาใต้ ผลงานในสนามและการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมของเขา ทำให้คาแร็คเตอร์ความเป็นผู้นำของเขาเด่นขึ้นมาอีก นั่นคือสิ่งที่นักเตะ เลเวอร์คูเซ่น หลายคนยอมรับ
“ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นแค่ดาวรุ่งคนหนึ่งที่คงต้องใช้เวลาปรับตัว… แต่ไม่เลย ซนกลายเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเรา เขามีรอยยิ้มที่พลังงานบวกมาก แต่มันไม่ได้แปลว่าเขาไม่จริงจัง เขาเป็นคนที่พร้อมรับฟังและพัฒนาตัวเองเสมอ นี่คือคุณสมบัติของกัปตันที่ดี เราเคารพเขาไม่ใช่เพราะเขายิงประตูได้เยอะ แต่เพราะเขาทำงานหนักเท่ากับหรือมากกว่าใคร ๆ ในทีม”
“บางวันเรามาซ้อมก่อนเวลา 30 นาที แต่ซนอยู่ในห้องยิมแล้ว” สเตฟาน คีสลิ่ง กองหน้าของทีมห้างขายยากล่าว
ภาพความเป็นผู้นำของเขาชัดเจนมากขึ้นกว่าตอนที่เป็นดาวรุ่งอยู่ฮัมบูร์ก และในปี 2015 เมื่อทุกอย่างสุกงอม ซน ฮึง มิน ก็ย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีก ความท้าทายสูงสุด และฝันที่เขาอยากจะไปทดสอบตัวเองก็เริ่มขึ้นกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์
อีกขั้นของการเป็นผู้นำ
ความเป็นผู้นำตอนที่เล่นอยู่ในเยอรมันของ ซน ฮึง มิน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของระเบียบวินัย และผลงานในสนามเป็นหลัก ซึ่งด้วยวัยของเขานั่นคือสิ่งที่เป็นพื้นฐานของการเป็นผู้นำที่ดี แต่การเป็นผู้นำของแท้ในเวอร์ชั่นผู้ใหญ่เต็มตัวของเขาได้เริ่มขึ้น จากการย้ายมาเล่นให้กับ สเปอร์ส ในปี 2015
เรื่องผลงานเราแทบไม่ต้องพูดกันแล้วว่า ซน ฮึง มิน สร้างอะไรไว้ให้กับทัพไก่เดือยทองบ้าง เพราะเขาคือกัปตันทีมคนแรกในรอบ 17 ปี และเป็นคนที่ทุกคนมองหาเสมอเวลาที่ทีมต้องการประตู เรียกได้ว่าในช่วงเวลาที่เขาพีก ๆ คำว่า “ตัวท็อปของพรีเมียร์ลีก” ไม่ใช่คำที่เกินเลยสำหรับดาวเตะชาวเกาหลีใต้คนนี้
สิ่งที่ควรพูดถึงมากกว่าผลงานในสนาม คือการก้าวขึ้นมาเป็นซีเนียร์แมน หรือผู้นำในห้องแต่งตัวแบบเต็มขั้นของเขามากกว่า ปกติแล้วนักเตะที่ได้รับการยกย่องในลักษณะนี้ในฟุตบอลอังกฤษ มักจะเป็นนักเตะที่มี DNA ความโหด เด็ดขาด พร้อมชนแหลกไม่สนคู่แข่งว่าจะเป็นใคร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้เพื่อนร่วมทีม อาทิ จอห์น เทอร์รี่, รอย คีน, พาทริก วิเอร่า หรือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด
แต่ด้วยเนื้อแท้และการเติบโตของ ซน นั้น เติบโตมาคนละแบบกับพวกนักเตะจากโลกตะวันตก แต่เขาก็มีวิธีการที่จะกลายเป็นนักเตะที่เพื่อน ๆ ในทีมทุกคนยกให้เป็นผู้นำ และทำให้ทีมยังมีจิตวิญญาณแห่งผู้ชนะ
มีการพูดถึง ซน ฮึง มิน ว่า ช่วงแรกที่ซนย้ายมาเล่นในอังกฤษ เขาไม่ใช่คนที่โดดเด่นด้านบุคลิก แต่กลายเป็นที่รักของแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีมด้วยทัศนคติที่ถ่อมตัว ขยัน และเป็นมิตร จนกระทั่งจุดเปลี่ยนจริง ๆ ที่ยกระดับความเป็นผู้นำของเขาขึ้นมา ก็ตอนที่กัปตันทีมที่เติบโตจากระบบเยาวชนของสโมสรอย่าง แฮร์รี่ เคน ย้ายออกไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ... สถานการณ์ดังกล่าวบีบให้ ซน ต้องก้าวขึ้นมาเป็นซีเนียร์แมนเบอร์ 1 ของทีมอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซนถูกแต่งตั้งเป็น กัปตันทีม ของสเปอร์ส โดย แอนจ์ ปอสเตโคกลู กุนซือชาวออสเตรเลีย ที่บอกว่าเลือกเขาเหนือกว่าผู้นำเสียงดังอย่าง คริสเตียน โรเมโร่ หรือ อังเดร ปิแอร์ ฮอยเบียร์ก
“ซนเป็นผู้นำที่คนอยากเดินตาม ไม่ใช่เพราะเขาสั่ง แต่เพราะเขาลงมือทำ” ปอสเตโคกลู ว่าแบบนั้น
ไม่ใช่แค่ แอนจ์ เท่านั้น โค้ช สเปอร์ส หลายคนก็พูดไม่ต่างกัน เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ บอกว่า “ซนคือคนที่ทุกคนรัก แม้เขาจะเงียบ แต่ความพยายามของเขาในสนามทุกวันทำให้คนทั้งทีมเชื่อมั่นในเขา”
นักเตะหลายคนของ สเปอร์ส ชุดนี้พูดตรงกันว่า ซน ไม่ใช่ผู้นำที่ชอบพูดเยอะ เขานำทีมด้วยการกระทำ ความรับผิดชอบ และพลังบวก เรื่องเดิม ๆ ที่เขาเคยทำเช่นการมาซ้อมก่อน กลับทีหลัง และมีทัศนคติต่อทีมที่ดีไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรนัก แต่ที่ สเปอร์ส ซน ได้เปิดสกิลความเป็นผู้นำเพิ่มด้วยการรับทบาทมากมายในห้องแต่งตัว
ซน เปิดเผยว่าเขารับหน้าที่เป็นคนที่คอยดูแลนักเตะรุ่นน้องในทีม และนักเตะต่างชาติที่ย้ายมาใหม่หลาย ๆ คน เช่น เดยาน คูลูเซฟสกี้ และ ไบรอัน กิล โดยเฉพาะเรื่องของภาษาที่ไม่มีใครจะเข้าใจเรื่องนี้ดีไปกว่าเขา เนื่องจาก ซน เคยเรียนทั้งภาษาอังกฤษ และ เยอรมันอย่างบ้าคลั่ง ช่วงที่เขาพยายามหาตัวเองให้เจอในทีมฮัมบูร์กเมื่อหลายปีก่อน
นอกจากนี้ ซน ยังมอบความเป็นกันเอง กับทุกคน ไม่แบ่งกลุ่มชาติพันธุ์ในห้องแต่งตัวซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ที่ทุกคนพยายามปิดช่องว่างเรื่องการเหยียดชาติพันธุ์ ซึ่ง ซน เองก็มักจะโดนแฟนบอลทีมอื่นล้อเลียนเรื่องนี้เป็นประจำ ... แต่คนอย่างเขาไม่เคยสนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้นอยู่แล้ว เขาพยายามที่จะทำให้ทุกคนในทีมเข้าใจเรื่องความเสียสละ และเมื่อเขาเอ่ยปาก นั่นแสดงว่าเขาต้องการให้ทุกคนทำแบบนั้นจริง ๆ ซึ่งเป้าหมายก็เพื่อทำให้ทีมดีขึ้น ไม่ได้เป็นเหตุผลส่วนตัวเลย
“บางครั้งผมเศร้าหรือหงุดหงิด แต่แค่เห็นรอยยิ้มของซน ผมก็แบบ เอาวะ สู้อีกตั้ง เปิดแรงก๊อก 2 ออกมาเลย” เดยาน คูลูเซฟสกี้ กล่าว
คำพูดที่อธิบายความเป็นผู้นำแบบ ซน ฮึง มิน ได้ดีที่สุดคือสิ่งที่ อูโก้ โยริส อดีตประตูของ สเปอร์ส ที่เคยมีปากเสียงกับ ซน มาก่อน ซึ่งเจ้าตัวออกมาเผยภายหลังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอารมณ์ในเกม และท้ายที่สุดด้วยความที่ ซน เป็นคนที่ "เถียงเพื่อทีม" มันจึงทำให้ โยริส เลิกติดใจเรื่องนี้ และให้ความเคารพต่อซนเหมือนเดิม “เขาเป็นเหมือนกาวที่ยึดทีมเข้าด้วยกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชาติไหน ทุกคนก็รู้สึกสบายใจเวลามีซนอยู่ใกล้ ๆ” นั่นคือสิ่งที่เขาบอก
ไม่ใช่แค่ในระดับสโมสรเท่านั้น ในทีมชาติเกาหลีใต้ก็ไม่ต่างกัน ซน แบกรับแรงกดดันระดับชาติ ทั้งในฟุตบอลโลก, เอเชียนคัพ และเอเชียนเกมส์ เขาเล่นทั้งที่เจ็บ, ถูกวิจารณ์จากสื่อบ้านเกิด และต้องรักษาสมดุลของการเป็นสตาร์กับการเคารพวัฒนธรรมทีม หากยังจำกันได้ ในเอเชี่ยนเกมส์ ปี 2018 ที่เขาต้องเป็นกัปตันทีมอายุต่ำกว่า 23 ปี พาทีมคว้าแชมป์ให้ได้ เพื่อปลดล็อกเงื่อนไขการเข้ารับราชการทหาร ก็มีรุ่นน้องในทีมอย่างออกมาเปิดเผยเบื้องหลังความสำเร็จนั้นว่า “เขาคือคนที่พร้อมยิ้มให้ทุกคน แม้ตัวเองจะเหนื่อยที่สุดในสนาม”
ท้ายที่สุดแล้ว จากที่เคยถูกมองข้ามหรือถูกคาดหวังให้เป็นแค่ "ปีกความเร็วสูงจากเอเชีย" ซนเปลี่ยนทัศนคติของฟุตบอลยุโรปที่มีต่อนักเตะเอเชียอย่างสิ้นเชิง เขาได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมของสโมสรในพรีเมียร์ลีก มีอิทธิพลในห้องแต่งตัวที่มีแต่สตาร์ระดับโลก นอกจากนี้ยังเป็นแบบอย่างให้กับดาวรุ่งจากเอเชียหรือแม้แต่ชาติอื่น ๆ ที่อยากเดินรอยตาม
“ผู้นำที่ไม่จำเป็นต้องตะโกนเสียงดัง แต่ทุกคนอยากทำตามเขา” ... นี่คือความเป็นผู้นำในแบบฉบับของเขา เขานำด้วยรอยยิ้ม นำด้วยความทุ่มเท และนำด้วยหัวใจความเป็นผู้นำของเขา …ไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างในวันเดียว แต่มาจากวินัย ความถ่อมตัว และจิตใจที่ไม่เคยยอมแพ้
นั่นคือเหตุผลที่ว่าแม้คุณจะไม่ใช่แฟนบอลของ สเปอร์ส แต่คุณก็ยังให้ความเคารพต่อชายที่ชื่อ ซน ฮึง มิน ด้วยจิตคารวะ
แหล่งอ้างอิง
https://www.quora.com/How-effective-is-Son-Heung-Min-as-a-leader-at-Tottenham-Hotspur
https://www.fourfourtwo.com/features/son-heung-min-i-left-korea-germany-i-was-told-first-learn-swear-words
https://www.bbc.com/sport/football/48113093
https://www.skysports.com/football/news/15122/10641031/tottenhams-heung-min-son-off-to-great-start-after-hard-work
https://www.thesun.co.uk/sport/football/1996023/tottenham-bayer-leverkusen-heung-min-son-champions-league/